เขาคิดว่าจะหนี"กรรม" ได้ เพราะเขามีอำนาจ

เห็นจะๆกันชาตินี้เลย... เพราะเรื่องการเมืองกระทบกับคนจำนวนมาก.... ทำกรรม ทำอะไรไว้ ก็เตรียมรับแรงกระแทก.. ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว....ใช้ได้เสมอ...

ไม่เห็นแก่ประเทศชาติ และประชาชน ทำให้เกิดความเสียหาย ประชาชนส่วนมากมีความยากลำบาก ต่อการกระทำนั้นๆ กงกรรม กงเกวียน จะไปทำบุญ ห่มขาว ยังไงก็คง แก้กรรม ไม่ได้ เพราะทำไปแล้ว ก็รับกรรมกันไป เป็นอุทาหรณ

ยิ่งโดนคนด่า คนประนาม คนเหยียดหยาม คนล้อเลียนมากเท่าไหร่ พวกกะเทย ตุ๊ด ทอม ก็ยิ่งชดใช้หนี้กรรมให้หมดกรรมเร็วขึ้นเท่านั้น เราคิดอย่างนี้ถูกต้องไหมคะ ? เพราะเราคิดว่าเพศที่สามทำกรรมเป็นชู้กับผัวเมียคน

ยัง กัมมัง กะริสสามิ... กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา... ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามิ ใครบางคนอาจจะหนีพ้นเงื้อมมือกฎหมายได้ในบางครั้ง แต่เราทุกคนไม่มีใครหนีพ้นเงื้อมือกฎแห่

ไม่รู้ว่าฟังดูท้อแท้ไปไหมนะคะ ตอนเรียนหนังสือ ก็ได้ยินเรื่องนี้ โตขึ้นมา มีช่วงเสื้อแดง-เสื้อเหลือง สลับกับยุคปฏิวัติ พอเสื้อส้มชนะการเลือกตั้ง ก็มีกระแส ม.112 …แล้วเสื้อเหลืองเสื้อแดงที่ทะเลา

เขาว่ากันว่า เมื่อเราหมดกรรมกับใครสักคน เราก็ต้องเลิกลากันไปมีใหม่ ถ้าชาติที่แล้วเราเคย ทำกรรม กับคนกี่คน ชาตินี้เราก็ต้องมาชดใช้ให้ครบ ทุกคน โอกาส ที่เราจะรักกับใคร ได้นาน ถึง 20 ปี นั้นเป็นไปไม่ได

ถ้าเราทำกรรมดีแล้วเราก็จะวิบากกรรมดี ตามทฤษฎีกฎแห่งกรรมของพระพุทธเจ้า เราก็ไม่จำเป็นต้องให้เทวดาหรือผีหรือศาลหลักเมืองหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆมาคุ้มครองเรา ใช่หรือไม่ครับ

ไทยมีอะไรหลายๆอย่างคล้ายกับเขมร ทั้งวัฒนธรรม ทั้งภาษาเขียน และที่น่าสนใจและน่าเศร้าก็คือการเมืองก็คล้ายๆกันคือมีนักการเมืองที่มองประเทศชาติเป็นธุรกิจครอบครัว เอาการเมือง ธุรกิจ และเรื่องส่วนตัวมาปนกัน