เนื้อหาที่จะเล่าค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก ๆ ค่ะ เพราะฉะนั้นเราจะขอแจ้งคำเตือนไว้ก่อนเลย ***Child Grooming***
ในวัยเด็กช่วงที่จขกท.อายุประมาณ 11-12 ขวบ แม่ได้ส่งให้เรามาอยู่กับพี่สาวในกรุงเทพ ซึ่งก่อนหน้านั้นตัวจขกท.และแม่อยู่ชนบทค่ะ พี่สาวคนโตของเรามีสามีและลูกชายแล้ว เราเองก็คุ้นหน้าคุ้นตาพวกเขาดีเลยปรับตัวเข้าหาได้ง่ายกว่าปกติ
พี่เขยทำงานเป็นเหมือนผู้ดูแลแฟลต หน้าที่คล้ายรปภ. แต่ทำทุกอย่างสารพัดตามเจ้านายสั่ง ซึ่งอาชีพของพี่เขยก็นับว่าเป็นการทำงานที่บ้าน เพราะห้องเช่าที่อาศัยอยู่ก็เป็นสถานที่ที่ทำงานของพี่เขยค่ะ เพราะอย่างนั้นเราถึงได้อยู่กับพี่เขยบ่อย ต่างกับพี่สาวที่ไปทำงานข้างนอก
จขกท.กับพี่เขยสนิทกันมากเลยค่ะ อารมณ์เหมือนพี่น้อง คุยกันได้หลายเรื่อง เราเลยค่อนข้างเปิดใจให้สามีของพี่สาว เพราะปกติแล้วเราค่อนข้างกลัวผู้ชายที่ตัวสูง ๆ มีอายุแล้ว (วัยเด็กของเราช่วงประถมต้นเราเคยถูกพี่ชายแท้ ๆ ล่วงละเมิดทางเพศอยู่หลายครั้ง ต่อมาก็ถูกเพื่อนของพี่ชายลวนลาม พี่ชายของเราเป็นคนมีปัญหาค่ะ ทั้งติดเหล้าติดยา ทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ส่งจขกท.มาอยู่กับพี่สาวที่กรุงเทพ)
เรื่องที่เราถูกพี่ชายและเพื่อนของพี่ชายลวนลาม เราไม่เคยบอกคนในครอบครัวสักครั้งค่ะ จขกท. ณ เวลานั้นก็เป็นแค่เด็กอายุไม่ถึงสิบขวบ เลยไม่รู้ว่าต้องทำอะไร เลือกที่จะเก็บเงียบไว้
และแล้วฝันร้ายของเรามันก็เริ่มขึ้นเมื่อเราอยู่ร่วมกับครอบครัวพี่สาวได้ประมาณ 1 ปี เราจำได้ลาง ๆ ว่าเช้าวันเสาร์ ที่ซึ่งเป็นวันหยุดของเด็กนักเรียน เวลาประมาณ 08:00 น. - 10:00 น. ช่วงเวลานี้พี่สาวของเราต้องไปทำงาน นางก็จะหอบลูกชายเพียงคนเดียวไปที่ทำงานด้วย (พี่สาวเราทำงาน 6 วัน/สัปดาห์ค่ะ) ภายในห้องเช่าเลยมีแค่เรากับพี่เขย แล้ววันที่เกิดเรื่อง เรากำลังนอนอยู่ค่ะ ถ้าเป็นวันหยุดเราจะปล่อยตัวเพราะขี้เกียจตื่นเช้า ทีนี้เราก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรมาสัมผัสหน้าอกเรา จขกท.ตื่นแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมา เลือกที่จะแกล้งหลับต่อเพื่อดูสถานการณ์ แล้วมันก็เป็นแบบที่เรากังวลจริง ๆ พี่เขยทรุดตัวนอนตะแคงข้าง หันหน้าเข้าหาเรา และใช้นิ้วมือลูบหน้าอกผ่านเสื้อค่ะ ทีนี้เราเลยทำเป็นใกล้จะตื่น เขาก็รีบหยุดมือทันที
(ห้องเช่าของครอบครัวพี่สาวเป็นห้องเดี่ยวค่ะ ทุกคนต้องนอนรวมกันในห้องนี้ มีเตียงเดียว ซึ่งเตียงนั้นก็กลายเป็นเตียงของพี่เขย ส่วนพี่สาวและลูกชาย รวมถึงตัวเราเลือกที่จะปูฟูกนอนอยู่ข้างเตียง)
เพราะอย่างนั้นการที่พี่เขยนอนบนพื้นใกล้ฟูกเรามันเลยเป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก ๆ จขกท.เลยมั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่น่าจะใช่การมโนไปเอง
เราไม่กล้าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ไม่ว่าจะเป็นแม่หรือพี่สาว และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ทุก ๆ วันหยุด หากเราตื่นสาย เราก็จะพบเจอเหตุการณ์ประมาณนี้ค่ะ หนักสุดคือเคยถูกล้วงหน้าอกและอวัยวะเพศ ซึ่งทุกสถานการณ์เราแกล้งหลับอยู่ สุดท้ายจขกท.ก็ต้องทำทรงเหมือนจะตื่นให้พี่เขยหยุดมือ
ตัวเราไม่กล้าทำตัวกระโตกกระตากให้พี่เขยจับสังเกตได้ เลยเลือกที่จะพูดคุยกับเขาแบบสนิทใจกันเหมือนเดิม ทำเหมือนว่าเราไม่รู้เรื่องอะไร และเป็นเวลาประมาณ 2-4 ปีที่เราถูกกระทำอยู่แบบนั้น เราอยากจะบอกใครสักคนถึงเรื่องที่เราต้องพบเจอ แต่ก็กลัวผลที่จะตามมา จขกท.ในวัย 13-14 ปี เลยตัดสินใจตั้งกระทู้เล่าเรื่องลงพันทิป
และสิ่งที่ได้มา คือมีคอมเมนต์มากมายหาว่าเราอ่อยพี่เขย แต่งนิยาย ให้ท่าพี่เขย มีส่วนน้อยมาก ๆ ที่จะเชื่อเรา จขกท.อาจผิดที่ใช้สำนวนเล่าเรื่องได้ไม่ดีพอให้คนเข้าใจ เพราะ ณ ตอนนั้นเราก็ยังเป็นแค่เด็กมัธยมต้น ด้วยเหตุนี้เราเลยยิ่งไม่กล้าเอาเรื่องที่ตัวเองเจอไปเล่าให้ใครฟังเลย เพราะกลัวจะถูกเข้าใจว่าเราไปให้ท่าพี่เขย (ภายหลังมีคนทักส่วนตัวมาให้คำปรึกษาอย่างหวังดี แต่เราก็เห็นช้าเกินไป เลยไม่ได้พูดคุยกัน)
จขกท.เคยเล่นโทรศัพท์ของพี่เขย นั่นเลยทำให้เราได้รู้อะไรน่ากลัว ๆ อยู่ 2 อย่าง หนึ่งคือเราเห็นประวัติการค้นหาในโครมของพี่เขยเกี่ยวกับ *น้องเมีย* สองคือเราเข้าไปดูอัลบั้ม เราเห็นรูปหน้าอกของผู้หญิงที่มีเสื้อเลิกขึ้นเหนือหน้าอก ซึ่งเสื้อตัวนั้นเราคุ้นมาก ๆ เพราะมันคือเสื้อยืดแบบเดียวกันกับที่เรามี ทันทีที่เห็นเราก็คิดว่ารูปถ่ายหน้าอกที่เห็นคือรูปที่พี่เขยแอบถ่ายเรา
ตอนอยู่ด้วยกัน 2 คน พี่เขยมักจะถามเราว่าให้ขัดหลังให้ไหม (ประมาณว่าจะอาบน้ำให้) ไม่ก็ถามเราว่าอยากให้นวดให้ไหม ซึ่งเราเคยหลวมตัวให้พี่เคยนวดอยู่ 2-3 ครั้ง และใช่ค่ะ เราถูกลวนลาม เขาแกล้งทำเป็นนวดแต่ก็ใช้นิ้วแอบสัมผัสเนินอกเรา หนักสุดคือใช้ทั้งมือลากผ่านกลางอก มีครั้งหนึ่งเราอยากดูซีรีส์เกาหลีที่เห็นผ่านโฆษณามาก ๆ เลยขอใช้คอมพี่เขยดู พี่เขยก็มานั่งดูซีรีส์กับเรา ตอนที่ 1-3 ของซีรีส์ มันมีซีนนึงที่ทำให้เราโคตรอึดอัด พี่เขยของนางเอกบอกรักนางเอกค่ะ เป็นจังหวะนรกที่กลับไปนึกกี่ทีก็ทำให้ดูซีรีส์เรื่องนั้นไม่ลง พอซีนพี่เขยสารภาพรักกับน้องภรรยาผ่านไป พี่เขยก็พูดกับเราว่า "ใช่ มันห้ามใจไม่ได้" เราเลิกดูทันทีเลยค่ะ
และเรื่องมันเริ่มร้ายแรงขึ้นเมื่อเราอายุ 15 ปี ช่วงนั้นเรามีรักในวัยเรียนค่ะ (ไม่ได้มีแฟน แค่ฟีลแอบชอบ) เรามารู้ทีหลังว่าเพื่อนสนิทเราเองก็ชอบผชคนเดียวกันกับเรา ก็แนว ๆ รักสามเศร้าอะไรเทือกนั้น แต่มันทำให้เราซึ้งเพราะเพื่อนเลือกที่จะหลีกทางให้เรามาตลอด วันนั้นเราเลยร้องไห้ในห้องแล้วพี่เขยก็เข้ามาเห็นพอดี เขาดูไม่พอใจสุด ๆ จขกท.เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพี่เขยถึงรู้เรื่องที่เราชอบผชในรร. (อะแฮ่ม ขอชี้แจงเพิ่มเติมนะคะ เราไม่ได้คบกับผชที่ชอบคร่ะ แห้ว)
และด้วยวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ เราในวัย 15 ปี ก็เริ่มกลับบ้านช้าทั้ง ๆ ที่เลิกเรียนไว สาเหตุส่วนใหญ่คือเราติดเพื่อน และไม่สบายใจที่จะอยู่บ้าน เพราะแบบนี้จขกท.กับพี่สาวเลยทะเลาะกันบ่อยมาก ๆ
เราเริ่มไม่อยากแสร้งทำเป็นสนิทกับพี่เขยเหมือนที่เคยทำ ความสัมพันธ์ในครอบครัวเลยยิ่งแตกหักค่ะ ถ้าบรรยากาศสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า คงเห็นเป็นสีทึบ ๆ แผ่อบอวลไปทั่วห้องแล้ว
ท้ายที่สุด เรื่องมันก็มาถึงจุด Climax เรื่องมันเกิดขึ้นในวันลอยกระทง เราอยากไปลอยกระทงกับเพื่อนมาก ๆ ไปกันแค่สองคน (เพื่อนผญ) เลยตัดสินใจส่งข้อความถึงพี่เขยเพื่อขออนุญาต พี่เขยไม่อ่าน หลังเลิกเรียนเราเลยต้องกลับบ้านไปเพื่อเอ่ยปากขอ แน่นอนว่าพี่เขยรีบตอบปฏิเสธทันที จขกท.เป็นเด็กวัยรุ่นแล้ว ด้วยวัยต่อต้านเราเลือกที่จะแอบไปช่วงใกล้ 1 ทุ่ม ซึ่งเวลานั้นพี่เขยกำลังงีบค่ะ ส่วนพี่สาวและลูกชายแกจะกลับบ้านประมาณ 1 ทุ่มกว่า ๆ
เราก็ไปลอยกระทงกับเพื่อนแบบมีความสุขดี กินข้าวด้วยกัน ถ่ายรูปเล็ก ๆ น้อย ๆ พอถึงเวลาต้องกลับบ้าน เราโคตรจะท้อเลยค่ะ เพราะรู้แน่ ๆ ว่าการต่อต้านของตัวเองในวันนั้นจะทำให้เกิดเรื่องอะไรบ้าง จขกท.เดินทางกลับด้วยรถเมล์ ด้วยความเป็นกรุงเทพ กอปรกับเป็นวันเทศกาล รถก็ยิ่งติดค่ะ เราเริ่มขึ้นรถเมล์ตอนประมาณ 2 ทุ่มกว่า ๆ แต่กลับถึงบ้าน 4-5 ทุ่มได้
ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไป เราก็เห็นพี่สาว พี่เขย นั่งรออยู่ในห้อง ส่วนหลานของเราหลับไปแล้วค่ะ พี่สาวก็ถามเราว่าไปทำอะไรมา จขกท.ก็ตอบตามความเป็นจริงว่าไปลอยกระทงกับเพื่อน แน่นอนค่ะว่าพี่เราโมโห อีกทั้งก่อนหน้าความสัมพันธ์ของเรากับพี่สาวก็ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว พี่บอกเราว่ายังไงก็จะพาไปลอยกระทงด้วยอยู่แล้ว แกอยากให้เราร่วมกิจกรรมครอบครัวด้วยอะค่ะ ในสายตาแกช่วงเวลานั้นเราคงดูติดเพื่อนมาก สุดท้ายเราก็โดนลงโทษ พี่เขยถือเข็มขัดมาฟาดขาและก้นเราแรง ๆ จนเป็นรอย เราทนเจ็บไม่เก่งค่ะ เลยบอกพี่ไปว่าที่ไม่อยากไปลอยกระทงกับพวกพี่ด้วย ก็เพราะไม่อยากอยู่กับพี่เขย
เราจำได้แบบชัดเจนมาก ๆ ว่า ณ เวลานั้น ฝ่ามือเราทั้งสั่นและชา แทบไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ เรากลั้นใจเล่าทุกอย่างที่เจอไปให้พี่สาวรับรู้ พี่เราช็อกมาก ทั้งร้องไห้และเสียใจที่ตัวเองไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องนี้มาก่อน เราเองก็เล่าไปร้องไห้ไป
พี่สาวเราเค้นถามสามีว่า "แอบถ่ายจริงเหรอ ลวนลามน้องจริงเหรอ"
แล้วคำตอบของพี่เขยก็คือ แกแคปหน้าจอหนังโป๊ที่ดูต่างหาก มันเหมือนเสื้อที่เราใส่ดีเลยแคปไว้ ไม่ได้แอบถ่าย ส่วนเรื่องลวนลาม แกไม่รู้ตัวเลย...พี่เขยก็แก้ต่างว่าตัวเองน่าจะละเมอ
เราในตอนนั้นไม่ได้แย้งอะไรไปสักคำ เพราะช็อกอยู่ อีกทั้งนี่คือการกลั้นใจเล่าของเรา จขกท.เป็นแค่เด็กอายุ 15 ปีอะค่ะ จะรวบรวมความกล้าได้แค่ไหนกันเชียว เราไม่ได้ตอบอะไรไป ยังคงยืนร้องไห้อยู่จนพี่สาวเรียกเราให้มากอด
พี่สาวของเราไม่ได้เชื่อคำพูดของพี่เขยในทันที ก็ประมาณครึ่ง ๆ กลาง ๆ
วันต่อมาพี่สาวและสามีน่าจะคุย ๆ กัน และได้ผลสรุปออกมาว่าพี่เขยคงละเมอจริง เพราะตอนพี่สาวนอนข้างสามี แกก็มีพฤติกรรมแบบนั้น พี่เขยพูดขึ้นมาว่า อาจจะเพราะแบบนี้รึเปล่า น้องสาวแท้ ๆ ที่บ้านของแกเลยไม่สะดวกใจจะนอนห้องเดียวกัน (รับบทคนน่าสงสาร เสแสร้งแกล้งทำ อะไรประมาณนี้)
ซึ่งเรามั่นใจอย่างแน่นอนว่าถ้าหากเราเลือกที่จะโตแย้งให้พี่สาวรับรู้ว่าพี่เขยลุกจากเตียงมาทรุดนอนข้างหลังเรา ก่อเรื่องขณะนอนบนพื้น ซึ่งที่ของแกคือเตียง คนเรามันจะละเมอลุกขึ้นจากเตียง ก้าวอีก 4-5 ก้าว และทรุดตัวนอนข้างหลังเราได้แบบพอดิบพอดีหรอ อีกทั้งพอเราแกล้งทำจะเป็นตื่น ทุกครั้งเราก็เห็นมาตลอดว่าพี่เขยลืมตาอยู่ แกตื่นอยู่เสมอ ถ้าเราเล่าทั้งหมดนี้ต่อ เราเชื่อจริง ๆ ค่ะ ว่าพี่สาวจะเชื่อคำพูดเรา
แต่จขกท.ก็ไม่ได้เล่าอะไรไป ที่ผ่านมานอกจากความกลัวที่จะพูด เราเองก็กลัวมาตลอดว่าถ้าพูดออกไป ครอบครัวของพี่สาวจะเป็นยังไง หลานชายของเราจะรู้สึกยังไง คำพูดของเราจะทำให้ครอบครัวพี่สาวที่มีความสุขกันดีแตกหักหรือเปล่า นี่คือความกลัวตลอดหลายปีของเรา พอเรื่องมันจบที่ว่าพี่เขยละเมอ เราเลยเลือกที่จะไม่โต้แย้งอะไรออกไปอีก
หลังจากนั้นเรากับพี่เขยก็ไม่ได้กลับมาสนิทกัน บรรยากาศในบ้านก็มีความสุขกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง โดยปัญหาคือตัวเราเองเป็นส่วนใหญ่ ช่วงวัยรุ่นเราทำตัวไม่ดีอะค่ะ เป็นเด็กมีปัญหา กระทั่งอาศัยอยู่กับครอบครัวพี่สาวอีก 2 ปีหลังเปิดใจเล่าเรื่องในวันลอยกระทง เราก็ตัดสินใจย้ายหลับมาอยู่กับแม่ที่ชนบท เพราะ ณ ตอนนั้น พี่ชายที่เคยทำเรื่องไม่ดีกับเราไว้แกเสียชีวิตแล้ว หลังจากนั้นเป็นต้นมา เราก็ไม่เคยติดต่อพี่เขยอีกเลย กับพี่สาวก็คุยกันเป็นระยะ ๆ พอเราเริ่มทำงานก็ได้คุยกับพี่สาวผ่านช่องทางออนไลน์กันบ่อยขึ้น
สุดท้ายนี้ เราแค่อยากรู้ความเห็นของคนนอก ว่าการตัดสินใจเลือกที่จะไม่โต้แย้งให้พี่สาวรับรู้เรื่องจริงของเราในวันนั้น เป็นการตัดสินใจที่ดีแล้วไหมคะ
การตัดสินใจของเราถือว่าดีแล้วไหมคะ
ในวัยเด็กช่วงที่จขกท.อายุประมาณ 11-12 ขวบ แม่ได้ส่งให้เรามาอยู่กับพี่สาวในกรุงเทพ ซึ่งก่อนหน้านั้นตัวจขกท.และแม่อยู่ชนบทค่ะ พี่สาวคนโตของเรามีสามีและลูกชายแล้ว เราเองก็คุ้นหน้าคุ้นตาพวกเขาดีเลยปรับตัวเข้าหาได้ง่ายกว่าปกติ
พี่เขยทำงานเป็นเหมือนผู้ดูแลแฟลต หน้าที่คล้ายรปภ. แต่ทำทุกอย่างสารพัดตามเจ้านายสั่ง ซึ่งอาชีพของพี่เขยก็นับว่าเป็นการทำงานที่บ้าน เพราะห้องเช่าที่อาศัยอยู่ก็เป็นสถานที่ที่ทำงานของพี่เขยค่ะ เพราะอย่างนั้นเราถึงได้อยู่กับพี่เขยบ่อย ต่างกับพี่สาวที่ไปทำงานข้างนอก
จขกท.กับพี่เขยสนิทกันมากเลยค่ะ อารมณ์เหมือนพี่น้อง คุยกันได้หลายเรื่อง เราเลยค่อนข้างเปิดใจให้สามีของพี่สาว เพราะปกติแล้วเราค่อนข้างกลัวผู้ชายที่ตัวสูง ๆ มีอายุแล้ว (วัยเด็กของเราช่วงประถมต้นเราเคยถูกพี่ชายแท้ ๆ ล่วงละเมิดทางเพศอยู่หลายครั้ง ต่อมาก็ถูกเพื่อนของพี่ชายลวนลาม พี่ชายของเราเป็นคนมีปัญหาค่ะ ทั้งติดเหล้าติดยา ทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ส่งจขกท.มาอยู่กับพี่สาวที่กรุงเทพ)
เรื่องที่เราถูกพี่ชายและเพื่อนของพี่ชายลวนลาม เราไม่เคยบอกคนในครอบครัวสักครั้งค่ะ จขกท. ณ เวลานั้นก็เป็นแค่เด็กอายุไม่ถึงสิบขวบ เลยไม่รู้ว่าต้องทำอะไร เลือกที่จะเก็บเงียบไว้
และแล้วฝันร้ายของเรามันก็เริ่มขึ้นเมื่อเราอยู่ร่วมกับครอบครัวพี่สาวได้ประมาณ 1 ปี เราจำได้ลาง ๆ ว่าเช้าวันเสาร์ ที่ซึ่งเป็นวันหยุดของเด็กนักเรียน เวลาประมาณ 08:00 น. - 10:00 น. ช่วงเวลานี้พี่สาวของเราต้องไปทำงาน นางก็จะหอบลูกชายเพียงคนเดียวไปที่ทำงานด้วย (พี่สาวเราทำงาน 6 วัน/สัปดาห์ค่ะ) ภายในห้องเช่าเลยมีแค่เรากับพี่เขย แล้ววันที่เกิดเรื่อง เรากำลังนอนอยู่ค่ะ ถ้าเป็นวันหยุดเราจะปล่อยตัวเพราะขี้เกียจตื่นเช้า ทีนี้เราก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรมาสัมผัสหน้าอกเรา จขกท.ตื่นแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมา เลือกที่จะแกล้งหลับต่อเพื่อดูสถานการณ์ แล้วมันก็เป็นแบบที่เรากังวลจริง ๆ พี่เขยทรุดตัวนอนตะแคงข้าง หันหน้าเข้าหาเรา และใช้นิ้วมือลูบหน้าอกผ่านเสื้อค่ะ ทีนี้เราเลยทำเป็นใกล้จะตื่น เขาก็รีบหยุดมือทันที
(ห้องเช่าของครอบครัวพี่สาวเป็นห้องเดี่ยวค่ะ ทุกคนต้องนอนรวมกันในห้องนี้ มีเตียงเดียว ซึ่งเตียงนั้นก็กลายเป็นเตียงของพี่เขย ส่วนพี่สาวและลูกชาย รวมถึงตัวเราเลือกที่จะปูฟูกนอนอยู่ข้างเตียง)
เพราะอย่างนั้นการที่พี่เขยนอนบนพื้นใกล้ฟูกเรามันเลยเป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก ๆ จขกท.เลยมั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่น่าจะใช่การมโนไปเอง
เราไม่กล้าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ไม่ว่าจะเป็นแม่หรือพี่สาว และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ทุก ๆ วันหยุด หากเราตื่นสาย เราก็จะพบเจอเหตุการณ์ประมาณนี้ค่ะ หนักสุดคือเคยถูกล้วงหน้าอกและอวัยวะเพศ ซึ่งทุกสถานการณ์เราแกล้งหลับอยู่ สุดท้ายจขกท.ก็ต้องทำทรงเหมือนจะตื่นให้พี่เขยหยุดมือ
ตัวเราไม่กล้าทำตัวกระโตกกระตากให้พี่เขยจับสังเกตได้ เลยเลือกที่จะพูดคุยกับเขาแบบสนิทใจกันเหมือนเดิม ทำเหมือนว่าเราไม่รู้เรื่องอะไร และเป็นเวลาประมาณ 2-4 ปีที่เราถูกกระทำอยู่แบบนั้น เราอยากจะบอกใครสักคนถึงเรื่องที่เราต้องพบเจอ แต่ก็กลัวผลที่จะตามมา จขกท.ในวัย 13-14 ปี เลยตัดสินใจตั้งกระทู้เล่าเรื่องลงพันทิป
และสิ่งที่ได้มา คือมีคอมเมนต์มากมายหาว่าเราอ่อยพี่เขย แต่งนิยาย ให้ท่าพี่เขย มีส่วนน้อยมาก ๆ ที่จะเชื่อเรา จขกท.อาจผิดที่ใช้สำนวนเล่าเรื่องได้ไม่ดีพอให้คนเข้าใจ เพราะ ณ ตอนนั้นเราก็ยังเป็นแค่เด็กมัธยมต้น ด้วยเหตุนี้เราเลยยิ่งไม่กล้าเอาเรื่องที่ตัวเองเจอไปเล่าให้ใครฟังเลย เพราะกลัวจะถูกเข้าใจว่าเราไปให้ท่าพี่เขย (ภายหลังมีคนทักส่วนตัวมาให้คำปรึกษาอย่างหวังดี แต่เราก็เห็นช้าเกินไป เลยไม่ได้พูดคุยกัน)
จขกท.เคยเล่นโทรศัพท์ของพี่เขย นั่นเลยทำให้เราได้รู้อะไรน่ากลัว ๆ อยู่ 2 อย่าง หนึ่งคือเราเห็นประวัติการค้นหาในโครมของพี่เขยเกี่ยวกับ *น้องเมีย* สองคือเราเข้าไปดูอัลบั้ม เราเห็นรูปหน้าอกของผู้หญิงที่มีเสื้อเลิกขึ้นเหนือหน้าอก ซึ่งเสื้อตัวนั้นเราคุ้นมาก ๆ เพราะมันคือเสื้อยืดแบบเดียวกันกับที่เรามี ทันทีที่เห็นเราก็คิดว่ารูปถ่ายหน้าอกที่เห็นคือรูปที่พี่เขยแอบถ่ายเรา
ตอนอยู่ด้วยกัน 2 คน พี่เขยมักจะถามเราว่าให้ขัดหลังให้ไหม (ประมาณว่าจะอาบน้ำให้) ไม่ก็ถามเราว่าอยากให้นวดให้ไหม ซึ่งเราเคยหลวมตัวให้พี่เคยนวดอยู่ 2-3 ครั้ง และใช่ค่ะ เราถูกลวนลาม เขาแกล้งทำเป็นนวดแต่ก็ใช้นิ้วแอบสัมผัสเนินอกเรา หนักสุดคือใช้ทั้งมือลากผ่านกลางอก มีครั้งหนึ่งเราอยากดูซีรีส์เกาหลีที่เห็นผ่านโฆษณามาก ๆ เลยขอใช้คอมพี่เขยดู พี่เขยก็มานั่งดูซีรีส์กับเรา ตอนที่ 1-3 ของซีรีส์ มันมีซีนนึงที่ทำให้เราโคตรอึดอัด พี่เขยของนางเอกบอกรักนางเอกค่ะ เป็นจังหวะนรกที่กลับไปนึกกี่ทีก็ทำให้ดูซีรีส์เรื่องนั้นไม่ลง พอซีนพี่เขยสารภาพรักกับน้องภรรยาผ่านไป พี่เขยก็พูดกับเราว่า "ใช่ มันห้ามใจไม่ได้" เราเลิกดูทันทีเลยค่ะ
และเรื่องมันเริ่มร้ายแรงขึ้นเมื่อเราอายุ 15 ปี ช่วงนั้นเรามีรักในวัยเรียนค่ะ (ไม่ได้มีแฟน แค่ฟีลแอบชอบ) เรามารู้ทีหลังว่าเพื่อนสนิทเราเองก็ชอบผชคนเดียวกันกับเรา ก็แนว ๆ รักสามเศร้าอะไรเทือกนั้น แต่มันทำให้เราซึ้งเพราะเพื่อนเลือกที่จะหลีกทางให้เรามาตลอด วันนั้นเราเลยร้องไห้ในห้องแล้วพี่เขยก็เข้ามาเห็นพอดี เขาดูไม่พอใจสุด ๆ จขกท.เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพี่เขยถึงรู้เรื่องที่เราชอบผชในรร. (อะแฮ่ม ขอชี้แจงเพิ่มเติมนะคะ เราไม่ได้คบกับผชที่ชอบคร่ะ แห้ว)
และด้วยวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ เราในวัย 15 ปี ก็เริ่มกลับบ้านช้าทั้ง ๆ ที่เลิกเรียนไว สาเหตุส่วนใหญ่คือเราติดเพื่อน และไม่สบายใจที่จะอยู่บ้าน เพราะแบบนี้จขกท.กับพี่สาวเลยทะเลาะกันบ่อยมาก ๆ
เราเริ่มไม่อยากแสร้งทำเป็นสนิทกับพี่เขยเหมือนที่เคยทำ ความสัมพันธ์ในครอบครัวเลยยิ่งแตกหักค่ะ ถ้าบรรยากาศสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า คงเห็นเป็นสีทึบ ๆ แผ่อบอวลไปทั่วห้องแล้ว
ท้ายที่สุด เรื่องมันก็มาถึงจุด Climax เรื่องมันเกิดขึ้นในวันลอยกระทง เราอยากไปลอยกระทงกับเพื่อนมาก ๆ ไปกันแค่สองคน (เพื่อนผญ) เลยตัดสินใจส่งข้อความถึงพี่เขยเพื่อขออนุญาต พี่เขยไม่อ่าน หลังเลิกเรียนเราเลยต้องกลับบ้านไปเพื่อเอ่ยปากขอ แน่นอนว่าพี่เขยรีบตอบปฏิเสธทันที จขกท.เป็นเด็กวัยรุ่นแล้ว ด้วยวัยต่อต้านเราเลือกที่จะแอบไปช่วงใกล้ 1 ทุ่ม ซึ่งเวลานั้นพี่เขยกำลังงีบค่ะ ส่วนพี่สาวและลูกชายแกจะกลับบ้านประมาณ 1 ทุ่มกว่า ๆ
เราก็ไปลอยกระทงกับเพื่อนแบบมีความสุขดี กินข้าวด้วยกัน ถ่ายรูปเล็ก ๆ น้อย ๆ พอถึงเวลาต้องกลับบ้าน เราโคตรจะท้อเลยค่ะ เพราะรู้แน่ ๆ ว่าการต่อต้านของตัวเองในวันนั้นจะทำให้เกิดเรื่องอะไรบ้าง จขกท.เดินทางกลับด้วยรถเมล์ ด้วยความเป็นกรุงเทพ กอปรกับเป็นวันเทศกาล รถก็ยิ่งติดค่ะ เราเริ่มขึ้นรถเมล์ตอนประมาณ 2 ทุ่มกว่า ๆ แต่กลับถึงบ้าน 4-5 ทุ่มได้
ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไป เราก็เห็นพี่สาว พี่เขย นั่งรออยู่ในห้อง ส่วนหลานของเราหลับไปแล้วค่ะ พี่สาวก็ถามเราว่าไปทำอะไรมา จขกท.ก็ตอบตามความเป็นจริงว่าไปลอยกระทงกับเพื่อน แน่นอนค่ะว่าพี่เราโมโห อีกทั้งก่อนหน้าความสัมพันธ์ของเรากับพี่สาวก็ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว พี่บอกเราว่ายังไงก็จะพาไปลอยกระทงด้วยอยู่แล้ว แกอยากให้เราร่วมกิจกรรมครอบครัวด้วยอะค่ะ ในสายตาแกช่วงเวลานั้นเราคงดูติดเพื่อนมาก สุดท้ายเราก็โดนลงโทษ พี่เขยถือเข็มขัดมาฟาดขาและก้นเราแรง ๆ จนเป็นรอย เราทนเจ็บไม่เก่งค่ะ เลยบอกพี่ไปว่าที่ไม่อยากไปลอยกระทงกับพวกพี่ด้วย ก็เพราะไม่อยากอยู่กับพี่เขย
เราจำได้แบบชัดเจนมาก ๆ ว่า ณ เวลานั้น ฝ่ามือเราทั้งสั่นและชา แทบไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ เรากลั้นใจเล่าทุกอย่างที่เจอไปให้พี่สาวรับรู้ พี่เราช็อกมาก ทั้งร้องไห้และเสียใจที่ตัวเองไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องนี้มาก่อน เราเองก็เล่าไปร้องไห้ไป
พี่สาวเราเค้นถามสามีว่า "แอบถ่ายจริงเหรอ ลวนลามน้องจริงเหรอ"
แล้วคำตอบของพี่เขยก็คือ แกแคปหน้าจอหนังโป๊ที่ดูต่างหาก มันเหมือนเสื้อที่เราใส่ดีเลยแคปไว้ ไม่ได้แอบถ่าย ส่วนเรื่องลวนลาม แกไม่รู้ตัวเลย...พี่เขยก็แก้ต่างว่าตัวเองน่าจะละเมอ
เราในตอนนั้นไม่ได้แย้งอะไรไปสักคำ เพราะช็อกอยู่ อีกทั้งนี่คือการกลั้นใจเล่าของเรา จขกท.เป็นแค่เด็กอายุ 15 ปีอะค่ะ จะรวบรวมความกล้าได้แค่ไหนกันเชียว เราไม่ได้ตอบอะไรไป ยังคงยืนร้องไห้อยู่จนพี่สาวเรียกเราให้มากอด
พี่สาวของเราไม่ได้เชื่อคำพูดของพี่เขยในทันที ก็ประมาณครึ่ง ๆ กลาง ๆ
วันต่อมาพี่สาวและสามีน่าจะคุย ๆ กัน และได้ผลสรุปออกมาว่าพี่เขยคงละเมอจริง เพราะตอนพี่สาวนอนข้างสามี แกก็มีพฤติกรรมแบบนั้น พี่เขยพูดขึ้นมาว่า อาจจะเพราะแบบนี้รึเปล่า น้องสาวแท้ ๆ ที่บ้านของแกเลยไม่สะดวกใจจะนอนห้องเดียวกัน (รับบทคนน่าสงสาร เสแสร้งแกล้งทำ อะไรประมาณนี้)
ซึ่งเรามั่นใจอย่างแน่นอนว่าถ้าหากเราเลือกที่จะโตแย้งให้พี่สาวรับรู้ว่าพี่เขยลุกจากเตียงมาทรุดนอนข้างหลังเรา ก่อเรื่องขณะนอนบนพื้น ซึ่งที่ของแกคือเตียง คนเรามันจะละเมอลุกขึ้นจากเตียง ก้าวอีก 4-5 ก้าว และทรุดตัวนอนข้างหลังเราได้แบบพอดิบพอดีหรอ อีกทั้งพอเราแกล้งทำจะเป็นตื่น ทุกครั้งเราก็เห็นมาตลอดว่าพี่เขยลืมตาอยู่ แกตื่นอยู่เสมอ ถ้าเราเล่าทั้งหมดนี้ต่อ เราเชื่อจริง ๆ ค่ะ ว่าพี่สาวจะเชื่อคำพูดเรา
แต่จขกท.ก็ไม่ได้เล่าอะไรไป ที่ผ่านมานอกจากความกลัวที่จะพูด เราเองก็กลัวมาตลอดว่าถ้าพูดออกไป ครอบครัวของพี่สาวจะเป็นยังไง หลานชายของเราจะรู้สึกยังไง คำพูดของเราจะทำให้ครอบครัวพี่สาวที่มีความสุขกันดีแตกหักหรือเปล่า นี่คือความกลัวตลอดหลายปีของเรา พอเรื่องมันจบที่ว่าพี่เขยละเมอ เราเลยเลือกที่จะไม่โต้แย้งอะไรออกไปอีก
หลังจากนั้นเรากับพี่เขยก็ไม่ได้กลับมาสนิทกัน บรรยากาศในบ้านก็มีความสุขกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง โดยปัญหาคือตัวเราเองเป็นส่วนใหญ่ ช่วงวัยรุ่นเราทำตัวไม่ดีอะค่ะ เป็นเด็กมีปัญหา กระทั่งอาศัยอยู่กับครอบครัวพี่สาวอีก 2 ปีหลังเปิดใจเล่าเรื่องในวันลอยกระทง เราก็ตัดสินใจย้ายหลับมาอยู่กับแม่ที่ชนบท เพราะ ณ ตอนนั้น พี่ชายที่เคยทำเรื่องไม่ดีกับเราไว้แกเสียชีวิตแล้ว หลังจากนั้นเป็นต้นมา เราก็ไม่เคยติดต่อพี่เขยอีกเลย กับพี่สาวก็คุยกันเป็นระยะ ๆ พอเราเริ่มทำงานก็ได้คุยกับพี่สาวผ่านช่องทางออนไลน์กันบ่อยขึ้น
สุดท้ายนี้ เราแค่อยากรู้ความเห็นของคนนอก ว่าการตัดสินใจเลือกที่จะไม่โต้แย้งให้พี่สาวรับรู้เรื่องจริงของเราในวันนั้น เป็นการตัดสินใจที่ดีแล้วไหมคะ