ฉัน...นั่งริมหน้าต่าง
วันที่ละอองฝนพรำจากฟากฟ้า
ไอเย็นลอยมากระทบผิวกายเบาๆ
แม้มีกระจกกั้น
ระหว่างฉันกับสายหมอกหนาภายนอก
กลิ่นไอดินโชยขึ้นมารับน้ำฝนแรกของปี
ฉันมองผ่านไอฝ้ามัวของกระจกออกไป
สีเขียวชอุ่มชุ่มชื่นไกลสุดสายตา
ทิวเขาโอบล้อมด้วยสายหมอก
และสายฝนพร่างพราย
"เมืองในหมอก"
ชื่อเมืองที่ฉันอยู่ เหนือสุดของประเทศ
เส้นทางคดเคี้ยว ยากจะมาถึง
น้อยคนนักจะผ่านมาโดยไม่ตั้งใจ
ส่วนฉัน ตั้งใจที่จะมานั่งชมไอหมอกที่นี่หรือเปล่า
"ไม่"
นั่นคือ คำตอบแรกที่อยู่ในใจ
แล้วฉันมานั่งทำอะไรตรงนี้
หลายปีที่ผ่านมา
ชีวิตฉัน ถูกโอบล้อมด้วยสายหมอกหนา
"ฝ้าย ไม่หนาวหรือ"
พี่ดิน เอ่ยขึ้น
เดินเข้ามา
พร้อมคลี่ผ้าห่มผืนบางที่ถือติดมือมาคลุมไหล่ให้ฉัน
"ขอบคุณค่ะ"
ฉันเงยหน้ามอง
สองมือกระชับผ้าห่มให้แนบกาย
พี่ดินของฉัน หรือแผ่นดิน ชื่อที่ผู้คนเรียกขาน
ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
โซฟาหวายไหวยวบ ส่งเสียงเสียดสี เล็กน้อย
ตามแรงที่กดลงมา
"อากาศแบบนี้ ออกไปข้างนอกไม่ได้แน่ๆ
จะเขียนงานก็เขียนไม่ออก "
พี่ดินเอนตัวพิงโซฟาในท่าสบายๆ
"ขี้เกียจก็บอกมาเถอะ อย่ามาอ้างดินฟ้าอากาศ"
ฉันเอ่ย
"ดื่มชาร้อนไหม เดี๋ยวฝ้ายไปชงให้"
พี่ดินพยักหน้ารับ พร้อมรอยยิ้ม
ฉันลุกขึ้น บิดร่างกายด้วยความเมื่อยขบ
นี่...ฉันนั่งที่ริมหน้าต่างมานานแค่ไหน?
อุปกรณ์ชงชาถูกวางอย่างเป็นระเบียบ
ที่โต๊ะไม้สักตัวใหญ่กลางห้องโถง
จริงๆแล้วคือกลางบ้านนั่นเอง
บ้านไม้หลังน้อยนี้ มีเพียง 3 ห้อง
ห้องนอนของฉันกับพี่
ห้องทำงานของเราสองคน
พี่ดิน เป็นนักเขียนบทความสารคดีภาษาอังกฤษ
ส่วนฉันเป็นผู้ช่วย
และอีกห้องคือที่ว่างทั้งหมดของบ้าน
ใช้ประโยชน์ทุกอย่างที่ต้องการ
"มาแล้วค่ะ"
ฉันถือชาร้อนควันกรุ่นมาสองถ้วย
สำหรับเราสองคน
แผ่นดินเอื้อมมือ ออกมารับพร้อมรอยยิ้มเช่นเคย
โควต้าคำพูดต่อวันของพี่มีเพียงน้อยนิด
ฉันชินเสียแล้ว
"ฝ้ายเอางานมาพิมพ์ต่อดีกว่า ยังจัดหน้าไม่เสร็จเลย"
ฉันเอ่ยขึ้น หลังจิบชาร้อนๆควันกรุ่นแก้วนั้น
ความอบอุ่นแผ่ซ่านสู่ร่างกาย
เข้ากันดีเหลือเกิน
ชาร้อนในร่างกายกับไอเย็นภายนอกนั่น
#อุ่น💕ใจ ReadAWrite
…………………..
ถ้าเขียนประมาณนี้ ภาษาจะเยิ่นเย้อ มากเกินไปหรือเปล่าคะ ควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร
วิจารณ์ได้เต็มที่ค่ะ ยินดีน้อมรับไปแก้ไข
ขอบคุณมากๆค่ะ❤️
รบกวนขอคำวิจารณ์ภาษาเขียนหน่อยค่ะ
วันที่ละอองฝนพรำจากฟากฟ้า
ไอเย็นลอยมากระทบผิวกายเบาๆ
แม้มีกระจกกั้น
ระหว่างฉันกับสายหมอกหนาภายนอก
กลิ่นไอดินโชยขึ้นมารับน้ำฝนแรกของปี
ฉันมองผ่านไอฝ้ามัวของกระจกออกไป
สีเขียวชอุ่มชุ่มชื่นไกลสุดสายตา
ทิวเขาโอบล้อมด้วยสายหมอก
และสายฝนพร่างพราย
"เมืองในหมอก"
ชื่อเมืองที่ฉันอยู่ เหนือสุดของประเทศ
เส้นทางคดเคี้ยว ยากจะมาถึง
น้อยคนนักจะผ่านมาโดยไม่ตั้งใจ
ส่วนฉัน ตั้งใจที่จะมานั่งชมไอหมอกที่นี่หรือเปล่า
"ไม่"
นั่นคือ คำตอบแรกที่อยู่ในใจ
แล้วฉันมานั่งทำอะไรตรงนี้
หลายปีที่ผ่านมา
ชีวิตฉัน ถูกโอบล้อมด้วยสายหมอกหนา
"ฝ้าย ไม่หนาวหรือ"
พี่ดิน เอ่ยขึ้น
เดินเข้ามา
พร้อมคลี่ผ้าห่มผืนบางที่ถือติดมือมาคลุมไหล่ให้ฉัน
"ขอบคุณค่ะ"
ฉันเงยหน้ามอง
สองมือกระชับผ้าห่มให้แนบกาย
พี่ดินของฉัน หรือแผ่นดิน ชื่อที่ผู้คนเรียกขาน
ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
โซฟาหวายไหวยวบ ส่งเสียงเสียดสี เล็กน้อย
ตามแรงที่กดลงมา
"อากาศแบบนี้ ออกไปข้างนอกไม่ได้แน่ๆ
จะเขียนงานก็เขียนไม่ออก "
พี่ดินเอนตัวพิงโซฟาในท่าสบายๆ
"ขี้เกียจก็บอกมาเถอะ อย่ามาอ้างดินฟ้าอากาศ"
ฉันเอ่ย
"ดื่มชาร้อนไหม เดี๋ยวฝ้ายไปชงให้"
พี่ดินพยักหน้ารับ พร้อมรอยยิ้ม
ฉันลุกขึ้น บิดร่างกายด้วยความเมื่อยขบ
นี่...ฉันนั่งที่ริมหน้าต่างมานานแค่ไหน?
อุปกรณ์ชงชาถูกวางอย่างเป็นระเบียบ
ที่โต๊ะไม้สักตัวใหญ่กลางห้องโถง
จริงๆแล้วคือกลางบ้านนั่นเอง
บ้านไม้หลังน้อยนี้ มีเพียง 3 ห้อง
ห้องนอนของฉันกับพี่
ห้องทำงานของเราสองคน
พี่ดิน เป็นนักเขียนบทความสารคดีภาษาอังกฤษ
ส่วนฉันเป็นผู้ช่วย
และอีกห้องคือที่ว่างทั้งหมดของบ้าน
ใช้ประโยชน์ทุกอย่างที่ต้องการ
"มาแล้วค่ะ"
ฉันถือชาร้อนควันกรุ่นมาสองถ้วย
สำหรับเราสองคน
แผ่นดินเอื้อมมือ ออกมารับพร้อมรอยยิ้มเช่นเคย
โควต้าคำพูดต่อวันของพี่มีเพียงน้อยนิด
ฉันชินเสียแล้ว
"ฝ้ายเอางานมาพิมพ์ต่อดีกว่า ยังจัดหน้าไม่เสร็จเลย"
ฉันเอ่ยขึ้น หลังจิบชาร้อนๆควันกรุ่นแก้วนั้น
ความอบอุ่นแผ่ซ่านสู่ร่างกาย
เข้ากันดีเหลือเกิน
ชาร้อนในร่างกายกับไอเย็นภายนอกนั่น
#อุ่น💕ใจ ReadAWrite
…………………..
ถ้าเขียนประมาณนี้ ภาษาจะเยิ่นเย้อ มากเกินไปหรือเปล่าคะ ควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร
วิจารณ์ได้เต็มที่ค่ะ ยินดีน้อมรับไปแก้ไข
ขอบคุณมากๆค่ะ❤️