ผมคิดมาหลายปีว่าอยากจะเขียนเรื่องนี้ไว้ที่ใดสักแห่ง ที่ไม่มีคนรู้จัก กระทู้นี้ผมอยากให้เป็นกระทู้แชร์ความคิดเห็น เพราะผมรู้ตัวดีว่าผมยอมโง่และไม่ดีพอ ผมยอมทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตได้ดำเนินต่อไป ....
ผมจะเล่าก่อนว่าตัวผมอายุเข้าเลข3ต้นๆทำงานเป็นนักดนตรีกลางคืนมา20ปีแล้ว เป็นคนไม่ชอบดื่มเหล้า แต่หากจำเป็นก็ดื่มแต่จริงๆผมเกลียดความเมาครับ เพราะเจอประสบการณ์ไม่ดีมาตลอดกับคนเมา ผมทำงานกับคนเมามาโดยตลอด อาจเป็นเหตุผลทำให้ผมไม่ชอบเหล้า...
ในช่วงอายุประมาณ18ปี ผมเจอผู้หญิงคนหนึ่ง รูปร่างดีมาก หน้าตาดีมาก เป็นลูกค้าที่ผมทำงานอยู่ ก็ได้คุยและคบกัน นับแต่วันนั้นมาชีวิตผมก็เปลี่ยน ทั้งสุขทั้งทุกข์ในช่วงเริ่มต้น ในตอนนั้นด้วยความที่เธอกำลังเรียนอยู่ ผมก็พยายามหางานให้เธอทำควบคู่ และงานที่จะทำให้เราอยู่ด้วยกันคือ งานดนตรี ผมดันเธอเป็นนักร้องครับ และมันก็เป็นเช่นนั้นเราทำงานด้วยกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอเป็นคนจะว่าดีก็ดี จะว่าร้ายก็ร้ายครับ แต่โดยรวมเราทะเลาะกันน้อยมากๆ ในช่วงเวลาปกติ แต่หากวันไหนเธอดื่มเหล้า จะเปลี่ยนเป็นอีกคนเลยครับ แบบว่ารุนแรงมาก พูดทำร้ายจิตใจ ดูถูก ขับไสไล่ส่ง ทุบข้าวของบ้าง
เป็นเช่นนั้นมาหลายปี แต่ผมก็ไม่ถือ เพราะเวลาตื่นมาเขาก็จะกลับเป็นคนเดิม ช่วงที่เมาเขามักจะพูดอยู่เรื่องเดิมๆวนไปวนมาและเป็นคนที่เมาแล้วหลับยากมาก คืนไหนเหนื่อยก็ต้องทนและทำใจไว้เลยว่า ผมจะถูกทำร้ายจิตใจจนเช้าแน่นอน ในห้วงเวลานั้นผมต้องระวังทั้งคำพูดและการกระทำจนกว่าเธอจะหลับ ไม่งั้นบานปลาย
ผมจะยกตัวอย่างประโยคคำพูดที่ฝังใจผมมาตลอดนะครับ
ถ้าหากเธอตายจะมีใหม่หรือปล่าว = ต้องตอบว่าไม่ครับ ไม่งั้นเรื่องนี้ยาว
ถ้ามีใครก็ไปเลยนะ ไม่แคร์ = ต้องตอบว่าไม่มี(ไม่เคยมีจริงๆ)
มีเถอะนะ ไปเถอะ อยู่ไปก็ไม่มีอะไร ดูแลใครไม่ได้หรอก
และอีกหลายเรื่องราวที่วนเวียนอยู่
เราระหกระเหินเดินทางไปทำงานหลากหลายที่ จนมีการนอกใจเกิดขึ้น ครั้งแรกปีที่3 ครั้งที่สองปีที่7 ครั้งที่สามปีที่13 ครั้งล่าสุดถือว่าหนักสุดในชีวิตของผม ผมเครียดจนถึงขั้นเลือดออกจมูกบนเวที เธอก็ไม่สน เธอร้องไห้และพูดกับผมตรงๆว่าเธอชอบคนๆนั้นมาก ยอมรับกับผมตรงๆว่าคิดถึงเขา ก็ทะเลาะกันหนักจนผมจะเดินออกมาแล้ว แต่ผมก็ตัดไม่ขาดสักทีสุดท้ายคือเดินทางต่อ เหตุที่ผมเดินออกมาไม่ได้คือ ก่อนหน้านี้แม่กับพ่อเธอเสียครับเราเลยพากันกลับมาอยู่บ้าน ผมอยู่ในทุกเหตุการณ์ทั้งบ้านเหลือชื่อทะเบียนบ้านคนเดียว ถ้าผมเดินออกไปวันนั้นเธอจะอยู่อย่างไร ผมจึงยอมเป็นคนโง่ เวลาจากวันนั้นผ่านมาจนปีนี้ เราไม่มีหนี้สินแล้ว ส่งรถหมดแล้ว ไม่มีภาระ ไม่มีลูก เธอมีความฝันจะปรับปรุงบ้าน เราก็ลุยงานกันมาจนมีเงินพอทำนั่นนี่ทีละนิดหน่อย...
2567 ช่วงนี้ในปัจจุบัน ผมกลับรู้สึกเหมือนผู้ขออาศัย ผมน้ำหนักตัวขึ้นเริ่มนอนกรม ผมจะรู้สึกบ่อยๆว่าผมถูกถีบมาตลอดบางครั้งก็เอาเท้าสกิดให้ไปเปิดประตูบ้าน ผมเคยพูดว่าทำไม่ต้องถีบ เธอตอบว่าทุกครั้งที่กรนก็ใช้ตีuถีบตลอดก็ไม่เห็นเป็นไรจะเอาอะไร แล้ววันทั้งวันก็จะเป็นวันอึดอัดสำหรับผม ในช่วงเวลาปีศาจร้าย ผมต้องปรับตัวให้ทัน ห้ามนอนสุขสบายเด็ดขาดเธอลุกซักผ้า ผมต้องหาทำอะไรซักอย่าง เก็บขยะบ้าง แต่ก็ไม่พ้นโดนด่าหาเรื่องตลอด แต่กับหมาจะพูดดีมาก บางทีก็ฮึมฮัมเพลงเหมือนมีความสุข ผมต้องนิ่งเงียบและต้องทำงานอะไรสักอย่างในบ้าน ใช่ครับ ผมถูกควบคุมเหมือนเบี้ยตัวหนึ่งไปแล้วเรื่องบางเรื่องก็ย้อยแย้งแปลกๆครับ
เช่น
เพื่อนในเฟสเธอบอกให้ผมรับเพื่อนเลยจะได้มีคนรู้จักเยอะๆขายงานได้ วันดีคืนดีมาถามผมว่า"อินี่ใคร ไม่รู้จักแล้วรับทำไม"
ถ้าของใช้ทำงานก็ซื้อเลย กดมาเลย วันดีคืนดี "ลำดับความสำคัญไม่ถูกแบบนี้จะไปดูแลใครได้"
รองเท้าคู่นี้สวย เสื้อตัวนี้สวย กางเกงตัวนี้สวย วันดีคืนดี "ชอบใส่จังเนาะตัวนี้รู้ว่าตัวเองใส่ไม่เข้าก็ใส่จัง" พอเลิกใส่ไปสักพัก "กางเกงที่ซื้อให้ไปไหน ไม่ใส่แล้วซื้อมาทำไม"
ไม่ต้องซักอีกนะผ้าอ่ะ ทำไม่เป็นเดี๋ยวทำเอง วันดีคืนดี "ทำไมไม่รู้จักซักอ่ะ"
เวลาเธอลืมของทำงาน "ไม่เป็นไรใช้ตัวสำรองก็ได้" วันที่ผมพลาดลืมของ "ทีหลังไม่ต้องเสืoกเก็บให้อีกนะ" แล้วการทำงานก็กร่อยทั้งคืน
ที่พูดมาทั้งหมดผมไม่ได้ว่าเธอไม่ดีนะครับ บางอย่างเธอก็ดีมากๆหลายอย่างเลยครับ แต่เวลาปีศาจออกมาคือผมแทบจะบ้าแทบจะอยู่ไม่ได้เลยครับ มันเป็นสงครามประสาทที่อึดอัดมากๆ จนมาวันนี้ผมเริ่มมีการจินตนาการถึงการอยู่ลำพังครับ ผมเริ่มไม่อยากมีชีวิตคู่อีกแล้ว ผมอยากหนีไปอยู่ที่ไหนสักแห่งที่เปลี่ยนโลกของผมครับ แต่ผมก็ตัดใจไม่ได้ คิดตามหลังตลอดว่าเธอจะอยู่อย่างไร งานที่ทำอยู่ถ้าแยกกันเธออาจรอดหรือไม่รอดก็ได้ อีกแผนที่คิดไว้คือทำบ้านที่อยู่ให้สมบูรณ์ หาอีกอาชีพติดไว้ให้เธอทำ แต่ก็คิดไม่ตกอีกว่าผมจะทนการจากลาได้ไหม มันเป็นส่วนหนึ่งของกันไปแล้ว
ในวันที่เธอมีคนอื่นเธอให้เหตุผลว่า ผมมีดีที่ไม่เคยนอกใจ แต่ผมเฉยชา ไม่ค่อยกอด ไม่ค่อยหวาน ผมไร้อนาคต ผมก็สังเกตตัวเองผมก็เป็นประมาณนั้นครับ ผมไม่ปกติ เป็นคนเงียบ ขี้อาย ไม่ค่อยชอบสกินชิป มีอะไรกันน้อยมากๆครับ โลกส่วนตัวสูงเราแยกกระเป๋าเงินกัน เราให้ความเป็นส่วนตัวกัน ไม่ยุ่งมือถือกัน เวลาทำงานไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ ในโซเชียลไม่เปิดเผยเช่นกันครับ ทุกวันนี้สกิลการทำงานเธอเก่งถึงขั้นคนรู้จักเยอะแล้วครับ ในวันที่ทะเลาะกันบางครั้งเธอพูดประมาณว่าผมหมดประโยชน์แล้ว เคยร้ายแรงถึงขั้นไล่ผมออกจากวง แต่ผมคือคนทำวงครับ ผมรู้ดีว่ามันจะพังแน่นอน...
ผมกำลังเจอ Toxic Relationship มา14ปีครับ
ผมจะเล่าก่อนว่าตัวผมอายุเข้าเลข3ต้นๆทำงานเป็นนักดนตรีกลางคืนมา20ปีแล้ว เป็นคนไม่ชอบดื่มเหล้า แต่หากจำเป็นก็ดื่มแต่จริงๆผมเกลียดความเมาครับ เพราะเจอประสบการณ์ไม่ดีมาตลอดกับคนเมา ผมทำงานกับคนเมามาโดยตลอด อาจเป็นเหตุผลทำให้ผมไม่ชอบเหล้า...
ในช่วงอายุประมาณ18ปี ผมเจอผู้หญิงคนหนึ่ง รูปร่างดีมาก หน้าตาดีมาก เป็นลูกค้าที่ผมทำงานอยู่ ก็ได้คุยและคบกัน นับแต่วันนั้นมาชีวิตผมก็เปลี่ยน ทั้งสุขทั้งทุกข์ในช่วงเริ่มต้น ในตอนนั้นด้วยความที่เธอกำลังเรียนอยู่ ผมก็พยายามหางานให้เธอทำควบคู่ และงานที่จะทำให้เราอยู่ด้วยกันคือ งานดนตรี ผมดันเธอเป็นนักร้องครับ และมันก็เป็นเช่นนั้นเราทำงานด้วยกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอเป็นคนจะว่าดีก็ดี จะว่าร้ายก็ร้ายครับ แต่โดยรวมเราทะเลาะกันน้อยมากๆ ในช่วงเวลาปกติ แต่หากวันไหนเธอดื่มเหล้า จะเปลี่ยนเป็นอีกคนเลยครับ แบบว่ารุนแรงมาก พูดทำร้ายจิตใจ ดูถูก ขับไสไล่ส่ง ทุบข้าวของบ้าง
เป็นเช่นนั้นมาหลายปี แต่ผมก็ไม่ถือ เพราะเวลาตื่นมาเขาก็จะกลับเป็นคนเดิม ช่วงที่เมาเขามักจะพูดอยู่เรื่องเดิมๆวนไปวนมาและเป็นคนที่เมาแล้วหลับยากมาก คืนไหนเหนื่อยก็ต้องทนและทำใจไว้เลยว่า ผมจะถูกทำร้ายจิตใจจนเช้าแน่นอน ในห้วงเวลานั้นผมต้องระวังทั้งคำพูดและการกระทำจนกว่าเธอจะหลับ ไม่งั้นบานปลาย
ผมจะยกตัวอย่างประโยคคำพูดที่ฝังใจผมมาตลอดนะครับ
ถ้าหากเธอตายจะมีใหม่หรือปล่าว = ต้องตอบว่าไม่ครับ ไม่งั้นเรื่องนี้ยาว
ถ้ามีใครก็ไปเลยนะ ไม่แคร์ = ต้องตอบว่าไม่มี(ไม่เคยมีจริงๆ)
มีเถอะนะ ไปเถอะ อยู่ไปก็ไม่มีอะไร ดูแลใครไม่ได้หรอก
และอีกหลายเรื่องราวที่วนเวียนอยู่
เราระหกระเหินเดินทางไปทำงานหลากหลายที่ จนมีการนอกใจเกิดขึ้น ครั้งแรกปีที่3 ครั้งที่สองปีที่7 ครั้งที่สามปีที่13 ครั้งล่าสุดถือว่าหนักสุดในชีวิตของผม ผมเครียดจนถึงขั้นเลือดออกจมูกบนเวที เธอก็ไม่สน เธอร้องไห้และพูดกับผมตรงๆว่าเธอชอบคนๆนั้นมาก ยอมรับกับผมตรงๆว่าคิดถึงเขา ก็ทะเลาะกันหนักจนผมจะเดินออกมาแล้ว แต่ผมก็ตัดไม่ขาดสักทีสุดท้ายคือเดินทางต่อ เหตุที่ผมเดินออกมาไม่ได้คือ ก่อนหน้านี้แม่กับพ่อเธอเสียครับเราเลยพากันกลับมาอยู่บ้าน ผมอยู่ในทุกเหตุการณ์ทั้งบ้านเหลือชื่อทะเบียนบ้านคนเดียว ถ้าผมเดินออกไปวันนั้นเธอจะอยู่อย่างไร ผมจึงยอมเป็นคนโง่ เวลาจากวันนั้นผ่านมาจนปีนี้ เราไม่มีหนี้สินแล้ว ส่งรถหมดแล้ว ไม่มีภาระ ไม่มีลูก เธอมีความฝันจะปรับปรุงบ้าน เราก็ลุยงานกันมาจนมีเงินพอทำนั่นนี่ทีละนิดหน่อย...
2567 ช่วงนี้ในปัจจุบัน ผมกลับรู้สึกเหมือนผู้ขออาศัย ผมน้ำหนักตัวขึ้นเริ่มนอนกรม ผมจะรู้สึกบ่อยๆว่าผมถูกถีบมาตลอดบางครั้งก็เอาเท้าสกิดให้ไปเปิดประตูบ้าน ผมเคยพูดว่าทำไม่ต้องถีบ เธอตอบว่าทุกครั้งที่กรนก็ใช้ตีuถีบตลอดก็ไม่เห็นเป็นไรจะเอาอะไร แล้ววันทั้งวันก็จะเป็นวันอึดอัดสำหรับผม ในช่วงเวลาปีศาจร้าย ผมต้องปรับตัวให้ทัน ห้ามนอนสุขสบายเด็ดขาดเธอลุกซักผ้า ผมต้องหาทำอะไรซักอย่าง เก็บขยะบ้าง แต่ก็ไม่พ้นโดนด่าหาเรื่องตลอด แต่กับหมาจะพูดดีมาก บางทีก็ฮึมฮัมเพลงเหมือนมีความสุข ผมต้องนิ่งเงียบและต้องทำงานอะไรสักอย่างในบ้าน ใช่ครับ ผมถูกควบคุมเหมือนเบี้ยตัวหนึ่งไปแล้วเรื่องบางเรื่องก็ย้อยแย้งแปลกๆครับ
เช่น
เพื่อนในเฟสเธอบอกให้ผมรับเพื่อนเลยจะได้มีคนรู้จักเยอะๆขายงานได้ วันดีคืนดีมาถามผมว่า"อินี่ใคร ไม่รู้จักแล้วรับทำไม"
ถ้าของใช้ทำงานก็ซื้อเลย กดมาเลย วันดีคืนดี "ลำดับความสำคัญไม่ถูกแบบนี้จะไปดูแลใครได้"
รองเท้าคู่นี้สวย เสื้อตัวนี้สวย กางเกงตัวนี้สวย วันดีคืนดี "ชอบใส่จังเนาะตัวนี้รู้ว่าตัวเองใส่ไม่เข้าก็ใส่จัง" พอเลิกใส่ไปสักพัก "กางเกงที่ซื้อให้ไปไหน ไม่ใส่แล้วซื้อมาทำไม"
ไม่ต้องซักอีกนะผ้าอ่ะ ทำไม่เป็นเดี๋ยวทำเอง วันดีคืนดี "ทำไมไม่รู้จักซักอ่ะ"
เวลาเธอลืมของทำงาน "ไม่เป็นไรใช้ตัวสำรองก็ได้" วันที่ผมพลาดลืมของ "ทีหลังไม่ต้องเสืoกเก็บให้อีกนะ" แล้วการทำงานก็กร่อยทั้งคืน
ที่พูดมาทั้งหมดผมไม่ได้ว่าเธอไม่ดีนะครับ บางอย่างเธอก็ดีมากๆหลายอย่างเลยครับ แต่เวลาปีศาจออกมาคือผมแทบจะบ้าแทบจะอยู่ไม่ได้เลยครับ มันเป็นสงครามประสาทที่อึดอัดมากๆ จนมาวันนี้ผมเริ่มมีการจินตนาการถึงการอยู่ลำพังครับ ผมเริ่มไม่อยากมีชีวิตคู่อีกแล้ว ผมอยากหนีไปอยู่ที่ไหนสักแห่งที่เปลี่ยนโลกของผมครับ แต่ผมก็ตัดใจไม่ได้ คิดตามหลังตลอดว่าเธอจะอยู่อย่างไร งานที่ทำอยู่ถ้าแยกกันเธออาจรอดหรือไม่รอดก็ได้ อีกแผนที่คิดไว้คือทำบ้านที่อยู่ให้สมบูรณ์ หาอีกอาชีพติดไว้ให้เธอทำ แต่ก็คิดไม่ตกอีกว่าผมจะทนการจากลาได้ไหม มันเป็นส่วนหนึ่งของกันไปแล้ว
ในวันที่เธอมีคนอื่นเธอให้เหตุผลว่า ผมมีดีที่ไม่เคยนอกใจ แต่ผมเฉยชา ไม่ค่อยกอด ไม่ค่อยหวาน ผมไร้อนาคต ผมก็สังเกตตัวเองผมก็เป็นประมาณนั้นครับ ผมไม่ปกติ เป็นคนเงียบ ขี้อาย ไม่ค่อยชอบสกินชิป มีอะไรกันน้อยมากๆครับ โลกส่วนตัวสูงเราแยกกระเป๋าเงินกัน เราให้ความเป็นส่วนตัวกัน ไม่ยุ่งมือถือกัน เวลาทำงานไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ ในโซเชียลไม่เปิดเผยเช่นกันครับ ทุกวันนี้สกิลการทำงานเธอเก่งถึงขั้นคนรู้จักเยอะแล้วครับ ในวันที่ทะเลาะกันบางครั้งเธอพูดประมาณว่าผมหมดประโยชน์แล้ว เคยร้ายแรงถึงขั้นไล่ผมออกจากวง แต่ผมคือคนทำวงครับ ผมรู้ดีว่ามันจะพังแน่นอน...