ได้ยินมาว่ามีการต้องการเปลี่ยนคำนำหน้านามของกลุ่มชาวข้ามเพศหรือเพศทางเลือก 
จากนี้คือข้อสงสัยของผมนะครับ
1 เรื่องความเท่าเทียม การใช้คำนำหน้าเดิม จำกัดสิทธิ์อะไรของชาวข้ามเพศบ้าง
พูดให้ชัดๆก็คือ คำนำหน้านามนี้มันทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมในเรื่องใดบ้างครับ
ปัญหาในเรื่องนี้มันคืออะไร 
2 ถ้ามีการเปลียนคำนำหน้านามของชาวข้ามเพศ จะให้ใช้คำว่าอะไร เพราะมีความหลากหลายมากในเรื่องนี้ 
เช่น เลสเบี้ยนจะใช้คำว่าอะไร ทอม เกย์.... ควรใช้คำว่าอะไร 
ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่า ไม่ควรใช้คำนำหน้าเดิม คือ นาย นาง นางสาว เพราะถ้าเราคิดว่าทุกคนควรจะได้ใช้คำนำหน้าที่ชัดเจนเรื่องเพศแล้ว
นาย นาง นางสาว ก็ควรใช้กับคนที่มีเพศตรงกับเพศกำเนิดใช่มั้ยล่ะ
3 เราจะใช้อะไรเป็นข้อยุติว่า ใครจะใช้คำนำหน้านามที่เปลี่ยนได้
สมมติว่าเราเปลี่ยนคำนำหน้าของเกย์ เป็นคำว่า เกย์ แล้วกันนะครับ 
เราจะระบุอะไรยังไงตามกฎหมายว่า คนๆนี้เป็นเกย์จริงๆ
หรืออย่างคนที่เป็นทอม ถ้ามีทอมมาขอเปลี่ยนคำนำหน้านามที่อำเภอ เขาจะต้องยื่นหลักฐานอะไรบ้าง
4 แล้วจะเปลี่ยนได้คนละกี่ครั้ง
5 แล้วเอกสารราชการที่จะออกให้ เช่น พาสปอร์ต จะมีปัญหามั้ยเมื่อต้องใช้กับประเทศอื่นๆ
6 ควรมีการระบุเพศกำเนิดกำกับด้วยหรือไม่ เหมือนการเปลี่ยนชื่อ ที่สามารถระบุว่ามีเพศกำเนิดยังไง เหมือนเราสืบหาได้ว่าคนๆนี้ชื่อเดิมว่ายังไง
เช่น เกย์(ชาย) ทรานส์(ชาย) ทอม(หญิง) เป็นต้น
7 แล้วจะมีการจำแนกแจกแจงเป็นกี่เพศ
8 อาจจะเหมือนถามซ้ำ แต่ขอถามย้ำอีกทีว่า การไม่ได้เปลี่ยนคำนำหน้านาม สร้างปัญหาอะไรให้ชาวข้ามเพศบ้างครับ
แน่นอนว่าคนที่ไม่ได้ข้ามเพศก็คงไม่รู้จริงๆหรอกว่ามันคืออะไร การได้อธิบายปัญหาก็คงจะดี

ผมอยู่ในครอบครัวที่มีคนเป็นชาวข้ามเพศนะครับ แต่พวกเขาไม่ได้มีความคิดเรื่องคำนำนหน้านามเลย 
ก็เลยมาตั้งคำถามอะไรแบบนี้บนพันทิป เพื่อความหลากหลายทางความเห็น 

ข้อสุดท้าย คุณคิดว่าถ้ามีการเปลี่ยนคำนำหน้านามแล้ว จะมีผลกับคุณหรือกับธุรกิจอะไรยังไงบ้างครับ
เช่น การทำประกันชีวิต ซึ่งคิดอัตราเรทเบี้ยของชายและหญิงไม่เท่ากัน 
การรับสมัครงาน ซึ่งงานบางอย่างเพศก็มีผลอย่างมากเหมือนกัน เช่น พนักงานขายชุดชั้นใน 

สำหรับผมการเปลี่ยนคำนำหน้านามก็มีทั้งข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าอยู่ตรงจุดไหนของเรื่องนั้นๆ
เช่น การรู้ชัดเจนว่าใครมีรสนิยมทางเพศยังไง ซึ่งมีทั้งทางบวกและทางลบนะ 
การยอมรับในความหลากหลายในเรื่องเพศ ก็เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับควบคู่กันไปกับการรับรู้ว่า คนคิดเห็นเรื่องนี้หลากหลาย
ชอบ ไม่ชอบ ยอมรับ ไม่ยอมรับ เบื่อ ชื่นชม ยินดี โอเค เฉยๆ ฯลฯ นี่คือความหลากหลายที่ต้องยอมรับเช่นกัน