แล้งโคราชยังน่าห่วง 27 อ่าง เหลือน้ำใช้แค่ 37%
https://www.matichon.co.th/region/news_4601550
แล้งโคราชยังน่าห่วง 27 อ่าง เหลือน้ำใช้แค่ 37% รอฝนเติม
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง รายงานลักษณะอากาศประจำวันว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำ บริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน และอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางแห่ง อนึ่งพายุโซนร้อนกำลังแรง “เอวิเนอร์” ด้านตะวันออกของเกาะไต้หวัน ประเทศจีน มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปประเทศญี่ปุ่น ในช่วงวันที่ 30-31 พฤษภาคม 2567 โดยพายุลูกนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศ
ซึ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง สภาพอากาศของเมื่อช่วงเช้าวันนี้ เรดาร์ตรวจอากาศ ของกรมอุตุนิยมวิทยา ยังตรวจไม่พบกลุ่มฝน แต่คาดการณ์ว่า จะมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนภาคบริเวณจังหวัดนครราชสีมา มุกดาหาร อำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งแม้ว่าในช่วงต้นฝนของปีนี้จะเริ่มมีฝนตกลงมาในพื้นที่แล้ว แต่ปริมาณกักเก็บในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ยังมีน้ำกักเก็บค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะที่จังหวัดนครราชสีมา สภาพน้ำในลำน้ำธรรมชาติ มีน้ำน้อย บางจุดแห้งขอดเห็นสันดอนดินโผล่กลางลำน้ำ
เช่นที่ อำเภอพิมาย ลำน้ำมูลที่ไหลผ่านพื้นที่ลดระดับลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสภาพร้อนจัดในช่วงกลางวัน โดยบริเวณลำน้ำมูลเหนือเขื่อนพิมาย และลำจักราชบริเวณสนามแข่งเรือยาวประเพณี ระดับน้ำลดลงอย่างมาก เห็นสันดอนดินโผล่ ซึ่งเป็นผลมาจากอุณหภูมิที่สูงมากในช่วงกลางวัน และสูงอย่างนี้มาตั้งแต่ช่วงดูร้อนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งฝนก็ตกลงมายังไม่มากพอที่จะเติมน้ำลงในแหล่งน้ำธรรมชาติและในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ตอนนี้สระกักเก็บน้ำดิบบางแห่งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ยังไม่มีน้ำดิบผลิตประปาชุมชน ชาวบ้านเริ่มขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค
ขณะเดียวกัน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง และขนาดกลาง 23 แห่งของจังหวัดนครราชสีมา ปริมาณน้ำในภาพรวมตอนนี้ เหลือน้ำเก็บกักแค่ 492.97 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 40.38% แต่เป็นน้ำใช้การได้แค่ 430.16 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 37.15 % เท่านั้น สถานการณ์น้ำยังน่าเป็นห่วง เมื่อแยกเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง พบว่า อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัด ส่งจ่ายน้ำหล่อเลี้ยงประชากร 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสีคิ้ว สูงเนิน ขามทะเลสอ เมืองนคราชสีมา และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ขณะนี้ เหลือน้ำเก็บกักแค่ 99.77 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 31.73 % และเป็นน้ำใช้การได้ 77.05 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 26.41 % เท่านั้น ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย
ส่วนอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อำเภอปักธงชัย เหลือน้ำเก็บกัก 87.09 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 56.19 % และเป็นน้ำใช้การได้ 86.37 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 55.99 % ,อ่างเก็บน้ำมูล อำเภอครบุรี เหลือน้ำเก็บกัก 56.14 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 39.82 % และเป็นน้ำใช้การได้ 49.14 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 36.67 % และอ่างเก็บน้ำลำแชะ อำเภอครบุรี เหลือน้ำเก็บกัก 102.40 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 37.24 % และเป็นน้ำใช้การได้ 95.40 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 35.60 % ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 23 แห่ง เหลือน้ำรวม 147.55 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 44.00 % และเป็นน้ำใช้การได้ 122.18 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 39.42 % ยังต้องการน้ำฝนมาเติมลงในอ่างเก็บน้ำอีกเป็นจำนวนมาก
สมชัย อัดกกต. เปลี่ยนบัตรเลือกส.ว. ส่อเอื้อทุจริต ถามแบบนี้ จะป้องคนกาซ้ำกลุ่มได้ไง?
https://www.matichon.co.th/politics/news_4601388
สมชัย อัดกกต. เปลี่ยนบัตรเลือกส.ว. ส่อเอื้อทุจริต ถามแบบนี้ จะป้องคนกาซ้ำกลุ่มได้อย่างไร
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ถึงกรณีที่กกต. เปลี่ยนรูปแบบบัตรเลือกส.ว. โดยมีเนื้อหาดังนี้
กกต. เปลี่ยนรูปแบบบัตรเลือก ส.ว. แบบเลือกไขว้ จาก 1 ใบ 4 ช่อง เป็น 4 ใบๆ ละ 1 ช่อง
1. รูปแบบใหม่ เอื้อต่อการทุจริต หากคนใช้บัตรทั้ง 4 ใบ เลือกกลุ่มเดียวที่ตนจัดตั้ง บัตรไปอยู่ในหีบ ตรวจสอบไม่ได้ คะแนนคนนั้นเพิ่ม 4 เท่า
2. รูปแบบเดิม เป็นรูปแบบที่ประกาศในราชกิจจา ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 มีพิมพ์ตัวอย่างในคู่มือการเลือก ส.ว. มีการอบรมเจ้าหน้าที่ไปแล้ว และอาจมีการให้โรงพิมพ์จัดพิมพ์บัตรไปแล้ว การเปลี่ยนรูปแบบบัตรใหม่ ใครรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
3. ขณะนี้ ยังไม่ประกาศในราชกิจจา แต่กลับมีหนังสือเวียนถึง กกต.ทุกจังหวัดให้ปฏิบัติตามแล้ว
4.คำถามที่ กกต. ควรตอบสังคม คือ ใครเสนอเปลี่ยน มีมติเมื่อไร ทำไมไม่ทำตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เพื่อให้คู่มือและการฝึกอบรมเป็นไปในแนวเดียวกันและได้เตรียมการป้องกันการทุจริต ในกรณีบัตรหลายใบแต่กากลุ่มเดียวซ้ำกันอย่างไร
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid01M8erv7KUgg4nWEbGYXucMnyZeRBi7jFCZpyu7jUKMmfoAbRe6eWALEkvwoFX65ql
ชาวสวนปาล์มกระบี่ฮึ่ม จ่อชมนุมใหญ่ 1. มิ.ย. ถ้าราคาไม่ขยับ 4.5 บาท/กก.ตามที่ ‘ธรรมนัส’ รับปาก
https://www.matichon.co.th/region/news_4601272
ชาวสวนปาล์มกระบี่ฮึ่ม จ่อชมนุมใหญ่ 1. มิ.ย. ถ้าราคาไม่ขยับ 4.5 บาท/กก.ตามที่ ‘ธรรมนัส’ รับปาก
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวสวนปาล์มน้ำมัน ตำบลทับปริก อำเภอเมืองกระบี่ จ.กระบี่ นำผลปาล์มขายให้กับลานเทรับซื้อในชุมชน ราคากิโลกรัมละ 4.20-4.40 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าที่อื่น ซึ่งที่อื่นขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 3.70-3.80 บาท เนื่องจากสถานที่ตั้งไม่ห่างจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ทำให้มีค่าขนส่งไม่สูง จึงรับซื้อในราคาที่สูง เพื่อประโยชน์ของชาวสวน
แต่ต้นทุนการผลิตของชาวสวน อยู่ที่กิโลกรัมละ 5 บาท เนื่องจากค่าเคมีภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และค่าเก็บเกี่ยวค่าขนส่ง อยู่ที่ตันละ 1,000 บาท จึงเรียกร้องให้มีการประกันราคา ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 5 บาท
นาย
พันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานสภาเกษตรจังหวัดกระบี่ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับอธิบดีกรมการค้าภายใน และร้อยเอก
ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่จ.สุราษฎร์ธานี ว่าตามที่ราคาผลปาล์มของชาวสวนปาล์มน้ำมันมีราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่องจนราคาเหลือไม่ถึง 4 บาท ทางชาวสวนปาล์มในหลายจังหวัด ได้มีการพูดคุยกันเพื่อจะออกไปรวมตัวกันเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล ราคาผลปาล์มน้ำมันไม่ให้ตกต่ำไปกว่านี้
แต่หลังจากที่ทางรัฐบาลทราบข่าวว่าชาวสวนปาล์มน้ำมันจะมีการชุมนุมใหญ่เรียกร้องราคาปาล์ม ก็ได้ส่งอธิบดีกรมการค้าภายใน และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ลงมาพูดคุยและหาทางออกร่วมกันกับตัวแทนเกษตรกร ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เบื้องได้ข้อสรุปทางกรมการค้าภายใน จะทำหนังสือถึงโรงงานสกัดปาล์มน้ำมันให้ปรับกระบวนการในการรับซื้อปาล์มที่ราคากิโลกรัมละ 4.50 บาท หากว่าทางโรงงานทำได้ตามที่กรมการค้าภายในเสนอไปทางเกษตรกรก็จะไม่ออกไปชุมนุม แต่ทั้งนี้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันให้เวลาโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม 3 วันนับจากวันที่ 29 พฤษภาคม หากทำไม่ได้ ในวันที่ 1 มิถุนายน ชาวสวนปาล์มน้ำมันในภาคใต้ก็จะออกมาชุมนุมเรียกร้องราคาปาล์มครั้งใหญ่
JJNY : แล้งโคราชยังน่าห่วง│สมชัยอัดกกต.เปลี่ยนบัตรเลือกส.ว.│ชาวสวนปาล์มกระบี่ฮึ่ม จ่อชมนุมใหญ่│ภูเขาไฟไอซ์แลนด์ปะทุ
https://www.matichon.co.th/region/news_4601550
แล้งโคราชยังน่าห่วง 27 อ่าง เหลือน้ำใช้แค่ 37% รอฝนเติม
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง รายงานลักษณะอากาศประจำวันว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำ บริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน และอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางแห่ง อนึ่งพายุโซนร้อนกำลังแรง “เอวิเนอร์” ด้านตะวันออกของเกาะไต้หวัน ประเทศจีน มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปประเทศญี่ปุ่น ในช่วงวันที่ 30-31 พฤษภาคม 2567 โดยพายุลูกนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศ
ซึ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง สภาพอากาศของเมื่อช่วงเช้าวันนี้ เรดาร์ตรวจอากาศ ของกรมอุตุนิยมวิทยา ยังตรวจไม่พบกลุ่มฝน แต่คาดการณ์ว่า จะมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนภาคบริเวณจังหวัดนครราชสีมา มุกดาหาร อำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งแม้ว่าในช่วงต้นฝนของปีนี้จะเริ่มมีฝนตกลงมาในพื้นที่แล้ว แต่ปริมาณกักเก็บในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ยังมีน้ำกักเก็บค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะที่จังหวัดนครราชสีมา สภาพน้ำในลำน้ำธรรมชาติ มีน้ำน้อย บางจุดแห้งขอดเห็นสันดอนดินโผล่กลางลำน้ำ
เช่นที่ อำเภอพิมาย ลำน้ำมูลที่ไหลผ่านพื้นที่ลดระดับลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสภาพร้อนจัดในช่วงกลางวัน โดยบริเวณลำน้ำมูลเหนือเขื่อนพิมาย และลำจักราชบริเวณสนามแข่งเรือยาวประเพณี ระดับน้ำลดลงอย่างมาก เห็นสันดอนดินโผล่ ซึ่งเป็นผลมาจากอุณหภูมิที่สูงมากในช่วงกลางวัน และสูงอย่างนี้มาตั้งแต่ช่วงดูร้อนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งฝนก็ตกลงมายังไม่มากพอที่จะเติมน้ำลงในแหล่งน้ำธรรมชาติและในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ตอนนี้สระกักเก็บน้ำดิบบางแห่งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ยังไม่มีน้ำดิบผลิตประปาชุมชน ชาวบ้านเริ่มขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค
ขณะเดียวกัน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง และขนาดกลาง 23 แห่งของจังหวัดนครราชสีมา ปริมาณน้ำในภาพรวมตอนนี้ เหลือน้ำเก็บกักแค่ 492.97 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 40.38% แต่เป็นน้ำใช้การได้แค่ 430.16 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 37.15 % เท่านั้น สถานการณ์น้ำยังน่าเป็นห่วง เมื่อแยกเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง พบว่า อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัด ส่งจ่ายน้ำหล่อเลี้ยงประชากร 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสีคิ้ว สูงเนิน ขามทะเลสอ เมืองนคราชสีมา และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ขณะนี้ เหลือน้ำเก็บกักแค่ 99.77 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 31.73 % และเป็นน้ำใช้การได้ 77.05 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 26.41 % เท่านั้น ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย
ส่วนอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อำเภอปักธงชัย เหลือน้ำเก็บกัก 87.09 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 56.19 % และเป็นน้ำใช้การได้ 86.37 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 55.99 % ,อ่างเก็บน้ำมูล อำเภอครบุรี เหลือน้ำเก็บกัก 56.14 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 39.82 % และเป็นน้ำใช้การได้ 49.14 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 36.67 % และอ่างเก็บน้ำลำแชะ อำเภอครบุรี เหลือน้ำเก็บกัก 102.40 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 37.24 % และเป็นน้ำใช้การได้ 95.40 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 35.60 % ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 23 แห่ง เหลือน้ำรวม 147.55 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 44.00 % และเป็นน้ำใช้การได้ 122.18 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 39.42 % ยังต้องการน้ำฝนมาเติมลงในอ่างเก็บน้ำอีกเป็นจำนวนมาก
สมชัย อัดกกต. เปลี่ยนบัตรเลือกส.ว. ส่อเอื้อทุจริต ถามแบบนี้ จะป้องคนกาซ้ำกลุ่มได้ไง?
https://www.matichon.co.th/politics/news_4601388
สมชัย อัดกกต. เปลี่ยนบัตรเลือกส.ว. ส่อเอื้อทุจริต ถามแบบนี้ จะป้องคนกาซ้ำกลุ่มได้อย่างไร
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ถึงกรณีที่กกต. เปลี่ยนรูปแบบบัตรเลือกส.ว. โดยมีเนื้อหาดังนี้
กกต. เปลี่ยนรูปแบบบัตรเลือก ส.ว. แบบเลือกไขว้ จาก 1 ใบ 4 ช่อง เป็น 4 ใบๆ ละ 1 ช่อง
1. รูปแบบใหม่ เอื้อต่อการทุจริต หากคนใช้บัตรทั้ง 4 ใบ เลือกกลุ่มเดียวที่ตนจัดตั้ง บัตรไปอยู่ในหีบ ตรวจสอบไม่ได้ คะแนนคนนั้นเพิ่ม 4 เท่า
2. รูปแบบเดิม เป็นรูปแบบที่ประกาศในราชกิจจา ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 มีพิมพ์ตัวอย่างในคู่มือการเลือก ส.ว. มีการอบรมเจ้าหน้าที่ไปแล้ว และอาจมีการให้โรงพิมพ์จัดพิมพ์บัตรไปแล้ว การเปลี่ยนรูปแบบบัตรใหม่ ใครรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
3. ขณะนี้ ยังไม่ประกาศในราชกิจจา แต่กลับมีหนังสือเวียนถึง กกต.ทุกจังหวัดให้ปฏิบัติตามแล้ว
4.คำถามที่ กกต. ควรตอบสังคม คือ ใครเสนอเปลี่ยน มีมติเมื่อไร ทำไมไม่ทำตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เพื่อให้คู่มือและการฝึกอบรมเป็นไปในแนวเดียวกันและได้เตรียมการป้องกันการทุจริต ในกรณีบัตรหลายใบแต่กากลุ่มเดียวซ้ำกันอย่างไร
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid01M8erv7KUgg4nWEbGYXucMnyZeRBi7jFCZpyu7jUKMmfoAbRe6eWALEkvwoFX65ql
ชาวสวนปาล์มกระบี่ฮึ่ม จ่อชมนุมใหญ่ 1. มิ.ย. ถ้าราคาไม่ขยับ 4.5 บาท/กก.ตามที่ ‘ธรรมนัส’ รับปาก
https://www.matichon.co.th/region/news_4601272
ชาวสวนปาล์มกระบี่ฮึ่ม จ่อชมนุมใหญ่ 1. มิ.ย. ถ้าราคาไม่ขยับ 4.5 บาท/กก.ตามที่ ‘ธรรมนัส’ รับปาก
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวสวนปาล์มน้ำมัน ตำบลทับปริก อำเภอเมืองกระบี่ จ.กระบี่ นำผลปาล์มขายให้กับลานเทรับซื้อในชุมชน ราคากิโลกรัมละ 4.20-4.40 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าที่อื่น ซึ่งที่อื่นขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 3.70-3.80 บาท เนื่องจากสถานที่ตั้งไม่ห่างจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ทำให้มีค่าขนส่งไม่สูง จึงรับซื้อในราคาที่สูง เพื่อประโยชน์ของชาวสวน
แต่ต้นทุนการผลิตของชาวสวน อยู่ที่กิโลกรัมละ 5 บาท เนื่องจากค่าเคมีภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และค่าเก็บเกี่ยวค่าขนส่ง อยู่ที่ตันละ 1,000 บาท จึงเรียกร้องให้มีการประกันราคา ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 5 บาท
นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานสภาเกษตรจังหวัดกระบี่ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับอธิบดีกรมการค้าภายใน และร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่จ.สุราษฎร์ธานี ว่าตามที่ราคาผลปาล์มของชาวสวนปาล์มน้ำมันมีราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่องจนราคาเหลือไม่ถึง 4 บาท ทางชาวสวนปาล์มในหลายจังหวัด ได้มีการพูดคุยกันเพื่อจะออกไปรวมตัวกันเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล ราคาผลปาล์มน้ำมันไม่ให้ตกต่ำไปกว่านี้
แต่หลังจากที่ทางรัฐบาลทราบข่าวว่าชาวสวนปาล์มน้ำมันจะมีการชุมนุมใหญ่เรียกร้องราคาปาล์ม ก็ได้ส่งอธิบดีกรมการค้าภายใน และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ลงมาพูดคุยและหาทางออกร่วมกันกับตัวแทนเกษตรกร ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เบื้องได้ข้อสรุปทางกรมการค้าภายใน จะทำหนังสือถึงโรงงานสกัดปาล์มน้ำมันให้ปรับกระบวนการในการรับซื้อปาล์มที่ราคากิโลกรัมละ 4.50 บาท หากว่าทางโรงงานทำได้ตามที่กรมการค้าภายในเสนอไปทางเกษตรกรก็จะไม่ออกไปชุมนุม แต่ทั้งนี้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันให้เวลาโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม 3 วันนับจากวันที่ 29 พฤษภาคม หากทำไม่ได้ ในวันที่ 1 มิถุนายน ชาวสวนปาล์มน้ำมันในภาคใต้ก็จะออกมาชุมนุมเรียกร้องราคาปาล์มครั้งใหญ่