ศึกแบทเทิล ‘ก้าวไกล Vs เพื่อไทย’ อภิปรายงบ 68 สีส้มท็อปฟอร์มไล่บี้ สีแดงยังดีไม่พอ
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4638491
The Politics ข่าวบ้าน การเมือง สัมภาษณ์พิเศษ รศ.ดร.
ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย
สุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปรียบเทียบศึกแบทเทิลระหว่าง ก้าวไกล Vs เพื่อไทย อภิปรายงบ 68 สุดเดือด แม้เสี่ยงถูกยุบพรรค แต่ก้าวไกลไม่เสียสมาธิ ต้องการแสดงให้เห็นว่าไม่มี
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชัยธวัช ตุลาธน ก็ไม่เป็นไร มีตัวแทนแถว 3 แถว 4 แล้ว ดูการอภิปรายในสภาแล้วเห็นภาพ พูดแบบเข้าใจ กับพูดแบบท่องจำ เวลาออกหน้าจอมันจับทางได้ คนละทักษะกัน แต่ฝึกฝนกันได้ เชื่อวันนี้ก้าวไกลคือนักโทษประหาร อยากทานอะไรเขาจัดให้ แต่สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี
ทสท. ฉะกองทัพ สอดไส้งบเปิดช่อง‘ไอ้โม่ง’หาประโยชน์ เย้ยบิ๊กทิน ของจริงหรือไม่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_777777786762
“ทสท.”ดักคอ กองทัพ ของบให้ชัด อย่าสอดไส้ทีหลัง เปิดช่อง “ไอ้โม่ง” หาประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง เย้ย “บิ๊กทิน” ของจริงหรือไม่ หลังกองทัพไม่ทำตามสั่ง
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท เป็นวันที่สอง
เวลา 16.40 น. นาย
ชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) อภิปรายว่า การจัดสรรงบฉบับนี้ผิดฝาผิดตัวไม่ตอบโจทย์ หากสภาฯ โหวตผ่านในวาระที่ 1 แต่เชื่อว่าจะต้องมีการแก้ไขในวาระที่ 2 อีกไม่น้อย ซึ่งความบกพร่องของงบ 68 คือโครงการที่ควรทำท่านก็ไม่ทำ โครงการที่ยังไม่ควรทำท่านก็เร่งรีบทำ
โครงการที่ต้องจัดสรรงบให้เพียงพอก็ไม่ใส่เงินลงไป ตรงกันข้ามกับโครงการที่ไม่จำเป็นกลับอัดเม็ดเงินลงไปจนล้น ที่สำคัญคือตั้งงบไว้สูงเกินจริง เป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะหน่วยงานสามารถซื้อของในราคาแพงเกินจริง เพื่อให้คนขายนำเงินมาทอนให้ผู้มีอำนาจภายหลัง เรียกได้ว่าฮั้วกันตั้งแต่ ทีโออาร์
เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากช่องว่างของระเบียบที่เอื้อให้หน่วยงานบางหน่วยงาน โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคง ซึ่งเปิดโอกาสให้มี “
ไอ้โม่ง” บางคนออกมาบงการผู้ใต้บังคับบัญชาแสวงหาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองและพวกพ้อง
นาย
ชัชวาล กล่าวต่อว่า ในปีงบประมาณ 67 ตนทำหน้าที่เป็นอนุกรรมาธิการด้านความมั่นคง พบว่าในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ หน่วยงานหรือเหล่าทัพจะของบประมาณมาในกรอบกว้างๆ ไม่มีรายละเอียดเหมือนกระทรวงอื่นๆ โดยมักจะอ้างว่าเป็นความลับด้านความมั่นคง
ซึ่งตรงนี้เป็นจุดให้คนชั่วเข้ามาทุจริต เพราะงบในการจัดหายุทโธปกรณ์มันบวมออกมาเกินความเป็นจริง เวลาเจ้าหน้าที่มาชี้แจงความจำเป็นและสัญญาว่าจะมีการจัดหาอย่างโปร่งใส จะพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด จะทำให้งบของประเทศรั่วไหลให้น้อยที่สุด แต่ไม่เคยมีรายละเอียดเทียบราคาถูกแพง
ตัวอย่างโครงการของกองทัพอากาศที่เขียนในหลักการกว้างๆ ว่าเป็นโครงการเพิ่มสมถรรนะของกองทัพ ไม่บอกรายละเอียกว่าจะไปทำอะไร แต่สุดท้ายแล้วมีการไปจัดซื้อวิทยุสื่อสารจำนวน 40 ตัว เสนอราคากลางมาอยู่ที่ 38 ล้านบาท ทั้งที่ราคาตลอดอยู่ที่ 15 ล้านบาท มีส่วนต่างถึง 23 ล้านบาท เพราะซื้อแพงเกินจริง
“
เรื่องนี้คณะกรรมการจัดซื้อของกองทัพกลัวจะติดคุก จึงส่งเรื่องมาให้ผมดู ผมเกรงว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้จะเกิดขึ้นในงบปี 68 จึงอยากให้กองทัพมีการเขียน ทีโออาร์ ในโครงการต่างๆ ให้ชัดเจน ไม่ใช่มาสอดไส่ในภายหลัง” นาย
ชัชวาล กล่าว
นาย
ชัชวาล กล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าเป็นการตั้งงบประมาณไม่เหมาะสมกับสภาพปัญหาของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่คนไทยถูกโจมตีทางไซเบอร์ มูลค่าความเสียหายนับหมื่นล้านบาท แต่ปรากฏว่างบปี 68 ที่จะนำมาใช้แก้ปัญหากลับได้น้อยนิด ต่างจากงบจัดซื้ออาวุธของกองทัพที่ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมองความมั่นคงในมิติของยุคดึกดำบรรพ์
รัฐบาลไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับสภา เพราะที่ผ่านมา นาย
สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เคยสั่งการให้กองทัพใช้ยุทธภัณฑ์ที่บริษัทคนไทยเป็นผู้ผลิต แต่ในทางปฏิบัติกองทัพกลับไม่ให้ความร่วมมือทำตามนโยบายที่ รมว.กลาโหม ให้ไว้ แม้กระทั่งการเปิดโอกาสให้บริษัทคนไทยเข้าร่วมแข่งขันอย่างเป็นธรรมก็ไม่มี
“
ไม่รู้ว่าไม่ให้ความร่วมมือ หรือรมว.กลาโหมสั่งการไม่ได้ เรื่องนี้เป็นสัญญาที่รัฐบาลให้ไว้ต่อสภาฯ แต่หน่วยงานไม่ทำตามสัญญา กองทัพไม่ให้ความสำคัญกับ รมว.กลาโหม งานนี้จึงพิสูจน์ว่านายสุทินคือของจริงหรือไม่” นาย
ชัชวาล กล่าว
โรงเรียนราชินีวิพัฒน์ ประกาศเลิกกิจการ หลังเผชิญวิกฤตนักเรียนน้อย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_777777786704
โรงเรียนราชินีวิพัฒน์ ประกาศเลิกกิจการ ตั้งแต่ 5 มิ.ย.เป็นต้นไป หลังเผชิญวิกฤตนักเรียนน้อย ไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้
วันที่ 20 มิ.ย. 2567 เพจเฟซบุ๊ก
โรงเรียนราชินีวิพัฒน์ ออกประกาศเลิกกิจการโรงเรียน โดย น.ส.เพลินพักตร์ เทศน้อย ผู้ลงนามแทนผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนราชินีวิพัฒน์ เป็นผู้ลงนามในประกาศ
ระบุว่า ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโรงเรียนราชินีวิพัฒน์ ครั้งที่ 4/2566 วันที่ 29 เมษายน 2567 ได้มีมติให้เลิกกิจการโรงเรียนราชินีวิพัฒน์ เมื่อสิ้นปีการศึกษา 2566 เนื่องจากโรงเรียนประสบปัญหาจำนวนนักเรียนไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการ ประกอบกับไม่มีนักเรียนประสงค์ศึกษาต่อในปีการศึกษา 2567
โรงเรียนราชินีวิพัฒน์จึงได้ดำเนินการแจ้งขอเลิกกิจการโรงเรียนต่อสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขอประกาศเลิกกิจการโรงเรียนอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป
สำหรับ โรงเรียนราชินีวิพัฒน์ มีชื่อเดิมคือ โรงเรียนราชินีมูลนิธิ เปิดสอนระดับมัธยมศึกษา ตั้งอยู่หมู่ 2 ซอยบ้านลาดปลาเค้า 6 ต.คลองเขื่อน อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา เริ่มก่อสร้าง พ.ศ.2560 เสร็จสิ้นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2561 และเปิดการเรียนการสอน พ.ศ.2562 เป็นปีการศึกษาแรก เปิดดำเนินการสอนหลักสูตร EP เพื่อให้เกิดความแตกต่างจากโรงเรียนพี่ทั้งสองคือ โรงเรียนราชินีและราชินีบน โดยมีการรับนักเรียนจากทั่วประเทศ และเพิ่มโอกาสให้นักเรียนในพื้นที่ได้รับการศึกษาที่ดีและได้มาตรฐาน
ประชาชนอ่วม! เริ่ม 21 มิ.ย.นี้ ขึ้นค่าขนส่ง 9% สิบล้อ 4 แสนคันทั่วไทยเตรียมบุกกรุง
https://www.dailynews.co.th/news/3557625/
สหพันธ์ขนส่งฯ ลงมติร่วมกันขึ้นค่าขนส่ง 9% เริ่ม 21 มิ.ย. นี้ ลั่นหากรัฐยังไม่เหลียวแล เตรียมรวมพลรถบรรทุก 4 ภาคทั่วไทยกว่า 4 แสนคัน บุกกรุงเทพฯ 3 ก.ค. กดดันรัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 30 บาท ขอโทษประชาชน ไม่ใช้วิธีการนี้ ก็อยู่ไม่รอด รถต้องหยุดวิ่งไปแล้วกว่าพันคัน
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. นาย
อภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกับสมาชิกผู้ประกอบการขนส่ง 12 สมาคมว่า ที่ประชุมมีมติร่วมกันว่า ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. 67 เป็นต้นไป สหพันธ์ฯ จะปรับขึ้นราคาค่าขนส่ง 3-9% ต่อราคาน้ำมันดีเซล 1 บาท ที่เกิน 30 บาทต่อลิตร ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 33 บาท จึงต้องปรับขึ้นค่าขนส่ง 9% อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลยังไม่เหลียวแลกลุ่มรถบรรทุกอีก ก็จะนัดรวมพลพี่น้องเครือข่ายรถบรรทุกที่เป็นสมาชิกสหพันธ์ฯ ที่มีอยู่กว่า 4 แสนคัน เคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 3 ก.ค. 67 ซึ่งจะเป็นการเคลื่อนไหวที่ใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
นาย
อภิชาติ กล่าวต่อว่า การเคลื่อนไหวจะแบ่งเป็น 4 ภาค โดยภาคเหนือ จะนัดรวมพลกันที่จังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ส่วนภาคใต้ จะนัดรวมพลกันที่ถนนธนบุรี-ปากท่อ (ถนนพระราม 2) ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นัดรวมพลกันที่จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอุดรธานี และภาคตะวันออก นัดรวมพลกันที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยจะนัดรวมพลพร้อมกันในเวลา 07.00 น. จากนั้นรถบรรทุกทั้ง 4 ภาค จะเคลื่อนพลพร้อมกันเข้ามายังกรุงเทพฯ เพื่อกดดันรัฐบาล ให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 30 บาท อย่างไรก็ตาม ต้องขอโทษประชาชนด้วย เนื่องจากการเคลื่อนพลดังกล่าว อาจต้องใช้ผิวจราจรบางส่วน แต่จะลดผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้ทางให้มากที่สุด โดยจะใช้ช่องทางซ้ายสุดในการเคลื่อนพล
“
ขอให้ประชาชนผู้ใช้ทางทุกคนโปรดเห็นใจพวกเรากลุ่มรถบรรทุก เนื่องจากขณะนี้ หลายพื้นที่ประสบปัญหาทางธุรกิจ รถบรรทุกต้องหยุดวิ่งไปแล้วกว่า 1 พันคัน นอกจากนี้ ต้องขอโทษผู้ประกอบการที่ว่าจ้างขนส่งสินค้า ที่ต้องมีการปรับขึ้นค่าขนส่ง แต่หากจะไม่ว่าจ้างต่อก็ไม่เป็นไร ซึ่งใจจริงพวกเราไม่อยากใช้วิธีการนี้ แต่ถ้าไม่ใช้ก็อยู่ไม่รอด และเข้าใจดีว่า เจ้าของสินค้าก็ต้องไปขึ้นราคาสินค้า ส่งผลกระทบต่อประชาชนอีก โดยพวกเราพยายามลดผลกระทบให้เกิดขึ้นน้อยที่สุดแล้ว ด้วยการปรับขึ้นครั้งละ 3% ต่อการขึ้นราคาน้ำมัน 1 บาท” ประธานสหพันธ์ฯ กล่าว
JJNY : 5in1 ศึกแบทเทิล‘ก้าวไกล Vs พท.’│ทสท.ฉะกองทัพ│รร.ราชินีวิพัฒน์เลิกกิจการ│ประชาชนอ่วม!ขึ้นค่าขนส่ง│ฝนถล่มภาคใต้จีน
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4638491
The Politics ข่าวบ้าน การเมือง สัมภาษณ์พิเศษ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย สุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปรียบเทียบศึกแบทเทิลระหว่าง ก้าวไกล Vs เพื่อไทย อภิปรายงบ 68 สุดเดือด แม้เสี่ยงถูกยุบพรรค แต่ก้าวไกลไม่เสียสมาธิ ต้องการแสดงให้เห็นว่าไม่มี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชัยธวัช ตุลาธน ก็ไม่เป็นไร มีตัวแทนแถว 3 แถว 4 แล้ว ดูการอภิปรายในสภาแล้วเห็นภาพ พูดแบบเข้าใจ กับพูดแบบท่องจำ เวลาออกหน้าจอมันจับทางได้ คนละทักษะกัน แต่ฝึกฝนกันได้ เชื่อวันนี้ก้าวไกลคือนักโทษประหาร อยากทานอะไรเขาจัดให้ แต่สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี
ทสท. ฉะกองทัพ สอดไส้งบเปิดช่อง‘ไอ้โม่ง’หาประโยชน์ เย้ยบิ๊กทิน ของจริงหรือไม่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_777777786762
“ทสท.”ดักคอ กองทัพ ของบให้ชัด อย่าสอดไส้ทีหลัง เปิดช่อง “ไอ้โม่ง” หาประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง เย้ย “บิ๊กทิน” ของจริงหรือไม่ หลังกองทัพไม่ทำตามสั่ง
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท เป็นวันที่สอง
เวลา 16.40 น. นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) อภิปรายว่า การจัดสรรงบฉบับนี้ผิดฝาผิดตัวไม่ตอบโจทย์ หากสภาฯ โหวตผ่านในวาระที่ 1 แต่เชื่อว่าจะต้องมีการแก้ไขในวาระที่ 2 อีกไม่น้อย ซึ่งความบกพร่องของงบ 68 คือโครงการที่ควรทำท่านก็ไม่ทำ โครงการที่ยังไม่ควรทำท่านก็เร่งรีบทำ
โครงการที่ต้องจัดสรรงบให้เพียงพอก็ไม่ใส่เงินลงไป ตรงกันข้ามกับโครงการที่ไม่จำเป็นกลับอัดเม็ดเงินลงไปจนล้น ที่สำคัญคือตั้งงบไว้สูงเกินจริง เป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะหน่วยงานสามารถซื้อของในราคาแพงเกินจริง เพื่อให้คนขายนำเงินมาทอนให้ผู้มีอำนาจภายหลัง เรียกได้ว่าฮั้วกันตั้งแต่ ทีโออาร์
เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากช่องว่างของระเบียบที่เอื้อให้หน่วยงานบางหน่วยงาน โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคง ซึ่งเปิดโอกาสให้มี “ไอ้โม่ง” บางคนออกมาบงการผู้ใต้บังคับบัญชาแสวงหาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองและพวกพ้อง
นายชัชวาล กล่าวต่อว่า ในปีงบประมาณ 67 ตนทำหน้าที่เป็นอนุกรรมาธิการด้านความมั่นคง พบว่าในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ หน่วยงานหรือเหล่าทัพจะของบประมาณมาในกรอบกว้างๆ ไม่มีรายละเอียดเหมือนกระทรวงอื่นๆ โดยมักจะอ้างว่าเป็นความลับด้านความมั่นคง
ซึ่งตรงนี้เป็นจุดให้คนชั่วเข้ามาทุจริต เพราะงบในการจัดหายุทโธปกรณ์มันบวมออกมาเกินความเป็นจริง เวลาเจ้าหน้าที่มาชี้แจงความจำเป็นและสัญญาว่าจะมีการจัดหาอย่างโปร่งใส จะพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด จะทำให้งบของประเทศรั่วไหลให้น้อยที่สุด แต่ไม่เคยมีรายละเอียดเทียบราคาถูกแพง
ตัวอย่างโครงการของกองทัพอากาศที่เขียนในหลักการกว้างๆ ว่าเป็นโครงการเพิ่มสมถรรนะของกองทัพ ไม่บอกรายละเอียกว่าจะไปทำอะไร แต่สุดท้ายแล้วมีการไปจัดซื้อวิทยุสื่อสารจำนวน 40 ตัว เสนอราคากลางมาอยู่ที่ 38 ล้านบาท ทั้งที่ราคาตลอดอยู่ที่ 15 ล้านบาท มีส่วนต่างถึง 23 ล้านบาท เพราะซื้อแพงเกินจริง
“เรื่องนี้คณะกรรมการจัดซื้อของกองทัพกลัวจะติดคุก จึงส่งเรื่องมาให้ผมดู ผมเกรงว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้จะเกิดขึ้นในงบปี 68 จึงอยากให้กองทัพมีการเขียน ทีโออาร์ ในโครงการต่างๆ ให้ชัดเจน ไม่ใช่มาสอดไส่ในภายหลัง” นายชัชวาล กล่าว
นายชัชวาล กล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าเป็นการตั้งงบประมาณไม่เหมาะสมกับสภาพปัญหาของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่คนไทยถูกโจมตีทางไซเบอร์ มูลค่าความเสียหายนับหมื่นล้านบาท แต่ปรากฏว่างบปี 68 ที่จะนำมาใช้แก้ปัญหากลับได้น้อยนิด ต่างจากงบจัดซื้ออาวุธของกองทัพที่ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมองความมั่นคงในมิติของยุคดึกดำบรรพ์
รัฐบาลไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับสภา เพราะที่ผ่านมา นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เคยสั่งการให้กองทัพใช้ยุทธภัณฑ์ที่บริษัทคนไทยเป็นผู้ผลิต แต่ในทางปฏิบัติกองทัพกลับไม่ให้ความร่วมมือทำตามนโยบายที่ รมว.กลาโหม ให้ไว้ แม้กระทั่งการเปิดโอกาสให้บริษัทคนไทยเข้าร่วมแข่งขันอย่างเป็นธรรมก็ไม่มี
“ไม่รู้ว่าไม่ให้ความร่วมมือ หรือรมว.กลาโหมสั่งการไม่ได้ เรื่องนี้เป็นสัญญาที่รัฐบาลให้ไว้ต่อสภาฯ แต่หน่วยงานไม่ทำตามสัญญา กองทัพไม่ให้ความสำคัญกับ รมว.กลาโหม งานนี้จึงพิสูจน์ว่านายสุทินคือของจริงหรือไม่” นายชัชวาล กล่าว
โรงเรียนราชินีวิพัฒน์ ประกาศเลิกกิจการ หลังเผชิญวิกฤตนักเรียนน้อย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_777777786704
โรงเรียนราชินีวิพัฒน์ ประกาศเลิกกิจการ ตั้งแต่ 5 มิ.ย.เป็นต้นไป หลังเผชิญวิกฤตนักเรียนน้อย ไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้
วันที่ 20 มิ.ย. 2567 เพจเฟซบุ๊ก โรงเรียนราชินีวิพัฒน์ ออกประกาศเลิกกิจการโรงเรียน โดย น.ส.เพลินพักตร์ เทศน้อย ผู้ลงนามแทนผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนราชินีวิพัฒน์ เป็นผู้ลงนามในประกาศ
ระบุว่า ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโรงเรียนราชินีวิพัฒน์ ครั้งที่ 4/2566 วันที่ 29 เมษายน 2567 ได้มีมติให้เลิกกิจการโรงเรียนราชินีวิพัฒน์ เมื่อสิ้นปีการศึกษา 2566 เนื่องจากโรงเรียนประสบปัญหาจำนวนนักเรียนไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการ ประกอบกับไม่มีนักเรียนประสงค์ศึกษาต่อในปีการศึกษา 2567
โรงเรียนราชินีวิพัฒน์จึงได้ดำเนินการแจ้งขอเลิกกิจการโรงเรียนต่อสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขอประกาศเลิกกิจการโรงเรียนอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป
สำหรับ โรงเรียนราชินีวิพัฒน์ มีชื่อเดิมคือ โรงเรียนราชินีมูลนิธิ เปิดสอนระดับมัธยมศึกษา ตั้งอยู่หมู่ 2 ซอยบ้านลาดปลาเค้า 6 ต.คลองเขื่อน อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา เริ่มก่อสร้าง พ.ศ.2560 เสร็จสิ้นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2561 และเปิดการเรียนการสอน พ.ศ.2562 เป็นปีการศึกษาแรก เปิดดำเนินการสอนหลักสูตร EP เพื่อให้เกิดความแตกต่างจากโรงเรียนพี่ทั้งสองคือ โรงเรียนราชินีและราชินีบน โดยมีการรับนักเรียนจากทั่วประเทศ และเพิ่มโอกาสให้นักเรียนในพื้นที่ได้รับการศึกษาที่ดีและได้มาตรฐาน
ประชาชนอ่วม! เริ่ม 21 มิ.ย.นี้ ขึ้นค่าขนส่ง 9% สิบล้อ 4 แสนคันทั่วไทยเตรียมบุกกรุง
https://www.dailynews.co.th/news/3557625/
สหพันธ์ขนส่งฯ ลงมติร่วมกันขึ้นค่าขนส่ง 9% เริ่ม 21 มิ.ย. นี้ ลั่นหากรัฐยังไม่เหลียวแล เตรียมรวมพลรถบรรทุก 4 ภาคทั่วไทยกว่า 4 แสนคัน บุกกรุงเทพฯ 3 ก.ค. กดดันรัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 30 บาท ขอโทษประชาชน ไม่ใช้วิธีการนี้ ก็อยู่ไม่รอด รถต้องหยุดวิ่งไปแล้วกว่าพันคัน
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกับสมาชิกผู้ประกอบการขนส่ง 12 สมาคมว่า ที่ประชุมมีมติร่วมกันว่า ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. 67 เป็นต้นไป สหพันธ์ฯ จะปรับขึ้นราคาค่าขนส่ง 3-9% ต่อราคาน้ำมันดีเซล 1 บาท ที่เกิน 30 บาทต่อลิตร ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 33 บาท จึงต้องปรับขึ้นค่าขนส่ง 9% อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลยังไม่เหลียวแลกลุ่มรถบรรทุกอีก ก็จะนัดรวมพลพี่น้องเครือข่ายรถบรรทุกที่เป็นสมาชิกสหพันธ์ฯ ที่มีอยู่กว่า 4 แสนคัน เคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 3 ก.ค. 67 ซึ่งจะเป็นการเคลื่อนไหวที่ใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า การเคลื่อนไหวจะแบ่งเป็น 4 ภาค โดยภาคเหนือ จะนัดรวมพลกันที่จังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ส่วนภาคใต้ จะนัดรวมพลกันที่ถนนธนบุรี-ปากท่อ (ถนนพระราม 2) ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นัดรวมพลกันที่จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอุดรธานี และภาคตะวันออก นัดรวมพลกันที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยจะนัดรวมพลพร้อมกันในเวลา 07.00 น. จากนั้นรถบรรทุกทั้ง 4 ภาค จะเคลื่อนพลพร้อมกันเข้ามายังกรุงเทพฯ เพื่อกดดันรัฐบาล ให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 30 บาท อย่างไรก็ตาม ต้องขอโทษประชาชนด้วย เนื่องจากการเคลื่อนพลดังกล่าว อาจต้องใช้ผิวจราจรบางส่วน แต่จะลดผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้ทางให้มากที่สุด โดยจะใช้ช่องทางซ้ายสุดในการเคลื่อนพล
“ขอให้ประชาชนผู้ใช้ทางทุกคนโปรดเห็นใจพวกเรากลุ่มรถบรรทุก เนื่องจากขณะนี้ หลายพื้นที่ประสบปัญหาทางธุรกิจ รถบรรทุกต้องหยุดวิ่งไปแล้วกว่า 1 พันคัน นอกจากนี้ ต้องขอโทษผู้ประกอบการที่ว่าจ้างขนส่งสินค้า ที่ต้องมีการปรับขึ้นค่าขนส่ง แต่หากจะไม่ว่าจ้างต่อก็ไม่เป็นไร ซึ่งใจจริงพวกเราไม่อยากใช้วิธีการนี้ แต่ถ้าไม่ใช้ก็อยู่ไม่รอด และเข้าใจดีว่า เจ้าของสินค้าก็ต้องไปขึ้นราคาสินค้า ส่งผลกระทบต่อประชาชนอีก โดยพวกเราพยายามลดผลกระทบให้เกิดขึ้นน้อยที่สุดแล้ว ด้วยการปรับขึ้นครั้งละ 3% ต่อการขึ้นราคาน้ำมัน 1 บาท” ประธานสหพันธ์ฯ กล่าว