โดย Zyo:
https://www.facebook.com/zyobooks/
ถ้าท่านชอบบทความที่แล้ว
https://pantip.com/topic/42781448
ผมว่าบทความนี้น่าจะขยายไอเดียของคุณได้มากขึ้นครับ
(และเป็นการยืนยันว่า คุณเป็นคนส่วนน้อย(ไม่ถึง 20%) ของนักเล่นหุ้นส่วนใหญ่แน่นอน ที่สนใจเรื่องแบบนี้)

Tony Robbins บอกว่า “Quality questions create a quality life.
Successful people ask better questions, and as a result, they get better answers.”
คำถามที่มีคุณภาพจะช่วยสร้างชีวิตที่มีคุณภาพ
คนที่ประสบความสำเร็จจะตั้งคำถามที่ดีกว่าคนทั่วไป
เพราะเขาถามได้ดีกว่า จึงได้รับคำตอบที่ดีกว่า

อยากชวนคุณถามตัวเองเล่น ๆ ว่า
"
ตลาดหุ้นทำอะไรให้ฉัน?" กับ "
ฉันจะหาประโยชน์จากตลาดหุ้นได้อย่างไร?"
สำหรับผมนั้น 2 คำถามนี้ บอกเลยว่าแยกแยะว่าใครจะมีศักยภาพที่จะเป็น "ผู้ชนะ" กับ "ผู้แพ้" ได้ทันที
ทำไมมันแยกแยะได้ง่ายขนาดนี้?
การเปรียบเทียบคำถามทั้งสองนี้สามารถสรุปความแตกต่างทางทัศนคติและแนวทางในการลงทุนได้อย่างชัดเจน ดังนี้:
1. **"ตลาดหุ้นทำอะไรให้ฉัน"**:
- **ทัศนคติ**: คำถามนี้สะท้อนถึงทัศนคติที่รอคอยการช่วยเหลือจากภายนอกหรือคาดหวังผลตอบแทนโดยไม่พิจารณาการกระทำของตนเองมากนัก ผู้ถามอาจจะมีทัศนคติว่าเป็นหน้าที่ของตลาดหุ้นที่จะต้องให้ผลประโยชน์แก่ตนเอง
- **ความรับผิดชอบ**: ผู้ถามอาจจะไม่ได้มีความคิดที่จะรับผิดชอบหรือควบคุมการลงทุนของตนเองมากนัก
- **ความสำเร็จ**: เนื่องจากไม่มีการวางแผนหรือควบคุมการลงทุนด้วยตัวเอง ผู้ถามลักษณะนี้อาจจะมีโอกาสเป็นผู้แพ้ในระยะยาว เพราะพึ่งพาสิ่งแวดล้อมหรือปัจจัยภายนอกเกินไป
2. **"ฉันจะหาประโยชน์จากตลาดหุ้นได้อย่างไร"**:
- **ทัศนคติ**: คำถามนี้สะท้อนถึงทัศนคติที่มุ่งมั่นและกระตือรือร้นในการหาวิธีการเพื่อให้ได้ประโยชน์จากตลาดหุ้น ผู้ถามมีแนวโน้มที่จะมองหาความรู้และกลยุทธ์ในการลงทุน
- **ความรับผิดชอบ**: ผู้ถามมีความคิดที่จะรับผิดชอบการลงทุนของตนเอง พร้อมที่จะศึกษาและวางแผนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีที่สุด
- **ความสำเร็จ**: ด้วยทัศนคติที่มุ่งเน้นการวางแผนและหาความรู้ ผู้ถามลักษณะนี้มีโอกาสเป็นผู้ชนะในระยะยาว เพราะพยายามหาวิธีการและปรับปรุงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง

สรุปได้ว่า **"ตลาดหุ้นทำอะไรให้ฉัน"** คือมุมมองที่เน้นการพึ่งพาและขาดการควบคุม ซึ่งเป็นทัศนคติของผู้แพ้และเหยื่อของตลาด
ในขณะที่ **"ฉันจะหาประโยชน์จากตลาดหุ้นได้อย่างไร"** คือมุมมองที่เน้นการวางแผนและความรับผิดชอบต่อการลงทุนของตนเอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นได้มากขึ้นครับ

"ฉันจะหาประโยชน์จากตลาดหุ้นได้อย่างไร" คือจุดเริ่มต้นของการค้นพบ "ความได้เปรียบ" เฉพาะตัวของคุณเอง
Edge : ความได้เปรียบทางการเทรดสำหรับมือใหม่
https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=265423
ความได้เปรียบ (Edge) ในตลาดหุ้นคืออะไร?
"ความได้เปรียบ" ในการลงทุนคือความสามารถหรือกลยุทธ์ที่ทำให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอมากกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด ความได้เปรียบนี้อาจมาจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่ดีกว่า ความสามารถในการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม การเข้าถึงทรัพยากรพิเศษ หรือการพัฒนากลยุทธ์การลงทุนที่เฉพาะเจาะจง
วิธีการค้นหาความได้เปรียบของตัวเอง
1. **การศึกษาและฝึกฝน**: การเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้น, การวิเคราะห์ทางเทคนิค, การวิเคราะห์พื้นฐาน และการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ
2. **การวิเคราะห์ตนเอง**: ค้นหาจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง คุณถนัดเรื่องการวิเคราะห์เชิงลึกไหม? หรือคุณมีความสามารถในการทำนายทิศทางของตลาดจากข่าวสารได้ดี? การเข้าใจตนเองจะช่วยให้คุณพัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตัวคุณเอง
3. **การพัฒนากลยุทธ์การลงทุน**: หลังจากที่คุณได้ทำการศึกษาและเข้าใจตนเองแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการพัฒนากลยุทธ์การลงทุนของคุณเอง การทดลองและการปรับปรุงกลยุทธ์เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อหากลยุทธ์ที่สามารถทำกำไรได้ในระยะยาว
4. **การติดตามผลและปรับปรุง**: การลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่สิ่งที่หยุดนิ่ง คุณต้องติดตามผลการลงทุนของคุณอย่างสม่ำเสมอ และทำการปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
ตัวอย่างของความได้เปรียบในตลาดหุ้น
1. **ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเฉพาะ**: หากคุณมีความรู้และประสบการณ์ในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง เช่น เทคโนโลยีหรือการแพทย์ คุณสามารถใช้ความรู้นี้ในการวิเคราะห์หุ้นในอุตสาหกรรมนั้นๆ ได้ดีกว่าผู้อื่น
2. **การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เชี่ยวชาญ**: การเข้าใจการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างลึกซึ้งสามารถให้คุณรู้ว่าเมื่อไรควรซื้อหรือขายหุ้นในเวลาที่เหมาะสม
3. **การวิเคราะห์เชิงพฤติกรรม**: การเข้าใจพฤติกรรมของนักลงทุนและการเคลื่อนไหวของตลาดสามารถช่วยให้คุณทำการลงทุนที่มีโอกาสสำเร็จสูงขึ้น
4. **การเข้าถึงข้อมูลที่เร็วกว่าหรือดีกว่า**: หากคุณมีการเข้าถึงข้อมูลที่ดีกว่าหรือเร็วกว่าผู้อื่น คุณสามารถใช้ข้อมูลนั้นในการตัดสินใจลงทุนที่ดีกว่า
การค้นพบความได้เปรียบเฉพาะตัวนั้นต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่หากคุณสามารถหาความได้เปรียบของคุณเองได้ มันจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการลงทุนในตลาดหุ้น


ถ้าคุณไม่เป็นภาพลักษณะของนักเทรด/นักลงทุนที่ได้เปรียบ
แนะนำให้อ่าหนังสือที่สัมภาษณ์นักเทรด/นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จดูครับ เช่น
- พ่อมดวอลสตรีท
- พ่อมดตลาดหุ้น
และหนังสือชุด Market Wizards
ส่วนงานผมก็มี "ความรู้หุ้นมูลค่า 1 ล้านบาท" และ "ศาสตร์และศิลปะของการปั้นพอร์ต" ครับ
และบทความการเทรดสำหรับมือใหม่ อ่านฟรีที่
https://www.zyo71.com/p/index.html
"ตลาดหุ้นทำอะไรให้ฉัน?" กับ "ฉันจะหาประโยชน์จากตลาดหุ้นได้อย่างไร?" ตั้งคำถามถูกก็รอดและมีโอกาสรวยแน่
ถ้าท่านชอบบทความที่แล้ว https://pantip.com/topic/42781448
ผมว่าบทความนี้น่าจะขยายไอเดียของคุณได้มากขึ้นครับ
(และเป็นการยืนยันว่า คุณเป็นคนส่วนน้อย(ไม่ถึง 20%) ของนักเล่นหุ้นส่วนใหญ่แน่นอน ที่สนใจเรื่องแบบนี้)
Tony Robbins บอกว่า “Quality questions create a quality life.
Successful people ask better questions, and as a result, they get better answers.”
คำถามที่มีคุณภาพจะช่วยสร้างชีวิตที่มีคุณภาพ
คนที่ประสบความสำเร็จจะตั้งคำถามที่ดีกว่าคนทั่วไป
เพราะเขาถามได้ดีกว่า จึงได้รับคำตอบที่ดีกว่า
อยากชวนคุณถามตัวเองเล่น ๆ ว่า
"ตลาดหุ้นทำอะไรให้ฉัน?" กับ "ฉันจะหาประโยชน์จากตลาดหุ้นได้อย่างไร?"
สำหรับผมนั้น 2 คำถามนี้ บอกเลยว่าแยกแยะว่าใครจะมีศักยภาพที่จะเป็น "ผู้ชนะ" กับ "ผู้แพ้" ได้ทันที
ทำไมมันแยกแยะได้ง่ายขนาดนี้?
การเปรียบเทียบคำถามทั้งสองนี้สามารถสรุปความแตกต่างทางทัศนคติและแนวทางในการลงทุนได้อย่างชัดเจน ดังนี้:
1. **"ตลาดหุ้นทำอะไรให้ฉัน"**:
- **ทัศนคติ**: คำถามนี้สะท้อนถึงทัศนคติที่รอคอยการช่วยเหลือจากภายนอกหรือคาดหวังผลตอบแทนโดยไม่พิจารณาการกระทำของตนเองมากนัก ผู้ถามอาจจะมีทัศนคติว่าเป็นหน้าที่ของตลาดหุ้นที่จะต้องให้ผลประโยชน์แก่ตนเอง
- **ความรับผิดชอบ**: ผู้ถามอาจจะไม่ได้มีความคิดที่จะรับผิดชอบหรือควบคุมการลงทุนของตนเองมากนัก
- **ความสำเร็จ**: เนื่องจากไม่มีการวางแผนหรือควบคุมการลงทุนด้วยตัวเอง ผู้ถามลักษณะนี้อาจจะมีโอกาสเป็นผู้แพ้ในระยะยาว เพราะพึ่งพาสิ่งแวดล้อมหรือปัจจัยภายนอกเกินไป
2. **"ฉันจะหาประโยชน์จากตลาดหุ้นได้อย่างไร"**:
- **ทัศนคติ**: คำถามนี้สะท้อนถึงทัศนคติที่มุ่งมั่นและกระตือรือร้นในการหาวิธีการเพื่อให้ได้ประโยชน์จากตลาดหุ้น ผู้ถามมีแนวโน้มที่จะมองหาความรู้และกลยุทธ์ในการลงทุน
- **ความรับผิดชอบ**: ผู้ถามมีความคิดที่จะรับผิดชอบการลงทุนของตนเอง พร้อมที่จะศึกษาและวางแผนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีที่สุด
- **ความสำเร็จ**: ด้วยทัศนคติที่มุ่งเน้นการวางแผนและหาความรู้ ผู้ถามลักษณะนี้มีโอกาสเป็นผู้ชนะในระยะยาว เพราะพยายามหาวิธีการและปรับปรุงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง
สรุปได้ว่า **"ตลาดหุ้นทำอะไรให้ฉัน"** คือมุมมองที่เน้นการพึ่งพาและขาดการควบคุม ซึ่งเป็นทัศนคติของผู้แพ้และเหยื่อของตลาด
ในขณะที่ **"ฉันจะหาประโยชน์จากตลาดหุ้นได้อย่างไร"** คือมุมมองที่เน้นการวางแผนและความรับผิดชอบต่อการลงทุนของตนเอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นได้มากขึ้นครับ
"ฉันจะหาประโยชน์จากตลาดหุ้นได้อย่างไร" คือจุดเริ่มต้นของการค้นพบ "ความได้เปรียบ" เฉพาะตัวของคุณเอง
Edge : ความได้เปรียบทางการเทรดสำหรับมือใหม่ https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=265423
ความได้เปรียบ (Edge) ในตลาดหุ้นคืออะไร?
"ความได้เปรียบ" ในการลงทุนคือความสามารถหรือกลยุทธ์ที่ทำให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอมากกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด ความได้เปรียบนี้อาจมาจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่ดีกว่า ความสามารถในการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม การเข้าถึงทรัพยากรพิเศษ หรือการพัฒนากลยุทธ์การลงทุนที่เฉพาะเจาะจง
วิธีการค้นหาความได้เปรียบของตัวเอง
1. **การศึกษาและฝึกฝน**: การเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้น, การวิเคราะห์ทางเทคนิค, การวิเคราะห์พื้นฐาน และการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ
2. **การวิเคราะห์ตนเอง**: ค้นหาจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง คุณถนัดเรื่องการวิเคราะห์เชิงลึกไหม? หรือคุณมีความสามารถในการทำนายทิศทางของตลาดจากข่าวสารได้ดี? การเข้าใจตนเองจะช่วยให้คุณพัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตัวคุณเอง
3. **การพัฒนากลยุทธ์การลงทุน**: หลังจากที่คุณได้ทำการศึกษาและเข้าใจตนเองแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการพัฒนากลยุทธ์การลงทุนของคุณเอง การทดลองและการปรับปรุงกลยุทธ์เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อหากลยุทธ์ที่สามารถทำกำไรได้ในระยะยาว
4. **การติดตามผลและปรับปรุง**: การลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่สิ่งที่หยุดนิ่ง คุณต้องติดตามผลการลงทุนของคุณอย่างสม่ำเสมอ และทำการปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
ตัวอย่างของความได้เปรียบในตลาดหุ้น
1. **ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเฉพาะ**: หากคุณมีความรู้และประสบการณ์ในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง เช่น เทคโนโลยีหรือการแพทย์ คุณสามารถใช้ความรู้นี้ในการวิเคราะห์หุ้นในอุตสาหกรรมนั้นๆ ได้ดีกว่าผู้อื่น
2. **การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เชี่ยวชาญ**: การเข้าใจการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างลึกซึ้งสามารถให้คุณรู้ว่าเมื่อไรควรซื้อหรือขายหุ้นในเวลาที่เหมาะสม
3. **การวิเคราะห์เชิงพฤติกรรม**: การเข้าใจพฤติกรรมของนักลงทุนและการเคลื่อนไหวของตลาดสามารถช่วยให้คุณทำการลงทุนที่มีโอกาสสำเร็จสูงขึ้น
4. **การเข้าถึงข้อมูลที่เร็วกว่าหรือดีกว่า**: หากคุณมีการเข้าถึงข้อมูลที่ดีกว่าหรือเร็วกว่าผู้อื่น คุณสามารถใช้ข้อมูลนั้นในการตัดสินใจลงทุนที่ดีกว่า
การค้นพบความได้เปรียบเฉพาะตัวนั้นต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่หากคุณสามารถหาความได้เปรียบของคุณเองได้ มันจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการลงทุนในตลาดหุ้น
ถ้าคุณไม่เป็นภาพลักษณะของนักเทรด/นักลงทุนที่ได้เปรียบ
แนะนำให้อ่าหนังสือที่สัมภาษณ์นักเทรด/นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จดูครับ เช่น
- พ่อมดวอลสตรีท
- พ่อมดตลาดหุ้น
และหนังสือชุด Market Wizards
ส่วนงานผมก็มี "ความรู้หุ้นมูลค่า 1 ล้านบาท" และ "ศาสตร์และศิลปะของการปั้นพอร์ต" ครับ
และบทความการเทรดสำหรับมือใหม่ อ่านฟรีที่ https://www.zyo71.com/p/index.html