เราจัดเป็นคนที่ไม่ขับถ่ายทุกวัน มาตั้งแต่จำความได้ ไม่รู้สึกอึดอัดเลย
เวลาได้ยินใครบ่นว่า วันนี้ยังไม่ถ่าย อึดอัดบ้าง ตัวร้อนบ้าง เราก็เฉยๆ
ใช้ชีวิตผ่านมาแบบนั้นหลายสิบปี มีคนบอกว่าเราควรไปตรวจบ้าง
จึงลองไปพบแพทย์
หลังจากหมอซักถามให้เราเล่าอาการแล้ว
หมอบอกว่า
ระบบขับถ่ายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องขับถ่ายทุกวัน
เท่าที่ดูอาการของเราน่าจะปกติดี
แต่ด้วยวัย(อันนี้เจ็บที่ใจค่ะ) ก็แนะนำให้ตรวจ และทำการนัดวัน
เราเลือกทำที่ รพ ของรัฐ แบบคลีนิคพิเศษ เพราะราคาถูกกว่าเอกชนมาก
รอคิวประมาณ 1 เดือนกว่าๆ พอใกล้ถึงวันนัด เราหาข้อมูลที่มีคนเคยรีวิวไว้ เอามาปรับ ทำดังนี้
การเตรียมตัว1 วัน ก่อนตรวจ
ทานอาหารอ่อนๆ ลดผักผลไม้ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ที่มีสีแดง สีดำ เอาเป็นว่าไม่ทานไปสักวันดีกว่า
แต่บางคนบอกว่างด 2-3 วันก็มี เรางดแค่ 1 วัน
ในวันตรวจตื่นมาทานโจ๊กเปล่าๆ 1 ถ้วย คือ ข้าวต้มจนเละๆ ใส่ซีอิ้วนิดหน่อย ตอน 6.00 นัด.
หลังจากนั้น 7.00 เริ่มดื่มน้ำผสม NIFNEL ซึ่ง คือ
ยาระบาย ตามสูตร 1 ซองต่อน้ำ 2 ลิตร
จำนวน 2 ซอง
แปลว่าต้องกิน 4 ลิตร ใน 3 ชั่วโมง
จึงแอบปรับเป็น 1 ซอง /น้ำ 1 ลิตรกว่าๆ ทำแบบเอาแบบง่าย กรอกผงยาระบายใส่ขวดน้ำ 1.5 ลิตร
เขย่าๆให้เข้ากัน รินดื่มไปเลย
ดื่มจนหมดซองแรก
รสชาติ เฝื่อนๆ เค็มๆ ก็ยังไม่เกิดอาการปวดท้อง
แต่ ดันมีอาการไม่ค่อยสบาย มึนหัว
มีคนเคยบอกยานี้จะออกฤทธิ์บีบลำไส้
ก็อาจมีผลข้างเคียงไม่ค่อยสบายตัว
หมดขวดแรก เริ่มผสมซองที่สอง ดื่มแค่ 2 แก้วเองมั้ง
ก็เริ่มปวดท้อง วิ่งเข้าห้องน้ำเกือบไม่ทัน
ช่วงนี้ต้องอยู่ใกล้ๆห้องน้ำ เดินเข้าๆออกๆเกือบทุกๆ 5-10 นาที
ออกจากห้องน้ำ สลับกับเดินมาดื่มน้ำเปล่า เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
วนเวียนแบบนี้ตั้งแต่ 8 โมงกว่า ถึง 11 โมงกว่า
ก็เริ่มไม่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยแล้ว
มีความกลัวว่าตัวเองจะหิว
เลยดื่มน้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล ครึ่งแก้ว (ทำตามคำแนะนำในเอกสารให้ดื่มได้นิดหน่อย)
พอบ่ายโมงก็เดินทางไป รพ
มีความกังวลใจว่าจะปวดท้องระหว่างเดินทาง
แต่เอาจริง ตั้งแต่ออกเดินทาง และไปนั่งรอตรวจเป็นชั่วโมงก็ไม่ปวด
เพราะตอนนั้นในท้องกับลำไส้ไม่มีอะไรแล้วล่ะ
นั่งรอประมาณ 2 ชั่วโมง
พยาบาลถามซักประวัติ ถามว่าขับถ่ายครั้งสุดท้าย
มีอะไรออกมาบ้าง เขาจะมีรูปให้เราชี้
ของเราจะเป็นน้ำเกือบใสๆ
พยาบาลจะเจาะเส้นเลือดเพื่อเตรียมให้ยานอนหลับตอนส่องกล้อง
รออีกเกือบ ค่อนชั่วโมง
เรียกเข้าห้องตรวจ
พยาบาลแจ้งส่องกล้องกระเพาะกับลำไส้
เราหน้าเสีย เพราะตั้งใจมาส่องลำไส้เท่านั้น หมอเหันมาห็นบอกไม่ต้องกลัว
เราบอกมีประสบการณ์ส่องกล้องกระเพาะอาหาร
ที่ไม่ค่อยดี หมอตอบเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีดีขึ้น
เขาใส่สายออกซิเจน และต่อสายให้ยานอนหลับ
จากนั้นเราตื่นมาที่ห้องพักดูอาการ
แม้จะงงเพราะเพิ่งตื่น แต่ก็รู้สึกว่าได้พักผ่อน
เต็มอิ่ม พยาบาลบอกให้นอนเฉยอีกครึ่งชั่วโมง
พอครบเวลา เดินมาแจกน้ำตะไคร้เย็นๆให้ดื่ม
ซักอาการว่ามีอาการเวียนหัว หรืออะไรไหม
เราบอกแข็งแรงดี เขาจึงเรียกญาติมารับกลับบ้านได้
พร้อมแจกซองใส่ผลการตรวจมีรูปถ่ายกระเพาะและลำไส้ ทั้งกระดาษและ CD
การไปส่องกล้องจะต้องมีคนไปด้วยนะ เพราะ แม้จะฟื้นตัวแล้ว ก็ยังมึนหัวนิดหน่อย
แต่ก็เดินได้ตามปกตินะ รู้สึกหิวมาก
ถามพยาบาลว่าทานอาหารได้หรือยัง
พยาบาล 555 ทานได้ทุกอย่างค่ะ
แต่คนไข้อาจจะเบื่อน้ำไปอีกหลายวัน
เล่าเรื่องการส่องกล้องทางเดินอาหารครั้งแรกในชีวิต
เวลาได้ยินใครบ่นว่า วันนี้ยังไม่ถ่าย อึดอัดบ้าง ตัวร้อนบ้าง เราก็เฉยๆ
ใช้ชีวิตผ่านมาแบบนั้นหลายสิบปี มีคนบอกว่าเราควรไปตรวจบ้าง
จึงลองไปพบแพทย์
หลังจากหมอซักถามให้เราเล่าอาการแล้ว
หมอบอกว่า
ระบบขับถ่ายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องขับถ่ายทุกวัน
เท่าที่ดูอาการของเราน่าจะปกติดี
แต่ด้วยวัย(อันนี้เจ็บที่ใจค่ะ) ก็แนะนำให้ตรวจ และทำการนัดวัน
เราเลือกทำที่ รพ ของรัฐ แบบคลีนิคพิเศษ เพราะราคาถูกกว่าเอกชนมาก
รอคิวประมาณ 1 เดือนกว่าๆ พอใกล้ถึงวันนัด เราหาข้อมูลที่มีคนเคยรีวิวไว้ เอามาปรับ ทำดังนี้
การเตรียมตัว1 วัน ก่อนตรวจ
ทานอาหารอ่อนๆ ลดผักผลไม้ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ที่มีสีแดง สีดำ เอาเป็นว่าไม่ทานไปสักวันดีกว่า
แต่บางคนบอกว่างด 2-3 วันก็มี เรางดแค่ 1 วัน
ในวันตรวจตื่นมาทานโจ๊กเปล่าๆ 1 ถ้วย คือ ข้าวต้มจนเละๆ ใส่ซีอิ้วนิดหน่อย ตอน 6.00 นัด.
หลังจากนั้น 7.00 เริ่มดื่มน้ำผสม NIFNEL ซึ่ง คือ
ยาระบาย ตามสูตร 1 ซองต่อน้ำ 2 ลิตร
จำนวน 2 ซอง
แปลว่าต้องกิน 4 ลิตร ใน 3 ชั่วโมง
จึงแอบปรับเป็น 1 ซอง /น้ำ 1 ลิตรกว่าๆ ทำแบบเอาแบบง่าย กรอกผงยาระบายใส่ขวดน้ำ 1.5 ลิตร
เขย่าๆให้เข้ากัน รินดื่มไปเลย
ดื่มจนหมดซองแรก
รสชาติ เฝื่อนๆ เค็มๆ ก็ยังไม่เกิดอาการปวดท้อง
แต่ ดันมีอาการไม่ค่อยสบาย มึนหัว
มีคนเคยบอกยานี้จะออกฤทธิ์บีบลำไส้
ก็อาจมีผลข้างเคียงไม่ค่อยสบายตัว
หมดขวดแรก เริ่มผสมซองที่สอง ดื่มแค่ 2 แก้วเองมั้ง
ก็เริ่มปวดท้อง วิ่งเข้าห้องน้ำเกือบไม่ทัน
ช่วงนี้ต้องอยู่ใกล้ๆห้องน้ำ เดินเข้าๆออกๆเกือบทุกๆ 5-10 นาที
ออกจากห้องน้ำ สลับกับเดินมาดื่มน้ำเปล่า เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
วนเวียนแบบนี้ตั้งแต่ 8 โมงกว่า ถึง 11 โมงกว่า
ก็เริ่มไม่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยแล้ว
มีความกลัวว่าตัวเองจะหิว
เลยดื่มน้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล ครึ่งแก้ว (ทำตามคำแนะนำในเอกสารให้ดื่มได้นิดหน่อย)
พอบ่ายโมงก็เดินทางไป รพ
มีความกังวลใจว่าจะปวดท้องระหว่างเดินทาง
แต่เอาจริง ตั้งแต่ออกเดินทาง และไปนั่งรอตรวจเป็นชั่วโมงก็ไม่ปวด
เพราะตอนนั้นในท้องกับลำไส้ไม่มีอะไรแล้วล่ะ
นั่งรอประมาณ 2 ชั่วโมง
พยาบาลถามซักประวัติ ถามว่าขับถ่ายครั้งสุดท้าย
มีอะไรออกมาบ้าง เขาจะมีรูปให้เราชี้
ของเราจะเป็นน้ำเกือบใสๆ
พยาบาลจะเจาะเส้นเลือดเพื่อเตรียมให้ยานอนหลับตอนส่องกล้อง
รออีกเกือบ ค่อนชั่วโมง
เรียกเข้าห้องตรวจ
พยาบาลแจ้งส่องกล้องกระเพาะกับลำไส้
เราหน้าเสีย เพราะตั้งใจมาส่องลำไส้เท่านั้น หมอเหันมาห็นบอกไม่ต้องกลัว
เราบอกมีประสบการณ์ส่องกล้องกระเพาะอาหาร
ที่ไม่ค่อยดี หมอตอบเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีดีขึ้น
เขาใส่สายออกซิเจน และต่อสายให้ยานอนหลับ
จากนั้นเราตื่นมาที่ห้องพักดูอาการ
แม้จะงงเพราะเพิ่งตื่น แต่ก็รู้สึกว่าได้พักผ่อน
เต็มอิ่ม พยาบาลบอกให้นอนเฉยอีกครึ่งชั่วโมง
พอครบเวลา เดินมาแจกน้ำตะไคร้เย็นๆให้ดื่ม
ซักอาการว่ามีอาการเวียนหัว หรืออะไรไหม
เราบอกแข็งแรงดี เขาจึงเรียกญาติมารับกลับบ้านได้
พร้อมแจกซองใส่ผลการตรวจมีรูปถ่ายกระเพาะและลำไส้ ทั้งกระดาษและ CD
การไปส่องกล้องจะต้องมีคนไปด้วยนะ เพราะ แม้จะฟื้นตัวแล้ว ก็ยังมึนหัวนิดหน่อย
แต่ก็เดินได้ตามปกตินะ รู้สึกหิวมาก
ถามพยาบาลว่าทานอาหารได้หรือยัง
พยาบาล 555 ทานได้ทุกอย่างค่ะ
แต่คนไข้อาจจะเบื่อน้ำไปอีกหลายวัน