
ขอขอบคุณ ที่มา
https://www.understandingwar.org/
ไบเดน อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่สหรัฐฯ ( ATACMS ) จัดหามาเพื่อโจมตีเป้าหมายทางทหารของรัสเซียภายในดินแดนของรัสเซีย
ได้สูงสุดเพียง 16 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นพื้นที่เล็กๆ ตามแนวชายแดนระหว่างประเทศรัสเซีย-ยูเครน.
การตอบสนอง ต่อ นโยบายดังกล่าว
บีบบังคับให้ รัสเซีย จำเป็นต้องสร้างกันชน ลึกเข้าไปในยูเครนเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 20%
เพื่อให้ ATACMS มีขีดจำกัด ไม่ถึงแผ่นดินมาตุภูมิรัสเซีย
ในทางการ เจรจา ฝ่ายรัสเซีย สามารถอ้างได้ว่า ปฎิบัติรุกยังต้องดำเนินต่อเพราะ ATACMS คุกคามมาตุภูมิ
จากแผนที่
ฐานทัพอากาศรัสเซียจำนวน 15-16 ฐานบิน
ตกอยู่ในพิสัยการยิงของ ATACMS ที่ยิงได้ไกลถึง 300 Km
และต้องยอมรับว่า ระบบ ป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย
ยังไม่สามารถสกัด ATACMS ได้ 100%
คลิป
ระบบป้องกันภัยทางอากาศฝ่ายรัสเซีย พยายาม ยิงสู้แล้ว แต่ก็ยังสกัดไม่ไหว
น่าจะเป็น ฐานยิง S 300- S 400 หรือ อื่นใด ไม่ยืนยัน
แต่ที่ปรากฎ คือ
ระบบเรดาห์ ตรวจจับ ATACMS หรือ อาวุธปล่อยได้ จึงสั่งยิงสกัด ปล่อยจรวดเข้าต่อสู้
แต่ ATACMS ยังฝ่าเข้ามาโจมตีได้อย่างน้อย 2 ลูก
จนฐานละลาย
ว่ากันว่า
ATACMS บรรจุ สะเก็ดลูกปรายโลหะทังสเตนเท่ากำปั้นหลายพันลูก จึงปรากฎการกระจายของลูกปรายออกไปกว้างมาก
นั้นคือตัวสร้างความเสียหายแท้จริง
ข้อกังวล ไม่ใช่เรื่องการสกัด ตรวจจับ ATACMS ได้หรือไม่ได้
แต่ทำไม เรดาห์ จึงมองไม่เห็น เจ้า UAV ตรวจการณ์ชี้เป้าของฝั่งยูเครน ที่บินเกาะฐานระบบป้องกันทางอากาศ
ผู้สร้างหายนะในครั้งนี้ คือเจ้า UAV ดังกล่าว
มันทำการบินสะกดรอย รายงานพิกัด และ ยืนยันการกระทบเป้า โดยที่ไม่โดนตรวจจับ ได้อย่างไร ?
( กองทัพไทย ต้องตื่นตัวการใช้งาน UAV ทั้งด้านการรุก/รับ เพราะ มีประโยชน์ในสนามรบอย่างมาก )
ผลที่เกิด
S 400 -300 -200 อาจจะ สกัดลูก ATACMS ได้บางส่วน จาก จรวดที่ยิงเข้ามายังฐาน
แต่คงสกัดได้ไม่หมด เพราะ ฝั่งยูเครน อาจจะซัลโว ในปริมาณมาก 18-24 ลูก ในคราวเดียว
จนสกัดไม่หมดก็เป็นได้
ปล
ผมเคยเห็น คลิป Youtube short ที่ ฝ่ายยูเครน ซัลโว ATACMS 2 ระลอก
ยิงระลอกละ 12 นัด รวม 24 นัด
แต่ขออภัยที่นำมาลงไม่ได้ เพราะ จำชื่อผู้โพสไม่ได้
ซึ่งหาก ระดมยิง ATACMS 24 ลูก เข้ามาในคราวเดียว
ฐาน S 400-300-200 ก็คงสกัดไม่ทัน เพราะมีสปอนเซอร์ให้มาฟรี จะยิงเท่าไหร่ก็ได้
ฝั่งรัสเซีย ได้อธิบายว่า
เรดาห์ของ S 400 ทำงานในแนวระนาบ ขนานกับพื้นผิวโลกเป็นส่วนใหญ่
จุดประสงค์เพื่อ ต่อตี เครื่องบินรบ ที่มีขีดขำกัดต้องบินขนานกับผิวโลกเช่นกัน
ส่วน ลูก ATACMS นั้น ทิ้งตัวในแนวดิ่ง ตั้งฉากกับโลก
เรดาห์ จึง มีเวลาน้อยในการตรวจจับและสั่งการต่อตีเป้าหมายได้จำกัด
ความคิดเห็นส่วนตัว
ผมคิดว่า เรดาห์ S 400 คงทำงานคล้ายๆ แสงสปอตไลท์ ที่ส่องลำแสงไปด้านหน้าได้ไกลแต่ส่องด้านบนได้เล็กน้อย
จะเห็นวัตถุด้านบน ก็เมื่อมันเข้าใกล้แหล่งกำเนิดแสง
หากผิดพลาดผมขออภัย และ ขอบคุณหากมีท่านผู้รู้เข้ามาตอบอธิบาย
ขอบพระคุณ
เพราะ ไบเดน อนุญาตให้ใช้ ATACMS โจมตีแผ่นดินรัสเซียได้ลึก 16 % ดังนั้น แนวกันชนที่รัสเซียต้องการคือ รุกเดินหน้า 20%
ขอขอบคุณ ที่มา
https://www.understandingwar.org/
ไบเดน อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่สหรัฐฯ ( ATACMS ) จัดหามาเพื่อโจมตีเป้าหมายทางทหารของรัสเซียภายในดินแดนของรัสเซีย
ได้สูงสุดเพียง 16 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นพื้นที่เล็กๆ ตามแนวชายแดนระหว่างประเทศรัสเซีย-ยูเครน.
การตอบสนอง ต่อ นโยบายดังกล่าว
บีบบังคับให้ รัสเซีย จำเป็นต้องสร้างกันชน ลึกเข้าไปในยูเครนเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 20%
เพื่อให้ ATACMS มีขีดจำกัด ไม่ถึงแผ่นดินมาตุภูมิรัสเซีย
ในทางการ เจรจา ฝ่ายรัสเซีย สามารถอ้างได้ว่า ปฎิบัติรุกยังต้องดำเนินต่อเพราะ ATACMS คุกคามมาตุภูมิ
จากแผนที่
ฐานทัพอากาศรัสเซียจำนวน 15-16 ฐานบิน
ตกอยู่ในพิสัยการยิงของ ATACMS ที่ยิงได้ไกลถึง 300 Km
และต้องยอมรับว่า ระบบ ป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย
ยังไม่สามารถสกัด ATACMS ได้ 100%
คลิป
ระบบป้องกันภัยทางอากาศฝ่ายรัสเซีย พยายาม ยิงสู้แล้ว แต่ก็ยังสกัดไม่ไหว
น่าจะเป็น ฐานยิง S 300- S 400 หรือ อื่นใด ไม่ยืนยัน
แต่ที่ปรากฎ คือ
ระบบเรดาห์ ตรวจจับ ATACMS หรือ อาวุธปล่อยได้ จึงสั่งยิงสกัด ปล่อยจรวดเข้าต่อสู้
แต่ ATACMS ยังฝ่าเข้ามาโจมตีได้อย่างน้อย 2 ลูก
จนฐานละลาย
ว่ากันว่า
ATACMS บรรจุ สะเก็ดลูกปรายโลหะทังสเตนเท่ากำปั้นหลายพันลูก จึงปรากฎการกระจายของลูกปรายออกไปกว้างมาก
นั้นคือตัวสร้างความเสียหายแท้จริง
ข้อกังวล ไม่ใช่เรื่องการสกัด ตรวจจับ ATACMS ได้หรือไม่ได้
แต่ทำไม เรดาห์ จึงมองไม่เห็น เจ้า UAV ตรวจการณ์ชี้เป้าของฝั่งยูเครน ที่บินเกาะฐานระบบป้องกันทางอากาศ
ผู้สร้างหายนะในครั้งนี้ คือเจ้า UAV ดังกล่าว
มันทำการบินสะกดรอย รายงานพิกัด และ ยืนยันการกระทบเป้า โดยที่ไม่โดนตรวจจับ ได้อย่างไร ?
( กองทัพไทย ต้องตื่นตัวการใช้งาน UAV ทั้งด้านการรุก/รับ เพราะ มีประโยชน์ในสนามรบอย่างมาก )
ผลที่เกิด
S 400 -300 -200 อาจจะ สกัดลูก ATACMS ได้บางส่วน จาก จรวดที่ยิงเข้ามายังฐาน
แต่คงสกัดได้ไม่หมด เพราะ ฝั่งยูเครน อาจจะซัลโว ในปริมาณมาก 18-24 ลูก ในคราวเดียว
จนสกัดไม่หมดก็เป็นได้
ปล
ผมเคยเห็น คลิป Youtube short ที่ ฝ่ายยูเครน ซัลโว ATACMS 2 ระลอก
ยิงระลอกละ 12 นัด รวม 24 นัด
แต่ขออภัยที่นำมาลงไม่ได้ เพราะ จำชื่อผู้โพสไม่ได้
ซึ่งหาก ระดมยิง ATACMS 24 ลูก เข้ามาในคราวเดียว
ฐาน S 400-300-200 ก็คงสกัดไม่ทัน เพราะมีสปอนเซอร์ให้มาฟรี จะยิงเท่าไหร่ก็ได้
ฝั่งรัสเซีย ได้อธิบายว่า
เรดาห์ของ S 400 ทำงานในแนวระนาบ ขนานกับพื้นผิวโลกเป็นส่วนใหญ่
จุดประสงค์เพื่อ ต่อตี เครื่องบินรบ ที่มีขีดขำกัดต้องบินขนานกับผิวโลกเช่นกัน
ส่วน ลูก ATACMS นั้น ทิ้งตัวในแนวดิ่ง ตั้งฉากกับโลก
เรดาห์ จึง มีเวลาน้อยในการตรวจจับและสั่งการต่อตีเป้าหมายได้จำกัด
ความคิดเห็นส่วนตัว
ผมคิดว่า เรดาห์ S 400 คงทำงานคล้ายๆ แสงสปอตไลท์ ที่ส่องลำแสงไปด้านหน้าได้ไกลแต่ส่องด้านบนได้เล็กน้อย
จะเห็นวัตถุด้านบน ก็เมื่อมันเข้าใกล้แหล่งกำเนิดแสง
หากผิดพลาดผมขออภัย และ ขอบคุณหากมีท่านผู้รู้เข้ามาตอบอธิบาย
ขอบพระคุณ