ปลายปีที่แล้ว US ประกาศระบบช่วยรบ (ซึ่งแฟนๆ คนเหล็ก 2029 อาจคุ้นๆกับชื่อ skynet ) ที่มีชื่อว่า ADA2 (all-domain attritable autonomous weapons) โดยโครงการต้นแบบที่เกิดขึ้นก่อนมีชื่อว่า Maven ในปี 2018 ซึ่งเป็นถูกพัฒนาโดย google เพื่อใช้ภาพถ่ายจากโดรน ในการหาเป้าหมายทางการทหาร แต่พนักงานส่วนใหญ่ของ google ต่อต้าน โครงการนี้จึงถูกโอนไปให้บริษัทอื่นทำต่อ และถูกทดสอบในการทำสงครามในยูเครน
ข้อมูลการเคลื่อนไหวและสื่อสารของกองทัพรัสเซียจะถูกแสดงในรูปแบบที่เข้าใจง่าย และมีการทำนายตำแหน่งการโจมตีในอนาคต และถูกแชร์ให้ยูเครน (ประมาณทหารช่วยชี้เป้าของหน่วยสุ่มยิง)
แต่ปัญหาเกิดขึ้นเนื่องจากโดรนถูกสอยได้อย่างง่ายๆ ทางตะวันตกเลยต้องอาศัย ดาวเทียมทางการทหารหลายๆ ดวง โดยต้องขอให้อิลอมมัสช่วย แต่ถูกปฏิเสธ แม้โครงการ Maven จะประสบความสำเร็จในระยะแรกของสงคราม แต่ก็ถูกแก้เกมส์โดยสงครามอิเล็คโทรนิค (EW) ของรัสเซีย ทำให้โดรน
และระบบ HIMARS ใช้งานไม่ได้ ทางตะวันตกพยายามแก้เกมส์แต่ทำไม่ได้ จากสงคราม cyber กลายเป็น สงครามรถถังแบบสงครามโลกครั้งที่ 2 และจบลงด้วยรูปแบบการสู้กันในสนามเพาะแบบสงครามโลกครั้งที่ 1 ฝ่ายบัญชาการของตะวันตกมึนกับการแก้เกมส์ของฝ่ายรัสเซียที่ปรับตัวได้รวดเร็วตามสถานการณ์และปรับรูปแบบของการรบให้เปลี่ยนไปตามความต้องการของรัสเซีย รัสเซียใช้เพียงกลยุทธแบบพื้นๆ ในการสู้รบ
ฝ่าย us ใช้ฐานทัพในยุโรป (คาดว่าเป็นเยอรมัน) เป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลและใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการชี้เป้าทางการทหารของรัสเซีย ซึ่งประเด็นนี้แสดงให้เห็นว่าฝ่าย NATO มีส่วนร่วมในสงครามโดยตรงซึ่งเสี่ยงกับการเกิด ww3 โดยในช่วงแรกๆ ของ ปฏิการพิเศษทางการทหาร (smo) นายพลระดับสูงของยูเครนและทหารของ US ประชุมกันที่ชายแดนโปแลนด์ และ US โชว์การใช้ Maven ในการโจมตีรัสเซียและถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ให้กับยูเครนโดยใช้บริการดาวเทียมของเอกชน (Maxar และ Planet Lab) รวมไปถึงข้อมูลจาก Social network ต่างๆ ยูเครนสามารถใช้ระบบนี้ในการโจมตีปืนใหญ่ของรัสเซีย แต่ระบบยังไม่สามารถถ่ายทอดข้อมูลไปยังทหารในสนามเพราะผ่านโทรศัพย์หรือ computer tablet ได้
ปัญหาหลักการใช้ระบบ Starlink ที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูล ISR (intelligence, surveillance, reconnaissance) ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ต้องใช้ดาวเทียมหลักพันหรือหมื่นดวงทีเดียว ซึ่งเป็นไปได้ยาก ทางแก้คือใช้โดรนจำนวนมากทำลายระบบป้องกันของรัสเซีย แล้วใช้จรวดโจมตีเป้าหมายที่สำคัญ
(อิหร่านคงลอกการบ้านมาใช้โจมตีอิสราเอล) อังกฤษก็พัฒนาระบบคล้ายๆ กับของ us มาใช้ในสงครามนี้ แต่ สงครามอิเล็คโทรนิค (EW) ของรัสเซียกลับเป็นอุปสรรค
ความฝันของยูเครนที่หวังว่าเทคโนโลยีของตะวันตกจะช่วยให้ชนะในสงครามครั้งนี้ต้องพังลง และหันกลับมาพึ่งอาวุธพื้นๆ กระสุนปืนใหญ่ และโดรน
ในสมรภูมิต่างๆ รัสเซียมีความได้เปรียบในหลายด้าน ที่ร้ายไปกว่านั้น รัสเซียเรียนรู้เทคโนโลยีนี้อย่างรวดเร็วและรู้ทันกลยุทธของตะวันตกใช้เทคโนโลยีอวกาศมาทำสงคราม โดยพัฒนาอาวุธต่อต้านดาวเทียมแบบต่างๆ เช่น S500 และสร้างความร่วมมือกับจีน จากข้อมูลนี้การทำลายระบบ ISR ของตะวันตก ที่ใช้ในการชี้เป้าทางการทหารของรัสเซียเป็นสิ่งถูกต้องและจำเป็น (เหตุการณ์รัสเซียฉี่ใส่โดรนมะริกัน เป็นต้น)
ref:
https://www.vtforeignpolicy.com/2024/05/us-trying-to-kill-russian-troops-with-ai-but-moscows-electronic-warfare-is-in-the-way/
ระบบ AI ช่วยรบของตะวันตก และการแก้เกมส์ของรัสเซียในสงครามยูเครน
ข้อมูลการเคลื่อนไหวและสื่อสารของกองทัพรัสเซียจะถูกแสดงในรูปแบบที่เข้าใจง่าย และมีการทำนายตำแหน่งการโจมตีในอนาคต และถูกแชร์ให้ยูเครน (ประมาณทหารช่วยชี้เป้าของหน่วยสุ่มยิง)
แต่ปัญหาเกิดขึ้นเนื่องจากโดรนถูกสอยได้อย่างง่ายๆ ทางตะวันตกเลยต้องอาศัย ดาวเทียมทางการทหารหลายๆ ดวง โดยต้องขอให้อิลอมมัสช่วย แต่ถูกปฏิเสธ แม้โครงการ Maven จะประสบความสำเร็จในระยะแรกของสงคราม แต่ก็ถูกแก้เกมส์โดยสงครามอิเล็คโทรนิค (EW) ของรัสเซีย ทำให้โดรน
และระบบ HIMARS ใช้งานไม่ได้ ทางตะวันตกพยายามแก้เกมส์แต่ทำไม่ได้ จากสงคราม cyber กลายเป็น สงครามรถถังแบบสงครามโลกครั้งที่ 2 และจบลงด้วยรูปแบบการสู้กันในสนามเพาะแบบสงครามโลกครั้งที่ 1 ฝ่ายบัญชาการของตะวันตกมึนกับการแก้เกมส์ของฝ่ายรัสเซียที่ปรับตัวได้รวดเร็วตามสถานการณ์และปรับรูปแบบของการรบให้เปลี่ยนไปตามความต้องการของรัสเซีย รัสเซียใช้เพียงกลยุทธแบบพื้นๆ ในการสู้รบ
ฝ่าย us ใช้ฐานทัพในยุโรป (คาดว่าเป็นเยอรมัน) เป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลและใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการชี้เป้าทางการทหารของรัสเซีย ซึ่งประเด็นนี้แสดงให้เห็นว่าฝ่าย NATO มีส่วนร่วมในสงครามโดยตรงซึ่งเสี่ยงกับการเกิด ww3 โดยในช่วงแรกๆ ของ ปฏิการพิเศษทางการทหาร (smo) นายพลระดับสูงของยูเครนและทหารของ US ประชุมกันที่ชายแดนโปแลนด์ และ US โชว์การใช้ Maven ในการโจมตีรัสเซียและถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ให้กับยูเครนโดยใช้บริการดาวเทียมของเอกชน (Maxar และ Planet Lab) รวมไปถึงข้อมูลจาก Social network ต่างๆ ยูเครนสามารถใช้ระบบนี้ในการโจมตีปืนใหญ่ของรัสเซีย แต่ระบบยังไม่สามารถถ่ายทอดข้อมูลไปยังทหารในสนามเพราะผ่านโทรศัพย์หรือ computer tablet ได้
ปัญหาหลักการใช้ระบบ Starlink ที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูล ISR (intelligence, surveillance, reconnaissance) ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ต้องใช้ดาวเทียมหลักพันหรือหมื่นดวงทีเดียว ซึ่งเป็นไปได้ยาก ทางแก้คือใช้โดรนจำนวนมากทำลายระบบป้องกันของรัสเซีย แล้วใช้จรวดโจมตีเป้าหมายที่สำคัญ
(อิหร่านคงลอกการบ้านมาใช้โจมตีอิสราเอล) อังกฤษก็พัฒนาระบบคล้ายๆ กับของ us มาใช้ในสงครามนี้ แต่ สงครามอิเล็คโทรนิค (EW) ของรัสเซียกลับเป็นอุปสรรค
ความฝันของยูเครนที่หวังว่าเทคโนโลยีของตะวันตกจะช่วยให้ชนะในสงครามครั้งนี้ต้องพังลง และหันกลับมาพึ่งอาวุธพื้นๆ กระสุนปืนใหญ่ และโดรน
ในสมรภูมิต่างๆ รัสเซียมีความได้เปรียบในหลายด้าน ที่ร้ายไปกว่านั้น รัสเซียเรียนรู้เทคโนโลยีนี้อย่างรวดเร็วและรู้ทันกลยุทธของตะวันตกใช้เทคโนโลยีอวกาศมาทำสงคราม โดยพัฒนาอาวุธต่อต้านดาวเทียมแบบต่างๆ เช่น S500 และสร้างความร่วมมือกับจีน จากข้อมูลนี้การทำลายระบบ ISR ของตะวันตก ที่ใช้ในการชี้เป้าทางการทหารของรัสเซียเป็นสิ่งถูกต้องและจำเป็น (เหตุการณ์รัสเซียฉี่ใส่โดรนมะริกัน เป็นต้น)
ref: https://www.vtforeignpolicy.com/2024/05/us-trying-to-kill-russian-troops-with-ai-but-moscows-electronic-warfare-is-in-the-way/