#Green เนื่องจากอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศของโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากภาวะโลกร้อน ความร้อนที่เพิ่มขึ้นบางส่วนจึงถูกถ่ายโอนไปยังมหาสมุทร ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น (จากความร้อนที่ทำให้ธารน้ำแข็งละลาย)
.
นักวิทยาศาสตร์คาดว่าอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่สูงขึ้น จะทำให้เกิดพายุเฮอริเคนจำนวนมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นจากพายุเฮอริเคนที่เคยเกิดขึ้นมา
.
ภาวะโลกร้อนกำลังสร้างพายุเหล่านี้มากขึ้นหรือไม่
.
มีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในบางภูมิภาค ในแอตแลนติกเหนือ "North Atlantic basin"
.
การคาดการนี้มาจาก การพิจารณาบันทึกพายุเฮอริเคนอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ปี 1980 ถึง 2022 พบว่ากิจกรรมพายุเฮอริเคนกำลังเพิ่มขึ้นในแอตแลนติกเหนือ การวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าจำนวนเฮอริเคนมีแนวโน้มสูงขึ้น
.
พายุอยู่ในสถานะระดับ 3 ซึ่งมีความเร็วลมคงที่ 178 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (111 ไมล์ต่อชั่วโมง) หรือมากกว่า ปีที่มีพลังมากที่สุด ปีค.ศ. 1995, 2005, 2010 และ 2020 โดยในแต่ละปีก่อให้เกิดพายุมากกว่า 10 ลูก ที่ได้รับสภานะพายุประเภท 1 ความเร็วลมคงที่ 119 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (74 ไมล์ต่อชั่วโมง) หรือมากกว่า หรือสถานะความรุนแรงที่สูงขึ้น
.
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติกเหนือ พ.ศ. 2548 มีความโดดเด่นเนื่องจากมีพายุเฮอริเคน 15 ลูก โดย 7 ลูกกลายเป็นพายุเฮอริเคนใหญ่
.
อย่างไรก็ตาม หลายฤดูกาลในช่วง 42 ปีนี้แสดงความรุนแรงของพายุเฮอริเคนที่ลดลงแทน ตัวอย่างเช่น ฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติกเหนือในปี 1982, 1994, 1997, 2009 และ 2013 มีความรุนแรงน้อยที่สุด
.
หลายปีเหล่านี้สอดคล้องกับการมาถึงของเอลนีโญในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นปรากฏการณ์สภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของพายุเฮอริเคนในแอ่งแอตแลนติกเหนือ
.
นักวิทยาศาสตร์อยู่ในจุดที่พวกเขาสามารถโต้แย้งได้อย่างมั่นใจว่าพายุเฮอริเคนกำลังเพิ่มขึ้นหรือไม่
.
หรือว่าภาวะโลกร้อนทำให้เกิดพายุเฮอริเคนเพิ่มขึ้น
.
คำตอบสำหรับคำถามทั้งสองนี้คือ "ไม่"
.
บันทึกพายุเฮอริเคนทั่วโลกและระดับภูมิภาคระบุว่าการเพิ่มขึ้นของพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนืออย่างเห็นได้ชัดไม่ปรากฏในภูมิภาคอื่น ๆ ที่สร้างพายุเฮอริเคน และในความเป็นจริง กิจกรรมพายุเฮอริเคนในบางภูมิภาคได้ลดลงในช่วงเวลาเดียวกันด้วยซ้ำ
.
ไม่มีการรับประกันว่าแนวโน้มในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือจะยังคงมีอยู่ เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าเหตุการณ์เอลนีโญจะรุนแรงขึ้นและบ่อยขึ้นในขณะที่ภาวะโลกร้อนยังคงดำเนินต่อไป
.
วิทยาศาสตร์ภูมิอากาศพยายามแยกแยะว่าปรากฏการณ์บรรยากาศขนาดใหญ่ของโลก (รวมถึงเอลนีโญ กระแสน้ำในมหาสมุทร และศูนย์กลางความกดอากาศสูงเหนือแอ่งมหาสมุทร) ส่งผลต่อกันอย่างไร
.
แต่ละปรากฏการณ์ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนอย่างไร การวิจัยยังคงเสนอแนะว่าภาวะโลกร้อน บรรยากาศและมหาสมุทรทำให้เกิดพายุเฮอริเคนมากขึ้นเรื่อยๆ และเพิ่มโอกาสที่พายุเฮอริเคนที่ก่อตัวจะรุนแรงมากขึ้น
.
อย่างไรก็ตาม จะต้องดูกันต่อไปว่าสมมติฐานเหล่านี้จะได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้องหรือไม่
...
เพื่อนๆ สามารถติดตามเรื่องราวดีๆ Green Green กับ Better Day ได้ที่ Facebook:
https://www.facebook.com/betterdaydotday
ขอบคุณครับ
...
.
ขอขอบคุณข้อมูล
:
https://www.britannica.com/story/is-the-number-of-hurricanes-increasing
.
Better Day
กำลังใจเติมให้กันได้ทุกวัน
#betterday #SDGs
"Hurricanes Increasing" ภาวะโลกร้อน ทำให้จำนวนพายุเพิ่มขึ้นหรือไม่
#Green เนื่องจากอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศของโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากภาวะโลกร้อน ความร้อนที่เพิ่มขึ้นบางส่วนจึงถูกถ่ายโอนไปยังมหาสมุทร ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น (จากความร้อนที่ทำให้ธารน้ำแข็งละลาย)
.
นักวิทยาศาสตร์คาดว่าอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่สูงขึ้น จะทำให้เกิดพายุเฮอริเคนจำนวนมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นจากพายุเฮอริเคนที่เคยเกิดขึ้นมา
.
ภาวะโลกร้อนกำลังสร้างพายุเหล่านี้มากขึ้นหรือไม่
.
มีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในบางภูมิภาค ในแอตแลนติกเหนือ "North Atlantic basin"
.
การคาดการนี้มาจาก การพิจารณาบันทึกพายุเฮอริเคนอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ปี 1980 ถึง 2022 พบว่ากิจกรรมพายุเฮอริเคนกำลังเพิ่มขึ้นในแอตแลนติกเหนือ การวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าจำนวนเฮอริเคนมีแนวโน้มสูงขึ้น
.
พายุอยู่ในสถานะระดับ 3 ซึ่งมีความเร็วลมคงที่ 178 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (111 ไมล์ต่อชั่วโมง) หรือมากกว่า ปีที่มีพลังมากที่สุด ปีค.ศ. 1995, 2005, 2010 และ 2020 โดยในแต่ละปีก่อให้เกิดพายุมากกว่า 10 ลูก ที่ได้รับสภานะพายุประเภท 1 ความเร็วลมคงที่ 119 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (74 ไมล์ต่อชั่วโมง) หรือมากกว่า หรือสถานะความรุนแรงที่สูงขึ้น
.
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติกเหนือ พ.ศ. 2548 มีความโดดเด่นเนื่องจากมีพายุเฮอริเคน 15 ลูก โดย 7 ลูกกลายเป็นพายุเฮอริเคนใหญ่
.
อย่างไรก็ตาม หลายฤดูกาลในช่วง 42 ปีนี้แสดงความรุนแรงของพายุเฮอริเคนที่ลดลงแทน ตัวอย่างเช่น ฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติกเหนือในปี 1982, 1994, 1997, 2009 และ 2013 มีความรุนแรงน้อยที่สุด
.
หลายปีเหล่านี้สอดคล้องกับการมาถึงของเอลนีโญในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นปรากฏการณ์สภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของพายุเฮอริเคนในแอ่งแอตแลนติกเหนือ
.
นักวิทยาศาสตร์อยู่ในจุดที่พวกเขาสามารถโต้แย้งได้อย่างมั่นใจว่าพายุเฮอริเคนกำลังเพิ่มขึ้นหรือไม่
.
หรือว่าภาวะโลกร้อนทำให้เกิดพายุเฮอริเคนเพิ่มขึ้น
.
คำตอบสำหรับคำถามทั้งสองนี้คือ "ไม่"
.
บันทึกพายุเฮอริเคนทั่วโลกและระดับภูมิภาคระบุว่าการเพิ่มขึ้นของพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนืออย่างเห็นได้ชัดไม่ปรากฏในภูมิภาคอื่น ๆ ที่สร้างพายุเฮอริเคน และในความเป็นจริง กิจกรรมพายุเฮอริเคนในบางภูมิภาคได้ลดลงในช่วงเวลาเดียวกันด้วยซ้ำ
.
ไม่มีการรับประกันว่าแนวโน้มในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือจะยังคงมีอยู่ เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าเหตุการณ์เอลนีโญจะรุนแรงขึ้นและบ่อยขึ้นในขณะที่ภาวะโลกร้อนยังคงดำเนินต่อไป
.
วิทยาศาสตร์ภูมิอากาศพยายามแยกแยะว่าปรากฏการณ์บรรยากาศขนาดใหญ่ของโลก (รวมถึงเอลนีโญ กระแสน้ำในมหาสมุทร และศูนย์กลางความกดอากาศสูงเหนือแอ่งมหาสมุทร) ส่งผลต่อกันอย่างไร
.
แต่ละปรากฏการณ์ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนอย่างไร การวิจัยยังคงเสนอแนะว่าภาวะโลกร้อน บรรยากาศและมหาสมุทรทำให้เกิดพายุเฮอริเคนมากขึ้นเรื่อยๆ และเพิ่มโอกาสที่พายุเฮอริเคนที่ก่อตัวจะรุนแรงมากขึ้น
.
อย่างไรก็ตาม จะต้องดูกันต่อไปว่าสมมติฐานเหล่านี้จะได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้องหรือไม่
...
เพื่อนๆ สามารถติดตามเรื่องราวดีๆ Green Green กับ Better Day ได้ที่ Facebook: https://www.facebook.com/betterdaydotday
ขอบคุณครับ
...
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: https://www.britannica.com/story/is-the-number-of-hurricanes-increasing
.
Better Day
กำลังใจเติมให้กันได้ทุกวัน
#betterday #SDGs