เปิดโครงสร้าง "ราคาน้ำมัน" ในประเทศไทยทุก 1 ลิตร แยกตามส่วนประกอบต้นทุน

เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.thansettakij.com/sustainable/energy/595848#google_vignette

ติดตามข่าวสารน่าสนใจมากมายได้ที่ 
https://www.thansettakij.com

เปิดโครงสร้าง "ราคาน้ำมัน" ในประเทศไทยทุก 1 ลิตร แยกตามส่วนประกอบต้นทุน เช็คเลยที่นี่มีคำตอบ ฐานเศรษฐกิจรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ให้แล้ว หลังพีระพันธุ์ สารีรัฐวิภาค เตรียมดึงอำนาจภาษีคืนจากกระทรวงการคลัง

โครงสร้างราคาน้ำมันในประเทศไทยประกอบด้วยอะไรบ้าง กำลังเป็นคำถามที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่นายพีระพันธุ์ สารีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประกาศว่า จะมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อนำอำนาจในการเก็บเพดานภาษีมาอยู่ที่กระทรวงพลังงาน 
โดยนายพีระพันธุ์ ระบุว่า การออกกฎหมายเมื่อปี 2562 ไปตัดอำนาจกำหนดเพดานภาษีของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ออกเหลือแต่การเงินอย่างเดียว ดังนั้นตัวเลขของกองทุนน้ำมันฯ ที่เป็นหนี้จำนวนมากหรือติดลบตั้งแต่ปี 2562
จากเดิมที่ก่อนปี 2562 ใช้คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2547 มาโดยตลอด ซึ่งในคำสั่งนี้ให้อำนาจกองทุนน้ำมันฯ ดูแลตรึงราคาหรือรักษาระดับราคาน้ำมัน คือทำได้ 2 ขา 
 
ขาหนึ่งคือ ใช้เงินในกองทุนน้ำมันฯ ส่วนอีกขาหนึ่งให้อำนาจในการกำหนดกำหนดเพดานภาษี ซึ่งกองทุนน้ำมันฯ มีอำนาจกำหนดเพดานภาษี
แต่ไม่มีอำนาจในการเก็บภาษี ดังนั้นก็สามารถใช้ 2 ขานี้ในการตรึงราคาหรือช่วยดูแลประชาชนได้นอกจากใช้เงินอย่างเดียว โดยใช้เพดานภาษีมาเป็นตัวควบคุมได้ด้วย 
เมื่อกระทรวงพลังงานกำหนดเพดานภาษี แต่คนเก็บคือกระทรวงการคลัง

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของ "ฐานเศรษฐกิจ" เกี่ยวกับโครงสร้างราคาน้ำมันในประเทศไทย พบว่า 
จากข้อมูลของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน พบว่า ในน้ำมันทุก 1 ลิตรนั้น จะประกอบด้วย 
ต้นทุนเนื้อน้ำมัน ( 40 –60%) คือ ต้นทุนราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงกลั่น ซึ่งอ้างอิงราคาตามตลาดกลางภูมิภาคเอเชีย
 
ภาษีต่างๆ ( 30 –40%) ได้แก่ ภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล และภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อนำมาใช้เป็นงบประมาณในการพัฒนาประเทศ และบำรุงท้องถิ่น โดยภาษีที่จัดเก็บ ได้แก่
 
ภาษีสรรพสามิต : จัดเก็บโดยกระทรวงการคลัง ตาม พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต นำมาใช้เพื่อพัฒนาประเทศ 
 
ภาษีเทศบาล : จัดเก็บโดยกระทรวงการคลัง ในอัตรา 10% ของภาษีสรรพสามิต ตาม พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต มาตรา 150 และจัดส่งให้กระทรวงมหาดไทยเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาท้องถิ่น
ภาษีมูลค่าเพิ่ม : จัดเก็บ 7% ของราคาขายส่งน้ำมันเชื้อเพลิง และจัดเก็บอีก 7% ของค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละชนิด
กองทุนต่างๆ (5 –20%) เช่น
 
กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง : จัดเก็บตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไม่ให้เกิดความผันผวน
กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน : จัดเก็บตามประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อส่งเสริมสนับสนุนพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน
ค่าการตลาด (10 –18%) คือ ส่วนที่เป็นต้นทุน ค่าใช้จ่าย และกำไรของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันทั้งระบบ  ตั้งแต่การจัดการคลังน้ำมัน การขนส่งน้ำมันมายังสถานีบริการ รวมถึงการให้บริการของสถานีบริการที่เติมน้ำมันแต่ละลิตรให้กับประชาชน

ส่วนประกอบดังกล่าวทั้งหมดเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการปรับขึ้นและลงราคาน้ำมันภายในประเทศ  
สำหรับสถานะสถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2567) ติดลบอยู่ที่กว่า 109,156 ล้านบาท แบ่งเป็น

บัญชีน้ำมันติดลบ 61,640 ล้านบาท
บัญชี LPG ติดลบ 47,547 ล้านบาท
ด้านราคาน้ำมันขายปลีกล่าสุดทุกชนิดน้ำมัน ได้แก่
กลุ่มน้ำมันเบนซิน
เบนซิน ออกเทน 95 ลิตรละ 46.84 บาท
ซุบเปอร์เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 47.14 บาท (โออาร์)
แก๊สโซฮอล์ 97  ลิตรละ 49.84 บาท (บางจาก)
แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 38.95 บาท
แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 38.38 บาท
แก๊สโซฮอล์ E20 ลิตรละ 36.84 บาท
แก๊สโซฮอล์ E85 ลิตรละ 36.59 บาท 

กลุ่มน้ำมันดีเซล
ซุปเปอร์พาวเวอร์ดีเซล B7 ลิตรละ 42.94 บาท (โออาร์)
ดีเซล B7 ลิตรละ 31.44 บาท (โออาร์)
ดีเซล ลิตรละ 31.44 บาท (โออาร์)
ไฮพรีเมี่ยมดีเซลS ลิตรละ 45.64 บาท (บางจาก)
ไฮดีเซล S B7  ลิตรละ 31.44 บาท (บางจาก)
ไฮดีเซล S B20 ลิตรละ 31.44 บาท (บางจาก) 


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่