******* คืนนี้ขออุทิศให้กับภาพยนตร์เรื่อง จุฬาตรีคูณ ปี 2510 ชวนอ่านเกร็ด ฟังเพลง และชมภาพยนตร์ครับ *******

หมายเหตุ เนื้อหาเกี่ยวกับเพลง จะอยู่ตรงช่องความคิดเห็น



ก่อนจะมาเป็น จุฬาตรีคูณ

https://mgronline.com/drama/detail/9630000045469

ปี 2490 พนมเทียนอายุ 16 ปี เรียนชั้น ม.6 อยู่ที่วัดสุทธิวราราม ประทับใจกับบทเรียนภาษาไทยเรื่อง "กามนิต" ซึ่งเป็นนวนิยายอิงพุทธศาสนา แปลโดย เสฐียรโกเศศ และ นาคะประทีป ต้นฉบับเป็นของชาวเดนมาร์ก ชื่อ "คาร์ล แอดอล์ฟ เกลเลอโรป" ตอนหนึ่ง วาสิฏฐีสนทนากับกามนิตถึงวังน้ำวนอันศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นที่บรรจบของแม่น้ำคงคา - ยมุนา ซึ่งตอนกลางคืนบนท้องฟ้าจะมีทางช้างเผือก เรียกคงคาสวรรค์ มาบรรจบอีกสาย เรียก "จุฬาตรีคูณ"

ปีถัดมา พนมเทียนมาเรียนที่แผนกอักษรศาสตร์โรงเรียนสวนกุหลาบ เริ่มค้นคว้าศึกษาเรื่องภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของอินเดียโบราณ จากงานของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เพื่อใช้เป็นข้อมูลฉากหลังของนิยายเรื่องนี้ และรู้ว่า สถานที่บรรจบของแม่น้ำทั้ง 3 สายนั้นอยู่ที่แคว้นกาสี ซึ่งมีเมืองพาราณสีเป็นเมืองหลวง !

ต่อมา ไปอ่าน “เทวปกรณัมของกรีก” เจอกับ เทพบุตรองค์หนึ่งชื่อ "นาร์ซิสซัส" ซึ่งเป็นลูกของแม่น้ำเซฟิสซัสกับนางไม้ชื่อ ลีไรโอพี นาร์ซิสซัสเป็นหนุ่มรูปงาม หลงตัวเอง และชอบแสวงหาความสมบูรณ์ ทางการแพทย์ใช้ชื่อนี้เรียกคนไข้ที่ "หลงตัวเอง" !

พนมเทียน ดัดแปลงจากบุรุษให้เป็นสตรีนางหนึ่งชื่อ "ดาราราย" จุฬาตรีคูณ เป็นนิยายที่แต่งขึ้นเรื่องแรกๆ เป็นเรื่องที่ 2 สมัยที่ยังเรียนหนังสืออยู่ เรื่องแรกคือ เห่าดง แต่ยังไม่ได้เผยที่ไหน

ระหว่างที่เขียนจุฬาตรีคูณ พนมเทียนแวะไปกราบสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ "พระมหาธีรราชเจ้า" ที่หน้าสวนลุมพินีเสมอ ซึ่งตอนนั้นฐานอนุสาวรีย์ยังเป็นฐานเตี้ย ไม่ได้สูงอย่างทุกวันนี้ บางวันไปหลังเลิกเรียน บางวันไปในวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ขอพรให้งานเขียนราบรื่น และได้เป็น "นักประพันธ์" ดังใจปรารถนา ! ตลอดการทำงานไม่มีอุปสรรคใดๆ ความคิดอ่านปลอดโปร่งตั้งแต่บรรทัดแรกจนจบ !

อรุณ แสงทอง เพื่อนพี่ชายที่เป็นอัยการ พิมพ์ดีดต้นฉบับจากลายมือ แลกเปลี่ยนกับการที่พนมเทียนช่วยแปลหนังสือ Plam Mystery ให้... ความยาวราว 120 หน้ากระดาษฟุลสแก๊ป และมีก็อปปี้อีก 1 ชุด เป็นการง่าย ถ้าโรงพิมพ์จะขออ่านต้นฉบับ ! แต่ก็ไม่มีสำนักพิมพ์หรือนิตยสารเล่มใดสนใจ


พนมเทียน (วัยหนุ่ม) ผู้แต่ง จุฬาตรีคูณ

แก้วฟ้า-พนมเทียน

วรุณ ฉัตรกุล เป็นคนนำต้นฉบับ จุฬาตรีคูณ ไปให้ครูแก้ว อัจฉริยะกุล แห่งคณะละครวิทยุแก้วฟ้า ดู !ครูแก้วอ่านแล้วขอดูตัวคนเขียน และคุยกันในรายละเอียด...


ครูแก้ว อัจฉริยะกุล

ครูแก้วบอกจะนำไปเป็นละครวิทยุ เล่นเดือนละครั้ง 2 ตอนจบ และจะแต่งเพลงประกอบให้ละครเรื่องนี้ 5 เพลง โดยความร่วมมือของ "เอื้อ สุนทรสนาน” แห่งวงสุนทราภรณ์ และ เพื่อให้บทได้รับการต้อนรับและไว้เนื้อเชื่อใจจากแฟนละครวิทยุ ต้องฃอใช้ชื่อพ่วง เป็น "แก้วฟ้า-พนมเทียน" เพราะในเวลานั้น ยังไม่มีใครรู้จักกับพนมเทียน เรียกว่ามีครูแก้วช่วยฝึกบิน มีเพลงช่วยประคอง ว่างั้นเถอะ


ครูเอื้อ สุนทรสนาน

บทเพลงที่ประกอบในละครวิทยุ ทั้ง 5 เพลง(คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล - ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน) คือ จุฬาตรีคูณ (มัณฑนา โมรากุลร้องและรับบท “ดารารายพิลาส”), จ้าวไม่มีศาล (วินัย จุลละบุษปะร้องและรับบท “ขัตติยะราเชนทร์”), อ้อมกอดพี่ (สุนทราภรณ์ร้องและรับบท “อริยวรรต”), ใต้ร่มมลุลี(วินัย - เพ็ญศรี พุ่มชูศรีร้องและรับบท “อาภัสรา”) และ ปองใจรัก ( สุนทราภรณ์– มัณฑนา) ละครวิทยุเรื่องนี้ ออกอากาศทางสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ ประสบความสำเร็จมาก

เรื่องย่อ จุฬาตรีคูณ

เรื่องราวของจุฬาตรีคูณ กล่าวถึง .... พระมารดาชื่อ“ดาราราย” ว่าคลอด “เจ้าหญิงดารารายพิลาส” ผู้เป็นลูกสาวของกษัตริย์กรุงพาราณสี แล้วหนีไปหาคนรักเก่า ชาวเมืองจึงมีมติให้นำนางมาถ่วงน้ำที่จุฬาตรีคูณ จบสิ้นชีวิตที่นั่น !
ดารารายพิลาส มักจะไปบวงสรวงบูชา อธิษฐานต่อจุฬาตรีคูณสถาน ด้วยฝังใจว่า แม่ของนางนั้นถูกสังเวยชีวิตเพราะความงาม ดังนั้น นางจึงเฝ้าอ้อนวอนขอให้นางมีหน้าตาอัปลักษณ์ ไม่มีใครรัก จะได้ไม่ต้องจบชีวิตเหมือนแม่ของนาง

เจ้าชายอริยวรรต แห่งแคว้นมคธ ยกทัพมาหยุดที่ฝั่งแม่น้ำคงคา หมายจะข้ามไปตีกรุงพาราณสี เกิดนินิตในคืนหนึ่ง เห็นนางผู้เลอโฉมนางหนึ่งสะอึก สะอื้น ร้องไห้ ชิงชังในความงามของตัวเอง จึงเลิกทัพ ชักชวนน้องชายคือขัตติยะราเชนทร์ ปลอมตัวข้ามฝั่งไปค้นหานางในฝันด้วยจิตใจที่ร้อนรุ่ม
ฝ่ายขัตติยะราเชนทร์ชักชวนให้พี่ชายเปลี่ยนใจกลับไปอภิเษกกับเจ้าหญิงอาภัสรา ซึ่งเป็นคู่หมั้นของอริยะวรรต แม้ว่าอาภัสรากับขัตติยะราเชนทร์จะมีใจให้แก่กันก็ตาม อริยวรรตรู้เรื่องนี้ พยายามสนับสนุนให้ทั้งคู่สมปรารถนา แต่น้องชายกลับปฏิเสธ เพราะเรื่องนี้ พ่อได้หมั้นหมายทั้งคู่ไว้ก่อนสวรรคต
 
อริยวรรตปลอมตัวเป็นพราหมณ์ตาบอดชื่อ “วิพาหะ” ส่วนขัตติยะราเชนต์เป็น “กัญญะ” วณิพกเสียงทองแสนจะไพเราะ ทั้งสองเดินทางถึงพาราณสีในวันที่ดารารายพิลาสเข้าพิธีหมั้นกับกษัตริย์เวสาลี ชื่อกาฬสิงหะ ขณะมาบวงสรวงพระศิวะที่เทวาลัย เทวตี ผู้ดูแลศาล เชิญดารารายพิลาสเข้าเทวาลัย สองพี่น้องหาทางลักลอบเข้าเทวาลัยด้วย เกิดแผ่นดินไหว หินถล่ม ทั้งเทวตีและเหล่านางกำนัลผู้ติดตามตายสิ้น วิพาหะช่วยชีวิตเจ้าหญิงไว้ทัน และได้รับคำเชื้อเชิญให้พราหมณ์เข้ามาอยู่ในพระราชวัง

พราหมณ์แสร้งวางแผนการให้ ดารารายพิลาสจูบที่ดวงตาที่บอด แล้วจะหายคืนเป็นปกติ และให้นางตั้งจิตอธิษฐานต่อจุฬาตรีคูณ ให้คืนรูปเป็นชายหนุ่มผู้สง่างาม อริยวรรตไม่ได้เปิดเผยว่าตนคือใคร เมื่ออริยวรรตโดนจับได้และถูกจับเข้าคุก ดารารายพิลาสลอบมาปล่อยตัว พร้อมขออย่างเดียวว่า ขออริยวรรตอย่าทำลายแผ่นดินเกิดของนาง แต่อริยวรรตไม่รับปาก ขัตติยะราเชนทร์ขี่ม้ามาช่วยพี่ชายไว้ทัน แต่อริยวรรตจับตัวดารารายพิลาสและขี่ม้าหนีไป ส่วนขัตติยะราเชนทร์ถูกจับตัวไว้แทน เมื่อแรกคิดจะแลกเปลี่ยนเชลย แต่เมื่อขัตติยะราเชนทร์หนีได้ จึงยับยั้งการแลกเปลี่ยน
 
"ปฏิญาณมาเดี๋ยวนี้" ... "ตามแต่เจ้าดีกว่า ยอดรัก" ... "เทวะ! ข้าแต่จุฬาตรีคูณอันศักดิ์สิทธิ์" ... "หากองค์อริยวรรตทรยศต่อรักข้า โดยอุปภิเษกกับสตรีอื่นแล้วไซร้ ขอให้ท้าวเธอจงสิ้นพระชนม์ด้วยคมอาวุธ จากผลแห่งความทรยศข้า จุฬาตรีคูณจงเป็นสักขีพยานด้วยเถิด" ...ดารารายเอ่ยขึ้นด้วยสุรเสียงกังวานหนักแน่น

ภายหลัง อริยวรรต ยกทัพบุกแคว้นพาราณสี และต้องอาวุธเสียชีวิต ส่วนดารารายพิลาส ถูกกาฬสิงหะ และราษฎรทั้งอาณาจักรบังคับสู่จุฬาตรีคูณสถาน เช่นเดียวกับเสด็จแม่ของนาง



ดารารายเล่าให้ฟัง !

มัณฑนา โมรากุล นักร้องหญิงคนแรกของกรมโฆษณาการ พูดถึงเกร็ดเพลง ในหนังสือ”ดาวประดับฟ้า” เมื่อเดือนพฤษภาคม 2538 ว่า เธอเล่นละครเวทีเป็นครั้งแรก และเรื่องเดียวเท่านั้น ในปี 2493 ละครเรื่องนี้แสดงอยู่ 3 สัปดาห์ที่ศาลาเฉลิมไทย


ละครเวที 2493 มัณฑนา โมรากุล รับบท ดาราราย

“สมาคมศิษย์เก่าวชิรวุธ ให้ จิตตเสน ไชยยาคำมาขอให้ครูแก้วแปลงบท แสดงเป็นละครเวที เพื่อเก็บเงินสร้างพระราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 ที่หน้าสวนลุมฯ (พนมเทียนว่า สร้างฐานให้สูงอย่างในปัจจุบัน) ซึ่งต้องใช้เงินถึง 6 แสนบาท เดิม ส. อาสนจินดา แสดงเป็นพระเอก มัณฑนา โมรากุล เป็นนางเอกร้องเพลงเอง แต่บทของ ส.อาสนจินดา หัวหน้า (หมายถึงครูเอื้อ) ต้องมายืนร้องเพลงที่ข้างหลืบ ต่อมา ส.อาสนจินดา ไปแสดงภาพยนตร์ จึงได้ฉลอง สิมะเสถียรมาเป็นพระเอกแทน”

ในปี 2535 มัณฑนา โมรากุล ย้อนความหลังถึงละครเวทีเรื่องนี้กับ MGR Online ว่า

“ตอนซ้อมบทตัวละครชื่อ ดาราราย ต้องร้องไห้ไป หัวเราะไป ยายข้างบ้านเป็นคนจีนก็นึกว่า ดิฉันบ้า(ฮา) มันเดินไปถามพี่สะใภ้ คุณมัณฑนาอีเป็นอะไร อีเข้าห้องน้ำก็ร้องไห้ไป หัวเราะไป พี่สะใภ้บอก มันซ้อมละคร อายจะตายตอนนั้น น้าสมพงษ์ ทิพยกลิน (ครูเพลงคนหนึ่งในวงสุนทราภรณ์) บอกว่าเล่นทั้งเรื่อง ดีหมด ยกเว้นตอนกอดฉลอง สิมะเสถียร (ซึ่งเธอใช้ข้อศอกยันไว้) อ้าว...ก็เมียเค้า(กัณฑรีย์ นาคประภา) จ้องมาตาเขม็งอย่างนั้น ฉันไม่ใช่ดารามืออาชีพนะ ไม่ใช่แบบสุพรรรณ (บูรณพิมพ์) ถึงกล้ากอดกับ ส. (อาสนจินดา) กลม หนูเป็นข้าราชการ”

นอกจากนี้ วันหนึ่งหลังซ้อมละคร มัณฑนาเกิดอ่อนเพลีย ไม่ค่อยสบาย ณัฐ จิตระจินดา (ผู้แต่งเพลง รักเร่) จึงชวนนั่งสามล้อไปกินน้ำขม น้ำเต้าทองที่สามแยก ขากลับ บังเอิญเจอเพื่อนของณัฐคนหนึ่งเข้า เพื่อนคนนี้เลยเย้าว่า ไปกินน้ำขม ไม่รู้หรือว่า เขาใช้คางคกแห้งเป็นส่วนผสมของตัวยา พอได้ยิน มัณฑนาจึงคลื่นไส้อาเจียนไปตลอดทาง ผิวเป็นผื่นลายทั้งตัว จนสร้างความโกลาหลกับทีมงาน ต้องตามหมอมารักษาเป็นกรณีพิเศษ จึงมีการแซวว่า ดาราลาย !

นักแสดงใน “ละครเวที” ได้แก่ ฉลอง สิมะเสถียร เป็น “อริยวรรต”, มัณฑนา โมรากุล เป็น “ดารารายพิลาส”, ชาลี อินทรวิจิตร เป็น “ขัตติยะราเชนทร์”, สวลี ผกาพันธ์ เป็น “อาภัสรา”, พฤหัส บุญหลง เป็น “พระเจ้ากรุงพาราณสี”, ชูศรี มีสมมนต์ เป็น “พระพี่เลี้ยงของดาราราย” โดยมนัส รามโยธิน กำกับเวที

“จุฬาตรีคูณ” เป็นละครที่ดังมากในยุคนั้น มัณฑนาได้ค่าตัวสูงมาก ถึง 8 พันบาท หลังการแสดงละครเวทีแล้ว จึงนำเพลงทั้งหมดมาอัดแผ่นเสียงในปี 2494 กับห้างกมลสุโกศล ตราโคลัมเบีย และเป็นแผ่นชุดที่ขายดีที่สุด” มัณฑนา โมรากุลว่า

ภาพยนตร์เรื่อง จุฬาตรีคูณ ปี 2510

ต่อมา วันที่ 29 ธันวาคม 2510 ภาพยนตร์เรื่อง “จุฬาตรีคูณ” ฉายที่โรงหนังโคลีเซี่ยม ช่วงต้อนรับปีใหม่ โดย วัฒนภาพยนตร์ กำกับการแสดงโดย ดอกดิน กัญญามาลย์ , ถ่ายภาพโดย สมาน ทองทรัพย์สิน และไพรัช กสิวัฒน์ อำนวยการสร้าง ใช้ฟิล์ม 16 มม. เวอร์ชั่นนี้ นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา, สมบัติ เมทะนี, เพชรา เชาวราษฎร์ และเนาวรัตน์ วัชรา



มิตร ชัยบัญชา เป็น “อริยวรรต”



สมบัติ เมทะนี  เป็น “ขัตติยะราเชนทร์”



เพชรา เชาวราษฎร์ เป็น “ดารารายพิลาส”



เนาวรัตน์ วัชรา เป็น “อาภัสรา”





ขอขอบคุณเนื้อหาและภาพบางส่วนจาก https://mgronline.com/drama/detail/9630000045469

หมายเหตุ เนื้อหาเกี่ยวกับเพลง จะอยู่ตรงช่องความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่