หากใครได้รับการติดต่อจากโรงพยาบาลเอกชน ว่าได้รับเชิญให้ตรวจสุขภาพฟรี ลองมาอ่านทางนี้ก่อนได้จ้า เรามีประสบการณ์มาแชร์ เผื่อจะได้เตรียมตัว และเตรียมใจเอาไว้ เราไม่ขอตัดสินว่าการถูกเชิญไปตรวจนี้ดีหรือไม่ดี เพราะบางคนไปแล้วอาจรู้สึกพึงพอใจ เราแค่อยากบอกเล่าในมุมของเราเท่านั้นค่ะ
เราได้รับการติดต่อจากโรงพยาบาลเอกชนใหญ่แห่งหนึ่งใกล้ กทม. ให้เข้ารับโปรแกรมตรวจสุขภาพฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยอ้างอิงว่าเป็นเพราะเราเคยเข้ารับการรักษาที่นั่น เราก็เชื่อว่าคงเป็นสิทธิพิเศษมั๊ง เพราะเราใช้บริการที่นั่นค่อนข้างบ่อย ลูกชายก็รักษาที่นั่นด้วย ...จริงๆ เราเคยถูกโทรมาชวนหลายที แต่ปฏิเสธไปเพราะไม่ว่าง จนล่าสุดเรามีเวลาว่างพอดีเลยตัดสินใจตอบรับไป การนัดหมายบอกว่าไม่ต้องงดน้ำหรืออาหาร มาตรวจเลือดเพื่อดูระบบหลอดเลือดและแนวโน้มการเกิดภูมิแพ้ เวลาถึงโรงพยาบาลให้เดินขึ้นไปที่ชั้น 2 แผนกXXX ได้เลย เมื่อถึงเวลาเราไปถึง ก็พบว่าแผนก XXX คล้ายคลินิกอะไรซักอย่างที่ตั้งอยู่ใน ร.พ. เหมือนแยกมุมออกมาอยู่หลบๆ ก่อนถึงมุมห้องน้ำ เมื่อถึงหน้าแผนก พนักงานก็เข้ามาต้อนรับ เรียกเราไปนั่งที่โต๊ะเพื่อคัดกรองสอบถามประวัติเบื้องต้น พวก อายุ ที่อยู่ รายได้ ฯลฯ จากนั้นนำเอกสารมาให้กรอกว่า ยินดีรับการตรวจเลือดและรับฟังการบรรยายให้คำแนะนำ (ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง) เราก็เซ็นต์ไป
ถัดมาเจอพนักงานผู้ชายที่ทั้งการพูดคุย ชวนคุยทำความคุ้นเคย อารมณ์เซลล์มืออาชีพ มาพูดคุยบอกถึงการตรวจ โดยบอกว่าตัวเองจบปริญญาหลายใบ ทั้งนักเทคนิกการแพทย์ จิตวิทยา บริหารธุรกิจ รวมถึงตอนนี้ก็เป็นรอง ผอ.แผนกนี้ จากนั้นคุณรอง ผอ. ก็พาเราไปคุยให้น้องให้คำปรึกษา เกริ่นนำว่า แผนกนี้ตั้งขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนเงินจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ แบ่งงบประมาณมาณทำการตรวจสุขภาพให้ฟรี และหากคุณมีปัญหาสุขภาพ มีแนวโน้มจะเกิดโรค เค้าก็จะขอสนับสนุนเบิกกองทุนรักษาสุขภาพของโรงพยาบาลมาให้ แต่เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ที่เหลือผู้รับบริการก็ต้องออกเพิ่มเอง และเอาแค่เท่าที่เราไหว ถ้าจ่ายไหวค่อยซื้อ เราก็โอเคฟังไปเรื่อยๆ เพราะเค้ายังไม่บอกราคาสักที
การตรวจ จะเป็นการเจาะเลือด เพื่อตรวจหาน้ำตาล คอลเลสเตอร์รอล และระดับวิตามินดี จากนั้นพาไปที่ห้องตรวจเอาปลอกแขนและปลอกมาสวมที่น่อง เพื่อวัดความดันเลือด (เจ้าหน้าที่เค้าว่าเครื่องเหมือนจะธรรมดา แต่ราคาหลายล้านบาท สามารถตรวจแนวโน้มการเกิดไขมันอุดตันได้อย่างชัดเจน) ตรวจเสร็จกลับมานั่งรอที่ห้อง พร้อมเอาผลกราฟความดันเลือดมาทำหน้าเสีย บอกว่าเสียใจและห่วงใยที่ผลกราฟแรงดันเลือดเราไม่ดีเลย มีแนวโน้มเป็นไขมันอุดตันในเส้นเลือด จากนั้นผลตรวจเลือดตามมาติดๆ เจ้าหน้าที่ทำหน้าเสียอีกบอกว่า ผลเป็นไปตามคาดระดับไขมันค่อนข้างสูง และวิตามินดีในเลือดต่ำ เสี่ยงเกิดโรคมากมาย (มีรูปน่ากลัวให้เราดูประกอบ) ทั้งมะเร็ง เบาหวานตัดขา หัวใจขาดเลือด เส้นเลือดตีบ เรียกว่าผลเลือดและกราฟเลือดนี้บ่งบอกว่าร่างกายเราแย่มาก อายุหลอดเลือดเกินอายุจริงไป 7 ปี อห ย่อมาจาก ....โอ้โหวววววววว!!!!
หลังพร่ำบอกถึงร่างกายอันย่ำแย่ของเรา ก็ถึงเวลาเฉลยวิธีการรักษา ซึ่งค่ารักษานั้น อห.. ยิ่งกว่า เพราะเขาแนะนำให้ทำคีเลชั่น และฉีดวิตามินดีเข้าร่างกาย สนนราคาอยู่ที่ราว 260,000++ บาท แต่แผนกใจดีจะไปทำเรื่องขอสนับสนุนจากโรงพยาบาลดูให้ว่าจะสนับสนุนเราได้เท่าไหร่ ... หายไปจากห้องสักครู่ก็กลับมาบอกว่า รพ.ใจดีกับเรามาก ลดให้เหลือแค่ 150,000 และต้องจ่ายจองคอร์ส 40% ณ บัดนาวเพื่อรักษาสิทธิราคาพิเศษนี้เอาไว้ พร้อมขอดูหน้าบัตรเครดิตเราว่าเป็นระดับไหน จะไปเช็คให้ว่ามีส่วนลดไหม เราเลยเอาบัตรคลาสสิควงเงินแค่ 70,000 ให้นางดู แต่บอกไปว่าเราคงรูดใช้ไม่ได้ เพราะเพิ่งจ่ายค่าเครื่องบินไปเกือบ 50,000 นางจึงบอกว่า งั้นจ่ายเงินสดได้ หรือจะเอาบัตรมารูดหลายใบรวมกันก็ได้ แต่เรายืนยันว่าไม่รับคอร์สค่ะ เนื่องจากไม่ได้เตรียมใจว่าจะต้องมาเสียเงินมากขนาดนี้ การจะตัดสินใจเรื่องเกี่ยวกับร่างกายแบบนี้ขอกลับไปคิดดูก่อน แน่นอนว่าไม่ได้! หากคุณก้าวออกไปจากห้องนี้ ราคาจะดีดกลับมาที่ 260,000 ทันที เราก็บอกว่างั้นไม่เป็นไรค่ะ ....พนักงานคนดังกล่าว จึงบอกว่า งั้นลดคอร์สลงได้จากทำคีเลชั่น 10 ครั้ง เหลือแบบทดลอง 5 ครั้งก่อนได้ แล้วก็ลดราคาไปอีก พอตอบว่าไม่อีก ก็ลดมาขายแค่ฉีดวิตามินดี 30,000 เราก็ไม่เอาอีก
พอปฏิเสธมาถึงตรงนี้ นางเปลี่ยนจากคนสุภาพ เป็นแข็งกร้าว สายตาดุดัน พูดเชิงตำหนิเราว่า แล้วคุณมาตรวจเพื่ออะไรหรอครับ รู้ผลแล้วก็ไม่รู้จักรักตัวเอง ไม่หาวิธีป้องกันตัวเอง เห็นแต่อย่างอื่นสำคัญกว่าชีวิตตัวเองหรือไง ...เราบอกว่ามีเหตุผลเรื่องบัดเจทที่มันสูงไป นางก็บอกราคาเต็ม 3 หมื่นกว่า จ่ายวันนี้แค่หมื่นนิดๆ เทียบกับอาชีพและรายได้ของคุณมันเล็กน้อยมาก หากไม่สนใจจริงๆ จะให้ผมมาพูดทำไมให้เสียเวลา คุณรู้ไหมรายได้ผมชั่วโมงละ 2,500 นะ ที่มาพูดคุยกับคุณน่ะ ผมเรียนจิตวิทยามาดูก็รู้แล้วว่าใครอยากซื้อหรือไม่อยากซื้อแต่แรก ฯลฯ
คำพูดแต่ละประโรคทำเราโมโหมาก ณ จุดนั้น แต่เราไม่อยากมีเรื่องราวอะไร จึงข่มใจแล้วบอกว่า ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณเสียเวลา เอาเป็นว่าไม่สามารถจ่ายเงินซื้อได้ค่ะ ขอบัตรประชาชนคืนด้วยค่ะ (ลืมบอกเค้าเก็บบัตรประชาชนเราไว้กับตัว ถือไปมาพร้อมประวัติเรา) นางยังคงทำหน้าไม่พอใจตลอดเวลา พร้อมกับพับผลเลือดให้เราใส่ซองโรงพยาบาล แต่ผลกราฟ ไม่ได้ใส่รวมมาให้ซอง และใบเสนอราคาและรายละเอียดการทำคีเลชั่น การฉีดวิตามินก็ไม่ให้ ทั้งที่เราบอกว่าขอนำกลับมาพิจารณาได้ไหม เพราะไม่ใช่ว่าไม่สนใจ แต่การจะฉีดสารอะไรเข้าไปในร่างกายมันต้องให้เราพิจาณาหน่อย และต่อให้ต้องจ่ายราคาเต็มเราก็จะจ่าย ถ้าเราไปศึกษาข้อมูลเพิ่มแล้วคิดว่าอยากทำจริ่งๆ แต่เค้าไม่ให้ค่ะ บอกว่าไม่สามารถให้ได้ และผมเชื่อว่าคุณไม่มีทางกลับมาแน่นอน อืมมมม
สรุป เรามาตรวจเลือดแล้วผลไขมัน LDL และไตรกลีเซอไลน์ออกมาสูงกว่ามาตรฐานนิดหน่อย แต่เราก็ไม่รู้ว่าผลมันเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน เพราะก่อนตรวจเราเพิ่งทานอาหารไป 2 ชั่วโมงแล้วเจาะเลย (อันนี้รบกวนผู้รู้บอกด้วยนะคะ) ค่ากราฟหลอดเลือดก็เกิน แต่เราไม่เชื่อนัก เพราะความดันเราก็สูงมากกกก ทั้งที่สัปดาห์ที่แล้วไปวัดที่โรงพยาบาลรัฐ (อีกแห่ง) ก็ค่าปกติ พอถามว่าทำไมต่างจากที่อื่นจัง เค้าก็บอกว่าของที่อื่นไม่ได้มาตรฐานเพราะวัดแค่ที่แขน แต่ของเขาวัดทั้งแขนและค่า แม่นยำกว่า !!!
ความรู้สึกโดยสรุป: เจ็บใจค่ะ ถึงเค้าจะไม่ใชhคำหยาบ แต่ก็รู้สึกเหมือนโดนด่า T_T เจาะเลือดก็เจ็บตัว เสียเวลาไป 3 ชั่วโมง และเจ็บใจสุดๆ ที่ต้องมาโดนต่อว่า เพียงเพราะเราไม่ยอมควักเงินหลักหมื่นจ่ายเค้าไป.... หลังออกจากคลินิก ถึงเพิ่งเห็นว่ามีคนรีวิวว่าโดนกันเยอะ / การทำคีเลชั่น มีข้อพิจารณามากมาย ไม่ใช่อยากทำทำได้เลย / วิตามินดี หากไม่ได้ขาดจริงฉีดไปก็เสียเงินเปล่า การทำคีเลชั่นและฉีดวิตามินดี รพ. คลินิกอื่น ราคาถูกกว่าที่เขาเสนอเราเยอะ ฯลฯ อันนี้แค่ข้อมูลคร่าวๆ ที่เราเจอในอินเตอร์เน็ต แต่ก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมพนักงานถึงบอกเราว่าเชื่อว่าจะไม่กลับไปซื้อแน่ๆ
ท้ายสุดนี้อยากบอกว่า รู้สึกดีกับตัวเองที่ใจแข็งไม่ยอมควักเงินหมื่นให้เค้าไป /// และอยากฝากความห่วงใยถึงเพื่อนๆ ที่ได้รับการติดต่อมาให้ตรวจสุขภาพฟรีแบบที่คล้ายกับเรา ลองพิจารณาหาข้อมูลดูก่อนนะคะ เรายังสนับสนุนความคิดที่ว่า ก่อนทำการรักษาอะไร ควรคิดพิจารณาให้ถ้วนถี่ก่อน อย่าคิดแค่ว่าจ่ายไปก่อนเพราะกลัวราคาจะแพงขึ้น เพราะหากจ่ายไปแล้วการดึงกลับมามันน่าจะยุ่งยากกว่า
แชร์ประสบการณ์ตรวจสุขภาพฟรี รพ.เอกชน แต่! พ่วงท้ายด้วยการขายคอร์สแบบจุกๆ (พอไม่ซื้อก็โดนเหยียด)
เราได้รับการติดต่อจากโรงพยาบาลเอกชนใหญ่แห่งหนึ่งใกล้ กทม. ให้เข้ารับโปรแกรมตรวจสุขภาพฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยอ้างอิงว่าเป็นเพราะเราเคยเข้ารับการรักษาที่นั่น เราก็เชื่อว่าคงเป็นสิทธิพิเศษมั๊ง เพราะเราใช้บริการที่นั่นค่อนข้างบ่อย ลูกชายก็รักษาที่นั่นด้วย ...จริงๆ เราเคยถูกโทรมาชวนหลายที แต่ปฏิเสธไปเพราะไม่ว่าง จนล่าสุดเรามีเวลาว่างพอดีเลยตัดสินใจตอบรับไป การนัดหมายบอกว่าไม่ต้องงดน้ำหรืออาหาร มาตรวจเลือดเพื่อดูระบบหลอดเลือดและแนวโน้มการเกิดภูมิแพ้ เวลาถึงโรงพยาบาลให้เดินขึ้นไปที่ชั้น 2 แผนกXXX ได้เลย เมื่อถึงเวลาเราไปถึง ก็พบว่าแผนก XXX คล้ายคลินิกอะไรซักอย่างที่ตั้งอยู่ใน ร.พ. เหมือนแยกมุมออกมาอยู่หลบๆ ก่อนถึงมุมห้องน้ำ เมื่อถึงหน้าแผนก พนักงานก็เข้ามาต้อนรับ เรียกเราไปนั่งที่โต๊ะเพื่อคัดกรองสอบถามประวัติเบื้องต้น พวก อายุ ที่อยู่ รายได้ ฯลฯ จากนั้นนำเอกสารมาให้กรอกว่า ยินดีรับการตรวจเลือดและรับฟังการบรรยายให้คำแนะนำ (ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง) เราก็เซ็นต์ไป
ถัดมาเจอพนักงานผู้ชายที่ทั้งการพูดคุย ชวนคุยทำความคุ้นเคย อารมณ์เซลล์มืออาชีพ มาพูดคุยบอกถึงการตรวจ โดยบอกว่าตัวเองจบปริญญาหลายใบ ทั้งนักเทคนิกการแพทย์ จิตวิทยา บริหารธุรกิจ รวมถึงตอนนี้ก็เป็นรอง ผอ.แผนกนี้ จากนั้นคุณรอง ผอ. ก็พาเราไปคุยให้น้องให้คำปรึกษา เกริ่นนำว่า แผนกนี้ตั้งขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนเงินจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ แบ่งงบประมาณมาณทำการตรวจสุขภาพให้ฟรี และหากคุณมีปัญหาสุขภาพ มีแนวโน้มจะเกิดโรค เค้าก็จะขอสนับสนุนเบิกกองทุนรักษาสุขภาพของโรงพยาบาลมาให้ แต่เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ที่เหลือผู้รับบริการก็ต้องออกเพิ่มเอง และเอาแค่เท่าที่เราไหว ถ้าจ่ายไหวค่อยซื้อ เราก็โอเคฟังไปเรื่อยๆ เพราะเค้ายังไม่บอกราคาสักที
การตรวจ จะเป็นการเจาะเลือด เพื่อตรวจหาน้ำตาล คอลเลสเตอร์รอล และระดับวิตามินดี จากนั้นพาไปที่ห้องตรวจเอาปลอกแขนและปลอกมาสวมที่น่อง เพื่อวัดความดันเลือด (เจ้าหน้าที่เค้าว่าเครื่องเหมือนจะธรรมดา แต่ราคาหลายล้านบาท สามารถตรวจแนวโน้มการเกิดไขมันอุดตันได้อย่างชัดเจน) ตรวจเสร็จกลับมานั่งรอที่ห้อง พร้อมเอาผลกราฟความดันเลือดมาทำหน้าเสีย บอกว่าเสียใจและห่วงใยที่ผลกราฟแรงดันเลือดเราไม่ดีเลย มีแนวโน้มเป็นไขมันอุดตันในเส้นเลือด จากนั้นผลตรวจเลือดตามมาติดๆ เจ้าหน้าที่ทำหน้าเสียอีกบอกว่า ผลเป็นไปตามคาดระดับไขมันค่อนข้างสูง และวิตามินดีในเลือดต่ำ เสี่ยงเกิดโรคมากมาย (มีรูปน่ากลัวให้เราดูประกอบ) ทั้งมะเร็ง เบาหวานตัดขา หัวใจขาดเลือด เส้นเลือดตีบ เรียกว่าผลเลือดและกราฟเลือดนี้บ่งบอกว่าร่างกายเราแย่มาก อายุหลอดเลือดเกินอายุจริงไป 7 ปี อห ย่อมาจาก ....โอ้โหวววววววว!!!!
หลังพร่ำบอกถึงร่างกายอันย่ำแย่ของเรา ก็ถึงเวลาเฉลยวิธีการรักษา ซึ่งค่ารักษานั้น อห.. ยิ่งกว่า เพราะเขาแนะนำให้ทำคีเลชั่น และฉีดวิตามินดีเข้าร่างกาย สนนราคาอยู่ที่ราว 260,000++ บาท แต่แผนกใจดีจะไปทำเรื่องขอสนับสนุนจากโรงพยาบาลดูให้ว่าจะสนับสนุนเราได้เท่าไหร่ ... หายไปจากห้องสักครู่ก็กลับมาบอกว่า รพ.ใจดีกับเรามาก ลดให้เหลือแค่ 150,000 และต้องจ่ายจองคอร์ส 40% ณ บัดนาวเพื่อรักษาสิทธิราคาพิเศษนี้เอาไว้ พร้อมขอดูหน้าบัตรเครดิตเราว่าเป็นระดับไหน จะไปเช็คให้ว่ามีส่วนลดไหม เราเลยเอาบัตรคลาสสิควงเงินแค่ 70,000 ให้นางดู แต่บอกไปว่าเราคงรูดใช้ไม่ได้ เพราะเพิ่งจ่ายค่าเครื่องบินไปเกือบ 50,000 นางจึงบอกว่า งั้นจ่ายเงินสดได้ หรือจะเอาบัตรมารูดหลายใบรวมกันก็ได้ แต่เรายืนยันว่าไม่รับคอร์สค่ะ เนื่องจากไม่ได้เตรียมใจว่าจะต้องมาเสียเงินมากขนาดนี้ การจะตัดสินใจเรื่องเกี่ยวกับร่างกายแบบนี้ขอกลับไปคิดดูก่อน แน่นอนว่าไม่ได้! หากคุณก้าวออกไปจากห้องนี้ ราคาจะดีดกลับมาที่ 260,000 ทันที เราก็บอกว่างั้นไม่เป็นไรค่ะ ....พนักงานคนดังกล่าว จึงบอกว่า งั้นลดคอร์สลงได้จากทำคีเลชั่น 10 ครั้ง เหลือแบบทดลอง 5 ครั้งก่อนได้ แล้วก็ลดราคาไปอีก พอตอบว่าไม่อีก ก็ลดมาขายแค่ฉีดวิตามินดี 30,000 เราก็ไม่เอาอีก
พอปฏิเสธมาถึงตรงนี้ นางเปลี่ยนจากคนสุภาพ เป็นแข็งกร้าว สายตาดุดัน พูดเชิงตำหนิเราว่า แล้วคุณมาตรวจเพื่ออะไรหรอครับ รู้ผลแล้วก็ไม่รู้จักรักตัวเอง ไม่หาวิธีป้องกันตัวเอง เห็นแต่อย่างอื่นสำคัญกว่าชีวิตตัวเองหรือไง ...เราบอกว่ามีเหตุผลเรื่องบัดเจทที่มันสูงไป นางก็บอกราคาเต็ม 3 หมื่นกว่า จ่ายวันนี้แค่หมื่นนิดๆ เทียบกับอาชีพและรายได้ของคุณมันเล็กน้อยมาก หากไม่สนใจจริงๆ จะให้ผมมาพูดทำไมให้เสียเวลา คุณรู้ไหมรายได้ผมชั่วโมงละ 2,500 นะ ที่มาพูดคุยกับคุณน่ะ ผมเรียนจิตวิทยามาดูก็รู้แล้วว่าใครอยากซื้อหรือไม่อยากซื้อแต่แรก ฯลฯ
คำพูดแต่ละประโรคทำเราโมโหมาก ณ จุดนั้น แต่เราไม่อยากมีเรื่องราวอะไร จึงข่มใจแล้วบอกว่า ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณเสียเวลา เอาเป็นว่าไม่สามารถจ่ายเงินซื้อได้ค่ะ ขอบัตรประชาชนคืนด้วยค่ะ (ลืมบอกเค้าเก็บบัตรประชาชนเราไว้กับตัว ถือไปมาพร้อมประวัติเรา) นางยังคงทำหน้าไม่พอใจตลอดเวลา พร้อมกับพับผลเลือดให้เราใส่ซองโรงพยาบาล แต่ผลกราฟ ไม่ได้ใส่รวมมาให้ซอง และใบเสนอราคาและรายละเอียดการทำคีเลชั่น การฉีดวิตามินก็ไม่ให้ ทั้งที่เราบอกว่าขอนำกลับมาพิจารณาได้ไหม เพราะไม่ใช่ว่าไม่สนใจ แต่การจะฉีดสารอะไรเข้าไปในร่างกายมันต้องให้เราพิจาณาหน่อย และต่อให้ต้องจ่ายราคาเต็มเราก็จะจ่าย ถ้าเราไปศึกษาข้อมูลเพิ่มแล้วคิดว่าอยากทำจริ่งๆ แต่เค้าไม่ให้ค่ะ บอกว่าไม่สามารถให้ได้ และผมเชื่อว่าคุณไม่มีทางกลับมาแน่นอน อืมมมม
สรุป เรามาตรวจเลือดแล้วผลไขมัน LDL และไตรกลีเซอไลน์ออกมาสูงกว่ามาตรฐานนิดหน่อย แต่เราก็ไม่รู้ว่าผลมันเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน เพราะก่อนตรวจเราเพิ่งทานอาหารไป 2 ชั่วโมงแล้วเจาะเลย (อันนี้รบกวนผู้รู้บอกด้วยนะคะ) ค่ากราฟหลอดเลือดก็เกิน แต่เราไม่เชื่อนัก เพราะความดันเราก็สูงมากกกก ทั้งที่สัปดาห์ที่แล้วไปวัดที่โรงพยาบาลรัฐ (อีกแห่ง) ก็ค่าปกติ พอถามว่าทำไมต่างจากที่อื่นจัง เค้าก็บอกว่าของที่อื่นไม่ได้มาตรฐานเพราะวัดแค่ที่แขน แต่ของเขาวัดทั้งแขนและค่า แม่นยำกว่า !!!
ความรู้สึกโดยสรุป: เจ็บใจค่ะ ถึงเค้าจะไม่ใชhคำหยาบ แต่ก็รู้สึกเหมือนโดนด่า T_T เจาะเลือดก็เจ็บตัว เสียเวลาไป 3 ชั่วโมง และเจ็บใจสุดๆ ที่ต้องมาโดนต่อว่า เพียงเพราะเราไม่ยอมควักเงินหลักหมื่นจ่ายเค้าไป.... หลังออกจากคลินิก ถึงเพิ่งเห็นว่ามีคนรีวิวว่าโดนกันเยอะ / การทำคีเลชั่น มีข้อพิจารณามากมาย ไม่ใช่อยากทำทำได้เลย / วิตามินดี หากไม่ได้ขาดจริงฉีดไปก็เสียเงินเปล่า การทำคีเลชั่นและฉีดวิตามินดี รพ. คลินิกอื่น ราคาถูกกว่าที่เขาเสนอเราเยอะ ฯลฯ อันนี้แค่ข้อมูลคร่าวๆ ที่เราเจอในอินเตอร์เน็ต แต่ก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมพนักงานถึงบอกเราว่าเชื่อว่าจะไม่กลับไปซื้อแน่ๆ
ท้ายสุดนี้อยากบอกว่า รู้สึกดีกับตัวเองที่ใจแข็งไม่ยอมควักเงินหมื่นให้เค้าไป /// และอยากฝากความห่วงใยถึงเพื่อนๆ ที่ได้รับการติดต่อมาให้ตรวจสุขภาพฟรีแบบที่คล้ายกับเรา ลองพิจารณาหาข้อมูลดูก่อนนะคะ เรายังสนับสนุนความคิดที่ว่า ก่อนทำการรักษาอะไร ควรคิดพิจารณาให้ถ้วนถี่ก่อน อย่าคิดแค่ว่าจ่ายไปก่อนเพราะกลัวราคาจะแพงขึ้น เพราะหากจ่ายไปแล้วการดึงกลับมามันน่าจะยุ่งยากกว่า