โดย Zyo:
https://www.facebook.com/zyobooks
eBook ที่เว็บ mebmarket
http://bit.ly/2r59DEH
บทความนี้เอามาจากหนังสือฝรั่งชื่อ All-Weather Trader เขียนโดยลุง Tom Basso; Market Wizards
https://www.amazon.com/All-Weather-Trader-Serenitys-Thoughts/dp/B0CKGJWKFC/
ยังไม่มีแปลเป็นภาษาไทยนะครับ เล่มนี้ดีนะ เชียร์ให้สำนักพิมพ์แปลเป็นไทย
เพราะน่าจะเปิดโลกให้กับนักเทรดคนไทยได้เยอะมาก ๆ

ผมมองว่ามือใหม่เป็นจำนวนมาก มักไม่มีกลยุทธ์ ไม่มีแผนการเทรด(หรือลงทุนเลย)
ถ้าคุณไม่มีกลยุทธ์ ไม่มีแผน คุณก็จะผิดพลาดได้ง่าย แถมพอผิดพลาดมาก็ไม่รู้ว่าต้นตอมาจากอะไร (มืออาชีพเชื่อตรงกันว่า ความผิดพลาดมาจากตัวเขาเอง ไม่ใช่ตลาด ไม่ใช่เจ้ามือ ไม่ใช่บริษัท/สินทรัพย์อะไรทั้งสิ้น - เขาเป็นคนเลือกเอง ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองเลือกเสมอ - ถ้ามีแผนชัด ถ้ารู้ต้นตอ ก็แก้ได้ จะไม่พลาดซ้ำเรื่องนั้นอีก)
ปล. ลุงทอม บอกว่า ทุกคนล้วนเป็นนักเทรดกันทั้งนั้นแหละ เพราะซื้อมาขายไป
หรือไม่ ก็ต้องเสี่ยงเพื่อแลกกับรางวัลอยู่ดี
การที่เราระบุตัวเองว่าเป็นนักเทรด มันจะช่วยให้เราให้ความสำคัญกับความเสี่ยงอย่างจริงจัง
ตรงข้ามกับการระบุตนเองว่าเป็นนักลงทุน - อาจทำให้หลายคนไม่สนใจความเสี่ยงเลย เพราะอ้างว่าฉันถือยาว ฉันทนถือหุ้นขาดทุนหนักได้ วิธีคิดแบบนี้อาจจะเป็นอันตรายทำลายพอร์ตให้เจ๊งได้ หากเจอตัวซวยแค่ตัวเดียว
มาถึงประเด็นที่ผมอยากแนะนำ
นั่นคือตอนที่ว่าด้วย A Complete Trading Strategy
ส่วนประกอบที่ครบถ้วนของกลยุทธ์การเทรดของมืออาชีพ
ประกอบด้วย 9 เรื่องนี้ ถ้ามีไม่ครบ ถือว่ายังไม่สมบูรณ์ครับ
1. ความเชื่อ: เกี่ยวกับตัวคุณ กลยุทธ์ การรับความเสี่ยง ต้องสอดคล้องกัน
2. วัตถุประสงค์: ปรัชญาที่อยู่เบื้องหลังกลยุทธ์ของคุณ, เอาไปเลือกอินดิเคเตอร์
3. การคัดกรองสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ: คุณจะสแกนกรองตัวเลือกที่มีศักยภาพจากสินทรัพย์ในตลาดนับพันนับหมื่นยังไงให้ได้ได้ตัวที่เหมาะสมกับกลยุทธ์
4. การจัดอันดับสินทรัพย์ที่ควรลงทุนที่สุด: คุณจะคัดกรองตัวเลือกจากข้อ 3 ยังไงให้ได้ตัวที่ดีที่สุด-เหมาะสมกับการลงทุนมากที่สุด เพราะคุณจะซื้อได้เพียงแค่ 10 ตัวเท่านั้น
5. ทริกเกอร์ซื้อ/ขาย: สัญญาณให้คุณลงมือซื้อ/ขาย คืออะไร
6. จุดตัดขาดทุน: จุดที่ชี้ชัดว่าคุณคิดผิด และต้องขายตัดขาดทุน
7. จุดซื้อคืน: หากคัทแล้วเด้ง คุณจะซื้อคืนตรงไหน
8. จุดขายเก็บกำไร: สัญญาณขายของคุณคืออะไร?
9. ขนาดเงินลงทุนในแต่ละตัว: เป้าหมายคือ ถือคิดผิด ต้องไม่หมดตัว หากคิดถูกก็ต้องได้กำไรแบบได้น้ำได้เนื้อ
ลุงทอมแนะนำว่า "เราไม่ควรมีเงินทุนในหุ้นตัวหนึ่งโตกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ตโฟลิโอ
และความเสี่ยงจากตำแหน่งใหม่ใดๆ ไม่ควรเกิน 1 เปอร์เซ็นต์ของทุนของเรา"
ลองเอาไปถามตัวเอง
และใช้เป็นส่วนหนึ่งของการเทรดครั้งต่อไปของคุณดูครับ
รับรองว่า การเทรดของคุณจะนิ่งและมีหลักการมากขึ้นแน่นอน
ส่วนประกอบที่ครบถ้วน ของกลยุทธ์การเทรดของมืออาชีพ ถ้าทำตามได้ ไม่ติดดอยแน่นอน
eBook ที่เว็บ mebmarket http://bit.ly/2r59DEH
บทความนี้เอามาจากหนังสือฝรั่งชื่อ All-Weather Trader เขียนโดยลุง Tom Basso; Market Wizards
https://www.amazon.com/All-Weather-Trader-Serenitys-Thoughts/dp/B0CKGJWKFC/
ยังไม่มีแปลเป็นภาษาไทยนะครับ เล่มนี้ดีนะ เชียร์ให้สำนักพิมพ์แปลเป็นไทย
เพราะน่าจะเปิดโลกให้กับนักเทรดคนไทยได้เยอะมาก ๆ
ผมมองว่ามือใหม่เป็นจำนวนมาก มักไม่มีกลยุทธ์ ไม่มีแผนการเทรด(หรือลงทุนเลย)
ถ้าคุณไม่มีกลยุทธ์ ไม่มีแผน คุณก็จะผิดพลาดได้ง่าย แถมพอผิดพลาดมาก็ไม่รู้ว่าต้นตอมาจากอะไร (มืออาชีพเชื่อตรงกันว่า ความผิดพลาดมาจากตัวเขาเอง ไม่ใช่ตลาด ไม่ใช่เจ้ามือ ไม่ใช่บริษัท/สินทรัพย์อะไรทั้งสิ้น - เขาเป็นคนเลือกเอง ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองเลือกเสมอ - ถ้ามีแผนชัด ถ้ารู้ต้นตอ ก็แก้ได้ จะไม่พลาดซ้ำเรื่องนั้นอีก)
ปล. ลุงทอม บอกว่า ทุกคนล้วนเป็นนักเทรดกันทั้งนั้นแหละ เพราะซื้อมาขายไป
หรือไม่ ก็ต้องเสี่ยงเพื่อแลกกับรางวัลอยู่ดี
การที่เราระบุตัวเองว่าเป็นนักเทรด มันจะช่วยให้เราให้ความสำคัญกับความเสี่ยงอย่างจริงจัง
ตรงข้ามกับการระบุตนเองว่าเป็นนักลงทุน - อาจทำให้หลายคนไม่สนใจความเสี่ยงเลย เพราะอ้างว่าฉันถือยาว ฉันทนถือหุ้นขาดทุนหนักได้ วิธีคิดแบบนี้อาจจะเป็นอันตรายทำลายพอร์ตให้เจ๊งได้ หากเจอตัวซวยแค่ตัวเดียว
มาถึงประเด็นที่ผมอยากแนะนำ
นั่นคือตอนที่ว่าด้วย A Complete Trading Strategy
ส่วนประกอบที่ครบถ้วนของกลยุทธ์การเทรดของมืออาชีพ
ประกอบด้วย 9 เรื่องนี้ ถ้ามีไม่ครบ ถือว่ายังไม่สมบูรณ์ครับ
1. ความเชื่อ: เกี่ยวกับตัวคุณ กลยุทธ์ การรับความเสี่ยง ต้องสอดคล้องกัน
2. วัตถุประสงค์: ปรัชญาที่อยู่เบื้องหลังกลยุทธ์ของคุณ, เอาไปเลือกอินดิเคเตอร์
3. การคัดกรองสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ: คุณจะสแกนกรองตัวเลือกที่มีศักยภาพจากสินทรัพย์ในตลาดนับพันนับหมื่นยังไงให้ได้ได้ตัวที่เหมาะสมกับกลยุทธ์
4. การจัดอันดับสินทรัพย์ที่ควรลงทุนที่สุด: คุณจะคัดกรองตัวเลือกจากข้อ 3 ยังไงให้ได้ตัวที่ดีที่สุด-เหมาะสมกับการลงทุนมากที่สุด เพราะคุณจะซื้อได้เพียงแค่ 10 ตัวเท่านั้น
5. ทริกเกอร์ซื้อ/ขาย: สัญญาณให้คุณลงมือซื้อ/ขาย คืออะไร
6. จุดตัดขาดทุน: จุดที่ชี้ชัดว่าคุณคิดผิด และต้องขายตัดขาดทุน
7. จุดซื้อคืน: หากคัทแล้วเด้ง คุณจะซื้อคืนตรงไหน
8. จุดขายเก็บกำไร: สัญญาณขายของคุณคืออะไร?
9. ขนาดเงินลงทุนในแต่ละตัว: เป้าหมายคือ ถือคิดผิด ต้องไม่หมดตัว หากคิดถูกก็ต้องได้กำไรแบบได้น้ำได้เนื้อ
ลุงทอมแนะนำว่า "เราไม่ควรมีเงินทุนในหุ้นตัวหนึ่งโตกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ตโฟลิโอ
และความเสี่ยงจากตำแหน่งใหม่ใดๆ ไม่ควรเกิน 1 เปอร์เซ็นต์ของทุนของเรา"
ลองเอาไปถามตัวเอง
และใช้เป็นส่วนหนึ่งของการเทรดครั้งต่อไปของคุณดูครับ
รับรองว่า การเทรดของคุณจะนิ่งและมีหลักการมากขึ้นแน่นอน