Kingdom 800 สามเสาหลัก

รอบนี้ขออนุญาตตัดหน้าเจ้าประจำหน่อยนะครับ ทำเพราะอยากทำนานๆที ปรกติจะขี้เกียจทำเพราะจะรีบไปเล่นเกม 55555

ตอนที่ 800 สามเสาหลัก

ความเดิมตอนที่แล้ว ในช่วงท้ายตอนซือหม่าซังคุยกับหลี่มู่เรื่องอนาคตหลังจากนี้

ซือหม่าซัง: แม้หวังเจี๋ยนจะสามารถหนีไปได้ แต่ความเสียหายต่อทัพฉินก็มหาศาลยิ่งนัก แผนการของฉินที่คิดจะรวมจงหยวนคงจะเป็นการยากแล้ว รัฐฉินคงไร้หนทางจะรุกรานจ้าวอีกแน่แท้ หรือท่านหลี่มู่คิดเช่นไร

หลี่มู่ตอบเพียงว่า นั่นคงขึ้นอยู่กับฉินอ๋องแล้วว่าจะละทิ้งความทะเยอะทะยานหรือไม่

ตัดกลับมาที่เสียนหยาง ณ ท้องพระโรง
เหล่ากุนซือต่างหารือกันว่าจะเสริมทัพและส่งเสบียงกันยังไงดี ในสภาวะที่ทุกคนต่างสับสนและกังวล แม้แต่เจิ้งเองก็ฉายแววตาสีหน้าที่ไม่ดีออกมา ยิ่งขาดผู้บัญชาการทหารอย่างชางผิงจวินซึ่งตอนนี้ไม่อยู่ในท้องพระโรงก็ทำให้การตัดสินใจอะไรติดขัดไปหมด
ท่ามกลางความโกลาหลนั้น ขุนนางอาวุโสผู้เป็นตัวเต็งการชิงตำแหน่งอัครเสนาบดีคนถัดไป เฝิงเฉียวได้เอ่ยวาจาที่ทำให้ทุกคนต้องหยุดฟัง

"พอเสียดีกว่าไหม?"

เพียงคำพูดประโยคเดียว ทำให้ทุกคนต้องหันมามอง แต่นั่นไม่หยุดสิ่งที่เฝิงเฉียวพยายามจะชี้แจงต่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เฝิงเฉียวอธิบายว่า ถึงเวลายอมรับความจริงและทำในสิ่งที่ควรทำเสียที ตอนนี้เราเสียรี้พลและเงินทองไปมากโดยที่ยังไม่สามารถมองหาหนทางไปต่อได้ อีกทั้งขวัญกำลังใจของทหารที่แพ้ศึกสำคัญต่อเนื่อง การตายของหกขุนศึกหวนฉี และการพ่ายศึกของหวังเจี๋ยน การจะทำศึกต่อไปพึงจะเสี่ยงต่อความฉิบxายของรัฐ ดังนั้นนี่จึงเป็นเวลาสมควรที่เราจะต้องยุติการรุกแล้วหันมาฟื้นฟูจากความเสียหายเสียมากกว่า

ชางเหวินจวินฟังแล้วจึงพยายามที่จะสวนทันที แต่ยังไม่ทันได้ต่อปากต่อคำ หลี่ซือรีบส่งเสริมเฝิงเฉียวทันทีว่า
เขาพูดถูกแล้ว อย่าลืมว่าพันธมิตรฉินเว่ยอันผ่านมาสามปีกำลังใกล้จะถึงครายุติ ห้วงเวลานี้เองเว่ยกำลังเติบใหญ่ หลังร่วมกับเราชิงเมืองสือหู่ของฉู่มาได้ มาตรว่าเว่ยจะใช้เมืองนั้นเป็นฐานที่มั่นสำหรับรุกเราในอนาคต ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่าทัพฉู่เองก็เตรียมความพร้อมเคลื่อนพลขึ้นเหนืออีก ซึ่งการเคลื่อนไหวเช่นนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เนื่องจากฉินกำลังเพลี่ยงพล้ำจากจ้าว ย่อมเป็นโอกาสเหมาะที่จะเข้าซ้ำทันที

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

หลี่ซือจี้จุดตรงประเด็นทำให้บรรยากาศเริ่มตรึงเครียดขึ้น หลายๆคนสีหน้าออกอาการวิตกยิ่งกว่าเดิมแต่ไม่อาจพูดอะไรได้เพราะความจริงที่พูดออกมาเสียดแทงในใจซ้ำเข้าไปอีก

เฝิงเฉียวได้โอกาสจึงเสริมต่อว่า เพราะงั้นแล้วเราควรละทิ้งการใหญ่อย่างความพยายามที่จะรวมจงหยวน แล้วหันมาเปลี่ยนแผนใหม่โดยเริ่มเน้นที่การป้องกันมากขึ้น ชานเหวินจวินตะโกนตอบโต้ทันทีเมื่อได้ยินแนวคิดละทิ้งแผนการรวมจงหยวนของต้าอ๋อง

"โอหังนัก ทำไมเจ้ากล้าพูดเรื่องสำคัญออกมาชุ่ยๆเยี่ยงนี้"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ฝั่งหลี่ซือเองก็โต้กลับ "นี่ไม่ใช่เรื่องชุ่ยๆ แต่มันเป็นความเป็นความตายของรัฐ เราไม่ได้แพ้แค่ศึกสองศึก แต่มันคือศึกใหญ่ที่เราเสียรี้พลนับแสน และหนึ่งในหกขุนศึกอันเป็นสัญลักษณ์ของความเกรียงไกรทัพฉิน ทั้งเรายังแพ้อย่างต่อเนื่องติดกันในการศึกกับหลี่มู่ เจ้าสมควรที่จะมองให้ออกได้แล้วว่าเราสมควรทำการใดตอนนี้"

หลี่ซือตวาดหนักทำเอาชางเหวินจวินและขุนนางอื่นๆเถียงไม่ออก แม้แต่เจิ้งก็แสดงความเครียดออกมาทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด ขุนนางบางคนก็เริ่มเห็นด้วยกับที่หลี่ซือพูด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงกล่าวเรื่องสำคัญขึ้นมา
 
จะว่าไปแล้ว ชางผิงจวินไปไหน? ขุนนางคนหนึ่งเอ่ยถาม

นั่นสิข้าไม่เห็นมาที่นี่ตั้งหลายวันแล้ว..

วันก่อนข้าลองไปหาที่จวนแล้ว แต่โดนข้ารับใช้ปฏิเสธไม่ให้พบตั้งแต่หน้าประตู

อะไรกัน แม้กระทั่งชางผิงจวินยัง....

ไม่มีใครรู้อะไรบ้างเลยเหรอว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา!?

ระหว่างที่เหล่าขุนนางเริ่มโวยวาย เจิ้งก็นึกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหกวันก่อน

หกวันก่อน... ในท้องพระโรงที่มีเจิ้ง ชางผิงจวินและชางเหวินจวินหารือกันหลังการพ่ายแพ้ของหวังเจี๋ยน

"แผนการรวมจงหยวนพังทลายจนสิ้น!?"
ชางเหวินจวินตกใจ กับสิ่งที่ชางผิงจวินรายงานกับเจิ้ง

ชางผิงจวิน: เรียนต้าอ๋อง นี่เป็นความรับผิดชอบของข้าทั้งหมด ทั้งความพ่ายแพ้ของหวนฉีและความพ่ายแพ้ของหวังเจี๋ยน ทั้งสองครั้งนี้ข้ายินดีรับโทษประหาร

เจิ้งได้ยินจึงรีบโต้กลับทันควัน
เจิ้ง: ข้าไม่อนุญาต! หากเจ้าติดว่านี่คือความรับผิดชอบ เช่นนั้นแล้วจงไถ่โทษด้วยการประดิษฐ์กลยุทธ์ใหม่เสีย

ชางผิงจวิน: กลยุทธ์ที่จะนำมาซึ่งการรวมจงหยวนเป็นหนึ่ง บัดนี้ได้พังทลายจนหมดสิ้น ไม่มีซึ่งหนทางแล้วอีกต่อไป

เจิ้ง: ข้ารู้ว่ามันไม่มีแต่แรกอยู่แล้ว!

เจิ้งตอบกลับทำเอาชางผิงจวินอึ้งเล็กน้อย

เจิ้ง: การรังสรรค์อันซึ่งเส้นทางที่แม้นจะรู้ว่าไม่มีขึ้นมานั้น หากทำได้นับเป็นความสำเร็จอันประเสริฐ
ตลอด 500 ปี การคงอยู่ของยุครณรัฐไม่เคยมีใครทำได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เราต่างรู้ดีว่าย่อมไม่มีหนทางอันเป็นที่ประจักษ์

ชางผิงจวิน: หมายความว่าต้าอ๋องทรงตระหนักดีแต่แรกแล้วว่าไม่มีหนทาง แต่กระนั้นก็ยังมิยอมแพ้..?

เจิ้ง: ในพจนานุกรมของข้าไม่มีคำว่ายอมแพ้
เราจะฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ชางผิงจวิน ชางเหวินจวิน ข้าขอมอบหมายให้ท่านทั้งสองร่วมมือกันขบคิด หาทางฝ่าทางตัน ณ ตอนนี้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ชางผิงจวินหลับตาและนิ่งไปชั่วครู่ บรรยากาศเงียบจนชางเหวินจินต้องสะกิดถามชางผิงจวิน

เมื่อชางผิงจวินลืมตาขึ้น เขาจึงตอบกลับว่า

ชางผิงจวิน: รับด้วยเกล้า ข้าขอเวลาสามวัน ด้วยชีวิตข้านี้ข้าจักบรรจงคิดหาหนทางอีกครั้ง
ชางผิงจวินลุกขึ้นทำความเคารพและเดินออกจากท้องพระโรง
ก่อนจะออกไป เจิ้งเรียกชื่อชางผิงจวินอีกครั้ง

เจิ้ง: ชางผิงจวิน ข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแท้จริงว่าท่านคือนักกลยุทธ์อัจฉริยะ เทียบเคียงกระทั่งหลี่หมู่หรือไปได้เหนือกว่านั้น
ข้าคาดหวังในตัวท่าน

ชางผิงจวินไม่ได้หันกลับและตอบอะไร เพียงแค่โค้งศีรษะเล็กน้อย แล้วเดินจากไป

ตัดกลับมาปัจจุบัน ทุกคนกำลังแตกตื่นที่ชางผิงจวินหายไปกว่า 6 วัน บางคนก็รู้สึกกังวล เพราะแพ้ศึกต่อเนื่องจึงเกรงว่าชางผิงจวินจะรู้สึกรับผิดชอบต่อผลลัพธ์แล้วจะทำอะไรที่ไม่คาดคิด บ้างก็รีบสั่งให้คนไปตรวจสอบที่จวนของชางผิงจวิน

ท่ามความโกลาหลนั้นเอง ชางผิงจวินเปิดประตูเข้ามาในห้อง สภาพโรยราอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาทุกคนตกใจ
ชางผิงจวินทูลต้าอ๋องขอให้คนอื่นๆออกไปก่อน เหลือเพียงแค่เขาและชางเหวินจวินเท่านั้น เพื่อที่จะหารือแผนที่เขาได้คิดกลั่นกรองออกมา

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เมื่ออยู่ตามลำพังแล้ว เจิ้งเอ่ยคำขอบคุณชางผิงจวินที่ตรากตรำเค้นสมองเพื่อประดิษฐ์กลยุทธ์ขึ้นมา ชางผิงจวินฟังแล้วก็เริ่มเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น

ชางผิงจวิน: ในตอนแรก ข้าตัดสินใจไว้ว่า หลังจากขบคิดกลยุทธ์มากมายนับร้อยขึ้นมาแล้วจำลองหนทางที่เกิดขึ้น หากยังไม่สามารถเอาชนะได้ ข้าจะใช้ดาบที่เตรียมไว้ปลิดชีพตัวเองเสีย

เจิ้งและชางเหวินจวินตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้

ชางผิงจวิน: และในท้ายที่สุดนั้นเอง แผนการที่ข้าคิดมาทั้งหมด ล้วนจบด้วยความพ่ายแพ้ทั้งสิ้น

เช่นนั้นแล้วข้าจึงยื่นมือไปยังดาบข้างกาย ทว่าข้ากลับหยุดมือไว้ ไม่ใช่เพราะข้าหวั่นเกรงต่อความตาย แต่ตอนนั้นข้ารำลึกถึงดำรัสของต้าอ๋อง ว่าข้าอยู่เหนือกว่าหลี่มู่ ข้าจึงละมือจากดาบ หลังจากนั้นข้าเริ่มมีความรู้สึกเชื่อว่าตัวข้ามีความสามารถเหนือยิ่งกว่าหลี่มู่

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เจิ้งที่ทำสีหน้าตื่นตะลึงกับคำพูดของชางผิงจวิน และแปรเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้ม

เจิ้ง: ใช่แล้ว ข้าเองก็เชื่อว่าท่านอยู่เหนือกว่า

ชางผิงจวิน: ข้าตัดสินใจจะหยุดปลิดชีวิตตนเอง แล้วเริ่มอุทิศตนขบคิดกลยุทธ์อีกครั้ง ข้าจำไม่ได้ว่ากี่ร้อยกี่พันกลยุทธ์ผ่านไป แต่หลังจากกล้ำกลืนฝืนบังคับชาวฉินให้ต้องงหลั่งเลือดเพื่อเสาะหากลยุทธ์ใหม่ๆอย่างนับไม่ถ้วน...

เจิ้ง: ว่าต่อไป

ชางผิงจวิน: ถ้าเราสามารถสร้าง "สามเสาหลัก" ได้สำเร็จ เราจะหวนคืนสู่เส้นทางแห่งการรวมจงหยวนได้อีกครั้ง

เจิ้ง: สะ.. สามเสาหลัก!?

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ชางผิงจวิน: ขอรับ สามเสาหลักแห่งการปฏิรูปทางทหาร

เจิ้ง: แล้วอย่างแรกคือ..?

ชางผิงจวิน: อย่างแรกคือ นำพลเมืองฉินทุกคนลงทะเบียนสำมะโนครัวประชากร 100%

จบตอน

ความคิดเห็น เหมือนตรงนี้อาจารย์พยายามวางพล็อตระยะยาว โดยให้ชางผิงจวินเจอสภาวะที่ตกต่ำสุดในชีวิต แล้วฟื้นมาได้ด้วยแนวคิดกลยุทธ์ใหม่สร้างกระแสการบุกที่ดุดันมากขึ้น คาดว่าต่อไปน่าจะมันขึ้นน่าดูครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่