ภูทับเบิก ถูกบุกรุกหนัก แรงกว่าปี59 เจ้าเดิม โนสนโนแคร์ ถูกจับแล้วไม่ยอมรื้อ กอรมน.อ่อนใจท้องถิ่นไม่ขยับ

อนิจจา กฎหมายไทย สามาถเอาผิดใครได้มั่งเนี่ยFacepalm
ขอบคุณข่าวจาก มติชนออนไลน์ :https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4585100

ภูทับเบิก ถูกบุกรุกหนัก แรงกว่าปี59 เจ้าเดิม โนสนโนแคร์ ถูกจับแล้วไม่ยอมรื้อ กอรมน.อ่อนใจท้องถิ่นไม่ขยับ

ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2559 ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์, อธิบดีกรมป่าไม้, อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ, ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ และกอ.รมน. ทำพิธีปล่อยกำลังเจ้าหน้าที่บริเวณหน้าว่าการอำเภอหล่มเก่า โดยสนธิกำลังทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้, ตำรวจ, ทหาร, กอ.รมน. และ อส.จำนวนกว่า 500 นาย เพื่อเปิดปฏิบัติการรื้อถอน 19 รีสอร์ตที่ถูกคำสั่งให้รื้อถอนหลังครบกำหนดเวลา 7 วัน แต่เจ้าของหรือผู้ประกอบการรีสอร์ตซึ่งเหลือเพียง 16 รายยังดื้อแพ่งไม่ยอมรื้อถอน ซึ่งทางคณะเจ้าหน้าที่จึงต้องเข้าดำเนินการรื้อถอนให้แทน และจะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในภายหลัง

โดยเป้าหมายแรกที่เข้ารื้อถอน เนื่องจากเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของการไม่เคารพกฎหมาย ซึ่งเคยถูกจับกุมแล้วยังก่อสร้างใหม่ใหญ่กว่าเดิมอีก คือ รีสอร์ตโรงเตี๊ยม หมู่ 14 บ้านทับเบิก ต.วังบาล อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ การปฏิบัติการรื้อถอนเสร็จสิ้นเรียบร้อยทั้งหมดตั้งแต่ปี 2559

ต่อมาวันที่ 19 พ.ค.2567 พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน.ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า เจ้าของโรงเตี๊ยม คนเดิม ได้ขึ้นไปควบคุมการถมดินปรับพื้นที่ บริเวณที่ตั้งโรงเตี๊ยม ที่เคยถูกจับกุมตรวจยึดดำเนินคดี และบังคับใช้กฎหมายถูกรื้อถอนมา 7 กว่าปี แล้ว แต่วันนี้กลับเข้ามาบุกรุกใหม่ และเตรียมการก่อสร้าง โดยให้ม้งในพื้นที่เป็นนอมินี ถือว่าท้าทายกฎหมายบ้านเมืองเป็นอย่างมาก


พ.อ.พงษ์เพชร  กล่าวว่า กรณีมีการบุกรุกสร้างรีสอร์ตบุกรุกใหม่บนภูทับเบิก ในปี 2566  เคยแจ้งให้ ผอ.สจป.4 สาขาพิษณุโลก ทราบแล้วว่ามีรีสอร์ต เพิ่มขึ้นรวมมากกว่า 500 แห่ง ซึ่งทางฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ พม.ทราบดี เนื่องจากขณะที่ขึ้นไปจับกุมบริเวณผาหัวสิงห์ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมองเห็นชัดเจน ตนได้สอบถาม และชี้เป้าให้ดำเนินการ แต่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบพื้นที่ทุกฝ่ายต่างปล่อยปละละเลยกันจนควบคุมไม่อยู่

“จึงต้องฝากถามผู้ที่รับผิดชอบพื้นที่ว่าเหตุใดถึงไม่ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ ทั้งที่เครื่องมือที่สำคัญ คือ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 35/2559 เรื่อง มาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับเบิก ในท้องที่ตําบลวังบาล และตําบลบ้านเนิน อําเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ยังมีผลใช้บังคับอยู่ ในส่วนตัวผมเองได้พยายามทำหน้าที่ ขันน๊อต กระตุ้นให้หน่วยงานต่างๆ ทำงานตามหน้าที่ รวมทั้งประสานการปฏิบัติ และกำกับดูแลในภาพรวม ซึ่งได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ อย่างเต็มที่จนสุดความสามารถแล้ว แต่ไม่ได้รับความร่วมมือเหมือนเช่นที่ผ่านมา คงเห็นว่าผมเหลืออายุราชการอีก 4 เดือนเท่านั้น (เกษียณปี 67) เมื่อประสานการปฏิบัติไปจึงเพิกเฉย ไม่สนใจ

นอกจากนี้ ผมยังได้รับเรื่องร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่มีการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการในพื้นที่ด้วย จึงปล่อยให้มีละเมิดกฎหมาย และท้าทายอำนาจรัฐ โดยไม่มีความยำเกรง ทำเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป ถ้าเจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานตามอำนาจหน้าที่ ปัญหานี้คงไม่ลุกลามบานปลายขนาดนี้”พ.อ.พงษ์เพชร กล่าว... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4585100
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่