JJNY : 5in1 ศิริกัญญาเคลียร์ชัด│ภคมนชำแหละงบพีอาร์รัฐ│ปกรณ์วุฒิซัดงบดีอี│บ.ผลิตรถดัง เตรียมปลด│เกาหลีใต้ประท้วงรัสเซีย

ศิริกัญญา เคลียร์ชัด ยื่นศาลปกครอง ไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญ หากผ่านวาระ 3 แล้ว รบ.ไม่แก้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4641093
 
 
ศิริกัญญา เคลียร์ชัด ยื่นศาลปกครอง ไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญ หากผ่านวาระ 3 แล้ว รบ.ไม่แก้
 
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน จากกรณีแกนนำฝ่ายค้าน ออกมาแถลงมติไม่รับหลักการงบ 68 วาระแรก เหตุรัฐบาลเบียดบังงบดันดิจิทัลวอลเล็ตเกินไป
ช่วงตอนหนึ่ง ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าจะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการจัดสรรงบประมาณให้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่นั้น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ตอบว่า ตามกระบวนการทางกฎหมายถ้าต้องการยับยั้ง โครงการเรือธงอย่างน้อยก็ต้องรอให้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ผ่านวาระ 3 ไปก่อน เพราะอาจจะมีการแก้ไขได้ในชั้นกรรมาธิการ แต่หลังจากนั้นถ้ายังจะดื้อดึงที่จะทำต่อจนโครงการนี้เกิดขึ้นจริงก่อน จึงจะมีการไปร้องต่อศาล วันนี้ถือว่าการกระทำยังไม่เกิด
 
ทั้งนี้ นางสาวศิริกัญญาได้โพสต์แจงในเอ็กซ์ ว่า 

ไปกันใหญ่แล้วววว จากการแถลงข่าว มีนักข่าวถามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อหากรัฐบาลยังเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะทำยังไง จะยื่นศาลมั้ย?
ดิฉัน ผู้ซึ่งอภิปรายว่า ที่รัฐบาลทำอยู่มันผิดพ.ร.บ.วินัยฯ จึงตอบว่าความผิดยังไม่สำเร็จ ต้องรอผ่านวาระ 3 ก่อน ถึงจะยื่นให้ศาล ซึ่งมันก็ต้องเป็นศาลปกครอง! ไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญ และดิฉันเองก็ไม่ได้พูดคำว่าศาลรัฐธรรมนูญ!

https://x.com/SirikanyaTansa1/status/1804064811090874641
 


ภคมน ชำแหละงบพีอาร์รัฐ ซ้ำซ้อน-เอื้อพรรคการเมือง เหน็บเปิดเพจเยอะคนก็ไม่สนใจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4641222

‘ภคมน’ จวกรบ.ใช้งบซ้ำซ้อนนับไม่ถ้วนหลายโครงการ เหน็บ ยิ่งเปิดเพจมากคนก็ไม่สนใจอยู่ดี หนำซ้ำยิ่งเป็นการผลาญงบ อัด เป็นครั้งแรกในปวศ.รบ.ใช้ศูนย์ต่อต้านเฟคนิวส์แก้ต่างกันเอง ถาม NBT connext ลงข่าว ‘ทักษิณ’ เป็นภารกิจรัฐตรงไหน
 
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วันที่สามซึ่งเป็นวันสุดท้าย
 
เวลา 14.25 น. นางสาวภคมน หนุนหนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า มีงบฯ ที่ไม่ถูกพูดถึงมานาน คืองบฯ โฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ ซึ่งในปี 68 เป็นเงิน 2,945 ล้านบาท จะขอแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ โฆษณาประชาสัมพันธ์ทางตรง เป็นการนำไปใช้เพื่อประชาสัมพันธ์ ส่วนที่สอง ชื่อโครงการไม่ได้ระบุชัด แต่ซ่อนในคีย์เวิร์ดที่สำคัญ เช่น ปลูกฝัง รณรงค์ ปลูกจิตสำนึก ในบางโครงการก็มีชื่อไม่ชัดเจนว่าจะใช้ในการโฆษณา ซึ่งต้องดูในรายละเอียดจึงจะทราบ
 
นางสาวภคมน กล่าวว่า ในงบก้อนนี้ มีโครงการที่ซ้ำซ้อนเป็นเงินอย่างน้อย 662 ล้านบาท โครงการยอดฮิตที่หลายกระทรวงรุมทำ เช่น โครงการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด หน่วยงานที่ดำเนินการ กระทรวงมหาดไทย งบที่ใช้ดำเนินการ 38 ล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการ 23 ล้านบาท กระทรวงยุติธรรม 5 ล้านบาท และกระทรวงสาธารณสุข 100 ล้านบาท แม้ชื่อโครงการจะไม่เหมือนกัน แต่หากดูวัตถุประสงค์ไม่ห่างไกลกัน ซึ่งงบฯ ที่ตนยกตัวอย่างไม่ใช่งบบูรณาการ เป็นงบฯ ที่แยกกันทำ หากแต่ละกระทรวงมีการพูดคุยกันเราอาจไม่ต้องใช้งบฯ ไปกว่า 600 ล้านบาท แต่ท่านก็อาจจะอ้างได้ว่าเป็นคนละหน่วยงานกัน แต่ก็ยังปรากฏหน่วยงานเดียวกันดำเนินโครงการซ้ำซ้อนกันอยู่ อย่าง สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีกรมประชาสัมพันธ์สังกัดอยู่ โดยจะมี 5 โครงการที่ซ้ำซ้อนกัน
 
โครงการแรก โครงการประชาสัมพันธ์เสริมสร้างความรักสถาบันหลักของชาติ ใช้งบฯ 5 ล้านบาท และสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ ก็ดำเนินแผนงานประมาณนี้ โดยระบุว่า ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนสร้างการรับรู้เรื่องสถาบันหลักของชาติ เป็นงบฯ 530,000 บาท ต่อมา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แผนงานเผยแพร่เสริมสร้างความมั่นสร้างความมั่นคงสถาบันหลักของชาติวัสดุโฆษณาและเผยแพร่ 35,722,400 บาท
 
นางสาวภคมน กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ยังมีอีก 2 กระทรวงที่เห็นได้ชัดเจน กระทรวงแรก กระทรวงมหาดไทย โครงการปลูกฝังจิตสำนึกรักสามัคคีและส่งเสริมความปรองดองของคนในชาติ เป็นงบฯ 10,009,130 บาท ส่วนอีกโครงการไม่มีรายละเอียดระบุ โดยบอกเพียงว่า ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ เป็นงบฯ 2,456,800 บาท และกระทรวงกลาโหม ซึ่งแผนงานระบุว่า เพื่อการดำรงสภาพความพร้อมในการป้องกันประเทศ มี 2 รายการระบุว่า เป็นการโฆษณาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ใช้เงินไป 4.76 ล้านบาท และรายการที่ 3 เป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการจิตวิทยาและปฏิบัติงานมวลชน เป็นเงิน 12.54 ล้านบาท ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้ปรากฏคลิปของอินฟลูเอนเซอร์ท่านหนึ่ง นำเสนอหน้าที่ของทหารชายแดน จนเป็นที่วิจารณ์จากสังคม ว่านี่คือการประชาสัมพันธ์ของกองทัพหรือไม่ ต้องจับตากันดีๆ ว่า งบฯ ก้อนนี้ สุดท้ายเราจะเห็นผลผลิตออกมาในรูปแบบงานนั้นอีกหรือไม่
 
นางสาวภคมน กล่าวว่า ศูนย์ต่อต้านเฟคนิวส์มีผลงานใหม่ปรากฏเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ คือการแก้ข่าวที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทย นำปตท.เข้าแปรรูปขายหุ้นหมดภายใน 3 นาที แต่หลักการที่ศูนย์ต่อต้านเฟคนิวส์ประกาศไว้ ว่าต้องเป็นกลาง ไม่เป็นเครื่องมือทางการเมือง มุ่งประโยชน์แก่ประชาชน ขนาดรัฐบาลที่แล้วยังไม่เคยใช้ศูนย์ต่อต้านเฟคนิวส์ ในการแก้ข่าวให้พรรคของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเลยสักครั้ง
ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์ได้งบฯ ปีนี้ไป 2,496 ล้านบาท เป็นด้านบุคลากรจำนวน 970 ล้านบาท มีบุคคลากรกว่า 2 พันคน และเป็นงบฯ ลงทุนอีก 540 ล้านบาท เพื่อลงทุนด้านอุปกรณ์และระบบ กรมประชาสัมพันธ์น่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เพราะมีบุคลากรมากที่สุด งบฯ ที่ลงในแต่ละปีก็เป็นหลักพันล้านบาท แต่หากเทียบผลงานกับสื่อออนไลน์เล็กๆ กลับสู้ไม่ได้ นอกจากนี้งบที่สำคัญของกรมประชาสัมพันธ์ในการประชาสัมพันธ์ภาครัฐ แต่พูดตามตรง ต่อให้กรมประชาสัมพันธ์ได้งบประมาณก้อนนี้มากกว่าเดิม 10 เท่า หรือ 100 เท่า ก็ไม่สามารถสร้างภาพลักษณ์เชิงกรุกในเวทีต่างชาติ ให้เขามีความเชื่อมั่นมากขึ้นได้
 
นางสาวภคมน กล่าวว่า การบุกเปิดยอดบัญชี ยอดเพจ จำนวนเยอะๆ ทำไปเพื่ออะไร ยุทธศาสตร์การเปิดเป็นร้อยๆ เพจนี้ จะทำให้เข้าถึงประชาชนได้มากขึ้นจริงหรือไม่ หรือเราควรมียุทธศาสตร์อื่นที่ดีกว่านี้ การเปิดเพจจำนวนมากๆ นั้น ไม่ได้ทำให้คนสนใจมากขึ้น มีแต่จะใช้งบฯ มากขึ้นอย่างไม่สมเหตุสมผล
 
ดิฉันไม่ได้นั่งเทียนวิจารณ์ด้วย ถ้าไม่เชื่อก็ลองเปิดดูเรตติ้งทีวีดิจิทัล ที่เขาวัดจากทั้งคนที่ดูผ่านทีวีและอินเตอร์เน็ต ช่อง NBT ของกรมประชาสัมพันธ์อยู่ในอันดับ 19 รองบ๊วยจากทั้งหมด 20 ช่อง ก็คงจะเป็นหนึ่งตัวชี้วัดที่ทำให้เห็นว่ายังทำงานไม่เข้าเป้า” นางสาวภคมน กล่าว
 
นางสาวภคมน กล่าวว่า เพจ NBT connext มีการลงข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนตั้งคำถามว่าเกี่ยวข้องกับภารกิจรัฐตรงไหน พอมีคนเริ่มวิจารณ์ NBT connext ลงข่าวให้พรรคก้าวไกล ตนก็จะถามคำถามเดิม มันเป็นภารกิจของรัฐตรงไหน ทั้งนี้ มีโครงการหนึ่ง จ้างเหมาบริการผลิตข้อมูลข่าวสาร 39 ล้านบาท โดยใช้บุคลากร พิธีกรผู้ดำเนินรายการจำนวนหนึ่งจากบริษัทที่ปิดตัวลง ย้ายมาทำให้ NBT จนประชาชนตั้งข้อสังเกตถึงความเหมาะสม แต่ตอนนี้ที่กรมประชาสัมพันธ์ประสบปัญหา คือพยามจะใช้บทบาทตัวเอง เพื่อเป็นปากเป็นเสียงทางการเมืองให้รัฐบาล มากกว่าการมุ่งเน้นงานสื่อสารเพื่อประชาชน และช่องทางแต่ละช่องทางที่ท่านหมายมั่นปั้นมือ ล้วนไม่มีคนดู เรตติ้งต่ำเตี้ยเรี่ยดิน สู้สื่ออื่นไม่ได้เลย
 
นางสาวภคมน กล่าวว่า ตนคาดหวังว่ารัฐบาล และรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ จะแก้ไข ปรับปรุง ให้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐโปร่งใส เลิกซุก เลิกซ่อน เลิกซ้อนเสียที และด้วยความปรารถนาดี การสื่อสารคือปลายทาง แต่ต้นทางที่จะทำให้การสื่อสารของรัฐบาลได้ผล คือ ฝีมือการบริหาราชการแผ่นดิน ความสง่างามทางการเมือง



ปกรณ์วุฒิ ซัดงบดีอี ไร้แผน คนสั่งไม่รู้เรื่อง แนะยกระดับทางรัฐ ก่อนกลายเป็นแอพพ์ร้างหลังจบเงินดิจิทัล
https://www.matichon.co.th/politics/news_4641615

ปกรณ์วุฒิ ซัดงบดีอี ไร้แผนชัดเจน ขาดความเข้าใจ เหน็บ ไม่เหมือนเล่นเกม ทุ่มเงินซื้อของแล้วจะชนะ แซะดิจิทัลวอลเล็ต เป็นพายุหมุนทิ้งไว้แค่ซาก จี้ “เศรษฐา” สั่งจัดการระบบเตือนภัย
 
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วันที่สามซึ่งเป็นวันสุดท้าย
 
เวลา 16.25 น. นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงงบประมาณของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ว่า แม้ว่างบประมาณของดีอีจะเพิ่มขึ้นจนแตะเกือบหมื่นล้านบาท แต่ไม่ใช่การการันตีความสำเร็จด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศไทย เพราะการจัดสรรงบประมาณ ไม่ใช่การเล่นเกมแบบ Pay to win ทุ่มเงินซื้อของไปแล้วจะชนะ แต่เหมือนเกมกอล์ฟ ที่ต่อให้ซื้ออุปกรณ์รุ่นใหม่ทุกรอบ ก็ไม่มีทางพัฒนาฝีมือได้ หากไม่เข้าใจและรู้จักวางแผน เลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม ซึ่งคือปัญหาหลักในการจัดงบด้านดิจิทัลของรัฐบาลนี้ เพราะไม่มียุทธศาสตร์ชัดเจน คนสั่งไม่รู้เรื่อง คนทำไปต่อไม่เป็น สุดท้ายเอาแต่โยนงบประมาณลงไป และหวังว่าจะประสบความสำเร็จ ซึ่งอาจสร้างปัญหาเดิมให้เกิดซํ้าๆ ในอนาคต
 
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ประชาชนควรได้รับความปลอดภัยจากอาชญากรรมออนไลน์ โดยกระทรวงมีโครงการศูนย์เอโอซี ในการรับเรื่องโทรแจ้งระงับบัญชีมิตรฉาชีพ มีงบประมาณ 84.39 ล้านบาท แต่ตัวชี้วัดระบุว่าให้มี 1 ศูนย์ ไม่มีการประเมินว่าประชาชนได้รับบริการทันท่วงทีหรือไม่ ดังนั้น ควรตั้งตัวชี้วัดที่ใช้ประชาชนเป็นที่ตั้ง หากทำให้การรอสายน้อยลง การระงับบัญชีก็จะทำได้เร็วขึ้น ถ้าทำแบบนี้แล้วมาของบเพิ่ม ตนก็ยินดี แต่ถ้าไม่รู้จะเอามาจากไหน ก็เสนอให้ยุบศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมทิ้ง จะได้งบเพิ่มมา 70 ล้านบาท
 
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ระบบเตือนภัยฉุกเฉิน ซึ่งเป็นโยบายที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ประกาศไว้ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว แต่คณะกรรมการบริหารระบบเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เคยมีมติตั้งแต่ปี 65 ว่าให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นเจ้าภาพ ซึ่ง ปภ.ได้งบไปตั้งแต่ปี 67 แต่ในงบ 68 กระทรวงดีอีก็ยังตั้งงบในโครงการเดียวกัน ทั้งนี้ การมีระบบเตือนภัย 2 ที่ ไม่ได้ทำให้การแจ้งเตือนเร็วขึ้น หรือทำได้กว้างขึ้น แต่อาจก่อให้เกิดปัญหาด้วยซํ้า เพราะจะสร้างความสับสนต่อหน่วยงานต่างๆ ภาคเอกชน และประชาชน ตนจึงไม่เข้าใจว่างบส่วนนี้คืออะไร คิดว่าเป็นคนประกาศแล้ว งบก็ต้องอยู่กับกระทรวงตัวเอง โดยไม่สนใจว่าจะซํ้าซ้อนใช่หรือไม่ เสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้
 
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า ขอเสนอให้นายกรัฐมนตรี เร่งสั่งการคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยแห่งชาติ ประสานงานกับค่ายมือถือ กำหนดระดับแจ้งเตือนภัย และต้องกำหนดว่า หน่วยงานใดจะรับผิดชอบภัยด้านใดบ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่