สุรชาติ บำรุงสุข : การเมืองที่คาดเดาไม่ได้ไร้เสถียรภาพ 4 เสาหลักอนุรักษนิยมขยับ รัฐประหารโดยตุลาการธิปไตย
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4614639
The Politics ข่าวบ้าน การเมือง สัมภาษณ์พิเศษ ศ.กิตติคุณ ดร.
สุรชาติ บำรุงสุข คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองทิศทางการเมืองไทย ชี้เป็นการเมืองที่คาดเดาไม่ได้ หรือไร้เสถียรภาพทางการเมืองที่หนักขึ้น หลังเลือกตั้งปี 66 มันมีเครื่องหมายตกใจมากมาย 4 เสาหลักของบ้านฝ่ายขวาทั้ง ทหาร ทุนใหญ่ องค์กรอิสระ กระบวนการตุลาการ และองค์กรแนวร่วมของปีกขวาจัด ชุดความคิดและบทบาทที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ตุลาการภิวัตน์ แต่มันคือตุลาการธิปไตย คู่ขนานไปกับเสนาธิปไตย ยุคนี้ไม่ได้ตัดสินด้วยอำนาจของเผด็จการในแบบเดิม แต่เป็นการตัดสินด้วยการเคาะค้อนบนบัลลังก์ เคาะเสร็จจบเลย แย้งไม่ได้ อาจเข้าข่ายหมิ่นศาล
ไทยสร้างไทย ไม่ขัดข้องรัฐบาลนำนโยบายหวยไปใช้
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_728889/
ไทยสร้างไทย ไม่ขัดข้องรัฐบาลนำนโยบาย”หวยบำเหน็จ” ไปปรับใช้เป็น “หวยเกษียณ” ขอให้นำหลักการ นโยบาย ไปใช้อย่างถูกต้อง
นาย
ชัชวาล แพทยาไทย เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่ กระทรวงการคลังโดยการแถลงของนาย
เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมยกร่างแก้ไขกฎหมายรองรับการออก “
หวยเกษียณ” ใบละ 50 บาท โดยจะออกรางวัลทุกสัปดาห์ สูงสุด 1 ล้านบาท หวังจูงใจประชาชนออมเงินเพื่อเกษียณนั้น
นาย
ชัชวาล มองว่าเป็นนโยบายที่ไม่ต่างจาก นโยบายหวยบำเหน็จที่พรรคไทยสร้างไทยได้ประกาศเป็นนโยบายหาเสียงและรณรงค์ตลอดการหาเสียงเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา หลายคนมองว่าเป็นนโยบายที่ดี เพราะปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบปัญหา ประชาชนเข้าสู่วัยเกษียณ แต่ไร้เงินเก็บ และปัญหาดังกล่าวจะรุนแรงขึ้น จนกลายเป็นภาระทางการคลัง โดยเฉพาะการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุที่นับวันก็จะยิ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและไม่ได้ผลตอบแทนหรือกำลังแรงงานที่จะช่วยกลับมาพัฒนาประเทศ เพื่อเป็นกำลังซื้อและเป็นฐานภาษีใหม่ได้
ประกอบกับคนไทยกับหวยเป็นของคู่กัน มีคนไทยไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของประเทศ (ประมาณ 20 ล้านคน) ที่ชอบเล่นหวย ไม่ว่าจะเป็นหวยบนดิน (สลากกินแบ่งรัฐบาล) หรือหวยใต้ดิน เงินสะพัดหมุนเวียนในแวดวงหวยแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 250,000 ล้านบาท/ ต่อปี พรรคไทยสร้างไทย จึงไม่คัดค้านในหลักการ ที่กระทรวงการคลัง ได้นำวิธีคิด และรูปแบบนโยบายของเราไปใช้ แม้ผู้มีอำนาจจะมองเห็นปัญหาของสังคมผู้สูงวัยอย่างล่าช้าก็ตาม
“
พรรคไทยสร้างไทยโดยคุณหญิงสุดารัตน์ และทีมยุทธศาสตร์ของพรรค ที่เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว จริงคิดค้นนโยบายหวยบำเหน็จขึ้นมา และใช้ในการรณรงค์หาเสียงอย่างเป็นทางการ เดินสายปราศรัยเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อบอกกล่าวถึงความจำเป็นในการออกนโยบายนี้ ดังนั้นหากรัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง จะนำนโยบายที่เราได้คิดค้นอย่างดีแล้วไปใช้ พรรคไทยสร้างไทยไม่ขัดข้อง แต่ขอให้นำหลักการและนโยบาย ไปใช้อย่างถูกต้องด้วย” นาย
ชัชวาล กล่าว
นาย
ชัชวาล กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า หากคนไทยสามารถนำเงินค่าซื้อหวยเหล่านี้กลับมาเป็นรายได้หลังเกษียณ หวยบำเหน็จจะเป็นเครื่องมือในการออมเงินรูปแบบหนึ่ง นอกจากผู้ซื้อได้มีโอกาสลุ้นตัวเลขเหมือนซื้อหวย โดยไม่มีการบังคับซื้อ ไม่ต้องซื้อทุกเดือน ยังมีสิทธิได้เงินต้นที่ซื้อหวยคืน โดย เงินต้นจะถูกสะสมยอดในกองทุนหวยบำเหน็จ เมื่ออายุครบ 60 ปี 70 ปี หรือ 80 ปีเงินต้นจะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารที่ผูกไว้ทันที
ขณะเดียวกันพรรคไทยสร้างไทย ยังมีอีกหลายนโยบาย ซึ่งเป็นนโยบายที่รองรับปัญหาสังคมผู้สูงวัย ไม่ว่าจะเป็นนโยบายบำนาญประชาชน ที่มุ่งเน้นการรักษาสุขภาพ โดยผู้สูงอายุจะต้องเข้าโปรแกรมรักษาสุขภาพเพื่อไปอัพสกิล รีสกิล ให้มีสุขภาพแข็งแรง กลับมาเป็นกำลังแรงงานต่อไปได้ ที่สำคัญ จะช่วยลด การใช้จ่ายงบประมาณด้านการรักษาพยาบาลให้ประเทศได้
เงินเฟ้อ พ.ค.67 ขยายตัว 1.54% สูงสุดในรอบ 13 เดือน
https://ch3plus.com/news/economy/morning/403165
นาย
พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพฤษภาคม 67 ขยายตัว 1.54% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน สูงสุดในรอบ 13 เดือน มีปัจจัยสำคัญจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานได้แก่ ค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัจจัยชั่วคราวจากฐานราคาที่ต่ำในปีก่อน, น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก รวมถึงผักสดและไข่ไก่เนื่องจากสภาพอากาศร้อนทำให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง * สำหรับสินค้าและบริการอื่นๆส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก
ข้อมูลล่าสุดเดือนเมษายน 2567 พบว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยสูงขึ้น 0.19% ซึ่งยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ในระดับต่ำอันดับ 6 จาก 129 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และอยู่ในระดับต่ำสุดในอาเซียนจาก 7 ประเทศที่ประกาศตัวเลข คือ สปป.ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย
แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมิถุนายน 2567 คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอลง โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 1-1.1% จากฐานราคาต่ำของค่าไฟฟ้าที่ลดลง, การต่ออายุมาตรการลดอัตราค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าของครัวเรือนอีก 4 เดือน คือ พ.ค.-ส.ค.67 , ราคาพืชผลการเกษตร โดยเฉพาะผักสดที่มีแนวโน้มลดลง หลังสิ้นสุดสภาพอากาศที่ร้อนจัดและเข้าสู่ช่วงหน้าฝน รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ระดับต่ำ
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่ทำให้สินค้าบางชนิดยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศที่ 33 บาทต่อลิตร ซึ่งสนค. ให้น้ำหนักราคาพลังงาน ทั้งเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และดีเซล ถึง 9% ของอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งความไม่แน่นอนจากผลกระทบของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้ราคาน้ำมันและค่าเรือปรับสูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนนำเข้าสินค้า
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปทั้งปี 67 อยู่ระหว่าง 0-1% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 0.5%
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมเดือนผู้บริโภคพฤษภาคม 67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 52.4 จากระดับ 51.9 ในเดือนก่อนหน้า *และปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกหลังจากลดลงต่อเนื่อง 6 เดือนตั้งแต่พฤศจิกายน 66 และอยู่ในช่วง“เชื่อมั่น” ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 18 ตั้งแต่เดือนธันวาคม 65
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต 3 เดือนข้างหน้า ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 57.9 จากระดับ 56.8 มาจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัว การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ปี 67 และภาคส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น
JJNY : รัฐประหารโดยตุลาการธิปไตย│ทสท.ไม่ขัดรบ.นำนโยบายหวยไปใช้│เงินเฟ้อขยายตัวสูงสุดรอบ 13 ด.│ออสเตรเลียพบเชื้อไข้หวัดนก
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4614639
ไทยสร้างไทย ไม่ขัดข้องรัฐบาลนำนโยบายหวยไปใช้
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_728889/
ไทยสร้างไทย ไม่ขัดข้องรัฐบาลนำนโยบาย”หวยบำเหน็จ” ไปปรับใช้เป็น “หวยเกษียณ” ขอให้นำหลักการ นโยบาย ไปใช้อย่างถูกต้อง
นายชัชวาล แพทยาไทย เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่ กระทรวงการคลังโดยการแถลงของนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมยกร่างแก้ไขกฎหมายรองรับการออก “หวยเกษียณ” ใบละ 50 บาท โดยจะออกรางวัลทุกสัปดาห์ สูงสุด 1 ล้านบาท หวังจูงใจประชาชนออมเงินเพื่อเกษียณนั้น
นายชัชวาล มองว่าเป็นนโยบายที่ไม่ต่างจาก นโยบายหวยบำเหน็จที่พรรคไทยสร้างไทยได้ประกาศเป็นนโยบายหาเสียงและรณรงค์ตลอดการหาเสียงเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา หลายคนมองว่าเป็นนโยบายที่ดี เพราะปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบปัญหา ประชาชนเข้าสู่วัยเกษียณ แต่ไร้เงินเก็บ และปัญหาดังกล่าวจะรุนแรงขึ้น จนกลายเป็นภาระทางการคลัง โดยเฉพาะการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุที่นับวันก็จะยิ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและไม่ได้ผลตอบแทนหรือกำลังแรงงานที่จะช่วยกลับมาพัฒนาประเทศ เพื่อเป็นกำลังซื้อและเป็นฐานภาษีใหม่ได้
ประกอบกับคนไทยกับหวยเป็นของคู่กัน มีคนไทยไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของประเทศ (ประมาณ 20 ล้านคน) ที่ชอบเล่นหวย ไม่ว่าจะเป็นหวยบนดิน (สลากกินแบ่งรัฐบาล) หรือหวยใต้ดิน เงินสะพัดหมุนเวียนในแวดวงหวยแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 250,000 ล้านบาท/ ต่อปี พรรคไทยสร้างไทย จึงไม่คัดค้านในหลักการ ที่กระทรวงการคลัง ได้นำวิธีคิด และรูปแบบนโยบายของเราไปใช้ แม้ผู้มีอำนาจจะมองเห็นปัญหาของสังคมผู้สูงวัยอย่างล่าช้าก็ตาม
“พรรคไทยสร้างไทยโดยคุณหญิงสุดารัตน์ และทีมยุทธศาสตร์ของพรรค ที่เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว จริงคิดค้นนโยบายหวยบำเหน็จขึ้นมา และใช้ในการรณรงค์หาเสียงอย่างเป็นทางการ เดินสายปราศรัยเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อบอกกล่าวถึงความจำเป็นในการออกนโยบายนี้ ดังนั้นหากรัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง จะนำนโยบายที่เราได้คิดค้นอย่างดีแล้วไปใช้ พรรคไทยสร้างไทยไม่ขัดข้อง แต่ขอให้นำหลักการและนโยบาย ไปใช้อย่างถูกต้องด้วย” นายชัชวาล กล่าว
นายชัชวาล กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า หากคนไทยสามารถนำเงินค่าซื้อหวยเหล่านี้กลับมาเป็นรายได้หลังเกษียณ หวยบำเหน็จจะเป็นเครื่องมือในการออมเงินรูปแบบหนึ่ง นอกจากผู้ซื้อได้มีโอกาสลุ้นตัวเลขเหมือนซื้อหวย โดยไม่มีการบังคับซื้อ ไม่ต้องซื้อทุกเดือน ยังมีสิทธิได้เงินต้นที่ซื้อหวยคืน โดย เงินต้นจะถูกสะสมยอดในกองทุนหวยบำเหน็จ เมื่ออายุครบ 60 ปี 70 ปี หรือ 80 ปีเงินต้นจะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารที่ผูกไว้ทันที
ขณะเดียวกันพรรคไทยสร้างไทย ยังมีอีกหลายนโยบาย ซึ่งเป็นนโยบายที่รองรับปัญหาสังคมผู้สูงวัย ไม่ว่าจะเป็นนโยบายบำนาญประชาชน ที่มุ่งเน้นการรักษาสุขภาพ โดยผู้สูงอายุจะต้องเข้าโปรแกรมรักษาสุขภาพเพื่อไปอัพสกิล รีสกิล ให้มีสุขภาพแข็งแรง กลับมาเป็นกำลังแรงงานต่อไปได้ ที่สำคัญ จะช่วยลด การใช้จ่ายงบประมาณด้านการรักษาพยาบาลให้ประเทศได้
เงินเฟ้อ พ.ค.67 ขยายตัว 1.54% สูงสุดในรอบ 13 เดือน
https://ch3plus.com/news/economy/morning/403165
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพฤษภาคม 67 ขยายตัว 1.54% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน สูงสุดในรอบ 13 เดือน มีปัจจัยสำคัญจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานได้แก่ ค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัจจัยชั่วคราวจากฐานราคาที่ต่ำในปีก่อน, น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก รวมถึงผักสดและไข่ไก่เนื่องจากสภาพอากาศร้อนทำให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง * สำหรับสินค้าและบริการอื่นๆส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก
ข้อมูลล่าสุดเดือนเมษายน 2567 พบว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยสูงขึ้น 0.19% ซึ่งยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ในระดับต่ำอันดับ 6 จาก 129 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และอยู่ในระดับต่ำสุดในอาเซียนจาก 7 ประเทศที่ประกาศตัวเลข คือ สปป.ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย
แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมิถุนายน 2567 คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอลง โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 1-1.1% จากฐานราคาต่ำของค่าไฟฟ้าที่ลดลง, การต่ออายุมาตรการลดอัตราค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าของครัวเรือนอีก 4 เดือน คือ พ.ค.-ส.ค.67 , ราคาพืชผลการเกษตร โดยเฉพาะผักสดที่มีแนวโน้มลดลง หลังสิ้นสุดสภาพอากาศที่ร้อนจัดและเข้าสู่ช่วงหน้าฝน รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ระดับต่ำ
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่ทำให้สินค้าบางชนิดยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศที่ 33 บาทต่อลิตร ซึ่งสนค. ให้น้ำหนักราคาพลังงาน ทั้งเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และดีเซล ถึง 9% ของอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งความไม่แน่นอนจากผลกระทบของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้ราคาน้ำมันและค่าเรือปรับสูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนนำเข้าสินค้า
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปทั้งปี 67 อยู่ระหว่าง 0-1% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 0.5%
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมเดือนผู้บริโภคพฤษภาคม 67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 52.4 จากระดับ 51.9 ในเดือนก่อนหน้า *และปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกหลังจากลดลงต่อเนื่อง 6 เดือนตั้งแต่พฤศจิกายน 66 และอยู่ในช่วง“เชื่อมั่น” ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 18 ตั้งแต่เดือนธันวาคม 65
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต 3 เดือนข้างหน้า ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 57.9 จากระดับ 56.8 มาจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัว การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ปี 67 และภาคส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น