เริ่มต้น ซูเราะฮฺอัลฟาติหะฮฺ (อารัมภบท) {1:1} "
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ พระผู้ทรงเมตตายิ่ง" พระเจ้าแนะนำตัวเองว่า พระองค์ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงยิ่งด้วยพระกรุณาธรรมและเมตตาธรรม, พระเจ้าผู้เข้าใจถึงความยากลำบากของมนุษย์และ ผู้ทรงยินดีต่อความสำเร็จของผู้ศรัทธา ผู้ทรงไว้ด้วยความเที่ยงธรรมและความยุติธรรม คุณลักษณะเหล่านี้ ถูกบรรยายไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งเป็นคุณลักษณะของผู้ปกครองและผู้บริหารเช่นกันกับศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และ พุทธศาสนาซึ่งมีอธิบายไว้ในพรหมวิหาร 4
ความเชื่อทางพุทธศาสนา "นิกายมหายาน" และ ในคติของศาสนาฮินดู พระพรหม เป็นเทพเจ้าสูงสุด เป็นเทพเจ้าแห่งการสร้างสรรค์ ความเมตตา เป็นพระผู้สร้างโลกและให้กำเนิดสิ่งต่าง ๆ ในจักรวาล และให้กำเนิดคัมภีร์พระเวท ความเชื่อพระเจ้าทางพุทธศาสนานิกายมหายาน และในคติของศาสนาฮินดู ต่างจากการเชื่อศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียวของศาสนานาอิบราฮีม(ฮัม)
พรหมวิหาร 4 หรือ พรหมวิหารธรรม เป็นหลักธรรมประจำใจเพื่อให้ตนดำรงชีวิตได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์เฉกเช่นพรหม เป็นแนวธรรมปฏิบัติของผู้ที่ปกครอง และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ประกอบด้วยหลักปฏิบัติ 4 ประการ ได้แก่
เมตตา คือ ความรักใคร่ ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข มีจิตอันแผ่ไมตรีและคิดทำประโยชน์แก่มนุษย์สัตว์ทั่วหน้า
กรุณา คือ ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์ ใฝ่ใจในอันจะปลดเปลื้องบำบัดความทุกข์ยากเดือดร้อนของปวงสัตว์
มุทิตา คือ ความยินดี ในเมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข มีจิตผ่องใสบันเทิง ประกอบด้วยอาการแช่มชื่นเบิกบานอยู่เสมอ ต่อสัตว์ทั้งหลายผู้ดำรงในปกติสุข พลอยยินดีด้วยเมื่อเขาได้ดีมีสุข เจริญงอกงามยิ่งขึ้นไป
อุเบกขา คือ ความวางใจเป็นกลาง อันจะให้ดำรงอยู่ในธรรมตามที่พิจารณาเห็นด้วยปัญญา คือมีจิตเรียบตรงเที่ยงธรรมดุจตาชั่ง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง พิจารณาเห็นกรรมที่สัตว์ทั้งหลายกระทำแล้ว อันควรได้รับผลดีหรือชั่ว สมควรแก่เหตุอันตนประกอบ พร้อมที่จะวินิจฉัยและปฏิบัติไปตามธรรม รวมทั้งรู้จักวางเฉยสงบใจมองดู ในเมื่อไม่มีกิจที่ควรทำ เพราะเขารับผิดชอบตนได้ดีแล้ว เขาสมควรรับผิดชอบตนเอง หรือเขาควรได้รับผลอันสมควรกับความรับผิดชอบของตน
เราจะเห็นได้ว่า ความเชื่อของพุทธศาสนาในนิกายมหายานนั้นไม่แตกต่างจาก ศาสนาที่เชื่อพระเจ้าทั้งหลาย เพราะเชื่อว่ามีผู้สร้างเช่นกัน โดยไม่เน้นให้เห็นชัด เพราะเกรงว่าการเชื่อเช่นนั้นจะไปซ้ำกับตามศาสนาพราหมณ์ และฮินดู ชาวพุทธผู้ที่ล้อเลียนพระเจ้านั้น เป็นเพราะเขาไม่ได้ศึกษาพุทธศาสนาตามความเป็นจริงและอย่างใช้เหตุผล
"ตามสามัญสำนึกมนุษย์จะอยู่สูงกว่าผู้สร้างไม่ได้ ในทำนองเดียวกัน ลูกจะมีฐานะทางจรรยาธรรมสูงกว่าพ่อแม่ไม่ได้"
ด้วยเหตุผลทางจรรยาธรรมศาสนาที่ศรัทธาในพระเจ้าจึงยกย่องให้เกียรติพระเจ้าในตำแหน่งที่สูงสุดกว่ามนุษย์และกฏธรรมชาติทั้งปวง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


https://kinyupen.co/2019/07/15/เปิดที่มา-เถรวาท-มหายาน/
ความคิดเห็นดีเด่น
ความคิดเห็นที่ 3
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความเชื่อของพุทธศาสนา "นิกายมหายาน" นั้นมีความศรัทธา ไม่แตกต่างจาก ศาสนาที่เชื่อพระเจ้าทั้งหลาย
ความเชื่อทางพุทธศาสนา "นิกายมหายาน" และ ในคติของศาสนาฮินดู พระพรหม เป็นเทพเจ้าสูงสุด เป็นเทพเจ้าแห่งการสร้างสรรค์ ความเมตตา เป็นพระผู้สร้างโลกและให้กำเนิดสิ่งต่าง ๆ ในจักรวาล และให้กำเนิดคัมภีร์พระเวท ความเชื่อพระเจ้าทางพุทธศาสนานิกายมหายาน และในคติของศาสนาฮินดู ต่างจากการเชื่อศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียวของศาสนานาอิบราฮีม(ฮัม)
พรหมวิหาร 4 หรือ พรหมวิหารธรรม เป็นหลักธรรมประจำใจเพื่อให้ตนดำรงชีวิตได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์เฉกเช่นพรหม เป็นแนวธรรมปฏิบัติของผู้ที่ปกครอง และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ประกอบด้วยหลักปฏิบัติ 4 ประการ ได้แก่
เมตตา คือ ความรักใคร่ ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข มีจิตอันแผ่ไมตรีและคิดทำประโยชน์แก่มนุษย์สัตว์ทั่วหน้า
กรุณา คือ ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์ ใฝ่ใจในอันจะปลดเปลื้องบำบัดความทุกข์ยากเดือดร้อนของปวงสัตว์
มุทิตา คือ ความยินดี ในเมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข มีจิตผ่องใสบันเทิง ประกอบด้วยอาการแช่มชื่นเบิกบานอยู่เสมอ ต่อสัตว์ทั้งหลายผู้ดำรงในปกติสุข พลอยยินดีด้วยเมื่อเขาได้ดีมีสุข เจริญงอกงามยิ่งขึ้นไป
อุเบกขา คือ ความวางใจเป็นกลาง อันจะให้ดำรงอยู่ในธรรมตามที่พิจารณาเห็นด้วยปัญญา คือมีจิตเรียบตรงเที่ยงธรรมดุจตาชั่ง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง พิจารณาเห็นกรรมที่สัตว์ทั้งหลายกระทำแล้ว อันควรได้รับผลดีหรือชั่ว สมควรแก่เหตุอันตนประกอบ พร้อมที่จะวินิจฉัยและปฏิบัติไปตามธรรม รวมทั้งรู้จักวางเฉยสงบใจมองดู ในเมื่อไม่มีกิจที่ควรทำ เพราะเขารับผิดชอบตนได้ดีแล้ว เขาสมควรรับผิดชอบตนเอง หรือเขาควรได้รับผลอันสมควรกับความรับผิดชอบของตน