เราเริ่มรู้สึกถึงปํญหาการสมัครงาน หลังจากที่ประวัติการทำงานมีการลาออกบ่อย + อายุงานน้อย

วันนี้จะมารีวิวปัญหา ในการหางานครั้งแรก (ที่รู้สึกสึกได้เลยว่ามาจากเรื่องประสบการณ์ในการทำงาน)

เพื่อให้เห็นภาพ และอารมร่วมเราจะขอท้าวความประสบการณ์ทำงาน + เหตุผล และที่มาในการออกจากงานแต่ละที่ก่อนนะ

ประสบการณ์ทำงาน:
1. มีประสบการในการทำงานหลายตำแหน่ง รวมแล้วอยู่ประมาณ 5 ตำแหน่ง (ซึ่งจะเป็นสายงาน Marketing และ Creative เป็นหลัก)
2. บริษัทที่เข้าไปทำงานมีอยู่ 5 ที่
3. อายุงานแต่ละที่เฉลี่ยคือ 1 ปี น้อยสุดคือ 3 เดือน มากสุดคือ 1.2 ปี

เหตุผล และที่มาในการออกจากงานแต่ละที่
1. งานแรกเราไม่ค่อยรู้ตัวเองว่าจะไปทำตำแหน่งอะไรดี เราเลยเลือกอันที่คิดว่าเราทำได้ดีที่สุดก่อนคือ Marketing and Sale ที่บริษัทนึง ซึ่งเราเชี่ยวชาญในสินค้าของเค้าพอสมควร เราเลยสมัครที่นี่ไป แล้วก็ได้ที่นี่เลย
(เหตุผลที่ออก: ปรับฐานเงินเดือน (เงินเดือนที่เราได้ตอนนั้นคือยังไม่ถึง 10,000 เลย) + สภาพแวดล้อมไม่แฮปปี้กับการทำงาน + เริ่มรู้แล้วว่าตัวเองชอบงานสายไหน)

2. งานที่ 2 เราแฮปปี้กับทุกๆ อย่างเลยไม่ว่าจะเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรืองานที่ทำ (ซึ่งที่นี่เป็นที่ที่เราอยู่นานสุด ได้ทำงานหลายตำแหน่งมากๆๆๆ แต่ก็แฮปปี้ และไม่ได้รู้สึกเหนื่อนจนท้อนะ จนเราเข้าใจคำว่า "ถึงงานจะหนัก แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุข และเห็นการพัฒนาของตัวเองยังไงเราก็อดทนไหว" ที่นี่เราเห็นงานที่ตัวเองทำมันมี Value และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัท Break the ice 3 อย่างเกี่ยวกับการทำ Branding, Process Structure และ First time achieve sale target ซึ่งเราก็ภูมิใจในตัวเองมากๆ เราเลยคิดว่าเราจะนำตรงนี้ไปโชว์ได้

*เนื่องด้วยบริษัทค่อนข้างเล็ก เราไม่มี Career path ในการอัพเงินเดือนตัวเอง หรือโบนัสใดๆ หรือตำแหน่งที่สูงกว่านี้ได้ + ระหว่างทำงานเราได้รับ email offer งาน และมีคนโทรศัพท์เข้ามานัดสัมภาษณ์บ่อยอยู่ เราเลยแจ้งกับทางพี่เจ้าของร้านว่าเราอยากจะไปหางานใหม่ที่เงินเดือนสูงๆ และงานที่ท้าทายยิ่งขึ้น โดยเราแจ้งออกล่วงหน้านานมากเลย 3 เดือน 555 ด้วยความที่เราก็สนิทกับเค้าระดับนึง เราเลยอยากให้เค้าได้มีเวลาเลือกพนักงานใหม่ และเตรียมตัวไว้ แล้วเราก็ได้สอนงานคนใหม่ได้อย่างครอบคลุมด้วย)
(เหตุผลที่ออก: ปรับฐานเงินเดือน + สร้างความมั่นคงให้ชีวิต + ความก้าวหน้าในหน้าในหน้าที่การงาน)

3. ประเดิมความขมขื่นแรกด้วยการไม่ผ่านโปรครั้งแรกในชีวิต หลังจากที่เราลาออกจากที่เก่าได้ประมาณ 2 อาทิตย์ เราก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์งานที่ใหม่ และได้งานนั้นในเลย (Process ในการเข้าทำงานกินเวลาประมาณ 1 เดือน) เราเริ่มจากการที่เข้าไปทำงานวันแรกแบบสดใส แต่พอเริ่มงานจริงๆ พนักงานแทบไม่คุยกับเลย คุยกันน้อย แบ่บน้อยมาก ซึ่งในห้องแผนกเราก็ค่อนข้างเล็ก แต่ละคนก้มหน้าก้มตาทำงานกัน เราเลยรู้สึกอึดอัดหน่อยๆ) + เราเข้าไปทำแล้วไม่มีคนสอนงาน แต่มีคนคอยประเมินเราทุกงาน ว่างานมีตรงไหนต้องแก้ แล้วก็รีวิวๆๆ เราก็แก้ตามที่เขารีวิว สุดท้ายก็ไม่ผ่านโปรนะ ทางบริษัทก็แจ้งล่วงหน้า 1 เดือนปกติ ซึ่งก็ถือเป็นประสบการณ์นึงที่ทำให้เราต้องมีความพยายามมากขึ้น และเป็นประสบการณ์ที่ดับมั่นเราไปเยอะหลังจากที่บริษัทก่อนหน้าเราเชื่อว่าเราทำไว้ดีระดับนึง

4. ในความโชคร้ายยังมีโชคดี เราได้สัมภาษณ์งานที่ใหม่หลังจากวันนั้นบริษัทเดิมแจ้งว่าเราไม่ผ่านโปร สุดท้ายเราได้งานที่นั่นเลย และเริ่มงานต่อกันเลย
ที่ใหม่เราเข้าไปแบบเจี่ยมเจียม และตั้งใจทำงานแบบสุดชีวิต เรียนรู้งาน และปรับตัวอย่างเอาเป็นเอาตาย แบ่บว่ากลับบ้าน ระหว่างกลับบ้าน อ่านข้อมูลสินค้าของบริษัท และรายละเอียดงานตลอด สุดท้ายเราก็ได้ใช้ทักษะที่เรามีจากบริษัทที่ 2 จนทำให้ที่นี่มี Branding เริ่ดๆ และ Process ทำงานแบบใหม่ แบบสับที่ชัดเจน สวยงามอร่างฉ่าง ทำให้เราผ่านโปรได้นั่นเอง (สภาพแวดล้อมที่นี่ต้องบอกเลยว่า เพื่อร่วมงานคือ เดอะเบสสสสสส เบสสสสส เบสสสสสส หนึ่งในความสุขของการไปทำงานคือเพื่อนร่วมงานดีๆ นี่แหละ)

--- เริ่มเข้าเรื่อง ---
        ในบริษัทล่าสุด ประมาณเดือนที่ 6 -7 เราค่อนข้างมีความเหนื่อยล้าหนักมาก เนื่องจากบริษัทมีการวางแผนย้ายออฟฟิศไปอยู่นอกเมืองในปีหน้า ซึ่งทำให้ระหว่างนั้น เราจะมีงานที่ต้องไปที่นั่นบ่อยขึ้น + ไม่มี WFH พอถึงจุดๆ นึงที่มันเหนื่อยจนทำให้เราคิดว่า เราไปต่อไม่ไหว เราอดทนไม่ไหวจริงๆ กับสิ่งที่เราต้องทนอยู่นี้ จขกท เลยคิดที่จะหางานใหม่ ซึ่งเราค่อนข้างจะมีประสบการณ์ในการย้ายงานมาก่อนแล้ว และเรารู้ดีว่าการลาออก ก่อนที่จะได้งานใหม่มันทรมานแค่ไหน เราก็เลยฝืนสังขาร อดทนทำงานที่เดิมต่อไป ในระหว่างที่สมัครงานใหม่ และคอยร่อน Resume ไปเรื่อยๆ
*ตอนนั่งหางานใหม่มันรู้สึก แฮปปี้เล็กๆ ยังไงไม่รู้ เพื่อนๆ ที่กำลังหางานใหม่ในระหว่างทำงานเดิมเป็นเหมือนกันไหม

        สุดท้ายเราก็ได้นัดสัมภาษณ์ ครั้งนี้เราได้รัดสัมภาษณ์พร้อมกัน 3 ที่ ก็นัดวัน และวางแผนจะไปสัมภาษณ์ครบเลย สัปดาห์ละที่ แล้วใช้วันลาหยุดพักร้อนเอา ที่แรก... เนื้องานตรงกับ Background เราเป๊ะๆๆๆ + บ้านอยู่ใกล้ที่ทำงาน แบ่บเดินไปได้ + ตำแหน่งสูงขึ้นจากเดิม + และคนสัมภาษณ์เค้าแบบเป็นผู้ใหญ่ที่ดูวัยรุ่นมาก เราเลยรู้สึกเข้ากันได้ จุดพีคคือเค้าถามเราว่ามีที่ไหนสัมภาษณืไหม เราก็ตอบไปหมดเลย มีอีก 2 ที่ สัปดาห์นี้ๆๆๆ เค้าก็บอกว่า โอเค แล้วก็ถามเงินเดือน และวันเริ่มงาน ซึ่งเราขอเป็นอีก 1 เดือนครึ่ง (เพราะอีก 1 เดือนเราจะได้โบนัสที่เก่า ซึ่งเราไม่ได้แจ้งเรื่องโบนัสกับพี่เขานะ) ทีนี้ผ่านไป 1 วันถ้วน ตอน 5 โมงเย็นพี่คนเดิมก็โทรมาหาเรา แล้วก็บอกว่า เค้าเลือกเราแล้ว แต่เค้าอยากให้เรามาเริ่มงานภายในครึ่งเดือนเลยได้ไหม เพราะเค้ามีโปรดจ็กที่กำลังจะเปิดในเดือนหน้าแล้วเราอยากได้คนมาทำงานก่อนมันจะเปิด เราก็เลยแจ้งเค้าไปว่าเราจำเป็นต้องอยู่ให้ครบอย่างน้อยก็ 1 เดือน แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองถาม HR ฝั่งเราดูก่อน (ซึ่งไม่อยากออกก่อนเลย เพราะจะไม่ได้โบนัส)

        พอวันต่อมาช่วงบ่ายโมง พี่คนเดิมก็โทรมาอีก เค้าแจ้งว่าทางหัวหน้าเค้าเสนอเงินให้เพิ่ม ... บาท (เยอะมาก ประมาณ 20% จากฐานเงินเดือนเก่า) ที่นี่ เงินมาผ้าหลุด เราคิดว่าถ้าได้เรทนี้ เราทำไป 6 เดือนก็เท่ากับโบนัสที่เราจะได้แล้ว ถ้างั้นเราเลือกหักดิบที่เก่าเลย มาวางแผนเรื่องเคลียร์งาน + สอนงานคนใหม่คนใหม่ยังไงให้ทัน ออกภายใน 2 อาทิตย์ หลังจาก 4 วันผ่านไป บริษัทก็ได้พนักงานใหม่เข้ามา เราได้วางแผนไว้แครบแล้วจะ เริ่มจากสอนตรงไหนบ้าง ด้วยความที่เค้าก็มีพื้นฐานมาก่อนแล้วก็เลยปรับไม่ยาก เราสอนงานพนักงานใหม่ครบ แบบครบเลย เค้าทำได้ตาม Process ที่เราแนะนำเค้าได้ใน 1 อาทิตย์เลย แต่ก็มีบางครั้งเค้าก็โทรมาถามบ้าง หลังจากที่เราออกมาแล้ว ซึ่งเราก็ยินดีบอก) สุดท้ายก่อนออก 2 วันเราก็เคลียร์งานเราเสร็จ 100%
*แต่ก็มีบางคนไม่พอใจที่เราออกปุ้บปั้บแบบนี้อยู่นะ ซึ่งเราก็พอจะเข้าใจ... เศร้า แต่เราอยู่ในจุดที่เราเดินทางเหนื่อยมากๆ แล้วที่ใหม่มันใกล้โครต + ได้ Offer ดี้ดีขนาดนั้น เราเลยมี ร่างซานตานโผล่ขึ้นมาช่วงนึง 555 หวังว่านางซาตานจะไม่มาบ่อย ไม่งั้นคงโดนแบล็กลิสท์แหง๋)

        Culture Shock !! อ่าวเห้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา.... บอกเลยว่าที่นี่หลังจากได้เริ่มงานวันแรกก็ไม่โอเคกับเพื่อนร่วมงานคนนึงอย่างแรง คือมันเป็นระบบพ่อปกครองลูกเลยอ่ะ เค้าบริหารงานแบบนี้ได้ยังไง ขอรีวิวที่มันแบบเป็นขั้นๆ เลย
1. ไม่มีสอนงาน และแนะนำรายละเอียดให้ทำ เราต้องเดินถาม และตามเอาเอง หัวหน้าเป็นคนต่างชาติ จะบอกแค่เค้าอยากได้อะไร ต้องการอะไร คุณไปทำมา... เดี๋ยวนี้ !! 
2. มนุษย์ป้า 2 ท่าน ตำแหน่งสูง แต่เค้า 2 คนก็เข้ามาได้ไม่นานประมาณ 3 เดือน เค้าเรียกลูกน้องตัวเองมาบ่นต่อหน้าชั้น แล้วไล่ให้ไปตัดผม (เราโกรธคำพูดที่เค้าใช้มากๆ เลยนะ ตอนนั้นเราแทบเก็บอารมณ์ไม่อยู่ หน้าเราออกเลย ตอนหลังน้องคนนั้นเดินมาบอกเราว่า ไม่ต้องใส่ใจนะพี่ เค้าเป็นแบบนี้แหละ ทนๆ เอา) เรานอยสุดๆ คิดในใจกุจะทนให้ผ่านโปร แล้วค่อยสู้กลับ
3. ได้ทำงานไม่เหมือนกับที่เค้าแจ้งตอนสัมภาษณ์เลย มันไม่ตรงกันเลย เราไม่รู้ว่าเค้าเห็นภาพแบบไหนจากคำพูดที่เค้าแจ้งเรามา แต่ภาพในหัวของเราไม่เหมือนกับความจริงที่เราเข้าใจในสิ่งที่เค้าบอกเราเลย (แต่เราก็ทนทำนะ เพราะออกมาแล้ว มันกลับไม่ได้แล้ว)
4. สิ้นเดือน เค้ามาแจ้งเราว่าเค้าไล่เราออกแล้วนะ เดือนหน้าไม่ต้องมาแล้ว ....
5. เราเข้าไปคุยกับหัวหน้าคนต่างชาติ ซึ่งเค้าแจ้งเราว่า เราไม่เต็มที่กับการทำงาน ไม่คุยกับเพื่อนร่วมงาน เข้ากันไม่ได้
6. เราเถียง และแสดงหลักฐานว่าเราทำอะไรบ้าง และ Report อะไรไว้บ้าง (ซึ่งมันเป็นงานใน JD ของเรา) แล้วเค้าก็พูดสิ่งที่เราอึ้งมาประโยคนึงคือ ...อ้าว อันนี้คุณทำหรอ ทำไมไม่บอกชั้นว่าคุณทำ ชั้นคิดว่าอิมนุษย์ป้านั้นทำ เค้าบอกชั้น... 
7. วันต่อมันเค้าให้คนมาแจ้งชั้นว่า หัวหน้าให้อยู่ต่อถึงเดือนที่ 3 เพื่อพิสูจน์ (ในใจชั้นออกไปนานแล้ว)
8. ชั้นวางแผนลาออก เพราะไม่โอเคกับงานเลย
9. ส่งจดหมายลาออก แล้วทำต่อ 1 เดือน จบ

--- เข้าเรื่องแบบเต็มตัวแล้วหลังจากท้าวความมานานมาก แต่อยากเล่าให้เข้าใจสถานการณ์ ว่าไม่ใช่ว่าเราไม่อดทน ไม่สู้งาน ---

        หลังจากที่ส่งใบสมัครงานหลายที่ เรารู้สึกว่า กว่าจะได้นัดสัมภาษณ์ที่นึงมันนานมาก ๆ ปกติเรารอ 1 อาทิตย์ก็มาแล้ว แต่นี่ 2-3 อาทิตย์ได้รับโทรศัพครั้งเดียว เราเลยพยายามเตรียมตัวในการสัมภาษณ์แต่ละครั้งแบบหนักมาก เตรียมข้อมูล + ซ้อมสัมภาษณ์ตลอดหลังจากที่ได้นัดสัมภาษณ์ + เตรียมแผนงานพรีเซนไปให้ดู ถ้าได้ร่วมงานเราจะเตรียมพร้อม ปรับตัวกับเขายังไง (บางที่) แต่หลังจากไปสัมที่ไหนแล้ว ก็มักจะรอคำตอบนานมาก เราเลยทำลิสบริษัทที่ส่งสมัคร และบริษัทที่ได้สัมำภาษณ์ไว้เอาไว้ตามอัพเดต ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้พิจารณาต่อ ซึ่งเราก็ได้เหตุผลหลักๆ มา 2 ข้อ (ตอนที่เราโทรอัพเดตเราจะถามเหตุผลเพื่อใช้ปรับปรุงในการสัมภาษณ์ และสมัครงานนะ)
1. ทางบริษัทไม่มั่นใจเรื่องตำแหน่งที่จะรับเข้ามา ว่าคุณจะทำได้นานแค่ไหน่ ทางบริษัทต้องการคนที่จะทำงานแบบ Long term เราไม่กล้าเสี่ยงรับคนที่มีประวัติทำงานที่ออกบ่อยๆ
2. หลังจากเปรียบเทียบในขั้นตอนสุดท้าย เราได้คนที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกว่า

        จะมีบริษัทอยู่ 3 ที่ ที่เค้าแลดูจะมีความหวังกับเรามาก ซึ่งแต่ละที่เป็นบริษัทใหญ่ๆ หมดเลย เราสังเกตุได้ว่า HR และคนที่มาสัมภาษณ์เราในบริษัทนั้นๆ จะไม่ค่อยจี้จุดถามเรื่องประสบการณ์ ทำงานที่เปลี่ยนบ่อยเท่าไหร่ ซึ่งสิ่งที่เขาถาม และคุยจะเป็นการถามเชิง แก้ปัญหา ทัศนคติ ทดสอบทักษะการทำงาน และการสื่อสารภาษาอังกฤษ (มีแต่บริษัทใหญ่ 3 ที่นี้ที่เค้าจะทดสอบเรื่องภาษากับเรา โดยการถามตอบ และให้พรีเซ็นอะไรบางอย่าง) ซึ่งทุกครั้งที่ได้สัมภาษณ์ เราแทบจะรู้สึกมั่นใจมากๆ ว่าเราได้แน่ ไม่ว่าจะเป็นการคุยนาน 1-2 ชม. คุยเรื่อง Process งานละเอียดๆ ถามเงินเดือน ถามวันเริ่มงาน คุยเรื่องสวัสดิการ แต่สุดท้ายจบลงด้วยความเงียบ แล้วก็ได้รับเหตุผลคล้ายกันในท้ายที่สุด...

    เราเลยรู้สึกว่าประวัติการทำงานมันสำคัญอย่างมากในการพิจารณาสำหรับบางคน บางตำแหน่งอย่างเช่นเรานี่เอง ถ้าย้อนเวลาได้ เราจะเลือกที่จะใช้เวลาในการศึกษาบริษัท และใช้เวลาในการพิจารณาบริษัทเหล่านั้นให้ละเอียด และดีที่สุด เราจะพยายามหาเช็ก Turn Over Rate ของเค้า Culture การทำงานของเค้าให้ดีที่สุด และจะไม่พยายามเร่งรีบในการตอบรับ Offer จนเกินไป...

*สุดท้ายนี้ เรามีอยู่อีก 1 บริษัทที่กำลังพิจารณาเราอยู่ ซึ่งเราก็ได้อัพเดตมาวันนี้ว่า... "เค้าขอเลื่อนพิจารณาเราไปก่อน 1 อาทิตย์ เนื่องจากมีผู้สมัครอีกคนนึงที่อยากจะนำมาเปรียบเทียบกับเรา" ...อันนี้คือการอัพเดตที่เราเข้าใจเองว่า เราอยู่อันดับ 2 หรือไม่ก็ 3 ที่รอส้มหล่นเท่านั้น โอกาสได้งานน้อยมากๆ ซึ่งที่เรานำมาเล่าแบบนี้เพราะว่า ก่อนวันที่อัพเดต ทางบริษัทมีการโทรมาคุยกับเราเรื่องวัตถุประสงค์ของเขา ว่าเค้าหาคนในตำแหน่งนี้มาทำงานแบบ Long term นะ เค้าให้เราแสดงความมั่นใจให้กับเขาผ่านโทรศัพท์ในเรื่องที่เราอยากจะทำงานให้เขานานได้แค่ไหน...

ซึ่งเราก็รู้สึกหมดหวังไปแล้ว... เศร้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่