..คืออันนี้เป็นเรื่องที่เเปลกครับ พอดีมีสภาวะที่เกิดขึ้นในฝัน
เเต่กลับมี ญาน บางตัวมาตัดทำให้ไม่คล้อยไปในห้วงอารมณ์นั้นๆ
คือความฝันมีอยู่ว่า ตอนนั้น ผมได้ไปเที่ยว ณ ที่ประเทศเเห่งหนึ่ง
ได้พบเจอ ผู้หญิงคนหนึ่ง เเรกเริ่มก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เเต่เมื่อมีการพบป่ะพูดคุย ถามไถ่
ก็เริ่มก่อตัวเป็นความผูกพันธ์ เเละกลายเป็นความรัก ซึ่งอารมรณ์ เเห่งความรัก
ที่ปรากฏในขณะฝัน มีความตราตรึงใจ ยากที่สลัดออก
.
.
จนความฝันตัดภาพมา ณ วันที่เเต่งงาน ณ จุดๆ นี้มีความรู้บางอย่าง
ผุดขึ้นมาในใจ เนื้อความโดยรวมระลึกได้ค่อนข้างยาก เเต่มีความเเยบคายในตัว
คร่าวๆคือ ก็กระเเสเเห่งอารมณ์ที่ท่วมท้นมาในใจ มันเป็นสภาวะบีบคั้นอย่างหนึ่ง
ที่ทำให้เราต้องดำเนินไปในห้วงโอฆะไม่สิ้นสุด พลันความรู้สึกรักกลับจางคลายไป
เเละผมก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น
.
.
หลังจากนั้นก็ วินิฉัยเนื้อความในฝัน ว่าเหตุอะไรจึงปรากฏเช่นนี้
ก็มาวิเคราะห์ อุปนิสัยตัวเอง ที่มีปกติไม่ได้เเสวงหาในคู่ครองมาตั้งเเต่เด็ก
เพราะรู้สึกจำเจ ในภาวะเเห่งคู่ครอง
รู้สึกจำเจถ้าต้องคุยเรื่องทางโลก นั้นเองทำให้มีเพื่อนทางโลกน้อยมาก
ส่วนใหญ่จะสนิทกับพระ หรือ ครูบาอาจารย์ทางธรรม ผู้ทรงภูมิทางจิต หลายๆคน
ที่สามารถเเลกเปลี่ยน สนธนาในหัวข้อธรรม ที่ละเอียดได้
นี่เป็นเพราะเราคงดำเนินมาในด้านเนกขัมมะ
.
.
พอจิตไปเห็นว่า อาการอย่างนั้นคือของวิเศษ จิตก็ปฏิโลม ในตัวมันเอง
ก็อาการประมาท หลงในภูมิ อย่างนี้ ก็จะตกม้าตายในวันหนึ่ง หากไปสร้างเหตุ
ด้วยเพราะว่าความสนิทสนมก็ดี ค้วยเพราะความใกล้ชิดก็ดี
ก็ย่อมตกไปในกระเเสเเห่งอารมณ์เช่นเดิม
ในใจก็กลับมาสู่สภาวะปกติ อย่างที่มันเป็น ไม่ได้ฟู หรือ หดหู่
.
.
ขอคำเเนะนำวนการวินิฉัยในธรรมครั้งนี้ครับ
ขอคำชี้เเนะ ว่าด้วยเเห่งสภาวะเเห่ง เนกขัมมะ ที่ปรากฏครับ
เเต่กลับมี ญาน บางตัวมาตัดทำให้ไม่คล้อยไปในห้วงอารมณ์นั้นๆ
คือความฝันมีอยู่ว่า ตอนนั้น ผมได้ไปเที่ยว ณ ที่ประเทศเเห่งหนึ่ง
ได้พบเจอ ผู้หญิงคนหนึ่ง เเรกเริ่มก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เเต่เมื่อมีการพบป่ะพูดคุย ถามไถ่
ก็เริ่มก่อตัวเป็นความผูกพันธ์ เเละกลายเป็นความรัก ซึ่งอารมรณ์ เเห่งความรัก
ที่ปรากฏในขณะฝัน มีความตราตรึงใจ ยากที่สลัดออก
.
.
จนความฝันตัดภาพมา ณ วันที่เเต่งงาน ณ จุดๆ นี้มีความรู้บางอย่าง
ผุดขึ้นมาในใจ เนื้อความโดยรวมระลึกได้ค่อนข้างยาก เเต่มีความเเยบคายในตัว
คร่าวๆคือ ก็กระเเสเเห่งอารมณ์ที่ท่วมท้นมาในใจ มันเป็นสภาวะบีบคั้นอย่างหนึ่ง
ที่ทำให้เราต้องดำเนินไปในห้วงโอฆะไม่สิ้นสุด พลันความรู้สึกรักกลับจางคลายไป
เเละผมก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น
.
.
หลังจากนั้นก็ วินิฉัยเนื้อความในฝัน ว่าเหตุอะไรจึงปรากฏเช่นนี้
ก็มาวิเคราะห์ อุปนิสัยตัวเอง ที่มีปกติไม่ได้เเสวงหาในคู่ครองมาตั้งเเต่เด็ก
เพราะรู้สึกจำเจ ในภาวะเเห่งคู่ครอง
รู้สึกจำเจถ้าต้องคุยเรื่องทางโลก นั้นเองทำให้มีเพื่อนทางโลกน้อยมาก
ส่วนใหญ่จะสนิทกับพระ หรือ ครูบาอาจารย์ทางธรรม ผู้ทรงภูมิทางจิต หลายๆคน
ที่สามารถเเลกเปลี่ยน สนธนาในหัวข้อธรรม ที่ละเอียดได้
นี่เป็นเพราะเราคงดำเนินมาในด้านเนกขัมมะ
.
.
พอจิตไปเห็นว่า อาการอย่างนั้นคือของวิเศษ จิตก็ปฏิโลม ในตัวมันเอง
ก็อาการประมาท หลงในภูมิ อย่างนี้ ก็จะตกม้าตายในวันหนึ่ง หากไปสร้างเหตุ
ด้วยเพราะว่าความสนิทสนมก็ดี ค้วยเพราะความใกล้ชิดก็ดี
ก็ย่อมตกไปในกระเเสเเห่งอารมณ์เช่นเดิม
ในใจก็กลับมาสู่สภาวะปกติ อย่างที่มันเป็น ไม่ได้ฟู หรือ หดหู่
.
.
ขอคำเเนะนำวนการวินิฉัยในธรรมครั้งนี้ครับ