สวัสดีค่ะ หนูอายุ19 ปี ( 2567 ) หนูมีปัญหาที่อยากจะปรึกษาชาวเน็ตหรือผู้ที่สามารถให้คำปรึกษาได้ค่ะ เรื่องต่อไปนี้เป็นเหตุการ์ณต่างๆที่เป็นจุดเริ่มต้นค่ะ อาจจะเกริ่นยาวหน่อยนะคะไม่รู้ว่าต้องเล่าตั้งแต่ตรงไหน และเรื่องก็ยาวมากค่ะ
ตอนอายุ17 ปี ( 2565 )
หนูทำงานเป็นเด็กนั่งดริ้งที่ร้านอาหารแห่งนึง-เป็นร้านอาหารไม่ใหญ่มากค่ะมีคาราโอเกะมีเด็กนั่งดริ้ง4-5คน [ เจ้าของร้านขอแทนชื่อว่าแม่ส.นะคะ แล้วก็จะมีแม่ผ. เป็นคนที่ชวนหนูไปทำงานที่ร้านนี้ค่ะ ]
(ประมาณปลายปี2566)
มีลูกค้าผู้ชายคนนึงมานั่งคนเดียว คืนนั้นหนูไม่ได้ไปนั่งด้วยค่ะ ครั้งที่สองที่เขามาคืนนั้นที่ร้านไม่ค่อยมีลูกค้าเลยได้ไปนั่งด้วยค่ะ เขาดื่มเหล้าแต่ตอนนั้นพี่เด็กดริ้งอีกคนเชียร์ขายโซจูหนูกับพี่เขาเลยดื่มโซจูค่ะตอนร้านปิดหนูเมาก็นอนที่ร้านเหมือนทกุครั้งที่เมากลับบ้านไม่ได้ค่ะ
- เขาบอกทุกคนว่าเขาจะไปกรุงเทพอีกสองอาทิตย์จะมาอีก [ แม่ส.ถามว่าไปทำอะไรเขาบอกว่าเขาเป็นทนายไปกลับกรุงเทพประจำค่ะ ]
- หลังจากนั้นสองอาทิตย์เขาจะมาครั้งนึงวนแบบนี้ประมาณ1เดือนค่ะ [ ทุกรอบที่เขามาเขาสั่งโซจูให้หนูดื่มเพราะหนูเมาแล้วหนูรั่วค่ะ หนูเคยปฏิเสธไม่ดื่มโซจูแต่แม่ผ. แม่ส.ก็บอกว่าทำยอดให้ร้านถ้าเมาก็นอนที่ร้านหนูเลยไม่ได้ปฏิเสธต่อค่ะเพราะแม่ส.ก็นอนที่ร้านปกติเวลาเมาหนูก็นอนที่ร้านกับแม่ส. ]
- มาวันนึงช่วงใกล้ๆสิ้นปีเขามาที่ร้านค่ะวันนั้นเขาไม่ได้สั่งโซจู หนูเลยไม่ได้เมามากพอร้านจะปิดเขาก็ชวนหนูไปดื่มต่อด้านนอกกับเขาค่ะ เขาพูดประมาณว่า "เนี่ยพี่มาหลายรอบแล้วอยากจะชวนหนูไปดื่มต่อแต่หนูเมาตลอดเลยวันนี้อุตส่าห์ไม่ให้กินโซจูนะ ไม่เมามากให้ไปกับเขาต่อ" อะไรประมาณนี้ค่ะ พอหนูบอกว่าหนูจะกลับบ้านเขาก็พูดตัดพ้อว่าจะหลังจากนี้ไม่มาอีกเพราะมาหลายรอบแล้วอยากชวนไปดื่มต่อแต่ไม่เห็นได้ไปสักทีรอบหน้าจะไม่มาแล้วหนูก็ไม่ได้สนใจค่ะ แต่แม่ผ.แม่ส.เขากดดันให้หนูไปด้วยค่ะบอกว่าจะเสียลูกค้าช่วงนั้นร้านเงียบมากลูกค้าไม่มีเลย มีแต่คนนี้ที่นานๆจะมาที แล้วแม่ผ.พูดอีกประมาณว่าหนูจะยอมเสียลูกค้าประจำไปหรอ ตอนนั้นหนูยอมรับว่ารู้สึกเสียดายเห็นแก่ได้ค่ะถ้าเขาจะไม่มาอีกอย่างที่เขาพูดเพราะเขาให้ทิปเยอะเขามีเงิน รวมถึงตอนนั้นทุกคนก็พยายามคะยั้นคะยอให้หนูไปด้วยให้ได้หนูเลยยอมไปกับเขาค่ะ
- แต่ภาพเหตุการณ์หลังจากนั้นมันหายไปหมดเลยค่ะหนูจำไม่ได้ว่าได้ไปดื่มกับเขาต่อไหมแต่หนูตื่นขึ้นมาตอนเขาปลุกหนูที่โรงแรมตอนเกือบเที่ยงค่ะ เขาขับรถมาส่งหนูที่ร้านให้เงินหนู(ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ3,000ค่ะ) บอกว่าเป็นค่าขนมไว้ซื้อของกินอะไรแบบนี้แล้วกลับไป
- บนรถเขาก็บอกหนูว่าเขามีครอบครัวแล้วค่ะ ตอนนั้นหนูไม่รู้ต้องทำตัวยังไงต้องรู้สึกแบบไหนค่ะเพราะหนูตื่นมาก็อยู่ในห้องกับเขาไปแล้ว เขาก็บอกอีกว่าจะไปซื้อโทรศัพท์อีกเครื่องไว้คุยกับหนู หนูถามเขาว่าแล้วครอบครัวเขาไม่รู้ไม่ว่าหรอออกมาเที่ยวแบบนี้เขาบอกเขาโกหกครอบครัวว่าออกมาทำงานต่างจังหวัดค่ะ
- ก็คือ 2-3อาทิตย์เขาจะออกมาเที่ยวครั้งนึงโดยที่โกหกครอบครัวเขาว่าไปทำงานต่างจังหวัด พอเวลาเขาไปเที่ยวเขาก็จะบอกร้านนั้นๆว่าเขากลับกรุงเทพ2-3อาทิตย์จะมาใหม่ จริงๆแล้วคือเขาไม่ได้ไปกรุงเทพแต่อยู่บ้านกับครอบครัวเขาค่ะ เขาก็เล่าอีกว่าเขาไม่มีความสุขเมียเขาพูดจาไม่ดีกับเขา เขาเครียดอยากเที่ยวเขาจะเลิกกับเมียเขาแต่รอพ่อเขาเสียก่อนอะไรประมาณนี้ค่ะหนูจำไม่ค่อยได้แล้วว่าคุยอะไรกันบ้าง ยอมรับว่าตอนนั้นหนูรู้สึกเฉยๆไม่ได้รู้สึกผิดต่อครอบครัวเขาค่ะแต่ในตอนนั้นหนูก็ไม่ได้มีความคิดจะสานต่อนะคะ
หลังจากนั้นช่วงประมาณเดือนมกรา (2566)
เขาก็มาร้านถี่ขึ้นจากสองอาทิตย์ครั้งนึงก็ขยับมาเป็นอาทิตย์ละครั้งค่ะทุกครั้งที่เขามาแม่ผ.แม่ส.ก็จะให้หนูออกไปดื่มต่อกับเขาหลังร้านปิด พอหนูเมาแล้วเขาก็จะพาเข้าโรงแรมค่ะ ตอนกลับเขาก็จะชอบให้เงินค่ะ ณ ตอนนั้นหนูก็รู้สึกแปลกๆค่ะ แต่เขาบอกว่าเขาอยากเลี้ยงดูค่ะอยากคบกันเป็นแฟนถ้าหนูคบกับเขาเขาจะเลี้ยงดูหนู
ยอมรับที่หนูยอมไปดื่มต่อกับเขาตอนนั้นหนูหวังอยากได้เงินหลงใหลในเงินค่ะตั้งแต่เกิดมาหนูไม่เคยได้เงิน4-5พันง่ายๆแบบนี้เลยมันทำให้หนูมองข้ามศีลธรรมไปค่ะ เวลาเขามาที่ร้านเขาก็จะบอกหนูตลอดว่าเขาอยากคบด้วย เขาพร้อมดูแลหนูเต็มที่เขาจะเลิกกับภรรยาเขาแล้วให้หนูรออีกหน่อย หนูเลยตัดสินใจสานต่อกับเขาค่ะ🙇♀️
- หลังจากคบกันเขาก็ไม่ค่อยอยากให้หนูทำงานที่ร้านค่ะ พออีกประมาณเดือนกว่าๆร้านอาหารที่หนูทำงานก็ปิดๆเปิดๆเพราะไม่มีลูกค้าจนสุดท้ายก็ปิดตัวลงหนูเลยไม่ได้ทำงานค่ะ หลังจากนั้นเวลาเขาออกจากบ้านก็เป็นการนัดมารับไปเที่ยวที่อื่นๆแทนค่ะ
มกรา - กุมภา (2566)
- จนมีช่วงที่หนูไม่โอเคกับเขาค่ะปกติเวลามีอะไรกันเขาไม่ใส่ถุงยางอนามัยค่ะเขาให้เหตุผลว่าเขาแพ้เจลหล่อลื่นที่อยู่ตรงถุงยางค่ะทุกครั้งเขาจะหลั่งนอกตลอดหนูก็ยอมรับได้คิดว่าไม่อันตรายค่ะ
แต่จะมีช่วงที่นัดเจอกันแล้วหนูเป็นประจำเดือนค่ะ หนูไม่ให้เขาทำเขาก็ตัดพ้อว่านานๆเขาจะมาเจอหนูทีนึงอยู่บ้านภรรยาเขาไม่ได้ทำเขาดึงดันจะมีอะไรด้วยหนูพยายามขัดขืนแต่เขาก็ดันทุรังจนได้แล้วยังหลั่งในอีกค่ะแล้วยังบอกอีกว่าหลั่งในตอนมีประจำเดือนไม่ท้องเชื่อเขา [ เท่าที่จำได้เคยมีอะไรกันตอนเป็นประจำเดือนประมาณ2ครั้งค่ะ ]
เดือนมีนา (2566)
ประจำเดือนหนูมาไม่ปกติค่ะมันมาเกือบทั้งเดือนเลยค่ะ ช่วงนั้นหนูบอกเขาแล้วว่าประจำเดือนมาไม่ปกติแต่เขาก็ยังทำค่ะ
- หนูกังวลเลยคุยกับเขาว่าหนูจะไปฝังยาคุมเขาก็บอกว่าไม่ให้ทำค่ะเขาจะไปทำหมันเองแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ไปทำค่ะ
- แล้วตอนที่หนูไม่สบายเขาก็พยายามจะทำจะมีอะไรกับหนูอีก ทำให้หนูรู้สึกไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากมาเจอเขาค่ะ
เดือนเมษา (2566)
- ประจำเดือนหนูก็ยังมาไม่หายค่ะเขาเลยพาหนูไปตรวจ หมอเจาะเลือดเช็คค่าฮอร์โมนมารู้ผลว่าท้องได้เดือนกว่าๆค่ะ ตอนนั้นมันตันมันเครียดมากค่ะ เพราะไม่รู้จะบอกแม่ยังไงดี เขาก็บอกว่าให้หนูตัดสินใจว่าจะเก็บเด็กไว้มั้ยถ้าเก็บไว้เขาก็พร้อมดูแลเต็มที่
- หนูกลัวค่ะไม่กล้าบอกแม่กลัวถ้าไปเอาเด็กออกแล้วเกิดอะไรขึ้นกับหนูขึ้นมา แม่รู้จะเป็นยังไง แต่ถ้าเก็บไว้ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง หนูมัวแต่ลังเลไม่ยอมตัดสินใจจนหมอนัดอัลตร้าซาวด์เด็กเริ่มมีชีวิตมีหัวใจแล้วเลยทำให้หนูไม่กล้าเอาออกค่ะ
- ตอนนั้นหนูมั่นใจคิดว่าเค้าจะสามารถดูแลหนูกับลูกได้จริงอย่างที่เขาเคยพูด ตั้งแต่แรกๆที่เจอเขาจะชอบพูดให้หนูมั่นใจว่าเขาดูแลหนูได้สบาย พอหนูท้องเขาก็พูดว่าแค่นี้เองเขาดูแลได้สบายอยู่แล้ว มันทำให้หนูไม่เป็นกังวลในเรื่องหลักทรัพย์มั่นใจว่าเขาจะดูแลหนูกับลูกได้ค่ะ
- พอหนูรู้ว่าท้องเวลาเขาขอนัดออกไปเจอหนูเริ่มปฏิเสธเขาค่ะเพราะถ้าไปหนูก็ต้องดื่มมันจะอันตรายกับเด็ก แล้วเขาก็ต้องขอมีอะไรกับหนูอีกแน่ๆหนูเลยพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ไปเจอค่ะ
เดือนพฤษภา - กรกฎา (2566)
- พฤษภาคม เขาเริ่มทักมาบอกว่าที่บ้านเขารู้แล้วนะว่าเขาแอบออกไปเที่ยว จะพยายามเก็บเงินจะโอนเงินมาให้เป็นอาทิตย์ แรกๆเขาก็โอนมาค่ะ
- แต่พอเข้าเดือนมิถุนาเขาเริ่มหายไปนาน เลยไปสองอาทิตย์ถึงจะโอนมาหนูเลยต้องไปหางานทำเสริมให้มีรายได้มากขึ้นค่ะ
- เขาไม่ยอมคุยเรื่องไปฝากท้องจนหนูต้องท้วงให้พาไปค่ะนัดกันสิ้นเดือนพฤษภาแต่คืนก่อนวันที่จะไปเขากลับไปดื่มมาค่ะต้องเจาะเลือดเลยไม่สามารถทำได้ต้องผลัดไปอีก เขาบอกนัดเจอกันใหม่อาทิตย์หน้าก็คือเดือนมิถุนาแต่ก็ไม่ทักมาจนเลยไปจนเกือบท้ายเดือนกรกฎาหนูต้องทักไปท้วงอีกทีเขาถึงจะพาไปค่ะ
- ตอนนั้นคือหนูไม่อยากจะเห็นหน้าไม่อยากให้เขามาแตะเนื้อต้องตัวไม่อยากพูดคุยกับเขาแล้วค่ะ รายละเอียดเยอะมากที่ไม่ได้พิมเล่า แต่เขาทำให้หนูรู้สึกรังเกียจเขาค่ะ การกระทำของเขาคำพูดของเขา ชอบพูดสัญญานู่นนี่แต่ก็ทำตามไม่ได้สักอย่าง ตอนนั้นมันไม่เหลือความรู้สึกดีๆให้เขาเลยค่ะ
สิงหา (2566)
- หนูตัดสินใจบอกแม่ค่ะว่าหนูท้อง หลังจากแม่รู้ก็ถามว่าเขาจะรับผิดชอบยังไงตกลงกันยังไงซึ่งหนูก็ไม่รู้ค่ะเพราะเขาก็ไม่เคยพูดอะไรเลยเรื่องรับผิดชอบพูดแต่ว่าจะรับผิดชอบเองจะดูแลจะทำให้ดีที่สุด
- แม่ก็เลยโทรไปคุยกับเขาค่ะว่าจะรับผิดชอบยังไงเขาก็ตกลงกันว่าจะโอนมาให้เดือนละ12,000เท่ากับเงินเดือนเวลาหนูทำงาน เพราะหนูท้องแบบนี้หนูไม่ได้ทำงานมันก็ไม่มีรายได้ [ เดิมครอบครัวหนูมีสี่คนค่ะ พ่อแม่หนูและน้องสาวแม่หนูป่วยไม่แข็งแรงและมีอาการโรคประสาททำงานไม่ได้ค่ะ พ่อหนูทำงานคนเดียวหาเลี้ยงทั้งบ้าน ]
- ทีนี้แม่ก็พูดถึงเรื่องที่เขาต้องรับผิดชอบตัวหนูที่แม่เลี้ยงดูมาเขาก็พูดแบบว่าหนูไม่ได้รักเขาเหมือนเดิมแล้ว ถ้าหนูยอมรักยอมคบกับเขา เขาจะเข้ามาคุยด้วยพร้อมที่จะดูแลเต็มที่ทั้งบ้าน หนูก็ไม่ยอมค่ะไม่เอาแล้ว คุยไปคุยมาเขาก็เลยตกลงว่าจะจ่ายค่าน้ำนมให้แม่ที่เลี้ยงหนูมาหลังจากลูกหนูได้1ขวบจะให้หนูไปทำงานแล้วเขาจะให้เงินรายเดือนแค่ลูกแล้วก็จะให้ค่าน้ำนมเดือนละ5,000เป็นเวลา2ปีค่ะ
กันยา - พฤศจิกา (2566)
- ในช่วงก่อนหนูคลอดเขาก็โอนเงินมาให้ตามที่ตกลงกันไว้ปกติค่ะ
มกรา - กุมภา (2567)
- พอลูกหนูคลอดได้2-3เดือนเขาก็เริ่มบ่นครวญครางส่งรูปมาว่าที่บ้านเป็นหนี้มีหนี้เกือบล้านติดค่าเช่าร้านก๋วยเตี๋ยวที่เขาเปิด รถติดไฟแนนซ์ บ้านก็เอาไปจำนองไว้ ร้านก๋วยเตี๋ยวที่เปิดก็ไม่มีลูกค้าไม่มีรายได้เขาจะไปขับแกร็ปคาร์ค่ะ พอถามถึงงานทนายเขาบอกว่าใบอนุญาตหมดอายุค่ะ --> ซึ่งตรงนี้หนูก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นทนายจริงๆรึเปล่าหรือที่ผ่านมาเขาโกหกค่ะ เพราะแม่เคยถามเพื่อนเขาที่เป็นทนายที่เคยเจอว่าเป็นทนายด้วยกันหรอ เพื่อนเขาตอบแค่ว่าเรียนทนายด้วยกันมา
- เขาก็บอกว่าให้เงินไม่ได้ จะขอให้ลดลงเหลือเดือนละ5,000-7,000โทรมาคุยกับแม่หลายทีแล้วแต่แม่หนูก็ขอไว้ว่าบ้านไม่มีรายได้หนูไม่ได้ทำงาน ยังต้องผ่อนรถจะจบเดือนพฤษภา เขาก็ตกลงจะโอนมาเท่าเดิมถึงเดือนพฤษภาพอมิถุนาเขาจะโอนมาแค่7,000ค่ะ
- ส่วนเรื่องเงินค่าน้ำนมที่ตกลงกันไว้เขาก็บอกไม่ให้แล้วค่ะเพราะหนูกับเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว
- พอช่วงเดือนที่แล้วเดือนพฤษภาหนูไม่รู้ว่าเขาเริ่มไปมีเด็กใหม่รึเปล่า เพราะเขาก็ไม่ค่อยโอนเงินมาให้ค่ะและหนูก็ไม่รู้ว่าเขาอ้างรึเปล่าเวลาทักไปเขามักจะตอบว่าไม่มีเงิน ไม่ได้ลูกค้าเลย วันนี้รถติด แล้วก็ปล่อยให้เลยไป ต้องทักไปขอ ไปทวงตลอดค่ะ ของเดือนที่แล้วเดือนพฤษภาเขายังโอนมาไม่ครบเลยค่ะ
- มาวันนี้เขาก็ทักมาบอกกับแม่ว่าเขาไม่มี แล้วต่อไปนี้เขาจะให้แค่ลูกเดือนละเท่าไหร่เขาก็ไม่บอกเขาบอกว่ามีเท่าไหร่ก็จะให้เท่านั้น ซึ่งปกติถ้าไม่ทักไปทวงไปขอเขา ก็แทบเหมือนเขาลืมไปเลยค่ะว่าต้องโอนมา เขายังทิ้งท้ายอีกว่าถ้าหนูกับแม่ไม่พอใจจะทำยังไงกับเขาก็ได้จะให้เขาพังก็ได้ ซึ่งเขาคงจะคิดว่าหนูทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้วเขาเลยพูดมาแบบนั้นค่ะ
☆☆☆ หนูขอปรึกษาหน่อยค่ะว่าหนูควรทำยังไงต่อดี ตอนนี้ลูกหนูอายุจะ7เดือนแล้วค่ะยังกินนมแม่อยู่จะให้หนูไปทำงานฝากลูกไว้กับแม่หนูก็ไม่ได้เพราะแม่หนูก็ป่วยค่ะ ถ้าเอาไปฝากที่รับเลี้ยงก็ต้องซื้อนมผงแม่หนูบอกว่ามันไม่คุ้มค่ะค่านมผงแทบจะเท่าเงินเดือนทั้งเดือนเหมือนทำงานฟรีๆ ลูกหนูโตขึ้นเรื่อยๆต้องกินต้องใช้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเข้ามาอีกทั้งๆที่พ่อทำงานคนเดียว ปรึกษากันว่าจะไปฟ้องเขาก็ไม่ได้เพราะหนูก็ไปเป็นน้อยเขา กลัวจะโดนภรรยาหลวงเขาฟ้องกลับ ตอนนี้เครียดมากค่ะเพราะไม่รู้จะหาทางออกยังไงต้องทำยังไงกับเขาหรือทำยังไงกับปัญหานี้ดีค่ะ
ส่วนเรื่องอายุเขาอายุ54แล้วค่ะ
สำหรับเรื่องที่หนูหลวมตัวเข้าไปคบกับเขาเองหนูยอมรับค่ะว่าหนูผิดเอง ไม่มีอะไรจะแก้ตัวค่ะ🙇♀️
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านจนจบนะคะ🙇♀️❤️ ที่หนูพิมเล่าเรื่องราวเกริ่นยาวเพราะอยากให้รู้ที่ไปที่มาค่ะ ถ้ายาวหรือยืดเยื้อไปขอโทษด้วยนะคะ🙇♀️
หนูมีปัญหาที่อยากจะปรึกษาชาวเน็ตหรือผู้ที่สามารถให้คำปรึกษาได้ค่ะ🙇♀️
ตอนอายุ17 ปี ( 2565 )
หนูทำงานเป็นเด็กนั่งดริ้งที่ร้านอาหารแห่งนึง-เป็นร้านอาหารไม่ใหญ่มากค่ะมีคาราโอเกะมีเด็กนั่งดริ้ง4-5คน [ เจ้าของร้านขอแทนชื่อว่าแม่ส.นะคะ แล้วก็จะมีแม่ผ. เป็นคนที่ชวนหนูไปทำงานที่ร้านนี้ค่ะ ]
(ประมาณปลายปี2566)
มีลูกค้าผู้ชายคนนึงมานั่งคนเดียว คืนนั้นหนูไม่ได้ไปนั่งด้วยค่ะ ครั้งที่สองที่เขามาคืนนั้นที่ร้านไม่ค่อยมีลูกค้าเลยได้ไปนั่งด้วยค่ะ เขาดื่มเหล้าแต่ตอนนั้นพี่เด็กดริ้งอีกคนเชียร์ขายโซจูหนูกับพี่เขาเลยดื่มโซจูค่ะตอนร้านปิดหนูเมาก็นอนที่ร้านเหมือนทกุครั้งที่เมากลับบ้านไม่ได้ค่ะ
- เขาบอกทุกคนว่าเขาจะไปกรุงเทพอีกสองอาทิตย์จะมาอีก [ แม่ส.ถามว่าไปทำอะไรเขาบอกว่าเขาเป็นทนายไปกลับกรุงเทพประจำค่ะ ]
- หลังจากนั้นสองอาทิตย์เขาจะมาครั้งนึงวนแบบนี้ประมาณ1เดือนค่ะ [ ทุกรอบที่เขามาเขาสั่งโซจูให้หนูดื่มเพราะหนูเมาแล้วหนูรั่วค่ะ หนูเคยปฏิเสธไม่ดื่มโซจูแต่แม่ผ. แม่ส.ก็บอกว่าทำยอดให้ร้านถ้าเมาก็นอนที่ร้านหนูเลยไม่ได้ปฏิเสธต่อค่ะเพราะแม่ส.ก็นอนที่ร้านปกติเวลาเมาหนูก็นอนที่ร้านกับแม่ส. ]
- มาวันนึงช่วงใกล้ๆสิ้นปีเขามาที่ร้านค่ะวันนั้นเขาไม่ได้สั่งโซจู หนูเลยไม่ได้เมามากพอร้านจะปิดเขาก็ชวนหนูไปดื่มต่อด้านนอกกับเขาค่ะ เขาพูดประมาณว่า "เนี่ยพี่มาหลายรอบแล้วอยากจะชวนหนูไปดื่มต่อแต่หนูเมาตลอดเลยวันนี้อุตส่าห์ไม่ให้กินโซจูนะ ไม่เมามากให้ไปกับเขาต่อ" อะไรประมาณนี้ค่ะ พอหนูบอกว่าหนูจะกลับบ้านเขาก็พูดตัดพ้อว่าจะหลังจากนี้ไม่มาอีกเพราะมาหลายรอบแล้วอยากชวนไปดื่มต่อแต่ไม่เห็นได้ไปสักทีรอบหน้าจะไม่มาแล้วหนูก็ไม่ได้สนใจค่ะ แต่แม่ผ.แม่ส.เขากดดันให้หนูไปด้วยค่ะบอกว่าจะเสียลูกค้าช่วงนั้นร้านเงียบมากลูกค้าไม่มีเลย มีแต่คนนี้ที่นานๆจะมาที แล้วแม่ผ.พูดอีกประมาณว่าหนูจะยอมเสียลูกค้าประจำไปหรอ ตอนนั้นหนูยอมรับว่ารู้สึกเสียดายเห็นแก่ได้ค่ะถ้าเขาจะไม่มาอีกอย่างที่เขาพูดเพราะเขาให้ทิปเยอะเขามีเงิน รวมถึงตอนนั้นทุกคนก็พยายามคะยั้นคะยอให้หนูไปด้วยให้ได้หนูเลยยอมไปกับเขาค่ะ
- แต่ภาพเหตุการณ์หลังจากนั้นมันหายไปหมดเลยค่ะหนูจำไม่ได้ว่าได้ไปดื่มกับเขาต่อไหมแต่หนูตื่นขึ้นมาตอนเขาปลุกหนูที่โรงแรมตอนเกือบเที่ยงค่ะ เขาขับรถมาส่งหนูที่ร้านให้เงินหนู(ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ3,000ค่ะ) บอกว่าเป็นค่าขนมไว้ซื้อของกินอะไรแบบนี้แล้วกลับไป
- บนรถเขาก็บอกหนูว่าเขามีครอบครัวแล้วค่ะ ตอนนั้นหนูไม่รู้ต้องทำตัวยังไงต้องรู้สึกแบบไหนค่ะเพราะหนูตื่นมาก็อยู่ในห้องกับเขาไปแล้ว เขาก็บอกอีกว่าจะไปซื้อโทรศัพท์อีกเครื่องไว้คุยกับหนู หนูถามเขาว่าแล้วครอบครัวเขาไม่รู้ไม่ว่าหรอออกมาเที่ยวแบบนี้เขาบอกเขาโกหกครอบครัวว่าออกมาทำงานต่างจังหวัดค่ะ
- ก็คือ 2-3อาทิตย์เขาจะออกมาเที่ยวครั้งนึงโดยที่โกหกครอบครัวเขาว่าไปทำงานต่างจังหวัด พอเวลาเขาไปเที่ยวเขาก็จะบอกร้านนั้นๆว่าเขากลับกรุงเทพ2-3อาทิตย์จะมาใหม่ จริงๆแล้วคือเขาไม่ได้ไปกรุงเทพแต่อยู่บ้านกับครอบครัวเขาค่ะ เขาก็เล่าอีกว่าเขาไม่มีความสุขเมียเขาพูดจาไม่ดีกับเขา เขาเครียดอยากเที่ยวเขาจะเลิกกับเมียเขาแต่รอพ่อเขาเสียก่อนอะไรประมาณนี้ค่ะหนูจำไม่ค่อยได้แล้วว่าคุยอะไรกันบ้าง ยอมรับว่าตอนนั้นหนูรู้สึกเฉยๆไม่ได้รู้สึกผิดต่อครอบครัวเขาค่ะแต่ในตอนนั้นหนูก็ไม่ได้มีความคิดจะสานต่อนะคะ
หลังจากนั้นช่วงประมาณเดือนมกรา (2566)
เขาก็มาร้านถี่ขึ้นจากสองอาทิตย์ครั้งนึงก็ขยับมาเป็นอาทิตย์ละครั้งค่ะทุกครั้งที่เขามาแม่ผ.แม่ส.ก็จะให้หนูออกไปดื่มต่อกับเขาหลังร้านปิด พอหนูเมาแล้วเขาก็จะพาเข้าโรงแรมค่ะ ตอนกลับเขาก็จะชอบให้เงินค่ะ ณ ตอนนั้นหนูก็รู้สึกแปลกๆค่ะ แต่เขาบอกว่าเขาอยากเลี้ยงดูค่ะอยากคบกันเป็นแฟนถ้าหนูคบกับเขาเขาจะเลี้ยงดูหนู
ยอมรับที่หนูยอมไปดื่มต่อกับเขาตอนนั้นหนูหวังอยากได้เงินหลงใหลในเงินค่ะตั้งแต่เกิดมาหนูไม่เคยได้เงิน4-5พันง่ายๆแบบนี้เลยมันทำให้หนูมองข้ามศีลธรรมไปค่ะ เวลาเขามาที่ร้านเขาก็จะบอกหนูตลอดว่าเขาอยากคบด้วย เขาพร้อมดูแลหนูเต็มที่เขาจะเลิกกับภรรยาเขาแล้วให้หนูรออีกหน่อย หนูเลยตัดสินใจสานต่อกับเขาค่ะ🙇♀️
- หลังจากคบกันเขาก็ไม่ค่อยอยากให้หนูทำงานที่ร้านค่ะ พออีกประมาณเดือนกว่าๆร้านอาหารที่หนูทำงานก็ปิดๆเปิดๆเพราะไม่มีลูกค้าจนสุดท้ายก็ปิดตัวลงหนูเลยไม่ได้ทำงานค่ะ หลังจากนั้นเวลาเขาออกจากบ้านก็เป็นการนัดมารับไปเที่ยวที่อื่นๆแทนค่ะ
มกรา - กุมภา (2566)
- จนมีช่วงที่หนูไม่โอเคกับเขาค่ะปกติเวลามีอะไรกันเขาไม่ใส่ถุงยางอนามัยค่ะเขาให้เหตุผลว่าเขาแพ้เจลหล่อลื่นที่อยู่ตรงถุงยางค่ะทุกครั้งเขาจะหลั่งนอกตลอดหนูก็ยอมรับได้คิดว่าไม่อันตรายค่ะ
แต่จะมีช่วงที่นัดเจอกันแล้วหนูเป็นประจำเดือนค่ะ หนูไม่ให้เขาทำเขาก็ตัดพ้อว่านานๆเขาจะมาเจอหนูทีนึงอยู่บ้านภรรยาเขาไม่ได้ทำเขาดึงดันจะมีอะไรด้วยหนูพยายามขัดขืนแต่เขาก็ดันทุรังจนได้แล้วยังหลั่งในอีกค่ะแล้วยังบอกอีกว่าหลั่งในตอนมีประจำเดือนไม่ท้องเชื่อเขา [ เท่าที่จำได้เคยมีอะไรกันตอนเป็นประจำเดือนประมาณ2ครั้งค่ะ ]
เดือนมีนา (2566)
ประจำเดือนหนูมาไม่ปกติค่ะมันมาเกือบทั้งเดือนเลยค่ะ ช่วงนั้นหนูบอกเขาแล้วว่าประจำเดือนมาไม่ปกติแต่เขาก็ยังทำค่ะ
- หนูกังวลเลยคุยกับเขาว่าหนูจะไปฝังยาคุมเขาก็บอกว่าไม่ให้ทำค่ะเขาจะไปทำหมันเองแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ไปทำค่ะ
- แล้วตอนที่หนูไม่สบายเขาก็พยายามจะทำจะมีอะไรกับหนูอีก ทำให้หนูรู้สึกไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากมาเจอเขาค่ะ
เดือนเมษา (2566)
- ประจำเดือนหนูก็ยังมาไม่หายค่ะเขาเลยพาหนูไปตรวจ หมอเจาะเลือดเช็คค่าฮอร์โมนมารู้ผลว่าท้องได้เดือนกว่าๆค่ะ ตอนนั้นมันตันมันเครียดมากค่ะ เพราะไม่รู้จะบอกแม่ยังไงดี เขาก็บอกว่าให้หนูตัดสินใจว่าจะเก็บเด็กไว้มั้ยถ้าเก็บไว้เขาก็พร้อมดูแลเต็มที่
- หนูกลัวค่ะไม่กล้าบอกแม่กลัวถ้าไปเอาเด็กออกแล้วเกิดอะไรขึ้นกับหนูขึ้นมา แม่รู้จะเป็นยังไง แต่ถ้าเก็บไว้ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง หนูมัวแต่ลังเลไม่ยอมตัดสินใจจนหมอนัดอัลตร้าซาวด์เด็กเริ่มมีชีวิตมีหัวใจแล้วเลยทำให้หนูไม่กล้าเอาออกค่ะ
- ตอนนั้นหนูมั่นใจคิดว่าเค้าจะสามารถดูแลหนูกับลูกได้จริงอย่างที่เขาเคยพูด ตั้งแต่แรกๆที่เจอเขาจะชอบพูดให้หนูมั่นใจว่าเขาดูแลหนูได้สบาย พอหนูท้องเขาก็พูดว่าแค่นี้เองเขาดูแลได้สบายอยู่แล้ว มันทำให้หนูไม่เป็นกังวลในเรื่องหลักทรัพย์มั่นใจว่าเขาจะดูแลหนูกับลูกได้ค่ะ
- พอหนูรู้ว่าท้องเวลาเขาขอนัดออกไปเจอหนูเริ่มปฏิเสธเขาค่ะเพราะถ้าไปหนูก็ต้องดื่มมันจะอันตรายกับเด็ก แล้วเขาก็ต้องขอมีอะไรกับหนูอีกแน่ๆหนูเลยพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ไปเจอค่ะ
เดือนพฤษภา - กรกฎา (2566)
- พฤษภาคม เขาเริ่มทักมาบอกว่าที่บ้านเขารู้แล้วนะว่าเขาแอบออกไปเที่ยว จะพยายามเก็บเงินจะโอนเงินมาให้เป็นอาทิตย์ แรกๆเขาก็โอนมาค่ะ
- แต่พอเข้าเดือนมิถุนาเขาเริ่มหายไปนาน เลยไปสองอาทิตย์ถึงจะโอนมาหนูเลยต้องไปหางานทำเสริมให้มีรายได้มากขึ้นค่ะ
- เขาไม่ยอมคุยเรื่องไปฝากท้องจนหนูต้องท้วงให้พาไปค่ะนัดกันสิ้นเดือนพฤษภาแต่คืนก่อนวันที่จะไปเขากลับไปดื่มมาค่ะต้องเจาะเลือดเลยไม่สามารถทำได้ต้องผลัดไปอีก เขาบอกนัดเจอกันใหม่อาทิตย์หน้าก็คือเดือนมิถุนาแต่ก็ไม่ทักมาจนเลยไปจนเกือบท้ายเดือนกรกฎาหนูต้องทักไปท้วงอีกทีเขาถึงจะพาไปค่ะ
- ตอนนั้นคือหนูไม่อยากจะเห็นหน้าไม่อยากให้เขามาแตะเนื้อต้องตัวไม่อยากพูดคุยกับเขาแล้วค่ะ รายละเอียดเยอะมากที่ไม่ได้พิมเล่า แต่เขาทำให้หนูรู้สึกรังเกียจเขาค่ะ การกระทำของเขาคำพูดของเขา ชอบพูดสัญญานู่นนี่แต่ก็ทำตามไม่ได้สักอย่าง ตอนนั้นมันไม่เหลือความรู้สึกดีๆให้เขาเลยค่ะ
สิงหา (2566)
- หนูตัดสินใจบอกแม่ค่ะว่าหนูท้อง หลังจากแม่รู้ก็ถามว่าเขาจะรับผิดชอบยังไงตกลงกันยังไงซึ่งหนูก็ไม่รู้ค่ะเพราะเขาก็ไม่เคยพูดอะไรเลยเรื่องรับผิดชอบพูดแต่ว่าจะรับผิดชอบเองจะดูแลจะทำให้ดีที่สุด
- แม่ก็เลยโทรไปคุยกับเขาค่ะว่าจะรับผิดชอบยังไงเขาก็ตกลงกันว่าจะโอนมาให้เดือนละ12,000เท่ากับเงินเดือนเวลาหนูทำงาน เพราะหนูท้องแบบนี้หนูไม่ได้ทำงานมันก็ไม่มีรายได้ [ เดิมครอบครัวหนูมีสี่คนค่ะ พ่อแม่หนูและน้องสาวแม่หนูป่วยไม่แข็งแรงและมีอาการโรคประสาททำงานไม่ได้ค่ะ พ่อหนูทำงานคนเดียวหาเลี้ยงทั้งบ้าน ]
- ทีนี้แม่ก็พูดถึงเรื่องที่เขาต้องรับผิดชอบตัวหนูที่แม่เลี้ยงดูมาเขาก็พูดแบบว่าหนูไม่ได้รักเขาเหมือนเดิมแล้ว ถ้าหนูยอมรักยอมคบกับเขา เขาจะเข้ามาคุยด้วยพร้อมที่จะดูแลเต็มที่ทั้งบ้าน หนูก็ไม่ยอมค่ะไม่เอาแล้ว คุยไปคุยมาเขาก็เลยตกลงว่าจะจ่ายค่าน้ำนมให้แม่ที่เลี้ยงหนูมาหลังจากลูกหนูได้1ขวบจะให้หนูไปทำงานแล้วเขาจะให้เงินรายเดือนแค่ลูกแล้วก็จะให้ค่าน้ำนมเดือนละ5,000เป็นเวลา2ปีค่ะ
กันยา - พฤศจิกา (2566)
- ในช่วงก่อนหนูคลอดเขาก็โอนเงินมาให้ตามที่ตกลงกันไว้ปกติค่ะ
มกรา - กุมภา (2567)
- พอลูกหนูคลอดได้2-3เดือนเขาก็เริ่มบ่นครวญครางส่งรูปมาว่าที่บ้านเป็นหนี้มีหนี้เกือบล้านติดค่าเช่าร้านก๋วยเตี๋ยวที่เขาเปิด รถติดไฟแนนซ์ บ้านก็เอาไปจำนองไว้ ร้านก๋วยเตี๋ยวที่เปิดก็ไม่มีลูกค้าไม่มีรายได้เขาจะไปขับแกร็ปคาร์ค่ะ พอถามถึงงานทนายเขาบอกว่าใบอนุญาตหมดอายุค่ะ --> ซึ่งตรงนี้หนูก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นทนายจริงๆรึเปล่าหรือที่ผ่านมาเขาโกหกค่ะ เพราะแม่เคยถามเพื่อนเขาที่เป็นทนายที่เคยเจอว่าเป็นทนายด้วยกันหรอ เพื่อนเขาตอบแค่ว่าเรียนทนายด้วยกันมา
- เขาก็บอกว่าให้เงินไม่ได้ จะขอให้ลดลงเหลือเดือนละ5,000-7,000โทรมาคุยกับแม่หลายทีแล้วแต่แม่หนูก็ขอไว้ว่าบ้านไม่มีรายได้หนูไม่ได้ทำงาน ยังต้องผ่อนรถจะจบเดือนพฤษภา เขาก็ตกลงจะโอนมาเท่าเดิมถึงเดือนพฤษภาพอมิถุนาเขาจะโอนมาแค่7,000ค่ะ
- ส่วนเรื่องเงินค่าน้ำนมที่ตกลงกันไว้เขาก็บอกไม่ให้แล้วค่ะเพราะหนูกับเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว
- พอช่วงเดือนที่แล้วเดือนพฤษภาหนูไม่รู้ว่าเขาเริ่มไปมีเด็กใหม่รึเปล่า เพราะเขาก็ไม่ค่อยโอนเงินมาให้ค่ะและหนูก็ไม่รู้ว่าเขาอ้างรึเปล่าเวลาทักไปเขามักจะตอบว่าไม่มีเงิน ไม่ได้ลูกค้าเลย วันนี้รถติด แล้วก็ปล่อยให้เลยไป ต้องทักไปขอ ไปทวงตลอดค่ะ ของเดือนที่แล้วเดือนพฤษภาเขายังโอนมาไม่ครบเลยค่ะ
- มาวันนี้เขาก็ทักมาบอกกับแม่ว่าเขาไม่มี แล้วต่อไปนี้เขาจะให้แค่ลูกเดือนละเท่าไหร่เขาก็ไม่บอกเขาบอกว่ามีเท่าไหร่ก็จะให้เท่านั้น ซึ่งปกติถ้าไม่ทักไปทวงไปขอเขา ก็แทบเหมือนเขาลืมไปเลยค่ะว่าต้องโอนมา เขายังทิ้งท้ายอีกว่าถ้าหนูกับแม่ไม่พอใจจะทำยังไงกับเขาก็ได้จะให้เขาพังก็ได้ ซึ่งเขาคงจะคิดว่าหนูทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้วเขาเลยพูดมาแบบนั้นค่ะ
☆☆☆ หนูขอปรึกษาหน่อยค่ะว่าหนูควรทำยังไงต่อดี ตอนนี้ลูกหนูอายุจะ7เดือนแล้วค่ะยังกินนมแม่อยู่จะให้หนูไปทำงานฝากลูกไว้กับแม่หนูก็ไม่ได้เพราะแม่หนูก็ป่วยค่ะ ถ้าเอาไปฝากที่รับเลี้ยงก็ต้องซื้อนมผงแม่หนูบอกว่ามันไม่คุ้มค่ะค่านมผงแทบจะเท่าเงินเดือนทั้งเดือนเหมือนทำงานฟรีๆ ลูกหนูโตขึ้นเรื่อยๆต้องกินต้องใช้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเข้ามาอีกทั้งๆที่พ่อทำงานคนเดียว ปรึกษากันว่าจะไปฟ้องเขาก็ไม่ได้เพราะหนูก็ไปเป็นน้อยเขา กลัวจะโดนภรรยาหลวงเขาฟ้องกลับ ตอนนี้เครียดมากค่ะเพราะไม่รู้จะหาทางออกยังไงต้องทำยังไงกับเขาหรือทำยังไงกับปัญหานี้ดีค่ะ
ส่วนเรื่องอายุเขาอายุ54แล้วค่ะ
สำหรับเรื่องที่หนูหลวมตัวเข้าไปคบกับเขาเองหนูยอมรับค่ะว่าหนูผิดเอง ไม่มีอะไรจะแก้ตัวค่ะ🙇♀️
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านจนจบนะคะ🙇♀️❤️ ที่หนูพิมเล่าเรื่องราวเกริ่นยาวเพราะอยากให้รู้ที่ไปที่มาค่ะ ถ้ายาวหรือยืดเยื้อไปขอโทษด้วยนะคะ🙇♀️