ไทยสร้างไทย จับตากองทัพจัดซื้ออาวุธงบฯ68
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_732875/
ไทยสร้างไทย ชี้ จัดงบปี68จับตาการจัดซื้ออาวุธ แนะหยุดยืมจมูกต่างชาติหายใจ หันอุดหนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของเราเอง พร้อมสร้างแต้มต่อให้คนไทยสามารถแข่งกันกับต่างประเทศได้
นาย
ชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และกรรมาธิการงบประมาณปี 2567 ให้ความเห็นกรณีรัฐบาลเปิดสภาสมัยวิสามัญพิจารณางบประมาณปี 68 ระหว่าง 19 – 21 มิ.ย.67 ว่าตนจะติดตามข้อสังเกตของงบปี 2567 ที่ให้กระทรวงกลาโหมและ 3 เหล่าทัพให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยควรส่งเสริมให้ประเทศไทยยืนอยู่บนขาของตัวเอง เช่นเดียวกับหลายประเทศที่ในอดีตมีพัฒนาการใกล้เคียงกับประเทศไทย
แต่ปัจจุบันประเทศเหล่านั้นได้พัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศก้าวหน้ากว่าประเทศไทยไปหลายช่วงตัว ยิ่งยามนี้มีศึกสงครามใกล้ ไกล เกิดขึ้นในหลายภูมิภาค ซึ่งอาจกระทบกับประเทศไทยในอนาคตได้ เราจะยืมจมูกคนอื่นหายใจเป็นหลักคงไม่ได้ แต่ต้องยืนอยู่บนขาของตนเอง แล้วพัฒนาให้แข็งแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบัน หากมีการจ้างงานในประเทศ เศรษฐกิจก็จะเกิดการหมุนเวียน แรงงานไทยก็จะมีงานทำเพิ่มขึ้น
ตนขอเสนอแนะต่อรัฐบาลในการสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยให้เท่าเทียมก้บการแข่งขันจากต่างประเทศ เช่น “การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม และอากรนำเข้าสินค้า” กล่าวคือผู้ยื่นข้อเสนอเข้าแข่งขันการประมูลโครงการฯ ที่เป็นบริษัทต่างประเทศจะไม่มีต้นทุนในเรื่องของภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรนําเข้าสินค้า เนื่องจากสินค้า จากผู้ผลิตต่างประเทศสามารถส่งไปยังหน่วยงานรัฐ (consignee) ได้โดยตรง ทําให้สามารถยกเว้นเรื่อง ภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรนําเข้าสินค้า
แต่บริษัทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยจะต้องดําเนินพิธีศุลกากร นําเข้าสินค้าในนามบริษัทเองโดยจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรนําเข้าสินค้า และยังโดนหักภาษีมูลค่าเพิ่ม จากวงเงินมูลค่าสัญญาอีกด้วย ทําให้ปริมาณเงินที่ใช้ในการบริหารโครงการเดียวกันเปรียบเทียบการจัดซื้อจากบริษัทผู้ผลิตต่างประเทศกับผู้ผลิตของไทยไม่เท่ากัน
ดังนั้นแนวทางการแก้ปัญหา ควรกําหนด ระเบียบปฏิบัติให้เกิดความเท่าเทียมกันในกรณีมีการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตจากต่างประเทศ และบริษัทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย ซึ่งรัฐบาลต่างประเทศล้วนอุดหนุนอุตสาหกรรมประเทศของตนในการแข่งขันกับต่างประเทศทั้งสิ้น
อีกประเด็นหนึ่งที่จะต้องติดตามการจัดสรรงบประมาณ ปี 68ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวัง อาหารปลอดภัย อย่างมีนัยสำคัญเป็นระบบครบวงจรหรือไม่ เพราะปัจจุบันคนไทย”ตายผ่อนส่ง” จากการรับประทานผัก ผลไม้ที่มีสารเคมีปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐาน โดยประเทศที่เจริญแล้วมีสัดส่วนสารเคมีปนเปื้อนในผัก ผลไม้ ไม่เกิน 5% แต่ประเทศไทยปนเปื้อนเกิน 60%
ตนได้เสนอแนะในที่ประชุมคณะกรรมาธิการงบประมาณปี 67 ว่า ควรบูรณาการงานเฝ้าระวังอาหารปลอดภัย ระหว่างกระทรวงและหน่วยงานให้มีเอกภาพ ได้แก่กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือแม้แต่ในกระทรวงเดียวกัน เช่น กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงาน
อย. กับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แล็ปในการตรวจสอบไม่สามารถสุ่มตรวจผัก ผลไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันการณ์ ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้จากแหล่งในประเทศ และตามด่านที่มีการนำเข้าผัก ผลไม้จากต่างประเทศ
หากประเทศไทยต้องการลดอัตรา “การตายผ่อนส่ง” จากพิษของสารเคมีปนเปื้อนผัก ผลไม้เกินค่ามาตรฐาน ต้องเอาจริงเอาจัง เคร่งครัดกับมาตรการเฝ้าระวัง # อาหารปลอดภัย ให้มีเอกภาพ อย่างเป็นระบบครบวงจร และควรให้หน่วยงานของรัฐดังกล่าวสร้างกลไก เฝ้าระวัง อาหารปลอดภ้ยกับเครือข่ายภาคประชาชนและสภาองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค ก็จะทำให้งานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยพรรคไทยสร้างไทยจะติดตามเรื่องนี้ต่อไปอย่างใกล้ชิด
“สมชัย” โพสต์ หวยวันที่ 18 มิ.ย.ออกได้ 2 หน้า
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_732856/
“สมชัย” โพสต์ หวยวันที่ 18 มิ.ย.ออกได้ 2 หน้า บอกเป็นวันธงไชย วันมงคล ขึ้นอยู่กับศาลจะตีความว่า “ก็ได้” คือ ต้องทำ หรือ “ไม่ทำก็ได้”
นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และในฐานะผู้ผ่านการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับอำเภอ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “
สมชัย ศรีสุทธิยากร” ในหัวข้อ “
หวยวันที่ 18 ออกได้ 2 หน้า” มีเนื้อหาดังนี้
18 มิถุนายน 2567 วันธงไชย เป็นวันดี วันมงคล เหมาะสำหรับการประกอบมงคลต่าง ๆ เช่นขึ้นบ้านใหม่ ซื้อรถใหม่ เปิดกิจการใหม่ 18 มิถุนายน 2567 ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยว่า พ.ร.ป. เลือก สว. ขัดกับ รัฐธรรมนูญหรือไม่
ต้องเปิด “มาตรา 107 ของรัฐธรรมนูญ” ต้องเปิดเอกสาร “ความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญ 2560” ที่อธิบายสาระสำคัญมาตรา 107 ไว้ในหน้า 191วรรคสอง มาตรา 107 มีคำปริศนาน่าสนใจ “จะกำหนดมิให้ผู้สมัครในแต่ละกลุ่มเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน…….ก็ได้”
เอกสาร ความมุ่งหมายและคำอธิบายรายมาตรา หน้า 191 ย่อหน้าที่สอง เขียนให้ชวนคิดว่า “การกำหนดในรัฐธรรมนูญให้ไม่สามารถกำหนดมิให้สมาชิก
หวยวันที่ 18 จึงมีโอกาสเกิดขึ้นได้ 2 หน้า ขึ้นอยู่กับศาลจะตีความว่า “ก็ได้” คือ ต้องทำ หรือ ไม่ทำก็ได้ วันอังคารที่ 18 เป็นธงไชย เป็นวันมงคล เหมาะสำหรับการประกอบกิจการใหม่
สุดทน ‘บอร์ดกุ้งไทย’ ปล่อยนำเข้าจนราคาในประเทศตกต่ำต่อเนื่อง วอน พาณิชย์-เกษตร แก้ไขเร่งด่วน
https://www.matichon.co.th/region/news_4628686
ตัวแทนผู้เลี้ยงกุ้งสงขลาประนามชริมป์บอร์ดไทยปล่อยนำเข้ากุ้งจนเกิดวิกฤตราคากุ้งในไทย ยันไม่เห็นด้วยกับแนวทางชุมนุม ของผู้เลี้ยงกุ้งตรังกับนครศรีฯ
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีสถานการณ์ราคากุ้ง ที่ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง แม้เกษตรกรจะเคลื่อนไหว ในหลายจังหวัดเพื่อเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพานิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เพื่อให้หาแนวทางในการช่วยเหลือ มานานกว่า 2 สัปดาห์ แต่ก็ยังไม่ได้มีแนวทางใดออกมา
โดยนาย
ปรีชา สุขเกษม ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในจังหวัดสงขลาสะท้อนหลังราคากุ้งตกต่ำหนักกลไกตลาดเปลี่ยนหลังผู้ประกอบการห้องเย็นหันมานำเข้ากุ้งจากต่างประเทศเข้าไทยทำให้อำนาจการต่อรองของเกษตรกรไม่มี สุดท้ายกระบวนการนี้จะให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งของไทยจะค่อยๆ เลิกเลี้ยงและหายไปในที่สุดอนาคตไทยอาจจะเป็นผู้นำเข้ากุ้งจากต่างประเทศมาให้คนไทยรับประทานแทนก็เป็นได้
นาย
ปรีชากล่าวว่า ขณะนี้ราคากุ้งปัจจุบันผันผวนตามผู้ประกอบการห้องเย็น จากเดิมกุ้งขนาด 30 ตัวต่อกิโลกรัมละ 230-250 บาทจากราคารับซื้อหน้าบ่อแต่วันนี้พ่อค้าคนกลางมาตีราคาหน้าบ่อให้เราเพียง 160 บาทต่อกิโลกรัม ตนเองจึงตัดใจไม่ขายเพราะหวังว่าราคาจะดีขึ้นจากที่เป็นอยู่ในขณะนี้ก็เป็นได้
“
ปีนี้เราผลิตกุ้งได้เกือบ 100 ตัน แต่ไม่มีกำไรซึ่งมันเจ็บปวดมาก ผมทำงานมา 4 เดือนแล้วเอากุ้งที่ผมเลี้ยงไปให้ห้องเย็นขายฟรีๆ เพราะเราไม่มีกำไรแต่จำเป็นต้องขายด้วยความเจ็บปวด” ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งกล่าว
โดยนาย
ปรีชา กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤตเช่นนี้เพราะปัจจัยหลายอย่างเช่น 1.ราคากุ้งตกต่ำเพราะกลไกตลาดภายในประเทศถูกบิดเบือนโดยเฉพาะพ่อค้าคนกลางคือโรงงานห้องเย็นเพราะเกิดจากเอากุ้งไปส่งและถูกตีกลับมาหลายร้อยล้านเขาจึงมากดราคาเราเพื่อหากำไร 2.หน่วยงานของรัฐไม่ได้มากำกับดูแลให้เป็นราคากุ้งเป็นไปโดยสุจริตธรรม ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์หรือกรมประมงจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เลย
“
โดยก่อนหน้านี้เขาบอกให้เราผลิตกุ้งที่ดี อร่อย แต่พอเราทำได้เขากลับไม่ดูแลเรื่องราคาให้เราอย่างเป็นธรรมถ้าเป็นแบบนี้เกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้แน่นอน โดยปัญหามาจากการที่กรมประมงและกระทรวงพาณิชย์ตั้งชริมป์บอร์ด หรือ บอร์ดกุ้ง ขึ้นมาเป็นเครื่องมืออนุญาตให้นำกุ้งจากต่างประเทศเข้ามา เมื่อกุ้งต่างประเทศเข้ามาในไทยการต่อรองทางธุรกิจของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งหายไปเลย เนื่องจากห้องเย็นซึ่งเป็นคู่ค้ากับเราเขามีทางเลือก เพราะทุกครั้งที่เราผลิตกุ้งได้น้อยเพราะต้นทุนที่สูงแบกรับไม่ไหวห้องเย็นก็จะนำเข้ากุ้งเข้ามาทันที จากเดิมที่เราแบ่งหน้าที่กันทำคือเกษตรกรผลิตกุ้ง ห้องเย็นเป็นผู้ทำการตลาดแต่ทุกวันนี้ดุลของอุตสาหกรรมกุ้งมันเปลี่ยนไปเรื่องนี้จึงจำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้นแล้วจะทำให้การผูกขาดของห้องเย็น”นาย
ปรีชา กล่าว
นาย
ปรีชา กล่าวว่า สำหรับตลาดกุ้งจะทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งหายไปจากประเทศไทยในที่สุดอีกหน่อยเราคงต้องซื้อกุ้งจากต่างประเทศมากินแทน ซึ่งขณะนี้ทราบว่านายทุนห้องเย็นในประเทศไทยมีเพียง 3 รายและที่เหลือคือนอมินีแบบนี้มันจะไม่ส่งผลดีกับเศรษฐกิจโดยรวมโดยเฉพาะความมั่นคงทางอาหารเพราะเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งเราจากเดิมที่เราเคยภาคภูมิใจกับการเป็นผู้สร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศชาติ ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศ จาการตัดสินใจของชริมป์บอร์ด จึงต้องประณามการตัดสินใจครั้งนั้น เพราะตลอด 2 ปี ที่อนุญาตให้นำเข้ากุ้ง ราคากุ้งก็ผันผวน และ ตกต่ำมาโดยตลอด แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ก็ไม่เห็นว่า ชริมป์บอร์ด จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร
นาย
ปรีชา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่มีผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้งในจังหวัดตรังและนครศรีธรรมราช ประกาศว่าจะมาชุมนุมประท้วงปิดสะพานติณสูลานนท์ ที่จังหวัดสงขลานั้น ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งสงขลากล่าวด้วยว่า การชุมนุมไม่ได้ทำให้ราคากุ้งเราดีขึ้นและไม่เห็นด้วยการชุมนุมครั้งนี้ อีกอย่างคือมันไม่เป็นธรรมกับชาวจังหวัดสงขลาเราไม่ควรทำแบบนี้ในเมื่อเรามีชริมปบอร์ดน่าจะยิ่งใหญ่พอที่เข้ามาแก้ปัญหาราคากุ้งให้พี่น้องเกษตรกรได้ เพราะสุดท้ายแล้วหากแก้ปัญหาไม่ได้ก็ลาออกไปอย่าอยู่ทำร้ายเกษตรกรอีกเลย
JJNY : ไทยสร้างไทย จับตากองทัพ│“สมชัย”โพสต์ หวยวันที่ 18มิ.ย.│สุดทน ‘บอร์ดกุ้งไทย’ ปล่อยนำเข้า│G7 เห็นชอบแผนเงินกู้
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_732875/
ไทยสร้างไทย ชี้ จัดงบปี68จับตาการจัดซื้ออาวุธ แนะหยุดยืมจมูกต่างชาติหายใจ หันอุดหนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของเราเอง พร้อมสร้างแต้มต่อให้คนไทยสามารถแข่งกันกับต่างประเทศได้
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และกรรมาธิการงบประมาณปี 2567 ให้ความเห็นกรณีรัฐบาลเปิดสภาสมัยวิสามัญพิจารณางบประมาณปี 68 ระหว่าง 19 – 21 มิ.ย.67 ว่าตนจะติดตามข้อสังเกตของงบปี 2567 ที่ให้กระทรวงกลาโหมและ 3 เหล่าทัพให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยควรส่งเสริมให้ประเทศไทยยืนอยู่บนขาของตัวเอง เช่นเดียวกับหลายประเทศที่ในอดีตมีพัฒนาการใกล้เคียงกับประเทศไทย
แต่ปัจจุบันประเทศเหล่านั้นได้พัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศก้าวหน้ากว่าประเทศไทยไปหลายช่วงตัว ยิ่งยามนี้มีศึกสงครามใกล้ ไกล เกิดขึ้นในหลายภูมิภาค ซึ่งอาจกระทบกับประเทศไทยในอนาคตได้ เราจะยืมจมูกคนอื่นหายใจเป็นหลักคงไม่ได้ แต่ต้องยืนอยู่บนขาของตนเอง แล้วพัฒนาให้แข็งแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบัน หากมีการจ้างงานในประเทศ เศรษฐกิจก็จะเกิดการหมุนเวียน แรงงานไทยก็จะมีงานทำเพิ่มขึ้น
ตนขอเสนอแนะต่อรัฐบาลในการสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยให้เท่าเทียมก้บการแข่งขันจากต่างประเทศ เช่น “การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม และอากรนำเข้าสินค้า” กล่าวคือผู้ยื่นข้อเสนอเข้าแข่งขันการประมูลโครงการฯ ที่เป็นบริษัทต่างประเทศจะไม่มีต้นทุนในเรื่องของภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรนําเข้าสินค้า เนื่องจากสินค้า จากผู้ผลิตต่างประเทศสามารถส่งไปยังหน่วยงานรัฐ (consignee) ได้โดยตรง ทําให้สามารถยกเว้นเรื่อง ภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรนําเข้าสินค้า
แต่บริษัทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยจะต้องดําเนินพิธีศุลกากร นําเข้าสินค้าในนามบริษัทเองโดยจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรนําเข้าสินค้า และยังโดนหักภาษีมูลค่าเพิ่ม จากวงเงินมูลค่าสัญญาอีกด้วย ทําให้ปริมาณเงินที่ใช้ในการบริหารโครงการเดียวกันเปรียบเทียบการจัดซื้อจากบริษัทผู้ผลิตต่างประเทศกับผู้ผลิตของไทยไม่เท่ากัน
ดังนั้นแนวทางการแก้ปัญหา ควรกําหนด ระเบียบปฏิบัติให้เกิดความเท่าเทียมกันในกรณีมีการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตจากต่างประเทศ และบริษัทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย ซึ่งรัฐบาลต่างประเทศล้วนอุดหนุนอุตสาหกรรมประเทศของตนในการแข่งขันกับต่างประเทศทั้งสิ้น
อีกประเด็นหนึ่งที่จะต้องติดตามการจัดสรรงบประมาณ ปี 68ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวัง อาหารปลอดภัย อย่างมีนัยสำคัญเป็นระบบครบวงจรหรือไม่ เพราะปัจจุบันคนไทย”ตายผ่อนส่ง” จากการรับประทานผัก ผลไม้ที่มีสารเคมีปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐาน โดยประเทศที่เจริญแล้วมีสัดส่วนสารเคมีปนเปื้อนในผัก ผลไม้ ไม่เกิน 5% แต่ประเทศไทยปนเปื้อนเกิน 60%
ตนได้เสนอแนะในที่ประชุมคณะกรรมาธิการงบประมาณปี 67 ว่า ควรบูรณาการงานเฝ้าระวังอาหารปลอดภัย ระหว่างกระทรวงและหน่วยงานให้มีเอกภาพ ได้แก่กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือแม้แต่ในกระทรวงเดียวกัน เช่น กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงาน
อย. กับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แล็ปในการตรวจสอบไม่สามารถสุ่มตรวจผัก ผลไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันการณ์ ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้จากแหล่งในประเทศ และตามด่านที่มีการนำเข้าผัก ผลไม้จากต่างประเทศ
หากประเทศไทยต้องการลดอัตรา “การตายผ่อนส่ง” จากพิษของสารเคมีปนเปื้อนผัก ผลไม้เกินค่ามาตรฐาน ต้องเอาจริงเอาจัง เคร่งครัดกับมาตรการเฝ้าระวัง # อาหารปลอดภัย ให้มีเอกภาพ อย่างเป็นระบบครบวงจร และควรให้หน่วยงานของรัฐดังกล่าวสร้างกลไก เฝ้าระวัง อาหารปลอดภ้ยกับเครือข่ายภาคประชาชนและสภาองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค ก็จะทำให้งานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยพรรคไทยสร้างไทยจะติดตามเรื่องนี้ต่อไปอย่างใกล้ชิด
“สมชัย” โพสต์ หวยวันที่ 18 มิ.ย.ออกได้ 2 หน้า
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_732856/
“สมชัย” โพสต์ หวยวันที่ 18 มิ.ย.ออกได้ 2 หน้า บอกเป็นวันธงไชย วันมงคล ขึ้นอยู่กับศาลจะตีความว่า “ก็ได้” คือ ต้องทำ หรือ “ไม่ทำก็ได้”
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และในฐานะผู้ผ่านการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับอำเภอ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “สมชัย ศรีสุทธิยากร” ในหัวข้อ “หวยวันที่ 18 ออกได้ 2 หน้า” มีเนื้อหาดังนี้
18 มิถุนายน 2567 วันธงไชย เป็นวันดี วันมงคล เหมาะสำหรับการประกอบมงคลต่าง ๆ เช่นขึ้นบ้านใหม่ ซื้อรถใหม่ เปิดกิจการใหม่ 18 มิถุนายน 2567 ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยว่า พ.ร.ป. เลือก สว. ขัดกับ รัฐธรรมนูญหรือไม่
ต้องเปิด “มาตรา 107 ของรัฐธรรมนูญ” ต้องเปิดเอกสาร “ความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญ 2560” ที่อธิบายสาระสำคัญมาตรา 107 ไว้ในหน้า 191วรรคสอง มาตรา 107 มีคำปริศนาน่าสนใจ “จะกำหนดมิให้ผู้สมัครในแต่ละกลุ่มเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน…….ก็ได้”
เอกสาร ความมุ่งหมายและคำอธิบายรายมาตรา หน้า 191 ย่อหน้าที่สอง เขียนให้ชวนคิดว่า “การกำหนดในรัฐธรรมนูญให้ไม่สามารถกำหนดมิให้สมาชิก
หวยวันที่ 18 จึงมีโอกาสเกิดขึ้นได้ 2 หน้า ขึ้นอยู่กับศาลจะตีความว่า “ก็ได้” คือ ต้องทำ หรือ ไม่ทำก็ได้ วันอังคารที่ 18 เป็นธงไชย เป็นวันมงคล เหมาะสำหรับการประกอบกิจการใหม่
สุดทน ‘บอร์ดกุ้งไทย’ ปล่อยนำเข้าจนราคาในประเทศตกต่ำต่อเนื่อง วอน พาณิชย์-เกษตร แก้ไขเร่งด่วน
https://www.matichon.co.th/region/news_4628686
ตัวแทนผู้เลี้ยงกุ้งสงขลาประนามชริมป์บอร์ดไทยปล่อยนำเข้ากุ้งจนเกิดวิกฤตราคากุ้งในไทย ยันไม่เห็นด้วยกับแนวทางชุมนุม ของผู้เลี้ยงกุ้งตรังกับนครศรีฯ
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีสถานการณ์ราคากุ้ง ที่ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง แม้เกษตรกรจะเคลื่อนไหว ในหลายจังหวัดเพื่อเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพานิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เพื่อให้หาแนวทางในการช่วยเหลือ มานานกว่า 2 สัปดาห์ แต่ก็ยังไม่ได้มีแนวทางใดออกมา
โดยนายปรีชา สุขเกษม ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในจังหวัดสงขลาสะท้อนหลังราคากุ้งตกต่ำหนักกลไกตลาดเปลี่ยนหลังผู้ประกอบการห้องเย็นหันมานำเข้ากุ้งจากต่างประเทศเข้าไทยทำให้อำนาจการต่อรองของเกษตรกรไม่มี สุดท้ายกระบวนการนี้จะให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งของไทยจะค่อยๆ เลิกเลี้ยงและหายไปในที่สุดอนาคตไทยอาจจะเป็นผู้นำเข้ากุ้งจากต่างประเทศมาให้คนไทยรับประทานแทนก็เป็นได้
นายปรีชากล่าวว่า ขณะนี้ราคากุ้งปัจจุบันผันผวนตามผู้ประกอบการห้องเย็น จากเดิมกุ้งขนาด 30 ตัวต่อกิโลกรัมละ 230-250 บาทจากราคารับซื้อหน้าบ่อแต่วันนี้พ่อค้าคนกลางมาตีราคาหน้าบ่อให้เราเพียง 160 บาทต่อกิโลกรัม ตนเองจึงตัดใจไม่ขายเพราะหวังว่าราคาจะดีขึ้นจากที่เป็นอยู่ในขณะนี้ก็เป็นได้
“ปีนี้เราผลิตกุ้งได้เกือบ 100 ตัน แต่ไม่มีกำไรซึ่งมันเจ็บปวดมาก ผมทำงานมา 4 เดือนแล้วเอากุ้งที่ผมเลี้ยงไปให้ห้องเย็นขายฟรีๆ เพราะเราไม่มีกำไรแต่จำเป็นต้องขายด้วยความเจ็บปวด” ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งกล่าว
โดยนายปรีชา กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤตเช่นนี้เพราะปัจจัยหลายอย่างเช่น 1.ราคากุ้งตกต่ำเพราะกลไกตลาดภายในประเทศถูกบิดเบือนโดยเฉพาะพ่อค้าคนกลางคือโรงงานห้องเย็นเพราะเกิดจากเอากุ้งไปส่งและถูกตีกลับมาหลายร้อยล้านเขาจึงมากดราคาเราเพื่อหากำไร 2.หน่วยงานของรัฐไม่ได้มากำกับดูแลให้เป็นราคากุ้งเป็นไปโดยสุจริตธรรม ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์หรือกรมประมงจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เลย
“โดยก่อนหน้านี้เขาบอกให้เราผลิตกุ้งที่ดี อร่อย แต่พอเราทำได้เขากลับไม่ดูแลเรื่องราคาให้เราอย่างเป็นธรรมถ้าเป็นแบบนี้เกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้แน่นอน โดยปัญหามาจากการที่กรมประมงและกระทรวงพาณิชย์ตั้งชริมป์บอร์ด หรือ บอร์ดกุ้ง ขึ้นมาเป็นเครื่องมืออนุญาตให้นำกุ้งจากต่างประเทศเข้ามา เมื่อกุ้งต่างประเทศเข้ามาในไทยการต่อรองทางธุรกิจของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งหายไปเลย เนื่องจากห้องเย็นซึ่งเป็นคู่ค้ากับเราเขามีทางเลือก เพราะทุกครั้งที่เราผลิตกุ้งได้น้อยเพราะต้นทุนที่สูงแบกรับไม่ไหวห้องเย็นก็จะนำเข้ากุ้งเข้ามาทันที จากเดิมที่เราแบ่งหน้าที่กันทำคือเกษตรกรผลิตกุ้ง ห้องเย็นเป็นผู้ทำการตลาดแต่ทุกวันนี้ดุลของอุตสาหกรรมกุ้งมันเปลี่ยนไปเรื่องนี้จึงจำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้นแล้วจะทำให้การผูกขาดของห้องเย็น”นายปรีชา กล่าว
นายปรีชา กล่าวว่า สำหรับตลาดกุ้งจะทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งหายไปจากประเทศไทยในที่สุดอีกหน่อยเราคงต้องซื้อกุ้งจากต่างประเทศมากินแทน ซึ่งขณะนี้ทราบว่านายทุนห้องเย็นในประเทศไทยมีเพียง 3 รายและที่เหลือคือนอมินีแบบนี้มันจะไม่ส่งผลดีกับเศรษฐกิจโดยรวมโดยเฉพาะความมั่นคงทางอาหารเพราะเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งเราจากเดิมที่เราเคยภาคภูมิใจกับการเป็นผู้สร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศชาติ ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศ จาการตัดสินใจของชริมป์บอร์ด จึงต้องประณามการตัดสินใจครั้งนั้น เพราะตลอด 2 ปี ที่อนุญาตให้นำเข้ากุ้ง ราคากุ้งก็ผันผวน และ ตกต่ำมาโดยตลอด แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ก็ไม่เห็นว่า ชริมป์บอร์ด จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร
นายปรีชา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่มีผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้งในจังหวัดตรังและนครศรีธรรมราช ประกาศว่าจะมาชุมนุมประท้วงปิดสะพานติณสูลานนท์ ที่จังหวัดสงขลานั้น ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งสงขลากล่าวด้วยว่า การชุมนุมไม่ได้ทำให้ราคากุ้งเราดีขึ้นและไม่เห็นด้วยการชุมนุมครั้งนี้ อีกอย่างคือมันไม่เป็นธรรมกับชาวจังหวัดสงขลาเราไม่ควรทำแบบนี้ในเมื่อเรามีชริมปบอร์ดน่าจะยิ่งใหญ่พอที่เข้ามาแก้ปัญหาราคากุ้งให้พี่น้องเกษตรกรได้ เพราะสุดท้ายแล้วหากแก้ปัญหาไม่ได้ก็ลาออกไปอย่าอยู่ทำร้ายเกษตรกรอีกเลย