EP2. เที่ยวสปป.ลาว ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว ... แต่ยังไม่ถึงลาว...สักที

จากความผิดพลาดในรอบแรกที่ เราลืมเขียนหัวเรื่องว่า EP.1 รอบนี้จะไม่ลืมละ รอบนี้เป็น EP.2 แล้วนะ และมันก็ยังไม่ถึงลาวสักทีนะ ใน EP. 2 นี้ จะเล่าเรื่องทัวร์ไหว้พระ ที่ใช้เวลาอยู่ในจังหวัดอุดรธานี 3 วัน 2 คืน ให้ฟังกันนะคะ ว่าพวกเราไปที่ไหนกันมาบ้าง ใน 2 วันนี้ เราเก็บไปได้กี่วัด (ชนิดไม่เหนื่อยสายตัวแทบขาดไรงี้) โดยหลักการง่ายๆ ในการเดินทางสายบุญนี้เราเน้น เลือกวัดหลักๆ ที่ต้องการจะไป และเก็บวัดอื่นๆ ไปตามเส้นทางที่ผ่าน โดยให้ “พี่เจริญ” เป็นคนช่วยเลือกและแนะนำเส้นทาง พี่เจริญเป็นใครเดี๋ยวเราไปว่ากันต่อค่ะ

เราเลือกการเดินทางด้วยรถไฟจากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ - สถานีอุดรธานี (อย่าเพิ่งงงนะคะ ว่าไหนจะไปลาวไงทำไมมาลงสถานีที่นี่) เราเลือก ประเภท ด่วนพิเศษ CNR (SPECIAL EXPRESS CNR) 1 - บนอป.24CN แปลว่าอะไรไม่รู้ ซึ่งจะมีตู้นอนแบบเป็นห้องๆ ห้องละสองท่าน หรือ ใครอยากนอนเดี่ยวจะเหมาห้องก็ได้ ซึ่งออกเดินทางจาก กรุงเทพ เวลา 20:25 ถึง อุดรธานี 05:39 ซึ่งเลทนิดหน่อยจริงๆ (สิ้นสุดที่หนองคาย)

ลูกชายเรา นางรู้สึกตื่นเต้นมากสไตล์คนกำลังจะหนุ่ม แบบต้องพยายาม Keep Cool แบบเด็กๆ ซึ่งสำหรับคนแม่เป็นแล้วก็ตื่นเต้นมากเพราะสมัยที่เราเที่ยวแต่ก่อน เราได้นอนแต่รถตู้นอนรวม ไม่เคยได้มีโอกาศไปนอนห้องแบบเหมาแบบนี้ ส่วนลูกก็มีความพยายามบอกแม่ ว่าอย่าทำแบบนั้น อย่าทำแบบนี้ตลอด 55555 เอาจริงมนุษย์แม่ที่ 40 ขี้นไปแล้วไม่ค่อยมีความอายอะไรเท่าไหร่ออกจะป้าๆข้างบ้านด้วยซ้ำ

เราเองก็ค่อยข้างจะตื่นๆหน่อยเพราะว่าครั้งล่าสุดที่เดินทางด้วยรถไฟเราไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟสามเสนซึ่งเดียวนี้เค้าไม่มีแล้วละก็เลยจะเก้ๆกังๆว่ามันจะขึ้นตรงไหนไปยังไงข้างในสถานีจะเป็นยังไงเท่าที่ทราบล่าสุดคือไปฉีดวัคซีนโควิดนอกนั้นก็ไม่รู้แล้ว

ภายในสถานีก็...โอ้...ทันสมัยว่าแต่ก่อนมาก กว้างมาก และต้องพยายามหาจุดเริ่มต้นว่า เราจะเริ่มต้นตรงไหนดี ตามสไตล์คนไม่เคยมา เราสอนลูกให้สังเกตป้ายต่างๆ และจอทีวีว่าเค้าบอกข้อมูลอะไรเราบ้าง และบอกลูกว่า เราไม่ต้องอายนะ ถ้าเราไม่รู้ เราก็ถามคนแถวนนั้นเอา ตามสไตล์ของเด็กๆ กำลังโตค่ะ เค้าก็มีความเขินที่จะถาม เพราะตอนเด็กๆ เราก็เป็น



จอทีวีด้านหน้าจะบอกช่วงเวลา และขบวนรถว่าไปที่ไหนบ้าง พร้อมกับบอก ประตูที่เราจะต้องไปขึ้นรถไฟ เราไปถึงก่อนเวลาค่อนข้างนานพอสมควรค่ะ เพราะเผื่อเวลาไปสำหรับความโก๊ะกัง ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะเราเพิ่งไปครั้งแรก รวมถึงเผื่อเวลาสำหรับรถติด ดังนั้นเราเลยต้องนั่งคอยอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน ส่วนอาหารเครื่องดื่มมีให้ครบในราคามิตรภาพ แต่ก็บอกลูกไว้ว่ายังไม่ต้องกินตอนนี้ก็ได้ เดี๋ยวเราไปหาอะไรทานในตู้เสบียงกัน ถือโอกาสพาทัวร์บนรถไฟไปด้วย

ขบวนรถไฟที่เลือกสิ้นสุดที่สถานีหนองคาย เราใช้ประตูทางออก 5 นะคะถ้าจำไม่ผิด เมื่อถึงเวลาจะมีเจ้าหน้าที่ประกาศออกเสียงตามสาย เพื่อเรียกให้ผู้เดินทางไปต่อคิวขึ้นรถไฟล่วงหน้าประมาณ 20 - 30 นาที พร้อมตรวจตั๋วโดยสาร ไม่ว่าจะเป็น Physical Ticket หรือ จะเป็นตั๋วที่เราเซฟเก็บไว้ในมือถือ ก็สามาถใช้ได้ทั้งสองอย่าง อารมณ์แบบสนามบินเลย

เมื่อขึ้นไปถึงชานชลาจะมีเจ้าหน้าที่ประจำโบกี้ยืนรับผู้โดยสาร พร้อมตรวจตั๋วอีกครั้ง ระหว่างนั้นเราก็นับดูว่าตู้เสบียงมันอยู่ที่โบกี้ไหน แล้วพอเก็บของเสร็จแล้ว ก็จะเดินไปดูกันว่ามันหน้าตาเป็นยังไง เหมือนแต่ก่อนไหม นางก็ยังมีความเขินตลอดว่าทำไมแม่ต้องวุ่นวายเดินไปโน่นไปนี่ด้วย ก็เพราะเราอยากให้เขาได้เห็นว่ารถไฟมีที่นั่งแบบไหนให้เราบ้าง การเดินสำรวจก็ไม่น่าจะแปลกอะไรสำหรับเรา แต่คงเขินสำหรับเด็กๆ ซึ่งมีอาการสะบัดสะบิ้งตลอดเวลา...ลึกๆ ก็รำคาญมันนะ


สำหรับตู้เสบียงแล้วสมัยก่อนที่เราวัยรุ่นเดินทางคนเดียวเรามักจะไปจบที่ตู้เสบียงแล้วสั่งเบียร์แอบดูดบุหรี่พอดึกๆแก้งคนเมาต่างวัยก็จะมารวมตัวกันพูดคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้จะไปไหนไปทำไรต่างเล่าประสบการณ์ของแต่ละคนผู้ฟังก็นั่งฟังไปอย่างสนุกสนานจำได้ว่าเช้าวันถัดมาเราเฮงค์มากไปหากาแฟกินก็ยังเจอพี่แกสั่งเบียร์มากินตั้งแต่เช้าถามว่ามันคงอาจจะไม่ถูกจริตใครอีกหลายคนแต่สำหรับเรามันก็สนุกดีนะได้พบเจอกับอะไรใหม่ๆแปลกๆเจอคนใหม่ๆที่ชาตินี้คงเจอพวกเค้าแค่ครั้งเดียวแต่ก็เตือนตัวเองตลอดว่าจะต้องรอบครอบและปลอดภัยเสมอ

กลับมาที่เรื่องสมัยนี้ต่อ ตู้เสบียงสมัยนี้ต่างจากสมัยก่อนมาก เรื่องแรกคือ รสชาติของอาหารที่กินแล้ว ไม่เสียดายตัง ราคาก็แพงตามสถานที่ค่ะ สองคือเมนูอาหารที่มีเป็นเซ็ตให้เลือก ไม่มีตามสั่งแบบสมัยก่อน สามเบียร์ไม่มีขายอีกต่อไปหลังจากคดีที่มีไอ้โรคจิตข่มขืนเด็กหญิงแล้วโยนลงทางรถไฟ สี่คือไม่มีรถไฟเทค อีกต่อไป แต่ยังมีข้าวผัดอเมริกันเหมือนเดิม...5555 ส่วน 5 คือความสะอาด ไม่ถึงกับหรูหราหมาเห่า แต่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมาก สำหรับเราแล้วเรามองว่ามันเป็นกลิ่น และ Feeling ของการเดินทางเรื่องความโจ๊ะในห้องเสบียงในสมัยก่อนน่ะ พอมันไม่มีแล้วรู้สึกขาดอะไรไปสักอย่าง


สำหรับห้องหับแบบเหมาหรือโบกี้รวมดูดีทันสมัยสะอาดกว่าแต่ก่อนมากมีปลั๊กไฟพร้อมนอนได้แต่ก็ไม่หลับเหมือนนอนที่บ้านน่าจะด้วยอายุด้วยเลยหลับๆตื่นๆไม่ต้องทายเลยว่าลูกชายเราหลับไหมก็หลับแน่นอนและไม่ต้องทายด้วยว่ามันเลือกนอนที่ชั้นบนที่ต้องปีนขึ้นไป

ขนาดห้องไม่ใหญ่ มีประตูเชื่อมไปอีกห้องแบบ Connected Room น่าจะดีสำหรับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวที่มากันสี่คน ตอนจองอาจจะต้องเลือกให้ดีว่ามันเป็นห้องติดกันมีประตูเชื่อมไหม ขนาดห้องก็เล็กหน่อย เดินสวนกันไม่ได้ มีก๊อกน้ำและกระจกไว้ให้ล้างหน้าแปรงฟัน น้ำแรงดีเลย

ปลายที่นอนชั้นล่างมีจอมอนิเตอร์ที่ใช้งานได้บ้างใช้งานไม่ได้บ้างคือ เหมือนจะเป็น Touch Screen แต่ก็กดแล้วบ้ง ลูกชายหันมาถามว่าแม่ไม่รู้หรอว่าปุ่มตรงนี้ไว้ควบคุมจอที่ปลายตีนแม่อ่ะ มันปิดได้ตรงนี้นะแม่....เรานึกในใจว่า กูแก่จริงๆ ถึงแม้จะทำงานอยู่ในสายงาน Tech Company ก็เหอะ แต่ปุ่มก็กดแล้วก็บ้งอยู่ดี อืม...ที่นอนไม่หลับคือ อีไฟทีวีนี่แหละที่ส่องหน้าเราทั้งคืน และหาที่ปิดมันไม่เจอ Human Error ของแทร่

ตีสี่แล้ว...เราปลุกลูกให้ลุกมาอาบน้ำ เพราะคิดว่าเราจะเริ่มเดินทางไหว้พระกันแต่เช้า แต่ก็มีความแปลกที่ว่า เช้าขนาด ตี 5 เนี่ย หลวงพ่อท่านพร้อมหรือยัง แต่ก็ตัดสินใจอาบน้ำกันก่อน ด้วยความเชื่อที่ว่าโรงแรมคงจะให้เช็กอินประมาณเที่ยง เราจะร่อนเร่ไปที่ไหนดี



ลงสถานีรถไฟตอนประมาณเกือบๆ หกโมง ฟ้าสางแล้ว ยังมีความงงว่า เอาไงดีวะกูไปวัดตอนนี้มันเช้าไปไหม เลยตัดสินใจบอก “พี่เจริญ” ให้มารับสักเก้าโมงละกัน และลองเสี่ยงดวงไปถามที่โรงแรมว่า สามารถเช็กอินตอนนี้ได้เลยไหม เพราะมาถึงแล้ว ไม่รู้ว่าโชคดี หรือ ปกติเค้าก็อนุญาติให้เช็กอินนะคะ ทางโรงแรมแจ้งว่าสามารถเข้ามาเช็กอินได้เลย ซึ่งเราก็มีความงงว่า เอ…ทำไมบางโรงแรมที่เราเคยไป เค้าให้เราเข้าเช็กอิน ตอนเที่ยงโน่น

มาถึงจุดที่ต้องแนะนำโรงแรมแล้วล่ะ เราเข้าพักที่ “เจริญโฮเต็ล” เป็นโรงแรมที่อยู่คู่กับจังหวังอุดรธานีมานานแล้ว และที่สำคัญมันตั้งอยู่กลางเมือง อยู่หน้าเซนทรัลอุดรธานี ห่างจากสถานีรถไฟนิดเดียว พร้อมกันสามารถเดินทางไปไหนต่อไหนได้สะดวก แถมห้องพักก็เริ่ด เราได้ห้องแบบเป็น Junior Suite นะคะ คือสวย สะดวก และนอนสบายมาก เรียกว่าที่นอนดูวิญญาณ แถมยังแบ่งห้องน้ำกับลูกได้คนละห้อง เค้ารีโนเวทใหม่ สะดวกสบายที่สุด มีบริการอาหารเช้าด้วย สามารถทานทันที่ที่ได้เข้าพัก (ถ้ามาทันช่วงอาหารเช้านะ)

เฮ้ย....มันยังไม่ถึงทัวร์วัดเลยนี่หว่า....

....มีต่อ...ค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่