เอาจิตที่ว่าง ดูจิตที่ว่าง

เราจะกล่าวอย่างนี้ เพราะว่าสิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี หากท่านยังมีอวิชชา ท่านย่อมมีสังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ ชาติ ชรามรณะ จะกล่าวว่าตัวตนไม่มี จิตไม่มี ชาติหน้าไม่มี ผลกรรมไม

1.เข้าใจว่าสายปฏิจสมุปบาทนั้น ตั้งแต่เกิดจนมรณะ ความจริงเป็นเพียงจิตหนึ่งขณะที่หลงไป 2.เข้าใจว่า จิตที่มีอุปทานนั้นเป็นแค่วิญญาน ไม่มีผู้รู้เหตุแห่งอุปทานนั้น ความจริงสายปฏิจสมุปบาทนั้น ว่ากันตามเหตุ

1.อากาสว่าละเอียดแล้ว วิญญานในอากาสกลับละเอียดยิ่งกว่า 2.เมื่อวิญญานในอากาสดับจึงเข้าอากิญ 3.อากาส วิญญานต่างเป็นผัสสะกระทบจิต 4.กระแสที่แผ่ออกไปทั้ง3มิติ แกน x,y,z (กว้าง,ยาว,สูง) คือ กระแสจิตที่แ

เช่น ขณะดูลมหายใจ อันเป็นกายในกาย 1.ผัสสะ ~ลมหายใจ เข้า ลมหายใจออกที่เคลื่อนขึ้นลงตามท่อ และสัมผัสกายตลอดแนว จนถึงตลอดทั้งกาย ความเต็มของลมหายใจ 2.เจตนา~การมี่จิตมีตัวมุ่งเข้าไปรู้อารมณ์อะไร ในที่นี้

ในกระบวนการรับรู้ของมนุษย์ ทุกเสี้ยววินาทีมีการทำงานของจิตที่ซับซ้อนเกิดขึ้น จุดที่สำคัญที่สุดจุดหนึ่งซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง "โลกภายนอก" กับ "โลกภายในจิตใจ" คือสิ่งที่เรียกว่า "

Q:ขณะจิตเป็นอย่างไร A:เป็นความเห็นต่อผัสสะที่มากระทบ แม้จะเห็นว่าจิตว่าง ไม่มีอะไรในจิต ก็เป็นมีความว่างเป็นผัสสะกระทบจิต จิตมีอากาสเป็นผัสสะ ก็คือ อากาสา ฌานจิต Q:ผัสสะกระทบจิตเช่นอะไรบ้าง A:เช่น ขณ

วิญญาณปรมาณู มีลักษณะกลม เป็นจุดผ่องใสเหมือนแก้ว มีขนาดเล็กกว่าปลายเข็ม มีจำนวนมหาศาลนับไม่ได้ ความว่างไม่มีที่สิ้นสุด วิญญาณปรมาณูก็ไม่มีที่สิ้นสุด เป็นธรรมชาติว่าง+สว่าง ในความว่างนั้นจะมีวิญญาณปรมา

อาโลกสัญญา เป็นความสว่างของจิต เกิดจากการตามรู้ความเปลี่ยนแปลง เกิดดับของรูปนามอย่างต่อเนื่อง จนจิตสว่างไสว เนื่องจากได้รับการขัด ชำระ จากจิตดวงเก่าไปจิตดวงใหม่ จนได้สภาวะจิตตั้งมั่น 1. อาโลกสัญญา

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนนายขมังธนู หรือลูกมือของนายขมังธนู เพียรยิงรูปหุ่นที่ทำด้วย หญ้าหรือกองก้อนดิน ต่อมาเขาเป็นผู้ยิงได้ไกล ยิงไม่พลาด และทำลายร่างใหญ่ๆ ได้แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุก็