ปัญหาภายในครอบครัวของผม ที่อยากจะเล่าให้ฟัง (อ่านเเล้วติดขัดก็อย่าว่ากันน่ะ) อ่านเอาขำๆ เเสดงความคิดเห็นได้ครับ

ผมเป็นคนธรรดาคนหนึ่งที่มาทำงานต่างจังหวัด(ทางภาคอีสาน)ที่ไกลจากบ้านเกิด โดยการมาทำงานที่นี้ไม่มีปัญหาอะไร เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า เข้ากันกันได้ดี แต่ติดปัญหาที่ผมต้องมาอาศัยอยู่คนเดียว ที่ซึ่งห่างจากพ่อแม่ พี่น้อง ผมก็หาสาวคุยด้วยแหละ เนื่องจากมันเหงา เบื่อ ไม่มีใครให้คุยด้วยหลังเลิกงาน จนผมก็ได้มีสาวมาคุยด้วยและเริ่มคบหาเป็นแฟนกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากครับ เธอเป็นเหมือนที่พักใจสำหรับผม ที่เหนื่อยล้าจากการทำงานในแต่ละวัน จนเวลาล่วงเลยมาเป็นปีสองปี ผมจึงได้แต่งงานจดทะเบียนสมรสกับเทอ (โดยต่อจากนี้จะเรียกว่า ภรรยา น่ะครับ) โดยนี้เป็นการตัดสินใจที่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาในชีวิตครอบครัวของผม ตอนที่ผมแต่งงานกันภรรยา ผมใช้เงินเก็บส่วนตัวของผมเป็นค่าสินสอด ซึ่งเป็นโชคดีของผมที่ตอนนั้นครอบครัวภรรยาใจดีกับผมมาก เรียกค่าสินสอดไม่เยอะเท่าไหร่ และยังเป็นฝ่ายดำเนินการจัดการงานแต่ง หลังจากงานแต่งเสร็จ ผมจึงชวนภรรยาเดินทางไปบ้านเกิดของผมเพื่อไปไหว้ญาติ ที่ไม่สามารถเดินทางมางานได้ ในการเดินทางกลับเงินที่ใช้ในการเดินก็เป็นเงินที่เหลือของผมที่มีอยู่นิดหน่อย ผมได้เอาเงินที่ได้จากงานแต่งมาใช้เลยผมให้ฝ่ายครอบครัวภรรยาทั้งหมด ถือว่าเป็นการช่วยค่าใช้จ่ายในการจัดงาน และหลังจากการเดินไปบ้านของผมก็กลับมาทำงานใช้ชีวิตกันปกติ จนเวลาผ่านไปภรรยาของผมตั้งครรภ์มันเป็นช่วงเวลาที่ผมดีใจมาที่สุดในชีวิตของผมเลยก็ได้ (ตอนพิมร้องไห้เลยครับ) การได้เห็นขา แขน เล็กๆผ่านจอของหมอ แล้วบอกเป็นลูกสาวยิ่งดีใจขึ้นไปอีก และแล้วมันก็เริ่มเกิดขึ้นภรรยาเข้ามาปรึกษาว่าเธอไปค้ำกู้ให้เพื่อนแล้ว เพื่อนไม่จ่ายตอนนี้เจ้าหนี้โทรตามมาทวงหนี้กับเทอ ผมซึ่งเป็นห่วงภรรยากับลูกในท้องก็ได้โอนเงินเก็บที่จะไว้ใช้ในอนาคตให้กลัวเทอจะเป็นอันตรายเหมือนในข่าว และได้คุยกับภรรยาว่าตอนนี้เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว หลังจากนี้เทอจะไปกู้หรือค้ำให้ใคร เราต้องยินยอมด้วย เทอก็ตอบตกลง เวลาก็ผ่านไปจนครบ 9 เดือน ผมก็ได้เห็นหน้าลูกสาวของผมสักที ได้กอดได้หอมร้องไห้เลยครับ โดยหลักจากนี้ลูกสาวผมฝ่ายครอบครัวภรรยาจะเป็นคนเลี้ยงดูให้ครับ เนื่องจากผมกับภรรยาต้องทำงานกัน แล้วมันก็เกิดขึ้นอีกครั้งภรรยาของผมมาปรึกษาอีกแล้ว เทอมาบอกว่าไปค้ำเงินกู้ให้เพื่อน แล้วเพื่อนไม่จ่ายรวมดอกแล้วเกินครึ่งแสน ผมโกรธเลือดขึ้นหน้าเลย ผมบอกภรรยาไปว่าจะไม่ช่วยแล้ว เพราะหนี้ก้อนนี้เทอสร้างมันขึ้นมาเองก็ต้องรับผิดชอบเองเป็นการทะเลาะครั้งแรกต้องแต่แต่งงานกันมา จนภรรยาของเป็นก็ไปหาเงินโดยขอทางแม่และพ่อของนาง เรื่องก็เลยจบไป แต่ความไว้ใจในตัวภรรยาของผมก็ลดลง พอเวลาผ่านไปได้ 3-4 เดือน ก็เกิดขึ้นครั้งที่ 3 ภรรยาของผมไปค้ำให้เพื่อนอีกแล้ว ผมด่าไปแรงมาก สมองในหัวมันคิดไม่ได้รึไงว่าอะไรดีไม่ดี ผมไม่ช่วยเหมือนเดิมเทอก็ไปให้ทางพ่อแม่ของเทอช่วยเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือรอบนี้ผมโดนครอบครัวฝ่ายภรรยาแชทมาต่อว่าทั้ง พ่อ แม่ และน้องของภรรยา ว่าเป็นไม่ช่วยเหลือภรรยาของตัวเอง หลักจากที่ผมก็ไม่ค่อยได้ไปบ้านของภรรยา เป็นหาลูกบ้างที พอใกล้ถึงช่วงสงกรานต์ มันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ครั้งที่ 4 ไปค้ำให้เพื่อนหรือกู้เองนี้แหละผมก็จำไม่ได้ แต่ผมนี้เดือดเลย ไปบอกพ่อแม่ไปกุไม่ช่วย ภรรยาโกรธผมมากครับบอกผมว่าเป็นผัวกุยังไงไม่เคยช่วยกุเลย แล้วเทอก็ออกไป ไหนก็ไม่รู้ แต่ว่าพอเช้าเพื่อนภรรยาก็โทรมาหาผมว่าภรรยาผมเข้าโรงพยาบาล ผมก็รีบไปเลยและได้รู้ว่าภรรยาเป็นโรงซึมเศร้า ผมก็คุยกับพยาบาล พยาบาลบอกว่าคนไข้ขับรถมาเองเนื่องจากเจ็บหน้าอกและหยุดร้องไห้ไม่ได้ ทำร้ายตัวเองอีก (ผมรู้สึกผิดมาก) หลักจากออกจาก รพ. เทอใช้ชีวิตปกติมีร้องไห้บอกทำร้ายตัวเองบ้าง พอถึงวันสงกรานต์ผมไม่อยู่กลับบ้านไปหาพ่อแม่ของผมแต่ผมก็ไม่เคยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในท่านฟัง ในวันที่ผมกลับมาจากบ้านเกิดเป็นวันสงกรานต์วันสุดท้าย ผมไม่เจอภรรยาติดต่อก็ไม่ได้ เวลาเลยไปถึงเที่ยงคืนภรรยากลับมาผมก็ได้รู้ว่าออกไปเล่นน้ำกับเพื่อนแต่การแต่งตัวก็โชว์เนื้อตัวมากไป ผมก็เลยโกรธมากเลย ไม่มีการบอกอะไรเลยว่าจะไปไหนแล้วกันแต่งตัวอีก แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ผมด่าเทอแต่ผมพูดไม่คิดผมเลยด่าไปว่า “แต่งตัวเป็นกระ....รี่หาคว...ผู้ชายรึไง” พูดไปภรรยาผมจับอกตัวเองแล้วขับรถออกไปเลยครับ พอเช้าก็เพื่อนภรรยาโทรมาอีกแล้วว่าเข้า รพ. เนื่องจุกอกและร้องไห้ไม้หยุด(โรคซึกเศร้า)ผมก็รีบไปดูแลเหมือนเดิม ปรับความเข้าใจกันใหม่ ก็กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมกัน ตอนนี้ผมไม่ขัดใจเทอเลย เทออยากออกไปกินเหล้ากับเพื่อนผมก็ให้ไปไม่อยากขัดกลัวโรคซึมเศร้าหนัก ส่วนผมที่ภรรยาไปเที่ยวก็ได้แต่นอนอยู่ที่ห้องคนเดี่ยวไม่มีที่ให้ไปไหนเพราะไม่มีเพื่อน ภรรยาผมก็เคยชวนไปร้านเหล้าด้วยน่ะแต่ผมไม่ไปผมไม่ชอบอะไรแบบนี้ แล้วมันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ครั้งที่ 5 มันเป็นหนี้อีกแล้ว แต่รอบนี้ภรรยาไม่บอกผมแต่ไปบอกทางแม่เลย แล้วแม่ก็ได้แชทมาหาผมว่าแม่ช่วยไม่ไหวแล้วน่ะ ช่วยที่ละครึ่งแสนเกือบแสน แล้วแม่ก็บอกว่าภรรยาผมเป็นหนี้เพราะไปเล่นการพนัน ผมเลยคิดย้อนกลับไปว่าที่ผ่านมาที่มันบอกค้ำนี้คือหนี้พนันรึป่าว แต่ผมก็ไม่ยุ่งอะไรด้วยแล้วบอกแม่ภรรยาไปว่าปล่อยมันไปให้มันหาทางเอาเอง แต่เมื่อตั้งเดือนนี้ผมก็ไม่รู้ผมเป็นอะไรก็ได้พูดเรื่องที่มันไปกู้หนี้มาเล่นพนันแล้วนางก็บอกว่าเคยสนใจกูไหม เคยช่วยกูไหม กูต้องซื้อของใช้ให้ลูกเคยถามไหมว่าพอไหม (ผมให้น่ะครับ ผมให้ภรรยาอยู่ 5-6พัน และภรรยาผมก็ทำงานน่ะครับ เงินเดือนผมประมาณ 14,000 บ.หักแล้วเหลือ 11,500 บ. ออมไว้ 5พัน เหลือ 1,500 บ. เป็นเงินที่ผมใช้อยู่ในแต่ละเดือน) วันนี้วันที่ผมพิมปัญหานี้ภรรยาของผมก็ออกไปกินเหล้ากับเพื่อน โดยทิ้งผมไปห้องที่น่าเบื่อ และเหงา เหมือนวันแรกที่ผมเข้ามาทำงานที่ต่างจังหวัด ผมก็เคยคิดอยากจะขอหย่าน่ะครับ แต่ผมก็คิดว่าถ้าหย่าแล้วลูกละ ผมจะได้เจอลูกอีกไหมหลังจากหย่าและย้ายกลับไปทำงานที่บ้านเกิด ผมอยากเท่าลูกไปเลี้ยงเองแต่ลูกก็พึ่ง 1 ขวบ ยังออกจากแม่ไม่ได้ฝ่ายภรรยาก็ไม่ยอมแน่ๆ มันเป็นเรื่อตลกขำๆที่มาเล่าให้ฟังน่ะ ในวัย20 กลางๆก่อน 30 ของผม55555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่