ประสบการณ์ความรักแบบนี้ ทุกคนมีความเห็นอย่างไรบ้างคะ

ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ อยากให้พี่ๆอ่านเรื่องราวของเราและช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยค่ะ ว่ารู้สึกอย่างไร สามารถแนะนำแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้นะคะ อาจจะยาวหน่อยเพราะเป็นประสบการณ์ความรักของเราในช่วงเวลาหนึ่งที่มีเรื่องราวเยอะ แต่จะพยายามเขียนกระชับให้ได้มากที่สุดค่ะ 

เริ่มต้นเลย คือในช่วงเราเรียนกำลังจะจบ ปวช. เราดันมารู้จักพี่คนนึง ซึ่งพี่คนนี้อายุห่างจากเรา 8 ปี เราก็คุยๆกันอยู่ประมาณ 1 เดือนกว่าๆ พวกเราสองคนคุยกันถูกคอ และค่อนข้างชอบอะไรคล้ายๆกัน จากนั้นเราสองคนก็เลยตัดสินใจคบกันค่ะ หลังจากเราเรียนจบ ปวช.แล้ว ก็เลือกออกมาใช้ชีวิตคู่กับแฟน ด้วยความที่เขาอายุมากกว่า เราเลยค่อนข้างให้ความเคารพในตัวเขามากๆ ซึ่งโดยนิสัยเขาก็ชอบการเป็นผู้นำในชีวิตคู่ และชอบมีเราเป็นคนคอยซัพพอร์ตให้กำลังใจ ดูแล เอาใจใส่ในความเป็นตัวตนของเขาเสมอ 

ในช่วงคบกันแรกๆ เขายอมออกจากงานประจำที่ทำอยู่แล้วเริ่มมาอาศัยอยู่ที่บ้านเรา เพราะให้เหตุผลว่าอยากอยู่กับเรา เขารู้สึกรักเรามากๆ ซึ่งหลังจากที่เขาออกจากงาน เราเองก็ไม่ได้เรียนต่อเหมือนกัน ณ ช่วงเวลานั้นคือเหตุการณ์โควิท เขาเลยไปสมัครเป็นไรเดอร์ส่งอาหาร และในช่วงนั้นเราก็เอาเงินเก็บของเราที่สะสมมาตอนเรียนมาลงทุนเปิดร้านขายอาหารในแอพ (ทำในบ้าน) แต่ไปไม่รอดค่ะ เราน่าจะฝีมือไม่ถึงและทุนน้อย จากนั้นเรา 2 คนคุยกัน แฟนเลยตัดสินใจว่าให้เราไปนั่งซ้อนท้ายช่วยเขาถืออาหารส่งลูกค้า เพราะถ้าเราอยู่กับเขา เหมือนเขามีกำลังใจในการทำงาน เราก็โอเคไม่ปฏิเสธ
แต่เราก็พยายามค่ะ ไม่อยากให้เขาแบกภาระค่าใช้จ่าย เราเกรงใจเขา เพราะเข้าใจในชีวิตด้านที่เขาก็ต้องรับผิดชอบ เราเลยพยายามไปสมัครงาน แต่เขาบอกว่ามันเหนื่อยเกินไป และให้เรามาอยู่กับเขาแบบเดิมดีกว่า สรุปคือเราทำได้วันเดียวก็เลยต้องขอลาออก และต่อให้เราจะพยายามไปสมัครงานที่ไหนใกล้หรือไกลก็ไม่ยอมเลยค่ะ เพราะแบบนี้เราเลยไม่ได้ทำงานที่ไหนเลยระหว่างอยู่กับเขา 

หลังจากนั้นประมาณ 8-9 เดือน เราก็ได้คอนเนคชั่นสิ่งของอย่างนึง ซึ่งเรา 2 คน เห็นว่ามันทำการค้าได้นะ ตัวเราเองก็เลยเริ่มสร้างธุรกิจออนไลน์ตรงนี้ขึ้นมาค่ะ เราเป็นคนหาสินค้า สร้างร้านออนไลน์บนแพลตฟอร์มต่างๆ และออกแบบงานกราฟฟิคดีไซน์เอง พอเราสร้างเสร็จก็เลยลองเริ่มโพสต์ขาย เหมือนโชคเข้าข้างค่ะ มีคนสนใจสินค้าของเรา พอแฟนเราเห็นว่ามันมีลูกค้า เขาก็เริ่มเข้ามาจัดการ ตอนนั้นเราทะเลาะกันบ่อยค่ะ คือเราโดนแฟนด่าและสบประมาทเราบ่อยมากๆ ประมาณว่าเราทำได้ไม่ดีเท่าเขา เราก็ยอมค่ะ ยกทั้งหมดให้เขาทำเลย ส่วนเราช่วยงานที่เขาไม่ชอบทำคืองานแพ็คของ เพราะเรามองว่าถ้าเขาทำแล้วมันไปได้ต่อโดยใช้ความสามารถของเขามันก็เป็นผลดี เขาจะได้ตัดสินใจทำอะไรได้แบบเต็มที่ 

ในระหว่างนี้คือเขาเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด คือพวกค่าไฟ ค่าน้ำ ค่ากินอยู่ ของใช้ เขาบอกว่าเขายินดีออกให้ เหตุผลคือรักเรามากๆ เขาเลี้ยงและดูแลเราได้ แต่เราไม่เคยขอเงินเขาเลยนะคะ คือขอแค่เลี้ยงข้าวก็พอ (แทนการทำแพ็คของและผลิตสินค้าบางตัว) เพราะเรารู้สึกว่าไม่อยากรบกวนในเรื่องเงิน อยากให้เขามีความสุขจะได้ไม่ไปต้องไปวิ่งงานไรเดอร์อีก และหลังจากนั้นธุรกิจนี้ก็ไปได้ดีมากๆๆ ตอนนั้นเราก็ยินดีกับเขาค่ะ คอยให้กำลังใจตลอด
แต่เขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไปค่ะ เพราะเงินที่ได้มากขึ้น (เดือนเกือบแสน) เริ่มมีอีโก้ พูดจาดูถูก เหยียด แซะชีวิตการเป็นอยู่ของคนรอบข้าง เวลาไม่พอใจหรือทะเลาะกันก็ชอบถามว่าเมื่อไหร่เราจะหาเงินได้ ( คือเราพยายามหาสินค้าออนไลน์มาขาย แต่พอเวลาปรึกษา เขาก็จะบอกว่าไปเริ่มสิ ไปทำสิ อารมณ์เหมือนให้เราไปเริ่มทำก่อน )

*ในตอนนั้นเหมือนเราหลงทางอะค่ะ พ่อกับแม่เราประสบปัญหาเรื่องการค้าขายเพราะโควิท เขาต้องเสียกิจการ และไม่มีเงินส่งเราเรียน อยู่กับแฟนตอนแรกก็ดี พอมีเงินก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นคนละคน สูญเสียความตั้งใจและกำลังใจ*

ณ ช่วงเวลานั้นเราด็อปเรียน 1 ปี หลังจากนั้นพ่อกับแม่เขาอยากให้เราเรียนต่อให้จบ เราก็พยายามสอบในสาขาที่ชอบ แต่ก็สอบไม่ติดค่ะ เพราะเราต้องสอบตรง แต่เราดันเปลี่ยนสาขาเพราะอยากเรียนในสิ่งที่ชอบ เราเลยไม่มีพื้นฐาน เราเลยจำใจไปกู้ กยศ. เพื่อไปเรียน ม.เอกชนแทน 

ตอนแรกคุยกับแฟนเรื่องจะเรียนต่อ เขาก็ไม่ค่อยพอใจค่ะ บอกว่าเรียนแล้วเป็นหนี้ไม่คุ้ม เรียนทำไม อยู่กับเขาก็พอ เขาเลี้ยงเราได้ ว่าพ่อกับแม่เราว่าอยากให้เราเป็นหนี้ เราก็พยายามพูดเกลี้ยกล่อมค่ะว่ามันเป็นความตั้งใจสุดท้ายของครอบครัวเรานะ เขาก็เลยยอม จากนั้นก็ต้องวางแผนว่าจะเดินทางไปเรียนยังไง เพราะ ม.อยู่ไกลบ้านเรา ตอนแรกเราบอกว่าเราโอเคที่จะใช้รถโดยสารในการเดินทาง เพราะค่าใช้จ่ายถูก แต่เขาก็บอกว่ามันลำบากเลยบังคับให้เราเช่าหอ ใกล้ๆ ม. ที่เราเรียน (แฟนเป็นคนเลือกหอ) แต่เขาขอตกลงกันว่าค่าใช้จ่ายครึ่งนึงนะ เราก็แจ้งพ่อกับแม่ว่าวางแผนแบบนี้นะ ทางบ้านก็โอเคพยายามขอความช่วยเหลือจากญาติผู้ใหญ่ แต่ด้วยความที่มันเป็นเงินก้อน แฟนเราเลยต้องออกค่าใช้จ่ายเรื่องเช่าหอก่อน เราก็รับปากกับเขาว่าจะคืนให้อีกกี่วัน โดยที่เราไม่มีความลับและไม่โกหกอะไรเลย เพราะโทรคุยเปิดโฟนกับแม่ต่อหน้าเขา แต่ผู้ใหญ่เราดันเบี้ยว ไม่ยอมจ่ายในวันที่กำหนด สรุปคือ แฟนเราด่ายับเลยค่ะ ระหว่างที่ยังหาคืนไม่ได้ ก็โดนด่า โดนว่าทุกวัน แต่ก็พยายามหาทางออก ขอหยิบยืม สรุปคืนแฟนไปได้ครึ่งนึง 

พอ ม.เปิดเรียน ตอนนั้นมีความสุขค่ะ ได้เรียนในสิ่งที่ชอบจริงๆ ตั้งใจตื่นไปเรียนทุกวัน มีเพื่อนที่ดี แต่มันเหมือนความฝันอะค่ะ เราเรียนได้ 1 เทอม ไม่มีเงินจ่ายส่วนต่างเทอม 2 เราก็ไม่อยากให้พ่อกับแม่เป็นหนี้เยอะ เราเลยจำใจไม่เรียนต่อ และลูปเดิมค่ะ ด้วยความที่อยู่กินด้วยกัน ก็ต้องรับรู้ปัญหาตรงนี้ เขาก็พูดประมาณว่า " บอกแล้วไงว่าไม่ไหว เห็นมั้ย เป็นตามที่พี่บอกเลย "

ก็กลายเป็นดรอปเรียนอีกครึ่งปี ตอนนั้นเราก็ว่างอยู่ช่วงนึงค่ะ แต่ก็ยังไม่หยุดหาอะไรทำนะคะ เราก็คุยกับแฟนตรงๆเรื่องค่าใช้จ่าย เขาบอกเขายินดีออกค่าใช้จ่ายการกินอยู่ทุกอย่าง ยินดีที่จะดูแล เลี้ยงดู รับผิดชอบทุกอย่าง ขออย่างเดียวให้เราอยู่กับเขา ไม่ทิ้งเขาไปไหน เราก็ทำตามสัญญา
ซึ่งแฟนเราก็ดำเนินธุรกิจเดิม เงินเข้าหลักแสนเหมือนเดิม กับนิสัยที่เขาเปลี่ยนไป เริ่มซื้อของแบรนด์เนม พาเราเข้าห้างทุกวัน ระหว่างนั้นเรากำลังเริ่มต้นขายอาหารในแอพ (ทำในหอ) เราขายดีระดับนึงแต่ปัญหาคือค่าใช้จ่ายของเราที่มันไม่สมดุลอะค่ะ เขากินแต่ข้าวในห้าง แต่ไม่ได้เลี้ยงเรานะคะ เราก็ต้องหามาจ่าย บางวันเราปฏิเสธไม่ไป เขาก็จะไม่ยอม มีอาการหงุดหงิด ไม่พอใจ กลายเป็นเราขัดใจไม่ได้ เราเลิกขายเพราะทำแล้วเข้าเนื้อ

นานวันหนักขึ้นอีกเริ่มเจ้าชู้ เล่นแอปปัด พาผู้หญิงคนอื่นมานั่งกินเหล้าในห้องกับเรา ชอบพาเราไปร้านเหล้า เพราะตัวเองไปเช็คเรทติ้ง แต่ก็หิ้วเราไปด้วย (ซึ่งเราไม่ชอบ แต่ก็พูดแล้วเขาไม่ฟังเรา) และการกระทำทั้งหมดนี้ เราไม่พูดเลยค่ะ เราเลือกนิ่ง เงียบ ปล่อยให้เขาทำตามใจอยาก เรายอมทุกอย่าง และใช้คำว่า "เค้าเข้าใจในสิ่งที่พี่ทำนะ" ในทุกช่วงเวลาที่เรากล่าวมา เราไม่เคยห่างกัน ตัวติดกัน กิจกรรมที่เขาทำ มีเราด้วยตลอด เรารับรู้ทุกอย่าง แต่อดทน 

จนวันหนึ่งมีคนทักมาหาเขาและบอกว่าอยากลงทุนร้านที่เขาทำอยู่ แต่เราดูโปรไฟล์แล้วคิดว่าคนนี้น่าจะพูดลอยๆ แต่เราสังเกตอาการแฟน เขาดีใจและปักใจเชื่อว่าคนนี้จะลงทุนจริง เราไม่อยากให้เขาผิดหวังเลยบอกกับเขาไปว่า "พี่คะ อย่าปักใจเชื่อเต็มร้อยนะ เผื่อใจไว้บ้าง เผื่อว่าเขาจะไม่ลงทุนจริงๆ พี่จะได้ไม่ผิดหวัง" สรุปทะเลาะกันค่ะ เขาหาว่าเราไม่เชื่อใจเขา ไม่มั่นใจในตัวเขา เราก็หมดคำจะพูด ก็เลยรอให้ผลลัพธ์มันตัดสิน..
สรุปเป็นอย่างที่เราบอกค่ะ ลูกค้าคนนั้นไม่ได้มาลงทุน แฟนเราทักไปหาก็ไม่ตอบ และเป็นอย่างที่เราคิด แฟนเราผิดหวัง เสียใจ เริ่มซึม ไม่พูดกับเรา ในคืนๆเดียว แฟนเราเปลี่ยนไปเลย เขาตื่นมากลางดึกและปลุกเรา เริ่มพูดแปลกๆ บอกว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยๆ กระวนกระวาย เดินไปเดินมาในห้อง เหมือนว่าจะมีคนมาทำร้าย เราก็คอยอยู่กับเขา พยายามบอกว่าว่าไม่มีอะไร ปลอบใจดูแลเขาทุกวัน ซึ่งเขาเป็นแบบนี้อยู่ประมาณ 3 วัน และวันที่ 4 กลางดึก เขาบอกกับเราเหมือนเดิม และบอกว่าจะกลับบ้านไปหาพ่อ และชวนเรากลับไปด้วย แต่ในช่วงเวลานั้นฝนตกหนักมาก (เรามีแต่มอเตอร์ไซค์) เราเลยบอกว่าอย่าไปเลยนะอยู่ด้วยกัน ข้างนอกมันอันตราย เราก็พยายามคุยกับเขาให้เขาอยู่กับเรา แต่พูดยังไงเขาก็ไม่อยู่ แล้วจู่ๆก็บอกว่าอยู่กับเราไม่ปลอดภัยแล้ว และขอให้เราเรียกแกร๊ปให้ และในคืนนั้นเราก็อยู่คนเดียวในห้อง นอนไม่หลับยันเช้า

เช้ามาเราก็ทักหาเขาในไลน์ เขาบอกกำลังจะกลับ เราก็อุ่นใจ เราเลยเผลอหลับไปประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เขาก็มาถึงหอ เราก็รอต้อนรับหน้าประตู แต่พอเขาเข้ามาในห้อง เขาบอกว่าในห้องมีกลิ่นบุหรี่ มาดมตัวเราแล้วบอกว่าเรามีกลิ่นบุหรี่ (เราไม่ดูดบุหรี่) บอกว่าเรามีคนอื่น เอาคนอื่นขึ้นมามีอะไรกันในห้อง เราก็พยายามคุยและอธิบายว่าเราอยู่คนเดียวนะ อธิบายยังไงเขาก็ไม่เชื่อ ด้วยความปัญหาเยอะ เราเลยตัดสินใจย้ายกลับมาบ้าน เพราะคิดว่ากลับมาที่บ้านของเราทุกอย่างน่าจะดีขึ้น

หลังจากนั้นเขาไม่ดีขึ้นเลยค่ะ เริ่มไม่สนใจธุรกิจที่ทำ เราก็ต้องมาทำแทนทั้งหมด เราต้องชวนไปกินข้าว ถ้าไม่ชวนก็จะไม่กิน นอนทิ้งชีวิตบนเตียงไปวันๆ หนักขึ้นคือพูดทุกวันว่าเราแอบไปมีอะไรกับคนอื่นในคืนที่เขากลับไปหาพ่อ บอกว่าเราโกหก บอกว่าเราสร้างหลักฐาน (เพราะเราพยายามแสดงความบริสุทธิ์) แล้วเขาก็พูดแบบนี้ใส่เราทุกวัน เป็นแบบนี้ประมาณ 4 เดือน 
แล้วหนักขึ้นจนถึงทำลายของในบ้าน มีวันหนึ่งอยู่ๆเขาตื่นมาแล้วโวยวายแล้วปาขวดแก้วในห้องนอนเรา แล้วก็ไปถีบประตูจนพัง
เราก็ถามเหตุผลว่าทำแบบทำไม เขาตอบมาแค่ว่า " ก็แค่ขวดแก้วเอง ขวดไม่กี่บาท ประตูพังก็ซ่อมได้ "
เราฟังแล้วทนไม่ไหว คิดว่าแบบนี้มันหนักไป เราเลยตัดสินใจบอกกับเขาว่าจะกลับไปพักอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด ตอนแรกเขาไม่ยอมเลยค่ะ ร้องไห้ อ้อนวอนให้เราอยู่ ขอโทษเราบอกจะปรับ แต่ใจเราพังไปหมดแล้วอะค่ะ เราก็บอกเดี๋ยวเรากลับมา ขอเวลาทำใจ 1 สัปดาห์

หลังจากนั้นเราก็กลับมาที่บ้านค่ะ แต่เรื่องแย่ๆก็ยังไม่จบค่ะ มีเหตุการณ์ที่แย่กว่านี้อีกแต่ขอไม่เล่านะคะ

ซึ่งหลังจากเจอเรื่องที่แย่ที่สุดเรื่องสุดท้าย ตอนนั้นคิดปลอบใจตัวเองเลยค่ะ "เออนี่แหละบทเรียนชีวิต เจอให้มันเจ็บที่สุด จะได้แข็งแรงและอยู่รอดได้ต่อจากโลกใบนี้ หลังจากนี้ไม่มีอะไรมาทำร้ายเราได้อีกแล้วนะ เธอเก่งมาก"

และเราก็ตัดสินใจบอกเลิก

แต่...บอกเลิกไม่นาน เขาก็พยายามมาตามตื้อค่ะ แต่ความรู้สึกเราไม่เหมือนเดิม เขาก็ขอให้ลองกลับมาฟื้นความรู้สึก ขอโอกาสได้ลองทำ เราก็ให้เขาค่ะ แต่เราเผื่อใจ ก็บอกเขาตรงๆนะคะว่าไม่ได้โอเค ไม่รู้สึกเต็มร้อยแล้ว ครั้งสุดท้ายมันเจ็บมาก เขาก็บอกรับได้
สรุปคือเขานั่งถามเราทุกวันค่ะ ประมาณว่า "รักเขาไหม อยากอยู่กับเขาไหม อยากออกไปใช้ชีวิตด้วยกันเหมือนเดิมนะ พี่มีน้องคนเดียวนะ ไม่อยากไปรักใครอีกแล้ว น้องดีกับพี่มากๆเลย พี่สำนึกผิดทุกอย่างเลยนะ"

แต่เราวางแผนไว้ว่าจะไปเรียนต่อให้จบ แต่พอเราบอกเขาไปว่าจะไปเรียนต่อ เขาก็บอก "ไม่โอเค ไม่อยากให้เราไปไหน เขาดูแลเราได้ เชื่อใจเขานะ เขายอมเราทุกอย่าง อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน" คือวันๆพูดแค่นี้ค่ะ ไม่ได้คุยอะไรอย่างอื่นเลย เราชวนคุยเรื่องทั่วไปก็เหมือนคนใจลอย ไม่ใส่ใจว่าเราพูดอะไร
 

เรื่องประมาณนี้ค่ะ พี่ๆอ่านจบแล้วมีความรู้สึกและคิดเห็นอย่างไรสามารถแนะนำมาได้เลยค่ะ
ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็น ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่