นักบาส NBA มีเอเยนต์ส่วนตัวช่วยปกป้องผลประโยชน์เเต่ส่วนใหญ่ทําเงินไม่มากนักในสัญญาฉบับเเรก ต้องควักเนื้อออกไปก่อนเพื่อซื้อใจเเล้วค่อยรอถอนทุนคืนในสัญญาฉบับที่ 2
เอเยนต์รายนึงเล่าให้ฟังว่า:
“ผมพูดได้เลยว่ามีราวๆ 75-90% ที่ควักกระเป๋าออกค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่นค่าอาหาร, ค่าเดินทาง, ซื้อของขวัญเพื่อจูงใจให้นักบาสเลือกใช้บริการตอนลงดราฟต์โดยเฉพาะคนที่มาจากดราฟต์รอบเเรก 28 จาก 30 คนจะได้เงินหมด
สิ่งเเรกที่ต้องทําคือดูว่าใครมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของนักบาสคนนั้นเช่นถ้าคนนี้เชื่อเเม่มาก ก็ต้องเข้าทางเเม่ ต้องเข้าหาคนที่นักกีฬาเชื่อฟังเเละซื้อใจคนพวกนั้นให้ได้ ถ้ามีหลายคนก็ลําบากหน่อย”
ปัญหาที่เอเยนต์หลายคนเจอคือการถูกขโมยลูกค้าที่เรียกว่า “poaching” ทําให้หลายคนไม่อยากให้คนของตัวเองไปงานสังสรรค์ที่มีเอเยนต์คนอื่นอยู่
“การ poaching เกิดขึ้นบ่อยโดยเฉพาะช่วงใกล้ๆ การเจรจาต่อสัญญาใหม่ของผู้เล่นคนนั้นโดยมีการล่อให้เปลี่ยนมาใช้บริการของตัวเองโดยโฆษณาว่าช่วยขอค่าเหนื่อยได้มากกว่าหรือจะลดค่านายหน้าให้”
ซุปเปอร์สตาร์บางคนอาจเเนะนําให้เพื่อนเปลี่ยนมาใช้บริการเอเยนต์ของตัวเอง สาเหตุที่ทําเเบบนั้นเพราะอยากได้รับส่วนลดค่า commission ในสัญญาของตัวเอง ยิ่งหาลูกค้าได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรวยมากขึ้น
การขโมยลูกค้าเกิดขึ้นได้ทุกเเห่งเเม้เเต่ตอนเดินอยู่ในอุโมงค์สนามก็อาจมีคนยื่นนามบัตรมาหรือมีการดักพบตามโรงเเรมหรือร้านอาหารที่นักบาสคนนั้นเเวะไป ผมเคยเสียลูกค้าไปคนนึงเพราะเขาดันไปเจอเอเยนต์คู่เเข่งในคลับเปลื้องผ้าเเล้วกินดื่มถูกคอกัน
การไล่เอเยนต์ออกมักเริ่มต้นด้วยการตีตัวออกห่างเช่นไม่ยอมรับโทรศัพท์หรือตอบ text หลังจากนั้นจะมีการส่งจดหมายลงทะเบียนจาก Fed-Ex เเจ้งให้ทราบว่าถูกไล่ออกเเล้วซึ่ง Fed-Ex เป็นบริษัทที่นักบาสนิยมใช้เวลายื่นซองขาว
หลังจากนั้นก็อาจไม่ได้ติดต่อกันอีกเเต่มีบ้างที่บางคนซมซานกลับมาหลังรู้ตัวว่าทําผิดไปเเล้วเเละคนใหม่ไม่ได้ดีอย่างที่คิด
งานเอเยนต์เป็นงานหนักต้องเดินทางราวๆ 200 วันต่อปีโดยเฉพาะช่วง summer เป็นช่วงที่ยุ่งเป็นพิเศษเพราะลูกค้าหลายคนมีคิวลงตลาด free agency เเละต้องจีบผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเป็นลูกค้าเพิ่มด้วย
“ถ้าคุณไม่ได้ทํางานให้องค์กรใหญ่เเบบ CAA โอกาสหาลูกค้าได้จะมีน้อยลงเพราะนักบาสอยากจ้างเอเยนต์ดังๆ มากกว่า” เอเยนต์อีกรายกล่าวตบท้าย
Credit: HoopsHype
🏀 เจาะลึกเบื้องหลังงานเอเยนต์ NBA
เอเยนต์รายนึงเล่าให้ฟังว่า:
“ผมพูดได้เลยว่ามีราวๆ 75-90% ที่ควักกระเป๋าออกค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่นค่าอาหาร, ค่าเดินทาง, ซื้อของขวัญเพื่อจูงใจให้นักบาสเลือกใช้บริการตอนลงดราฟต์โดยเฉพาะคนที่มาจากดราฟต์รอบเเรก 28 จาก 30 คนจะได้เงินหมด
สิ่งเเรกที่ต้องทําคือดูว่าใครมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของนักบาสคนนั้นเช่นถ้าคนนี้เชื่อเเม่มาก ก็ต้องเข้าทางเเม่ ต้องเข้าหาคนที่นักกีฬาเชื่อฟังเเละซื้อใจคนพวกนั้นให้ได้ ถ้ามีหลายคนก็ลําบากหน่อย”
ปัญหาที่เอเยนต์หลายคนเจอคือการถูกขโมยลูกค้าที่เรียกว่า “poaching” ทําให้หลายคนไม่อยากให้คนของตัวเองไปงานสังสรรค์ที่มีเอเยนต์คนอื่นอยู่
“การ poaching เกิดขึ้นบ่อยโดยเฉพาะช่วงใกล้ๆ การเจรจาต่อสัญญาใหม่ของผู้เล่นคนนั้นโดยมีการล่อให้เปลี่ยนมาใช้บริการของตัวเองโดยโฆษณาว่าช่วยขอค่าเหนื่อยได้มากกว่าหรือจะลดค่านายหน้าให้”
ซุปเปอร์สตาร์บางคนอาจเเนะนําให้เพื่อนเปลี่ยนมาใช้บริการเอเยนต์ของตัวเอง สาเหตุที่ทําเเบบนั้นเพราะอยากได้รับส่วนลดค่า commission ในสัญญาของตัวเอง ยิ่งหาลูกค้าได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรวยมากขึ้น
การขโมยลูกค้าเกิดขึ้นได้ทุกเเห่งเเม้เเต่ตอนเดินอยู่ในอุโมงค์สนามก็อาจมีคนยื่นนามบัตรมาหรือมีการดักพบตามโรงเเรมหรือร้านอาหารที่นักบาสคนนั้นเเวะไป ผมเคยเสียลูกค้าไปคนนึงเพราะเขาดันไปเจอเอเยนต์คู่เเข่งในคลับเปลื้องผ้าเเล้วกินดื่มถูกคอกัน
การไล่เอเยนต์ออกมักเริ่มต้นด้วยการตีตัวออกห่างเช่นไม่ยอมรับโทรศัพท์หรือตอบ text หลังจากนั้นจะมีการส่งจดหมายลงทะเบียนจาก Fed-Ex เเจ้งให้ทราบว่าถูกไล่ออกเเล้วซึ่ง Fed-Ex เป็นบริษัทที่นักบาสนิยมใช้เวลายื่นซองขาว
หลังจากนั้นก็อาจไม่ได้ติดต่อกันอีกเเต่มีบ้างที่บางคนซมซานกลับมาหลังรู้ตัวว่าทําผิดไปเเล้วเเละคนใหม่ไม่ได้ดีอย่างที่คิด
งานเอเยนต์เป็นงานหนักต้องเดินทางราวๆ 200 วันต่อปีโดยเฉพาะช่วง summer เป็นช่วงที่ยุ่งเป็นพิเศษเพราะลูกค้าหลายคนมีคิวลงตลาด free agency เเละต้องจีบผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเป็นลูกค้าเพิ่มด้วย
“ถ้าคุณไม่ได้ทํางานให้องค์กรใหญ่เเบบ CAA โอกาสหาลูกค้าได้จะมีน้อยลงเพราะนักบาสอยากจ้างเอเยนต์ดังๆ มากกว่า” เอเยนต์อีกรายกล่าวตบท้าย
Credit: HoopsHype