วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัว ว่าเส้นทางสู่การมีรายได้เกิน 1,000,000 บาทต่อปี (โดนภาษี 20%) ผมเริ่มอะไรยังไงบ้าง เผื่อเป็นประโยชน์แก่คนที่แวะมา ไม่มากก็น้อยนะครับ
Profile ปัจจุบันนะครับ
ปัจจุบันอายุ 30+
ดำแหน่งงาน Sales Solution and Consultant Manager
สายงาน Technology Transformation
ฐานเงินเดือนมากกว่า 1,000,000 บาทต่อปี (ไม่รวม commission)
มาเริ่มกันเลยนะครับ
ผมจบมหาวิทยาลัย
ป.ตรี จบด้วยเกรดนิยม 2.xx
ป.โท จบด้วยเกรดสังคมนิยม 3.xx
ซึ่งโชคดี (หรือเปล่า) อย่างแรกคือผมเรียนหลักสูตร inter (ใข้ภาษาอังกฤษล้วนๆในการเรียน)
ทำให้ตอนจบออกมา ความสามารถทางด้านภาษาพอไปวัดวาได้ครับ ได้เปรียบหลักๆเลยคือสามารถเข้าทำงานที่แรกในบริษัทต่างชาติได้
ตอนเรียนผมเป็นประเภท อัจฉริยะข้ามคืนครับ คือมาอ่านเอาวันสุดท้ายก่อนสอบเสมอ ทำให้เกรดลุ่มๆดอนๆหน่อย
แต่ว่าผมเป็นประเภทหน้าใหญ่ ชอบเสนอตัวติวให้เพื่อน และเมื่อเสนอตัวแล้ว ถ้าไม่อ่านไปสักหน่อยก็เสียหน้าสิ ไม่ได้!!
มันเลยเป็นแรงผลักดันให้ผมต้องทำการบ้านไปก่อนเสมอ
ตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว ผมตั้งเป้าว่าจะไม่รับราชการ เหตุผลอย่างเดียวเลยคือเงินน้อย (กิเลสส่วนตัวผมเยอะ) เลยเป็นหนึ่งในแรงขับให้ผมเลือกสายที่แปลกใหม่ในตอนนั้น (เรียนสายเคมี เอกสาขาที่เป็น Household Product Development) คือสายที่จบมาทำสูตรน้ำยาล้างจาน น้ำยาทำความสะอาดบ้าน ซึ่งตอนนั้นถือว่าสาขานี้ใหม่มากในตลาด (เพิ่งเปิดปีแรกๆเลย)
หลังจบตรี ผมก็ต่อโทเลยในสาขาที่เปิดใหม่อีกเช่นกัน คือสาขา Startup Management สาขาที่เรียนเกี่ยวกับการทำ Startup ทั้งหมด เรียนหลายอย่างเหมือนกัน ทั้ง Finance, Management, Product, Marketing, Etc เรียนมาเป็นเป็ดกันเลยทีเดียว ในขณะเดียวกัน ก็ทำงานไปด้วย
ทำงานจันทร์ - ศุกร์ ไปเรียนเสาร์ - อาทิตย์ ทำอยู่ปีครึ่ง ถึงจบมาได้
หลังจากนั้นก็เริ่มงานในสาย ป.ตรี ที่จบมา เริ่มตั้งแต่เป็น R&D ในโรงงาน, QC ในห้องแล็บ, Marketing ในบริษัท Trading จนมาถึงสาย Sales ในบริษัทขายเคมี
ซึ่งเอาจริงๆ ผมรู้ตัวตั้งแต่ ป.ตรี แล้วแหละว่าผมไม่ชอบคิดสูตร ค้นคว้างานวิจัยเท่าไหร่ ผมชอบออกไปเจอคนมากกว่า ชอบมองดูความเป็นไปของตลาด ชอบวางแผนงาน และแน่นอนว่า ด้วยความขี้เกียจขั้นสุด ผมเลยหาวิธีในการทำงานแบบง่ายที่สุดเท่าที่ได้ เช่น อยากออกบูทประชาสัมพันธ์สินค้า แต่ไม่อยากไปเฝ้าเองทั้งวัน ก็เลยสร้าง Gallery 3D ขึ้นมา ให้คนมากดดูออนไลน์ได้ เดินได้เหมือนงานจริงๆ
ไม่อยากทำรายงานทุกอาทิตย์ ก็เลยเอาระบบ CRM, ERP มาใช้ แล้วต่อกับระบบ Looker Studio ให้มันจัดการให้เอง ต่อ Line API ให้มันยิงรายงานทุกวันผ่านมือถือ และอีกหลายๆอย่างที่มันค่อยสร้างแนวทางของผมขึ้นมา
จนถึงจุดนึงผมเริ่มแนะนำได้ว่า ถ้าอยากได้ประมานนี้ต้องใช้ Tools ไหน ควรใช้ยังไง และต้องใช้ตอนไหนบ้าง จุดนี้แหละเลยเป็นที่มาของการย้ายสายแบบข้ามฝากมาสู่งานสาย Technolgy (ตรงนี้เงินจะอัพเยอะ) และบวกกับว่าผมเคยคุมคนในโรงงาน ในแล็บ และคุมทีมขายมาบ้าง ทำให้ผมได้ขยับอยู่ตำแหน่งที่ดูแลทีมสายนี้ด้วย เลยเป็นที่มาของตัวผมในปัจจุบันนี่แหละครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ ถ้ามีตรงไหนที่ผมพอแชร์ได้เพิ่ม แจ้งมาเลยนะครับ ยินดีมากๆเลยครับ
===
เพิ่มเติมเรื่องการย้ายงานและเงินเดือนในแต่ละขั้นนะครับ
งานแรก = 16,000 -> 19,000 (ปรับตำแหน่ง 1 ครั้ง)
งานสอง = 23,000 -> 25,000 (ปรับผ่านโปร 1 ครั้ง)
งานสาม = 32,000 -> 38,000 (ปรับตำแหน่ง 1 ครั้ง)
งานสี่ = 45,000 -> 55,000 (ปรับตำแหน่ง 2 ครั้ง)
งานห้า = 65,000 -> 75,000 (ปรับตำแหน่ง 1 ครั้ง)
งานล่าสุด = xx,xxx ตัวที่ทำให้ฐานเงินเดือนเกิน 1,000,000 ต่อปี (ปรับผ่านโปรไปแล้ว 1 ครั้ง)
(โดยเฉลี่ย ทำงานที่ละ 1-2 ปีครับ)
แชร์ประสบการณ์ส่วนตัว How to เส้นทางสู่การโดนหักภาษี 20% (รายได้ต่อปีเกิน 1,000,000)
Profile ปัจจุบันนะครับ
ปัจจุบันอายุ 30+
ดำแหน่งงาน Sales Solution and Consultant Manager
สายงาน Technology Transformation
ฐานเงินเดือนมากกว่า 1,000,000 บาทต่อปี (ไม่รวม commission)
มาเริ่มกันเลยนะครับ
ผมจบมหาวิทยาลัย
ป.ตรี จบด้วยเกรดนิยม 2.xx
ป.โท จบด้วยเกรดสังคมนิยม 3.xx
ซึ่งโชคดี (หรือเปล่า) อย่างแรกคือผมเรียนหลักสูตร inter (ใข้ภาษาอังกฤษล้วนๆในการเรียน)
ทำให้ตอนจบออกมา ความสามารถทางด้านภาษาพอไปวัดวาได้ครับ ได้เปรียบหลักๆเลยคือสามารถเข้าทำงานที่แรกในบริษัทต่างชาติได้
ตอนเรียนผมเป็นประเภท อัจฉริยะข้ามคืนครับ คือมาอ่านเอาวันสุดท้ายก่อนสอบเสมอ ทำให้เกรดลุ่มๆดอนๆหน่อย
แต่ว่าผมเป็นประเภทหน้าใหญ่ ชอบเสนอตัวติวให้เพื่อน และเมื่อเสนอตัวแล้ว ถ้าไม่อ่านไปสักหน่อยก็เสียหน้าสิ ไม่ได้!!
มันเลยเป็นแรงผลักดันให้ผมต้องทำการบ้านไปก่อนเสมอ
ตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว ผมตั้งเป้าว่าจะไม่รับราชการ เหตุผลอย่างเดียวเลยคือเงินน้อย (กิเลสส่วนตัวผมเยอะ) เลยเป็นหนึ่งในแรงขับให้ผมเลือกสายที่แปลกใหม่ในตอนนั้น (เรียนสายเคมี เอกสาขาที่เป็น Household Product Development) คือสายที่จบมาทำสูตรน้ำยาล้างจาน น้ำยาทำความสะอาดบ้าน ซึ่งตอนนั้นถือว่าสาขานี้ใหม่มากในตลาด (เพิ่งเปิดปีแรกๆเลย)
หลังจบตรี ผมก็ต่อโทเลยในสาขาที่เปิดใหม่อีกเช่นกัน คือสาขา Startup Management สาขาที่เรียนเกี่ยวกับการทำ Startup ทั้งหมด เรียนหลายอย่างเหมือนกัน ทั้ง Finance, Management, Product, Marketing, Etc เรียนมาเป็นเป็ดกันเลยทีเดียว ในขณะเดียวกัน ก็ทำงานไปด้วย
ทำงานจันทร์ - ศุกร์ ไปเรียนเสาร์ - อาทิตย์ ทำอยู่ปีครึ่ง ถึงจบมาได้
หลังจากนั้นก็เริ่มงานในสาย ป.ตรี ที่จบมา เริ่มตั้งแต่เป็น R&D ในโรงงาน, QC ในห้องแล็บ, Marketing ในบริษัท Trading จนมาถึงสาย Sales ในบริษัทขายเคมี
ซึ่งเอาจริงๆ ผมรู้ตัวตั้งแต่ ป.ตรี แล้วแหละว่าผมไม่ชอบคิดสูตร ค้นคว้างานวิจัยเท่าไหร่ ผมชอบออกไปเจอคนมากกว่า ชอบมองดูความเป็นไปของตลาด ชอบวางแผนงาน และแน่นอนว่า ด้วยความขี้เกียจขั้นสุด ผมเลยหาวิธีในการทำงานแบบง่ายที่สุดเท่าที่ได้ เช่น อยากออกบูทประชาสัมพันธ์สินค้า แต่ไม่อยากไปเฝ้าเองทั้งวัน ก็เลยสร้าง Gallery 3D ขึ้นมา ให้คนมากดดูออนไลน์ได้ เดินได้เหมือนงานจริงๆ
ไม่อยากทำรายงานทุกอาทิตย์ ก็เลยเอาระบบ CRM, ERP มาใช้ แล้วต่อกับระบบ Looker Studio ให้มันจัดการให้เอง ต่อ Line API ให้มันยิงรายงานทุกวันผ่านมือถือ และอีกหลายๆอย่างที่มันค่อยสร้างแนวทางของผมขึ้นมา
จนถึงจุดนึงผมเริ่มแนะนำได้ว่า ถ้าอยากได้ประมานนี้ต้องใช้ Tools ไหน ควรใช้ยังไง และต้องใช้ตอนไหนบ้าง จุดนี้แหละเลยเป็นที่มาของการย้ายสายแบบข้ามฝากมาสู่งานสาย Technolgy (ตรงนี้เงินจะอัพเยอะ) และบวกกับว่าผมเคยคุมคนในโรงงาน ในแล็บ และคุมทีมขายมาบ้าง ทำให้ผมได้ขยับอยู่ตำแหน่งที่ดูแลทีมสายนี้ด้วย เลยเป็นที่มาของตัวผมในปัจจุบันนี่แหละครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ ถ้ามีตรงไหนที่ผมพอแชร์ได้เพิ่ม แจ้งมาเลยนะครับ ยินดีมากๆเลยครับ
===
เพิ่มเติมเรื่องการย้ายงานและเงินเดือนในแต่ละขั้นนะครับ
งานแรก = 16,000 -> 19,000 (ปรับตำแหน่ง 1 ครั้ง)
งานสอง = 23,000 -> 25,000 (ปรับผ่านโปร 1 ครั้ง)
งานสาม = 32,000 -> 38,000 (ปรับตำแหน่ง 1 ครั้ง)
งานสี่ = 45,000 -> 55,000 (ปรับตำแหน่ง 2 ครั้ง)
งานห้า = 65,000 -> 75,000 (ปรับตำแหน่ง 1 ครั้ง)
งานล่าสุด = xx,xxx ตัวที่ทำให้ฐานเงินเดือนเกิน 1,000,000 ต่อปี (ปรับผ่านโปรไปแล้ว 1 ครั้ง)
(โดยเฉลี่ย ทำงานที่ละ 1-2 ปีครับ)