‘ธนาธร’นำทีมคณะก้าวหน้าเปิดบ้าน ‘อองโตนี’อดีตบ้านพัก ‘ปรีดี พนมยงค์’ที่ฝรั่งเศส
https://www.dailynews.co.th/news/3444908/
‘ธนาธร’ นำทีมคณะก้าวหน้า-คนไทยในฝรั่งเศส ปิกนิกในสวนก่อนแถลงข่าวเปิดบ้าน ‘อองโตนี’ อดีตบ้านพัก ‘ปรีดี พนมยงค์’ รัฐบุรุษอาวุโส
เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 17 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา ที่เมืองอองโตนี ประเทศฝรั่งเศส คณะก้าวหน้านำโดยนาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นาย
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า น.ส.
พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ร่วมกับกลุ่มคนไทยในฝรั่งเศส ร่วมจัดงานปิกนิกในสวน ก่อนการแถลงข่าวเปิดตัวบ้านของรัฐบุรุษอาวุโส นาย
ปรีดี พนมยงค์ อดีตนายกรัฐมนตรีในวันนี้
โดยภายในงานมีไฮไลต์สำคัญคือการพูดคุยกับ น.ส.
สุดา พนมยงค์ และนาง
ดุษฎี พนมยงค์ บุตรสาว ของนาย
ปรีดี เกี่ยวกับชีวิตและความทรงจำในบ้านอองโตนี โดย น.ส.
พรรณิการ์ ซึ่งเป็นผู้นำการสนทนาตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งแรกที่ตนสังเกตเห็นเกี่ยวกับบ้านหลังนี้คือ แม้ภายนอกจะดูใหญ่ และในรูปภาพก็ดูเป็นบ้านที่กว้างขวาง แต่เมื่อได้เข้ามาอยู่ในบ้านจริงๆ บ้านหลังนี้เล็กมาก และทำให้ตนอดคิดย้อนกลับไปไม่ได้ว่า นี่คือที่พำนักสุดท้ายของรัฐบุรุษผู้ก่อเกิดประชาธิปไตยจริงๆ หรือ และในวันนี้ ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงบทกลอนที่ว่า “
แต่คนดีเมืองไทยไม่ต้องการ”
นาง
ดุษฎี กล่าวว่า หลักคิดของครอบครัวตั้งแต่สมัยคุณตา มาจนถึงคุณพ่อ ก็คือ ให้อยู่อย่างจน ถึงจะรวย และคิดถึงคนที่เขาลำบากกว่าเสมอ และการใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้ก็ทำแบบนั้น ทุกคนอยู่อย่างสุขสบาย แต่ไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ นาย
ปรีดีเองก็ใช้รถสาธารณะเป็นประจำ และทุกคนในบ้านต้องทำงาน ทั้งงานบ้าน และงานเสริม เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว เช่น ครู
สุดา แม้จะทำงานสอนเปียโน แต่ก็ยังมีอาชีพเสริมคือการทำอาหารส่งตามบ้านด้วย
นาง
ดุษฎี ยังกล่าวถึงข้อครหาที่คนจำนวนมากกล่าวหาว่า นาย
ปรีดีเอาเงินแผ่นดินมาซื้อบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลแม้แต่น้อย เพราะถึงแม้นายปรีดีจะไม่มีเงินทองมากมาย แต่ท่านผู้หญิง
พูนศุข ภริยา เป็นบุตรของพระยาชัยวิชิตฯ อธิบดีราชทัณฑ์คนแรกของไทย และเป็นข้าราชบริพารใกล้ชิดของรัชกาลที่ 6 จึงมีทรัพย์สินมรดกอยู่บ้าง เมื่อจะซื้อบ้านหลังนี้ ท่านผู้หญิงได้ขายที่ดินที่ได้รับมรดกมา เพื่อรวบรวมเงินมาซื้อบ้านที่อองโตนี ซึ่งตอนนั้นไม่ได้ราคาแพง เพราะอยู่ชานเมือง เพราะฉะนั้นบ้านนี้จึงไม่ใช่การเบียดบังเงินแผ่นดินหรือภาษีประชาชนอย่างแน่นอน
ด้าน
จรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ปัจจุบันลี้ภัยอยู่ที่ฝรั่งเศส กล่าวว่า เหตุที่บ้านหลังนี้มีความสำคัญสำหรับตนมาก ไม่ใช่เพียงเพราะนี่เป็นบ้านของปรีดี แต่เพราะที่นี่เป็นศูนย์รวมคนไทยที่อยู่ในยุโรป เป็นที่ของการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดความรู้ อันจะก่อเกิดความเปลี่ยนแปลงความก้าวหน้าในอนาคต หากนายธนาธรซื้อบ้านมา แต่ไม่มีใครมาใช้ มาจัดกิจกรรมเหมือนในอดีต บ้านอองโตนีแห่งนี้ ก็จะไม่มีความหมาย ไม่ต่างอะไรกับบ้านธรรมดาหลังหนึ่ง
ทั้งนี้ งานปิกนิกในสวนบ้านอองโตนีดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมงานนับร้อยคน จากหลายประเทศทั่วยุโรป ไฮไลต์ของงาน นอกจากการสนทนากับบุตรสาวของนาย
ปรีดี ยังมีการขับร้องเพลง “
คนดีมีค่า” ซึ่งป็นบทเพลงที่ประพันธ์ขึ้นในโอกาส 100 ปีชาตกาลของนายปรีดี ส่วนอาหารที่ใช้จัดเลี้ยงในงาน เป็น “
ข้าวต้มกุ๊ย” อาหารที่นายปรีดี ชอบรับประทานเป็นประจำในขณะที่พำนักในบ้านหลังนี้.
วันวิชิต เปิดนิยามใหม่ ‘ส.ว.’ ภาวะเชื่อมจิตครั้งสุดท้ายรัฐประหาร 57 แนะอย่าตั้งกฎเหมือนรับสมัครงาน ไม่ตอบโจทย์ประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4582506
วันวิชิต เปิดนิยามใหม่ ‘ส.ว.’ คือ ภาวะเชื่อมจิตครั้งสุดท้ายรัฐประหาร 57 แนะ อย่าตั้งกฎเกณฑ์รับสมัครเหมือนประกาศรับสมัครงาน ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในประเทศ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุม 211 (ห้องศาลจำลอง) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เขตพระนคร กรุงเทพฯมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานเสวนารำลึก 32 ปี พฤษภาประชาธรรม 2535 ในหัวข้อ
‘การเลือก ส.ว. และประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กับอนาคตประชาธิปไตยไทย’
ในตอนหนึ่ง ผศ.ดร.
วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงนิยามของคำว่า สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า ส.ว. คือ ภาวะการเชื่อมจิตครั้งสุดท้ายของรัฐประหารปี 2557 ที่พยายามจะเชื่อมต่อสร้างความซับซ้อน สร้างเงื่อนไข ความคิดใดต่างๆที่ทำให้ประชาชนรู้สึกอยากถดถอย
ผศ.ดร.
วันวิชิต บุญโปร่ง
ผศ.ดร.
วันวิชิต กล่าวด้วยว่า ตนเห็นด้วยที่อยากให้มีการรณรงค์ให้ประชาชนสนใจและลงสมัครเข้ารับเลือกตั้ง ส.ว. ยิ่งประชาชนตื่นตัวมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งลดคำครหาได้ว่าควรมี ส.ว. ไว้ทำไม
“
ผมเชื่อว่าประชาชนต้องการมี ส.ว. ชุดใหม่ที่มีความซื่อสัตย์มากขึ้น และ เชื่อว่า การรณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเข้ารับการสมัคร ส.ว. และการตั้งคำถามต่างๆนานาก็ไม่ควรตั้งแค่ในหมู่นักวิชาการ หรือ ในเฉพาะกลุ่ม เพราะประชาชนทุกคนทุกภาคส่วนควรมีบทบาทตรงนี้ในการตั้งคำถามไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ผ่านมาก็มีสมาชิก ส.ว. ชุดเก่าในอดีตหลายท่านที่มาจากกองทัพพร้อมเข้าสู่ในเกณฑ์กติกาเลือกตั้ง ซึ่งก็มองได้ว่า กลุ่มคนเหล่านี้พยายามให้อยู่กติกาที่ทุกคนยอมรับเงื่อนไขการสร้างประชาธิปไตยได้
ถ้าทุกฝ่ายกลมกลืน และปรับตัวให้กับโครงสร้างการเมืองที่มีเปลี่ยนแปลง ประชาธิปไตยคงจะเติบโตขึ้นตาม ซึ่งบางทีเราอาจจะมองข้ามการดึงคนที่อยู่ในรัฐประหารให้เข้ามาสู่กติกาเงื่อนไขประชาธิปไตย ส่วนในอนาคตประชาธิปไตยจะเป็นอย่างไรนั้นผมมองว่า อยู่ที่ฝ่ายการเมืองเองว่าจะยกระดับทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในตรงนี้ได้อย่างไร” ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าว
ผศ.ดร.
วันวิชิต กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับประชาชนที่ตลอดเวลา 9 ปี ที่ผ่านมา ตั้งแต่มีคณะรัฐประหารและคณะ ส.ว. ชุดเดิมนั้นสูญเปล่าและเสียเวลาในการพัฒนาประชาธิปไตยภายในประเทศ แต่อีกด้านตนก็ขอบคุณที่พวกเขาทำให้ประชาชนตื่นรู้ และ ตระหนักว่าควรมีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการทำงาน 5 ปีของ ส.ว. ชุดเก่านั้นไม่มีการพัฒนาสำหรับประชาชน
“
ผมเชื่อว่าตอนนี้ประชาชนตื่นรู้และตระหนักแล้วว่า วุฒิสมาชิก ประชาชนที่ต้องการสมัคร เพราะเหตุผลเดียวคือ ปลายทางต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ การสรรหาบุคคลจากองค์กรอิสระให้เกิดความเป็นธรรม จัดสรรระบบเลือกตั้งให้มีความโปร่งใส ไม่เกิดคำถามมากมายในช่วงการเลือกตั้ง” ผศ.ดร.
วันวิชิต กล่าว
ผศ.ดร.
วันวิชิต กล่าวว่า
กกต. ควรจะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์และคำนึงถึงความต้องการของประชาชนเป็นหลัก อย่าตั้งกฎเกณฑ์รับสมัครเหมือนกับการประกาศรับสมัครงานทั่วไป ซึ่งไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในประเทศ อะไรที่สามารถแก้ไขในส่วนของเงื่อนไขการสมัครหรือกฎเกณฑ์ข้อระเบียบต่างๆได้ ก็ควรที่จะแก้ไขและถ้าหากมีการร้องเรียนอะไรต่างๆ จากประชาชนก็ควรที่จะรับฟัง” ผศ.ดร.
วันวิชิต กล่าว
ผศ.ดร.
วันวิชิต กล่าวว่า ตนหวังว่าไม่ใช่เฉพาะ มีเฉพาะงานเสวนาวิชากรเท่านั้นที่ช่วยปลุกระดมประชาชน แต่อยากให้ พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนช่วยกันตรวจสอบดูการทำงานของ กกต. หรือ ความเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ เพราะนี้คือ การนับเริ่มต้นใหม่สำหรับการสร้างประชาธิปไตยในประเทศ
กมธ.นิรโทษเอาใจม็อบ-ส่งหนังสือจี้ “เศรษฐา” แก้คดีการเมือง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_719441/
กมธ.นิรโทษกรรม ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึงนายกฯ เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาคดีการเมือง เอาใจกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้อง
นาย
ชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมสภาผู้แทนราษฎร ส่งหนังสือด่วนที่สุด ถึง นาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรื่องขอให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาคดีการเมือง
ด้วยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราขบัญญัตินิรโทษกรรมสภาผู้แทนราษฎร ได้รับหนังสือลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เรื่อง ขอให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหา คดีการเมือง จากกลุ่มบุคคลในนามนักกิจกรรมและประชาชน ซึ่งเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
1. ตรวจสอบการเสียชีวิตของนางสาวเนติพร ให้เกิดความโปร่งใสและชัดเจนโดยเร็ว
2. ดำเนินการใด ” ให้ผู้ต้องขังซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุดได้รับสิทธิในการประกันตัว
3. ชะลอการดำเนินคดี การจับกุมคุมขังบุคคลในคดีการเมืองจนกว่าจะผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชน สั่งไม่ฟ้อง ไม่ยื่นคำร้อง ไม่อุทธรณ์ ไม่ฎีกา ถอนพ้อง ถอนคำร้อง ถอนอุทธรณ์และถอนฎีกา ในคดีที่ไม่เป็นประโยชน์สาธารณะ
4. เร่งรัดการออกกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนโดยรวมประชาชนทุกฝ่าย ทุกข้อหาที่มีมูลเหตุแห่งคดีทางการเมือง ซึ่งขณะนี้ ร่างพระราชบัญญัตินิโทษกรรมประชาชน พ.ศ….. ได้เสนอต่อรัฐสภาและอยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นเรียบร้อยแล้ว
ในการนี้ คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเรียกร้องช้อ 1 ถึงข้อ 3 มีความสำคัญและอยู่ในความสนใจของสังคมและประชาชน อีกทั้งเป็นเรื่องที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลและการบังคับใช้กฎหมายของฝ่ายบริหาร จึงเห็นควรนำกราบเรียนนายกรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการตามที่ เหมาะสมและเห็นสมควร สำหรับ ข้อ 4 เรื่องเร่งรัดการออกกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนโดยรวมประชาชนทุกฝ่ายนั้น
โดยที่รัฐสภา ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจทางด้านนิติบัญญัติ ได้มีการดำเนินการเกี่ยวกับการตรากฎหมายนิโทษกรรม โดยสภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิโทษกรรม เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแล้วรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป และในขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม โดวคาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2567
JJNY : ‘ธนาธร’นำทีมเปิดบ้าน│วันวิชิตเปิดนิยามใหม่ ‘ส.ว.’│กมธ.นิรโทษ จี้แก้คดี│เซเลนสกีเชื่อรัสเซียยกระดับโจมตีคาร์ดีฟ
https://www.dailynews.co.th/news/3444908/
‘ธนาธร’ นำทีมคณะก้าวหน้า-คนไทยในฝรั่งเศส ปิกนิกในสวนก่อนแถลงข่าวเปิดบ้าน ‘อองโตนี’ อดีตบ้านพัก ‘ปรีดี พนมยงค์’ รัฐบุรุษอาวุโส
โดยภายในงานมีไฮไลต์สำคัญคือการพูดคุยกับ น.ส.สุดา พนมยงค์ และนางดุษฎี พนมยงค์ บุตรสาว ของนายปรีดี เกี่ยวกับชีวิตและความทรงจำในบ้านอองโตนี โดย น.ส.พรรณิการ์ ซึ่งเป็นผู้นำการสนทนาตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งแรกที่ตนสังเกตเห็นเกี่ยวกับบ้านหลังนี้คือ แม้ภายนอกจะดูใหญ่ และในรูปภาพก็ดูเป็นบ้านที่กว้างขวาง แต่เมื่อได้เข้ามาอยู่ในบ้านจริงๆ บ้านหลังนี้เล็กมาก และทำให้ตนอดคิดย้อนกลับไปไม่ได้ว่า นี่คือที่พำนักสุดท้ายของรัฐบุรุษผู้ก่อเกิดประชาธิปไตยจริงๆ หรือ และในวันนี้ ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงบทกลอนที่ว่า “แต่คนดีเมืองไทยไม่ต้องการ”
นางดุษฎี กล่าวว่า หลักคิดของครอบครัวตั้งแต่สมัยคุณตา มาจนถึงคุณพ่อ ก็คือ ให้อยู่อย่างจน ถึงจะรวย และคิดถึงคนที่เขาลำบากกว่าเสมอ และการใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้ก็ทำแบบนั้น ทุกคนอยู่อย่างสุขสบาย แต่ไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ นายปรีดีเองก็ใช้รถสาธารณะเป็นประจำ และทุกคนในบ้านต้องทำงาน ทั้งงานบ้าน และงานเสริม เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว เช่น ครูสุดา แม้จะทำงานสอนเปียโน แต่ก็ยังมีอาชีพเสริมคือการทำอาหารส่งตามบ้านด้วย
นางดุษฎี ยังกล่าวถึงข้อครหาที่คนจำนวนมากกล่าวหาว่า นายปรีดีเอาเงินแผ่นดินมาซื้อบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลแม้แต่น้อย เพราะถึงแม้นายปรีดีจะไม่มีเงินทองมากมาย แต่ท่านผู้หญิงพูนศุข ภริยา เป็นบุตรของพระยาชัยวิชิตฯ อธิบดีราชทัณฑ์คนแรกของไทย และเป็นข้าราชบริพารใกล้ชิดของรัชกาลที่ 6 จึงมีทรัพย์สินมรดกอยู่บ้าง เมื่อจะซื้อบ้านหลังนี้ ท่านผู้หญิงได้ขายที่ดินที่ได้รับมรดกมา เพื่อรวบรวมเงินมาซื้อบ้านที่อองโตนี ซึ่งตอนนั้นไม่ได้ราคาแพง เพราะอยู่ชานเมือง เพราะฉะนั้นบ้านนี้จึงไม่ใช่การเบียดบังเงินแผ่นดินหรือภาษีประชาชนอย่างแน่นอน
ด้านจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ปัจจุบันลี้ภัยอยู่ที่ฝรั่งเศส กล่าวว่า เหตุที่บ้านหลังนี้มีความสำคัญสำหรับตนมาก ไม่ใช่เพียงเพราะนี่เป็นบ้านของปรีดี แต่เพราะที่นี่เป็นศูนย์รวมคนไทยที่อยู่ในยุโรป เป็นที่ของการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดความรู้ อันจะก่อเกิดความเปลี่ยนแปลงความก้าวหน้าในอนาคต หากนายธนาธรซื้อบ้านมา แต่ไม่มีใครมาใช้ มาจัดกิจกรรมเหมือนในอดีต บ้านอองโตนีแห่งนี้ ก็จะไม่มีความหมาย ไม่ต่างอะไรกับบ้านธรรมดาหลังหนึ่ง
ทั้งนี้ งานปิกนิกในสวนบ้านอองโตนีดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมงานนับร้อยคน จากหลายประเทศทั่วยุโรป ไฮไลต์ของงาน นอกจากการสนทนากับบุตรสาวของนายปรีดี ยังมีการขับร้องเพลง “คนดีมีค่า” ซึ่งป็นบทเพลงที่ประพันธ์ขึ้นในโอกาส 100 ปีชาตกาลของนายปรีดี ส่วนอาหารที่ใช้จัดเลี้ยงในงาน เป็น “ข้าวต้มกุ๊ย” อาหารที่นายปรีดี ชอบรับประทานเป็นประจำในขณะที่พำนักในบ้านหลังนี้.
วันวิชิต เปิดนิยามใหม่ ‘ส.ว.’ ภาวะเชื่อมจิตครั้งสุดท้ายรัฐประหาร 57 แนะอย่าตั้งกฎเหมือนรับสมัครงาน ไม่ตอบโจทย์ประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4582506
วันวิชิต เปิดนิยามใหม่ ‘ส.ว.’ คือ ภาวะเชื่อมจิตครั้งสุดท้ายรัฐประหาร 57 แนะ อย่าตั้งกฎเกณฑ์รับสมัครเหมือนประกาศรับสมัครงาน ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในประเทศ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุม 211 (ห้องศาลจำลอง) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เขตพระนคร กรุงเทพฯมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานเสวนารำลึก 32 ปี พฤษภาประชาธรรม 2535 ในหัวข้อ ‘การเลือก ส.ว. และประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กับอนาคตประชาธิปไตยไทย’
ในตอนหนึ่ง ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงนิยามของคำว่า สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า ส.ว. คือ ภาวะการเชื่อมจิตครั้งสุดท้ายของรัฐประหารปี 2557 ที่พยายามจะเชื่อมต่อสร้างความซับซ้อน สร้างเงื่อนไข ความคิดใดต่างๆที่ทำให้ประชาชนรู้สึกอยากถดถอย
ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง
ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าวด้วยว่า ตนเห็นด้วยที่อยากให้มีการรณรงค์ให้ประชาชนสนใจและลงสมัครเข้ารับเลือกตั้ง ส.ว. ยิ่งประชาชนตื่นตัวมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งลดคำครหาได้ว่าควรมี ส.ว. ไว้ทำไม
“ผมเชื่อว่าประชาชนต้องการมี ส.ว. ชุดใหม่ที่มีความซื่อสัตย์มากขึ้น และ เชื่อว่า การรณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเข้ารับการสมัคร ส.ว. และการตั้งคำถามต่างๆนานาก็ไม่ควรตั้งแค่ในหมู่นักวิชาการ หรือ ในเฉพาะกลุ่ม เพราะประชาชนทุกคนทุกภาคส่วนควรมีบทบาทตรงนี้ในการตั้งคำถามไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ผ่านมาก็มีสมาชิก ส.ว. ชุดเก่าในอดีตหลายท่านที่มาจากกองทัพพร้อมเข้าสู่ในเกณฑ์กติกาเลือกตั้ง ซึ่งก็มองได้ว่า กลุ่มคนเหล่านี้พยายามให้อยู่กติกาที่ทุกคนยอมรับเงื่อนไขการสร้างประชาธิปไตยได้
ถ้าทุกฝ่ายกลมกลืน และปรับตัวให้กับโครงสร้างการเมืองที่มีเปลี่ยนแปลง ประชาธิปไตยคงจะเติบโตขึ้นตาม ซึ่งบางทีเราอาจจะมองข้ามการดึงคนที่อยู่ในรัฐประหารให้เข้ามาสู่กติกาเงื่อนไขประชาธิปไตย ส่วนในอนาคตประชาธิปไตยจะเป็นอย่างไรนั้นผมมองว่า อยู่ที่ฝ่ายการเมืองเองว่าจะยกระดับทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในตรงนี้ได้อย่างไร” ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าว
ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับประชาชนที่ตลอดเวลา 9 ปี ที่ผ่านมา ตั้งแต่มีคณะรัฐประหารและคณะ ส.ว. ชุดเดิมนั้นสูญเปล่าและเสียเวลาในการพัฒนาประชาธิปไตยภายในประเทศ แต่อีกด้านตนก็ขอบคุณที่พวกเขาทำให้ประชาชนตื่นรู้ และ ตระหนักว่าควรมีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการทำงาน 5 ปีของ ส.ว. ชุดเก่านั้นไม่มีการพัฒนาสำหรับประชาชน
“ผมเชื่อว่าตอนนี้ประชาชนตื่นรู้และตระหนักแล้วว่า วุฒิสมาชิก ประชาชนที่ต้องการสมัคร เพราะเหตุผลเดียวคือ ปลายทางต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ การสรรหาบุคคลจากองค์กรอิสระให้เกิดความเป็นธรรม จัดสรรระบบเลือกตั้งให้มีความโปร่งใส ไม่เกิดคำถามมากมายในช่วงการเลือกตั้ง” ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าว
ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าวว่า กกต. ควรจะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์และคำนึงถึงความต้องการของประชาชนเป็นหลัก อย่าตั้งกฎเกณฑ์รับสมัครเหมือนกับการประกาศรับสมัครงานทั่วไป ซึ่งไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในประเทศ อะไรที่สามารถแก้ไขในส่วนของเงื่อนไขการสมัครหรือกฎเกณฑ์ข้อระเบียบต่างๆได้ ก็ควรที่จะแก้ไขและถ้าหากมีการร้องเรียนอะไรต่างๆ จากประชาชนก็ควรที่จะรับฟัง” ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าว
ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าวว่า ตนหวังว่าไม่ใช่เฉพาะ มีเฉพาะงานเสวนาวิชากรเท่านั้นที่ช่วยปลุกระดมประชาชน แต่อยากให้ พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนช่วยกันตรวจสอบดูการทำงานของ กกต. หรือ ความเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ เพราะนี้คือ การนับเริ่มต้นใหม่สำหรับการสร้างประชาธิปไตยในประเทศ
กมธ.นิรโทษเอาใจม็อบ-ส่งหนังสือจี้ “เศรษฐา” แก้คดีการเมือง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_719441/
กมธ.นิรโทษกรรม ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึงนายกฯ เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาคดีการเมือง เอาใจกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้อง
นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมสภาผู้แทนราษฎร ส่งหนังสือด่วนที่สุด ถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรื่องขอให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาคดีการเมือง
ด้วยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราขบัญญัตินิรโทษกรรมสภาผู้แทนราษฎร ได้รับหนังสือลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เรื่อง ขอให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหา คดีการเมือง จากกลุ่มบุคคลในนามนักกิจกรรมและประชาชน ซึ่งเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
1. ตรวจสอบการเสียชีวิตของนางสาวเนติพร ให้เกิดความโปร่งใสและชัดเจนโดยเร็ว
2. ดำเนินการใด ” ให้ผู้ต้องขังซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุดได้รับสิทธิในการประกันตัว
3. ชะลอการดำเนินคดี การจับกุมคุมขังบุคคลในคดีการเมืองจนกว่าจะผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชน สั่งไม่ฟ้อง ไม่ยื่นคำร้อง ไม่อุทธรณ์ ไม่ฎีกา ถอนพ้อง ถอนคำร้อง ถอนอุทธรณ์และถอนฎีกา ในคดีที่ไม่เป็นประโยชน์สาธารณะ
4. เร่งรัดการออกกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนโดยรวมประชาชนทุกฝ่าย ทุกข้อหาที่มีมูลเหตุแห่งคดีทางการเมือง ซึ่งขณะนี้ ร่างพระราชบัญญัตินิโทษกรรมประชาชน พ.ศ….. ได้เสนอต่อรัฐสภาและอยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นเรียบร้อยแล้ว
ในการนี้ คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเรียกร้องช้อ 1 ถึงข้อ 3 มีความสำคัญและอยู่ในความสนใจของสังคมและประชาชน อีกทั้งเป็นเรื่องที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลและการบังคับใช้กฎหมายของฝ่ายบริหาร จึงเห็นควรนำกราบเรียนนายกรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการตามที่ เหมาะสมและเห็นสมควร สำหรับ ข้อ 4 เรื่องเร่งรัดการออกกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนโดยรวมประชาชนทุกฝ่ายนั้น
โดยที่รัฐสภา ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจทางด้านนิติบัญญัติ ได้มีการดำเนินการเกี่ยวกับการตรากฎหมายนิโทษกรรม โดยสภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิโทษกรรม เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแล้วรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป และในขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม โดวคาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2567