JJNY : หมออ๋อง ยันยังไม่สรุป│“ชวลิต” มองนิรโทษ 112 ควรยึดสายกลาง│ค่ายรถแห่ลดกำลังผลิต│ลั่นรัสเซียต้องเป็นฝ่ายถอนทหาร

หมออ๋อง ยันยังไม่สรุป ไอโอบุกโหวตคว่ำ ร่างนิรโทษ แต่พบผิดปกติจริง มีไอพีซ้ำๆเข้ามาพรึบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4628261

 
‘ปดิพัทธ์’ เผย ยังไม่ได้ข้อสรุปผลสอบไอโอโหวตคว่ำร่างกม.นิรโทษ ฉบับปชช. เมิน เสียงตะเพิดพ้นเก้าอีกรองปธ.สภาฯ
 
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบ IP Address กรณีการแสดงความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)นิรโทษกรรม พ.ศ…. ที่เสนอโดย น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 36,723 คน ที่พบความผิดปกติ ว่า เราแบ่งการตรวจสอบออกเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรกเป็นเรื่องร้องเรียนของประชาชนที่ร้องเรียนว่า เมื่อใช้บริการเว็บไซต์แล้วเกิดการเออเร่อ เช่น การคัดลอกยูอาร์แอลแล้วสามารถลงชื่อซ้ำได้ ซึ่งเราได้ทำการแก้ไขแล้ว
 
นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ประชาชนเขาร้องเรียนมาว่าผู้ที่ลงชื่อมีตัวตนจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบในการยืนยันตัวตน ซึ่งหากมีการให้ยืนยันตัวตนมากเกินไปก็จะทำให้ประชาชนไม่กล้าแสดงความคิดเห็น โดยเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าชื่อเสนอกฎหมายต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน ขณะที่เว็บไซต์ที่เปิดให้แค่แสดงความเห็นนั้นก็ต้องสมดุลกันระหว่างความเห็นเสรีกับความปลอดภัย ซึ่งจะต้องมีการคุยกันในระดับนโยบายอีกครั้งว่าจะชั่งตวงวัดกันอย่างไร
 
นายปดิพัทธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่สองคือ เรื่อง IP Address เมื่อเช็กแล้วพบว่าในวันที่ 11-12 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น มีการใช้ IP Address ซ้ำกันในการเข้ามาให้ความเห็น ซึ่งมีปริมาณสูงมากและสูงกว่าร่างกฎหมายอื่นหลายเท่า โดยสามารถแปลความได้หลายอย่าง ซึ่งเป็นข้อสังเกตที่เราต้องเข้าไปศึกษาในรายละเอียดว่า IP Address มาจากไหน อย่างไร เป็นในรูปแบบของการโจมตีทางไซเบอร์ (Cyeber Attack) หรืออาจจะเกิดขึ้นโดยปกติ ซึ่งเรายังไม่ได้สรุปในส่วนนี้
 
เมื่อถามถึง กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการเกณฑ์ไอโอมาลงชื่อนั้น นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เป็นหนึ่งในความเป็นไปได้ แต่เรายังสรุปไม่ได้ตราบใดที่เรายังไม่รู้ที่มาที่ไปที่ชัดเจน ย้ำว่าการความพีคขึ้นในช่วงวันที่ 11-12 มิถุนายนที่มี IP Address ซ้ำๆ เข้ามาลงชื่อ
 
เมื่อถามถึง กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าหลังปิดรับฟังความคิดเห็นไปแล้ว แต่ยอดที่ไม่เห็นด้วยกลับลดลง นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้ตนต้องตรวจสอบอีกครั้ง เพราะเรายังไม่ได้ข้อสรุปเป็นช่วงเวลาเช่นนั้น แต่เนื่องจากเว็บไซต์เราไม่ได้นำผลไปใช้ทางกฎหมาย เป็นแค่เว็บไซต์ที่หยั่งเสียงเพื่อรับฟังความคิดเห็นประกอบรายงานเท่านั้น การที่จะทำให้เว็บไซต์เจาะไม่ได้เลยก็ต้องแลกมาด้วยการที่ประชาชนต้องลงทะเบียนอีกเยอะ ในส่วนนี้ต้องขอไปปรับปรุงในเชิงโครงสร้างอีกครั้ง ทั้งนี้ หากมีการร้องเรียนเพิ่มเติมก็จะต้องนำไปปรับปรุงครั้งใหญ่อีกครั้งเพื่อทำให้ถูกต้อง
 
เมื่อถามว่า ต้องมีการปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีความรัดกุมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีกรอบหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ใช่ อันดับแรกต้องน้อมรับว่ามีความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งเราเองก็ไม่ได้ปรามาสว่าเสียงไหนมาจากไอโอ เสียงไหนที่ไม่ใช่ไอโอ แค่เราเจอเรื่องที่เป็นข้อสังเกตที่เราต้องตรวจสอบ ส่วนข้อผิดพลาดต่างๆ ก็จะต้องนำไปปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดีที่สุด แต่ที่เราต้องทำให้เกิดความสมดุลคือเสรีภาพในการแสดงออกความคิดเห็น และความมั่นคงของข้อมูลผู้ที่มาลงชื่อแสดงความเห็น ส่วนจะแข็งไปหรืออ่อนไปต้องดูความสำคัญของแต่ละเว็บไซต์
 
เมื่อถามว่า มีการเปิดลงชื่อเพื่อถอดถอนนายปดิพัทธ์ออกจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เห็นโพสต์ผ่านๆ ก็ไม่มีอะไร เวลาคนที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีข้อที่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์แล้วอยากขอให้มีการพิจารณาด้านจริยธรรม ก็สามารถเรียกร้องให้เกิดขึ้นได้ ตนไม่ได้ติดขัดอะไร
 


“ชวลิต” มองนิรโทษ 112 ควรยึดสายกลาง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_732798/
 
“ชวลิต” มองนิรโทษ 112 ควรยึดสายกลาง ปกป้องสถาบัน พร้อมกับการป้องกัน ไม่ให้มีการใช้ม.112 เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งทางการเมือง
 
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยกับสำนักข่าว INN กรณีมีการแสดงความเห็นทั้ง เห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย ที่จะนิรโทษกรรมคดีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ส่วนตัว มองว่าในช่วงเวลานี้ ยังไม่จำเป็นต้องแก้ไข ม.112 แต่ จะมีการนิรโทษกรรม หรือให้อภัยกับผู้ที่กระทำผิดตามมาตรา 112 หรือไม่นั้น พรรคไทยสร้างไทย มีข้อเสนอว่า ขอให้ยึดมั่นในทางสายกลาง คือการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปพร้อมกับการป้องกัน ไม่ให้มีการใช้ม.112 เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งทางการเมือง
 
พรรคไทยสร้างไทย โดยคณะกรรมการของพรรค เตรียมเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนในเวลาอันใกล้นี้ โดยเฉพาะข้อเสนอต่อหลักการใหม่ของพรรคไทยสร้างไทย ที่เสนอให้เพิ่มกระบวนการ ขอพระราชทานอภัย ก่อนมีคำพิพากษา พร้อมชงตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นคณะกรรมการกลั่นกรองป้องกันการนำ ม.112ไปใช้เป็นเครื่องมือในทางการเมืองกลั่นแกล้งกัน


  
ค่ายรถแห่ลดกำลังผลิต EV จีนจอดเกลื่อนท่าเรือหมื่นคัน
https://www.prachachat.net/motoring/news-1586856

ตลาดรถยนต์ไทยทรุด ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ค่ายรถญี่ปุ่น-EVจีน เจอสถานการณ์ลำบาก แบกสต๊อกบวม วิ่งหาโกดังจอดรถเต็มทุกพื้นที่ แหลมฉบัง ชลบุรี ระยอง ผู้ผลิตญี่ปุ่นในไทยลดกำลังการผลิตเหลือกะเดียวเลิกจ่ายโอที ขณะที่รถEVนำเข้าจากจีนยอดไม่วิ่ง นายกฯ คลังสินค้าระบุจอดนิ่งเต็มท่าเรือกว่าหมื่นคัน

ยอดขายรถยนต์ที่ร่วงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2566 จากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งภาพรวมเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลล่าช้า ส่งผลให้กำลังซื้ออ่อนแอ และความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ จนกระทั่งประเมินกันว่าปีนี้น่าจะเป็นปีเลวร้าย มียอดขายตกหนักสุดในรอบ 10 ปี ถึงตอนนี้ได้ขยายตัวส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ค่ายรถจะลดกำลังผลิต เบรกโอที เลิกจ้างแรงงาน ลามไปจนถึงขั้นปิดโรงงาน ขณะที่รถนำเข้าโดยเฉพาะรถ EV จากจีนกำลังตกที่นั่งลำบาก

โรงงานแห่ลดกำลังผลิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามไปยังผู้บริหารโรงงานผลิตรถยนต์ ทั้งเก๋งและปิกอัพแถวชลบุรี ระยอง ได้รับคำตอบว่า เป็นผลกระทบมาจากภาพรวมตลาดที่หดตัวลงเกือบทั้งหมด ทั้งตลาดส่งออกที่มีออร์เดอร์ลดต่ำลง และตลาดในประเทศที่ขายได้น้อยลง โดยเฉพาะกลุ่มรถสันดาปภายใน ดังนั้น เมื่อความต้องการน้อยลงโรงงานจำเป็นต้องปรับลดจำนวนการผลิตลงแน่นอน ซึ่งกระบวนการก็มีทั้งการลดระยะเวลาทำงาน จากเดิมที่เป็นแบบ 2 กะ มีค่าล่วงเวลา (OT) ก็ลดลงจนเหลือกะเดียว ตอนนี้หลายโรงงานเหลือกะเดียว นอกจากนี้ บางสัปดาห์ที่มีวันหยุดยาวคร่อมกัน 2 อาทิตย์ก็ใช้วิธีหยุดเพิ่มเติมเพื่อลดวันทำงานให้น้อยลง

ปรากฏการณ์ตลาดหดตัวนี้ก็มีให้เห็นเป็นรูปธรรม อย่างก่อนหน้านี้ทั้งแบรนด์ซูบารุและแบรนด์ซูซูกิก็ประกาศจะปิดโรงงานภายในสิ้นปีนี้และปลายปีหน้าตามลำดับ

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  (ส.อ.ท.) ยอมรับว่ายอดขายรถยนต์หดตัวลงมาก รถยนต์นั่งลดลงราว ๆ 5% และรถกระบะที่หดตัวเกือบ 50%

แหล่งข่าวจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สภาอุตฯกล่าวเสริมว่า ยอดขายรถยนต์ที่ลดลง โดยเฉพาะตลาดปิกอัพถือเป็นคำตอบที่ชัดเจน ว่าแต่ละโรงงานต้องลดจำนวนกำลังการผลิตลงแน่นอน ยิ่งเป็นโรงงานที่ผลิตแต่รถสันดาป เมื่อถูกกระแส EV กลบ สต๊อกเริ่มบวมขึ้นเรื่อย ๆ กระบวนการผลิตรถยนต์หลังผลิตก็จะทยอยส่งไปยังดีลเลอร์ แต่ตอนนี้ดีลเลอร์แต่ละแบรนด์เองก็ประสบปัญหาด้านการขายปิดไปหลายแห่ง ที่สำคัญไม่มีพื้นที่สต๊อกรถ กลายเป็น
ปัญหาของแต่ละโรงงานที่ต้องหาพื้นที่เก็บรถ

“เราประเมินว่ากำลังการผลิตทั้งปีของประเทศไทยไว้ใกล้ ๆ 2 ล้านคัน แบ่งเป็นผลิตเพื่อส่งออก 1 ล้านคันเศษ ๆ ป้อนตลาดในประเทศ 8 แสนคัน หากตลาดในประเทศถูกทดแทนด้วยรถ EV จีน ซึ่งประเมินใกล้ ๆ แสนคันในปีนี้ นั่นก็คือกำลังการผลิตที่หายไป

ชิ้นส่วนถูกลดออร์เดอร์
 
ดร.สาโรจน์ วสุวานิช อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออกเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ทางบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์หลายรายได้รับแจ้งการลดออร์เดอร์จากโรงงานผลิตรถยนต์หลายยี่ห้อ ทำให้กลุ่มชิ้นส่วนต้องปรับลดการผลิตตามไปด้วย คาดว่าภาพรวมยอดการผลิตรถยนต์ทั้งปี 2567 จะลดลงประมาณ 20-25% หากเทียบกับช่วงปี 2566 (ม.ค.-ธ.ค. 66 มียอดผลิต 1,841,663 คัน) สาเหตุหลักที่ต้องลดกำลังการผลิต มาจาก 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือส่งออกได้น้อยลง และรถ EV จีนแย่งตลาดรถสันดาปภายใน

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่าเพิ่งไปตกใจ ต้องรอดูช่วงครึ่งปีหลัง  ตอนนี้ลดไป 25% เท่านั้น ยกเว้นแต่ถ้ามันเกิดอย่างนี้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆก็อันตราย ช่วงนี้พนักงานส่วนใหญ่ไม่ต้องทำ OT บางบริษัทจะลดวันทำงานของพนักงานลง เช่น เมื่อก่อนทำวันเสาร์ก็ได้หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ไป บริษัทยังจ่ายเงินเดือนเต็มจำนวน แต่บริษัทจะได้ประหยัดค่าน้ำ ค่าไฟที่ลดลง
 
มิตซูฯ หยุดผลิตมิราจ-แอททาจ

แหล่งข่าวจากบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงสถานการณ์การผลิตรถยนต์ของบริษัทในปัจจุบัน ว่าหลัก ๆ ยังรองรับกับตลาดส่งออกถึง 80% ส่วน 20% เป็นตลาดในประเทศ ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และบริษัทได้บริหารจัดการภายใน ซึ่งช่วยเกลี่ยเรื่องแรงงานได้พอสมควร เช่น รถยนต์บางรุ่นที่เข้าสู่ช่วงปลายของโปรดักต์ อย่างมิตซูบิชิ แอททาจ และมิตซูบิชิ มิราจนั้น ก็ลดจำนวนผลิตลง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่ผู้บริหารเคยให้ข่าวไว้ก่อนหน้านี้ ว่าท้ายที่สุดก็จะหยุดการผลิตลง

เราใช้วิธีโรเตชั่นพนักงาน เพื่อหล่อเลี้ยงให้โรงงานและพนักงานได้มีงานทำ ส่วนของการทำงานนอกเวลา หรือ OT นั้น ต้องยอมรับว่ามีการปรับลดลงไปตามสภาพของตลาด แต่ยังไม่มีการยุบหรือยกเลิกโอทีแต่อย่างใด เพราะโรงงานตลาดส่งออกยังไปได้ดี

เช่นเดียวกับแหล่งข่าวจากกลุ่มบริษัท ฮอนด้า ในประเทศไทย ที่เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าสถานการณ์การผลิตรถจักรยานยนต์และรถยนต์ของฮอนด้านั้นยังถือว่าพอไปได้ เพราะบริษัทมีแต่รถเก๋ง และกลุ่มรถไฮบริด ตลาดที่กระทบหนักคือปิกอัพและกลุ่มรถสันดาป ยิ่งตลาดรถจักรยานยนต์ตอนนี้เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว โดยในช่วง ก.ค.นี้มีแผนเพิ่มปริมาณการผลิตมากขึ้น เพื่อเตรียมรองรับกับฤดูกาลเก็บเกี่ยวและเป็นช่วงฤดูกาลขาย

ส่วนไลน์การผลิตรถยนต์ต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากรถ EV ค่อนข้างมาก มีการปรับลดโอทีลง 20% ส่วนกะการทำงานยังรักษาไว้ที่ 2 กะ แต่ใช้วิธีโยกคน เช่น โรงงานที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งผลิตรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ อย่างฮอนด้า แอคคอร์ด ก็ได้ย้ายพนักงานบางส่วนไปยังโรงงานใน จ.ปราจีนบุรี เพื่อผลิตรถยนต์ที่ยังมียอดขายดีแทน ทั้งรถยนต์ในกลุ่ม เอสยูวี ฮอนด้า เอชอาร์-วี, ซีอาร์-วี, ซีวิค และซิตี้ เป็นต้น

“เรายังเลือกดูแลรักษาพนักงานเอาไว้ ด้วยการไปพัฒนาศักยภาพในการทำงานให้มากขึ้น มีการส่งพนักงานไปอัพสกิล รีสกิล เพื่อเตรียมความพร้อมและรักษาความแข็งแกร่ง รอวันที่ตลาดรถยนต์กลับมาฟื้นตัว เราก็พร้อมเดินหน้าผลิตอย่างไร้รอยต่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่