
เรื่องราวของท่าน คัดมาจากวิกิพีเดียนะครับ
เกริ่น
ชนะ ศรีอุบล (21 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 – 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539) ชื่อเล่น จิ๋ว
เป็นนักแสดงชาวไทย หนึ่งในพระเอกยุคแรก ๆ ของวงการภาพยนตร์ไทย
ก่อนเข้าวงการเคยได้รับตำแหน่งแชมป์ชายงามรุ่นใหญ่ภาคเหนือที่เชียงใหม่ ถึง 3 รางวัล
ได้ชื่อว่าเป็นคนมีศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย เป็นคนประหยัด อดออม รอบคอบ
รับผิดชอบต่อครอบครัว และสร้างฐานะจนดำเนินชีวิตได้อย่างสุขสบายไม่เดือดร้อน
ประวัติ
ชนะ ศรีอุบล ชื่อเล่น จิ๋ว เกิดที่ อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2475
ส่วนสูง 175 ซ.ม. หนัก 68 ก.ก. เป็นน้องคนที่ 8 ในพี่น้อง 9 คน และ
"เป็นพี่ชายแท้ๆของ แขไข สุริยา อดีตนางเอกภาพยนตร์ไทย"
เรียนจบ ม.6 จาก โรงเรียนปทุมคงคา แล้วไปต่อชั้นเตรียมอุดมศึกษาที่ โรงเรียนสีตบุตรบำรุง จนจบ ม.8
ชนะก็เหมือนชายหนุ่มอีกหลายคนในยุคนั้นที่ชอบเพาะกาย
เขาได้มีโอกาสเข้าประกวดชายงามที่เชียงใหม่และคว้าถ้วยชนะเลิศมาได้ถึง 3 รางวัลคือ
ชายงามชนะเลิศ และยังได้รางวัลแขนงาม และหลังงามไปครองอีกด้วย

ทำงานครั้งแรกที่บริษัท จี่เซ้ง จำกัด ผู้แทนจำหน่ายยาสีฟัน “ไอปานา”
โดยมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายโฆษณา
ทำงานได้ปีกว่า ๆ ก็ถูกชักชวนโดย เฉลิม บุณยเกียรติ ซึ่งเป็นพี่เขย
และยังเป็นโต้โผละครคณะ “แม่เลื่อน” ให้ไปเล่นหนังเรื่อง “ลูกเครือฟ้า”
ของสุเทพภาพยนตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2494 ด้วยความที่มีใจรักในการแสดงอยู่แล้ว
เลยลาออกจากงานมาเล่นหนังแทน
นอกจากกล้ามแกร่งมาดแมนแล้ว หน้าตายังคมคายและดูอ่อนหวานเป็นสุภาพบุรุษ
เช่นเดียวกับนิสัยใจคอของเขาอันเป็นที่รักของเพื่อนฝูง
แม้จะเจ้าระเบียบแต่ทำให้การทำงานของเขาตรงเวลาสม่ำเสมอ
เมื่อว่างเว้นจากงานแสดง เขายังทำงานประกันชีวิต หรือเข้าป่า - ยิงปืน
รวมทั้งตั้งเป้าที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศอีกด้วย
ชนะมีงานแสดงคู่กับ อมรา อัศวนนท์ มากที่สุด แต่ภาพยนตร์เรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย (2498)
ซึ่งเขานำแสดงคู่กับ งามตา ศุภพงศ์ ทำให้เขาเป็นที่จดจำมากกว่า
ชีวิตส่วนตัวเคยพบรักกับนักร้องดัง รวงทอง ทองลั่นทม
แต่ก็ไม่ได้ร่วมภิรมย์ชมชื่นเป็นคู่สม ต่างฝ่ายต่างพบรักใหม่และมีครอบครัวกันไป
รับบทเด่นที่ยังประทับใจผู้ชมหลายเรื่อง เช่น อาเดียว ใน สลักจิต คู่ รสริน วิลาวัลย์ (2504) ,
จาเลงกะโบ นายกองช้างแห่งทัพตองอูของพุกามประเทศ ใน ผู้ชนะสิบทิศ
ประชัน ไชยา สุริยัน-พิศมัย วิไลศักดิ์ (2509-2510) ,
แงซาย พรานป่าแดนลี้ลับ ใน เพชรพระอุมา พบกับ รพินทร์ ไพรวัลย์ -สุทิศา พัฒนุช (2514)
ตอนที่ชนะแสดง “ชั่วฟ้าดินสลาย” นั้น เขาสร้างสถิติเป็นดาราที่ได้ค่าตัวมากที่สุด
ในจำนวนดาราด้วยกันในขณะนั้น คือ 1 หมื่นบาท (ยุคนั้นค่าตัวเต็มที่ไม่เกิน 7 หรือ 8 พันบาท)
เขาเล่าว่า นำเงินค่าตัวก้อนนั้นไปซื้อรถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อ BMW ซึ่งยุคนั้นใครมีนับว่าโก้มาก
หนังเรื่องนี้ส่งให้เขาดังสุดขีด จนได้รับการขนานนามเป็น “ร็อค ฮัดสัน เมืองไทย”
นอกจากนี้ยังเคยแสดงนำคู่ เพชรา เชาวราษฎร์ ใน สิงห์ซ่อนเล็บ ,
ประกบ มิตร ชัยบัญชา ใน ชุมทางเขาชุมทอง กับ สิงห์หนุ่ม
และพบ 3 ดาราดังรุ่นน้อง สมบัติ เมทะนี-อรัญญา นามวงศ์-ครรชิต ขวัญประชา ใน ศึก 5 เสือ เป็นต้น
ผลงานยุคหลังมี พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ (2515), แรงรัก (2516), สาวสิบเจ็ด (2517),
กระดังงากลีบทอง (2519) รวมถึงผลงานด้านละครโทรทัศน์ที่ฝากฝีมือไว้เป็นที่ชื่นชมของแฟน ๆ จาก คู่กรรม ฯลฯ
เป็นพระเอกเดี่ยวที่โด่งดังมากในช่วงแรก ๆ ที่เล่นหนัง คือ ปี 2498-2504
ไม่ค่อยรับบทผู้ร้าย หรือตัวประกอบที่ไร้ความหมาย
ถือว่าเป็นดาราชายที่พยายามรักษาศักดิ์ศรีภาพความเป็นพระเอกไว้ได้อย่างเหนียวแน่นคนหนึ่ง
รับแสดงหนังแบบพิถีพิถัน น่านับถือและเป็นตัวอย่างที่ดีแก่นักแสดงรุ่นหลังเป็นอย่างยิ่ง
ชนะ ศรีอุบล เป็นพระเอกที่เล่นหนังไม่กี่เรื่อง แต่ทุกเรื่องกลายเป็นตำนาน
เข้าขั้นคลาสสิค ขึ้นหิ้ง ให้พูดถึงจนปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น
ลูกเครื่อฟ้า ชั่วฟ้าดินสลาย โรงแรมนรก เสือสั่งถ้ำ กัลปังหา บ้านทรายทองฯ
และเป็นพระเอกที่รูปร่างสมส่วน สมชายชาตรี มีมัดกล้ามที่สวยงามและยิ้มพิมพ์ใจที่สุดในยุคนั้น
ชนะมีทายาทคือ ชนาวุธ ศรีอุบล เคยเป็นดาราและอยู่ในวงการบันเทิงเช่นกัน
............................................................................................................
เกร็ดเกี่ยวกับเรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย
https://www.facebook.com/ThaiMoviePosters/posts/%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B0-%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81-%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2-2498%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88-%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A3/859585690873109/?locale=th_TH

ชนะ ศรีอุบล
พระเอก ชั่วฟ้าดินสลาย (2498)
โชคดีที่หนังเรื่องนี้ยังมีฟิล์มอยู่ ทำให้เราได้เห็นผลงานชิ้นเยี่ยมเรื่องนี้ และที่ดีไปกว่านั้น
หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ถ่ายทำแบบหนังฮอลลีวู้ดคือบันทึกเสียงจริงขณะถ่ายทำ
(ไม่ได้ใช้นักพากย์มาพากย์ทีหลัง) ทำให้เราได้ยินเสียงจริงของชนะ ศรีอุบล (ซึ่งทุ้มนุ่มนวลและแมนมากๆ)
และดาราทุกท่านด้วย
เชื่อมั้ยครับว่าพระเอกดังอย่างมิตร ชัยบัญชาไม่เคยทิ้งเสียงจริงไว้ในฟิล์มหนังเลย ยุค 16 ม.ม.
หนังจะถ่ายทำเฉพาะภาพ แล้วให้นักพากย์มาพากย์สดภายหลัง เมื่อเปลี่ยนเป็น 35 ม.ม.
ในยุคต่อมาก็ยังใช้นักพากย์ แต่พากย์บันทึกลงบนแผ่นฟิล์มเลย
(ฟิล์ม 35 ม.ม.จะใหญ่กว่าและสามารถบันทึกเสียงลงไปได้)
ซึ่งในยุคแรกๆยังบันทึกในเมืองไทยไม่ได้ ต้องไปบันทึกที่ฮ่องกง
สมัยนั้นนักพากย์ชื่อดังอย่างป้าจุ๊ จุรี โอศิริ จะบินไปฮ่องกงเป็นว่าเล่นเพื่อไปพากย์บันทึกเสียง


....................................................................................................

















ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก
ThaiMoviePosters
***** ชนะ ศรีอุบล: พระเอกที่เป็นมากกว่าพระเอก *****
เรื่องราวของท่าน คัดมาจากวิกิพีเดียนะครับ
เกริ่น
ชนะ ศรีอุบล (21 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 – 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539) ชื่อเล่น จิ๋ว
เป็นนักแสดงชาวไทย หนึ่งในพระเอกยุคแรก ๆ ของวงการภาพยนตร์ไทย
ก่อนเข้าวงการเคยได้รับตำแหน่งแชมป์ชายงามรุ่นใหญ่ภาคเหนือที่เชียงใหม่ ถึง 3 รางวัล
ได้ชื่อว่าเป็นคนมีศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย เป็นคนประหยัด อดออม รอบคอบ
รับผิดชอบต่อครอบครัว และสร้างฐานะจนดำเนินชีวิตได้อย่างสุขสบายไม่เดือดร้อน
ประวัติ
ชนะ ศรีอุบล ชื่อเล่น จิ๋ว เกิดที่ อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2475
ส่วนสูง 175 ซ.ม. หนัก 68 ก.ก. เป็นน้องคนที่ 8 ในพี่น้อง 9 คน และ
"เป็นพี่ชายแท้ๆของ แขไข สุริยา อดีตนางเอกภาพยนตร์ไทย"
เรียนจบ ม.6 จาก โรงเรียนปทุมคงคา แล้วไปต่อชั้นเตรียมอุดมศึกษาที่ โรงเรียนสีตบุตรบำรุง จนจบ ม.8
ชนะก็เหมือนชายหนุ่มอีกหลายคนในยุคนั้นที่ชอบเพาะกาย
เขาได้มีโอกาสเข้าประกวดชายงามที่เชียงใหม่และคว้าถ้วยชนะเลิศมาได้ถึง 3 รางวัลคือ
ชายงามชนะเลิศ และยังได้รางวัลแขนงาม และหลังงามไปครองอีกด้วย
ทำงานครั้งแรกที่บริษัท จี่เซ้ง จำกัด ผู้แทนจำหน่ายยาสีฟัน “ไอปานา”
โดยมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายโฆษณา
ทำงานได้ปีกว่า ๆ ก็ถูกชักชวนโดย เฉลิม บุณยเกียรติ ซึ่งเป็นพี่เขย
และยังเป็นโต้โผละครคณะ “แม่เลื่อน” ให้ไปเล่นหนังเรื่อง “ลูกเครือฟ้า”
ของสุเทพภาพยนตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2494 ด้วยความที่มีใจรักในการแสดงอยู่แล้ว
เลยลาออกจากงานมาเล่นหนังแทน
นอกจากกล้ามแกร่งมาดแมนแล้ว หน้าตายังคมคายและดูอ่อนหวานเป็นสุภาพบุรุษ
เช่นเดียวกับนิสัยใจคอของเขาอันเป็นที่รักของเพื่อนฝูง
แม้จะเจ้าระเบียบแต่ทำให้การทำงานของเขาตรงเวลาสม่ำเสมอ
เมื่อว่างเว้นจากงานแสดง เขายังทำงานประกันชีวิต หรือเข้าป่า - ยิงปืน
รวมทั้งตั้งเป้าที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศอีกด้วย
ชนะมีงานแสดงคู่กับ อมรา อัศวนนท์ มากที่สุด แต่ภาพยนตร์เรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย (2498)
ซึ่งเขานำแสดงคู่กับ งามตา ศุภพงศ์ ทำให้เขาเป็นที่จดจำมากกว่า
ชีวิตส่วนตัวเคยพบรักกับนักร้องดัง รวงทอง ทองลั่นทม
แต่ก็ไม่ได้ร่วมภิรมย์ชมชื่นเป็นคู่สม ต่างฝ่ายต่างพบรักใหม่และมีครอบครัวกันไป
รับบทเด่นที่ยังประทับใจผู้ชมหลายเรื่อง เช่น อาเดียว ใน สลักจิต คู่ รสริน วิลาวัลย์ (2504) ,
จาเลงกะโบ นายกองช้างแห่งทัพตองอูของพุกามประเทศ ใน ผู้ชนะสิบทิศ
ประชัน ไชยา สุริยัน-พิศมัย วิไลศักดิ์ (2509-2510) ,
แงซาย พรานป่าแดนลี้ลับ ใน เพชรพระอุมา พบกับ รพินทร์ ไพรวัลย์ -สุทิศา พัฒนุช (2514)
ตอนที่ชนะแสดง “ชั่วฟ้าดินสลาย” นั้น เขาสร้างสถิติเป็นดาราที่ได้ค่าตัวมากที่สุด
ในจำนวนดาราด้วยกันในขณะนั้น คือ 1 หมื่นบาท (ยุคนั้นค่าตัวเต็มที่ไม่เกิน 7 หรือ 8 พันบาท)
เขาเล่าว่า นำเงินค่าตัวก้อนนั้นไปซื้อรถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อ BMW ซึ่งยุคนั้นใครมีนับว่าโก้มาก
หนังเรื่องนี้ส่งให้เขาดังสุดขีด จนได้รับการขนานนามเป็น “ร็อค ฮัดสัน เมืองไทย”
นอกจากนี้ยังเคยแสดงนำคู่ เพชรา เชาวราษฎร์ ใน สิงห์ซ่อนเล็บ ,
ประกบ มิตร ชัยบัญชา ใน ชุมทางเขาชุมทอง กับ สิงห์หนุ่ม
และพบ 3 ดาราดังรุ่นน้อง สมบัติ เมทะนี-อรัญญา นามวงศ์-ครรชิต ขวัญประชา ใน ศึก 5 เสือ เป็นต้น
ผลงานยุคหลังมี พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ (2515), แรงรัก (2516), สาวสิบเจ็ด (2517),
กระดังงากลีบทอง (2519) รวมถึงผลงานด้านละครโทรทัศน์ที่ฝากฝีมือไว้เป็นที่ชื่นชมของแฟน ๆ จาก คู่กรรม ฯลฯ
เป็นพระเอกเดี่ยวที่โด่งดังมากในช่วงแรก ๆ ที่เล่นหนัง คือ ปี 2498-2504
ไม่ค่อยรับบทผู้ร้าย หรือตัวประกอบที่ไร้ความหมาย
ถือว่าเป็นดาราชายที่พยายามรักษาศักดิ์ศรีภาพความเป็นพระเอกไว้ได้อย่างเหนียวแน่นคนหนึ่ง
รับแสดงหนังแบบพิถีพิถัน น่านับถือและเป็นตัวอย่างที่ดีแก่นักแสดงรุ่นหลังเป็นอย่างยิ่ง
ชนะ ศรีอุบล เป็นพระเอกที่เล่นหนังไม่กี่เรื่อง แต่ทุกเรื่องกลายเป็นตำนาน
เข้าขั้นคลาสสิค ขึ้นหิ้ง ให้พูดถึงจนปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น
ลูกเครื่อฟ้า ชั่วฟ้าดินสลาย โรงแรมนรก เสือสั่งถ้ำ กัลปังหา บ้านทรายทองฯ
และเป็นพระเอกที่รูปร่างสมส่วน สมชายชาตรี มีมัดกล้ามที่สวยงามและยิ้มพิมพ์ใจที่สุดในยุคนั้น
ชนะมีทายาทคือ ชนาวุธ ศรีอุบล เคยเป็นดาราและอยู่ในวงการบันเทิงเช่นกัน
............................................................................................................
เกร็ดเกี่ยวกับเรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย
https://www.facebook.com/ThaiMoviePosters/posts/%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B0-%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81-%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2-2498%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88-%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A3/859585690873109/?locale=th_TH
ชนะ ศรีอุบล
พระเอก ชั่วฟ้าดินสลาย (2498)
โชคดีที่หนังเรื่องนี้ยังมีฟิล์มอยู่ ทำให้เราได้เห็นผลงานชิ้นเยี่ยมเรื่องนี้ และที่ดีไปกว่านั้น
หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ถ่ายทำแบบหนังฮอลลีวู้ดคือบันทึกเสียงจริงขณะถ่ายทำ
(ไม่ได้ใช้นักพากย์มาพากย์ทีหลัง) ทำให้เราได้ยินเสียงจริงของชนะ ศรีอุบล (ซึ่งทุ้มนุ่มนวลและแมนมากๆ)
และดาราทุกท่านด้วย
เชื่อมั้ยครับว่าพระเอกดังอย่างมิตร ชัยบัญชาไม่เคยทิ้งเสียงจริงไว้ในฟิล์มหนังเลย ยุค 16 ม.ม.
หนังจะถ่ายทำเฉพาะภาพ แล้วให้นักพากย์มาพากย์สดภายหลัง เมื่อเปลี่ยนเป็น 35 ม.ม.
ในยุคต่อมาก็ยังใช้นักพากย์ แต่พากย์บันทึกลงบนแผ่นฟิล์มเลย
(ฟิล์ม 35 ม.ม.จะใหญ่กว่าและสามารถบันทึกเสียงลงไปได้)
ซึ่งในยุคแรกๆยังบันทึกในเมืองไทยไม่ได้ ต้องไปบันทึกที่ฮ่องกง
สมัยนั้นนักพากย์ชื่อดังอย่างป้าจุ๊ จุรี โอศิริ จะบินไปฮ่องกงเป็นว่าเล่นเพื่อไปพากย์บันทึกเสียง
....................................................................................................
ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก
ThaiMoviePosters