เก้าพีพี นี้เราว่ามันมาจากเคมีของเขาจริงๆ เราตอบในส่วนที่เห็น ได้ฟัง และได้เช็คบางอย่างด้วยตัวเอง

[ดังนั้น เราขอวิเคราะห์ยาวๆหน่อยนะ]

เก้า มีบุคลิก นิ่งๆ เงียบๆ แต่ดูแลดี เป็นสุภาพบุรุษ ที่สำคัญมารยาทดีมาก มือไม้อ่อน ซึ่งเขาทำแบบนี้มาตลอด ไม่ใช่เพิ่งทำ (เหมือนจะเว้อแต่บุคลิกเหมือนพระเอกนิยายจริงๆ ทั้ง YouTube TikTok Twitter คอมเม้นท์มาทางเดียวกัน บางคนเรียกเก้าว่า Type พระเอกนิยาย)

พีพี เป็นคนสดใสร่าเริง พูดเก่ง น่ารัก นิสัยดี มีวินัย ใครเห็นก็เอ็นดู ในความสดใสของพีพี

พอคนสุภาพกับเด็กมารยาทดีมาอยู่ด้วยกัน กลายเป็นความน่ารักและความพอดีในความสัมพันธ์ที่คนนอกมองเข้ามา

กระแสคู่จิ้นเริ่มมีตอนเดือนมีนานี้เอง แต่ก่อนหน้านั้นเขาก็สนิทกันอยู่แล้ว [ ตอนเดือนมกราคม เก้ายังพูดหยอกพีพีว่า "อยากกินเนื้อเดี๋ยววันนี้ให้พีช่วยเคี้ยวให้" ขำกันทั้งวงสัมภาษณ์ หยุมกัน หยอกกัน ดูแลกัน อวยกันเอง ทั้งสัม ]

ความสัมพันธ์จะพัฒนาไปแบบไหน อันนี้ต้องลุ้น

แต่ที่แน่ๆ เก้าและพีพีเป็นความสัมพันธ์ที่ดีมากๆ ทั้งสองคนเขาให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน เป็นความสบายใจที่ได้ทำงานด้วยกัน เป็นตัวเองได้เต็มที่เพราะอีกฝ่ายเข้าใจธรรมชาติของอีกคน

พูดแบบชงเลยนะ นี่คือพื้นฐานของความรักเลยล่ะ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ  เก้าเป็นคนไม่ตัดสินคน อยากทำอะไรก็ให้ทำ ซึ่งทำให้พีพีกล้าที่จะทำเพราะอีกคนเข้าใจ

แต่กว่าจะพัฒนามาสนิทกันได้ขนาดนี้ ตามที่หลายคนเห็น คือ ทั้งคู่ทำงานด้วยกันมานาน เห็นกันแทบทุกมุม เพราะกองละครไปถ่ายทำที่ต่างประเทศเจอความลำบากมาด้วยกัน ทำให้เห็นนิสัยกันและกัน ซึ่งพี่คิงผู้กำกับบอกว่าคู่นี้สนิทกันมาก
[ความสนิทนี้ระดับสามารถแย่งข้าวพระเอกทานได้ อันนี้เราอึ้งเบาๆนะ รู้ว่าสนิทกัน แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ พีพีเห็นว่าข้าวในจานเก้าน่ากินก็เลยขอกิน เก้าก็ยอมให้ น้องก็ตักเอาเนื้อๆเน้นๆไปและขออย่างละนิดอย่างละหน่อย จนเก้าต้องเดินไปตักใหม่ ซึ่งเล่าเหมือนเรื่องปกติที่เกิดขึ้นประจำของเขาทั้งคู่ แต่คนฟังหลายๆคนก็อึ้งกันนิดๆนะ]

ประมาณปี 2023 เก้าเคยเล่าในรายการของอาตุ่ยเกี่ยวกับการร่วมงานกับพีพีว่า : เขาเคยกังวลว่า อายุที่ห่างกันมากจะคุยกันรู้เรื่องไหม จะคุยกันคนละภาษารึเปล่า แต่พอมาทำงานด้วยกัน กลับกลายเป็นว่าคุยกันได้ทุกเรื่อง  และด้วยความที่ต้องไปออกกองที่ต่างจังหวัดบ่อย จะมีรถตู้มารับนักแสดง ซึ่งในรถตู้ส่วนใหญ่จะมีแค่เก้ากับพีพี 2 คน ทำให้ทั้งคู่ได้คุยกันตลอด คุยทั้งเรื่องงานและไม่ใช่เรื่องงาน บางเรื่องพีพีก็มาปรึกษาเพราะมองเก้าเป็นพี่ที่โตกว่า แต่ที่เราประทับใจคือ เก้าบอกกับพีพีว่า แม้ว่าเขาโตกว่าแต่บางเรื่องเขาก็สอนพีพีไม่ได้ ถ้าเรื่องไหนที่เขาเคยผ่านมาเขาก็พอจะบอกได้ มันสะท้อนให้เห็นว่าคู่นี้ คุยกันได้ทุกเรื่องจริงๆ เหมือนย้ำคำตอบของสัมภาษณ์เมื่อเดือนที่แล้ว

การดูแลกันและกัน เขาดูแลกันแบบนี้เป็นปกติจริง เพราะดูเบื้องหลังแล้วเข้าใจตามที่เก้าบอก เขาดูแลกันเป็นปกติแบบนี้มานานแล้ว เพียงแต่เราไม่เคยเห็นเพราะกองละครไม่เปิดเผย สิ่งที่เก้าทำไม่ได้เริ่มตอนมีกระแส แต่เขาทำแบบนี้ของเขาอยู่แล้ว [ไม่แปลกใจที่พีพีชมว่า เก้าเป็นสุภาพบุรุษ นิสัยดี เป็นคนน่ารัก]

ยิ่งได้ฟังที่เขาพูดถึงกันและกัน มันมีแต่ความหวังดีต่อกัน

เก้าพูดถึงพีพี : อยากให้น้องได้รับความรักและเป็นที่รู้จักเยอะๆครับ, เป็นกำลังใจให้ทุกๆเรื่องที่ทำ,น้องเป็นคนน่ารัก พออยู่ใกล้แล้วได้รับพลังบวกจากน้อง, น้องเป็นคนขยัน

พีพีถึงเก้า : เขาเป็นสุภาพบุรุษ นิสัยดี เป็นคนน่ารัก, เขาชอบเลี้ยงน้ำทีมงาน เป็นสายเปย์แต่ชอบทำแบบเงียบๆ, ขอให้มีความสุขในทุกๆวัน สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย, มีรอยยิ้มในทุกๆวัน  

ทำให้เราคิดว่าคู่นี้มีโอกาสเป็นคู่จริงสูงมาก [ตอนนี้เราว่ายังเป็นพี่น้องกันอยู่ ให้ความรู้สึกเหมือนหมากคิมสมัยปัญญาชนก้นครัว] ถ้าเจอกันเรื่องที่ 2 เร็ว ก็มีโอกาสพัฒนาเร็ว

คู่นี้ต้องให้งานดึงมาอยู่ด้วยกันก่อน  เพราะสองคนนี้ทำงานตลอด [และถ้ารักกันขึ้นมาจริงๆเดี๋ยวก็หาเวลาให้กันได้เอง]

ตัวอย่างรุ่นพี่ในช่อง
ความรู้สึกดีของณเดชน์กับญาญ่า เกิดขึ้นเรื่องที่สอง เกือบจบตอนถ่ายเกมร้ายเกมรัก

ความรู้สึกดีของหมากคิม น่าจะเริ่มเรื่องที่ 3 หรือ 4 ประมาณ

ทั้ง 2 คู่ ไม่ใช่ว่ามีคนเชียร์ตั้งแต่เรื่องแรกแล้วรักเลย ใช้เวลาในการสานสัมพันธ์กันพักใหญ่ ก่อนจะกลายมาเป็นความรักที่มั่นคงขนาดนี้

และเมื่อวานนี้ หนึ่งในนักแสดงหลักของพรชีวัน บอกว่า สายตาเก้าเปลี่ยนไป

ดังนั้น เวลาจะเป็นคำตอบค่ะ