The English Patient.. สปอยล์และตีความ

The English Patient ภาพยนตร์และนวนิยาย ระดับขึ้นหิ้ง มีให้ชมใน Netflix
ภาพยนตร์ทำเงิน ถ้าเปรียบกับอาหาร ก็เหมือนส้มตำ ทานปุ๊บ รู้รสปั๊บ 
แต่ The English Patient  ถ้าเปรียบกับอาหารก็เหมือน โอมากาเสะ  ที่ประกอบขึ้นมาด้วย
กรรมวิธีพิถีพิถัน ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจรสเล็กๆน้อยๆที่หลอมรวมกันอยู่
มาดูกันค่ะ ว่า เราจะเข้าถึงกลไกศิลปะของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างไร 

1. ชื่อเรื่อง English Patient  (คนไข้ชาวอังกฤษ) เราจะเห็นนัยของการป่วย สัญชาติ และความคลุมเครือ
อยู่ในชื่อ ตัวละครเอก ซึ่งรูปหล่อ กิเลสเยอะ ภายในร่างกายที่ดูเงียบขรึม 
เขาไม่ได้เพียงป่วยทางกายจากสงคราม จนใบหน้าเกิดบาดแผลปกปิดไม่เห็นคนเดิม
แต่เขายังป่วยใจ เพราะมีอดีตก่อนการบาดเจ็บที่ต้องแกะรอยจากความทรงจำ
ประเด็นนี้ ทำให้น่าติดตาม เขาคือใคร เรื่องราวในอดีตของเขาน่าตื่นใจแค่ไหน

เปิดเรื่องด้วยการพบผู้ชายที่บาดเจ็บ จนใบหน้าบิดเบือน ระบุไม่ได้ว่าเป็นใคร
เมื่อถูกถามโดยเจ้าหน้าที่ เขาก็จำตัวเองไม้ได้ และนั่นคือ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ซึ่งคำว่า ฝ่ายใด เป็นคนชาติใด เป็นสาระสำคัญของยุคนั้น 

สุดท้าย เขาถูกเรียกในค่ายว่า ผู้ป่วยชาวอังกฤษ ด้วยความทรงจำที่ปะติดปะต่อได้บางส่วน
แต่อย่าลืมว่า เขาอาจจงใจโกหกว่าเขาเป็นชาวอังกฤษก็ได้
เพราะค่ายที่รักษาตอนนั้น คือ ฝ่ายพันธมิตร มีพยาบาลชาวแคนนาดามาดูแล
เขาคือ ชาวฮังการี ที่ทำงานให้กับอังกฤษ ทั้งที่รัฐบาลฮังการีร่วมรบฝ่ายเยอรมัน/อักษะ
เราจึงได้ยินคำว่า ทรยศ บ่อยๆ ในเรื่อง แต่ถ้าศึกษาลึกๆ คนที่ไม่ชอบความก้าวร้าวรุกราน
ในยุคนั้น ก็มักสนับสนุนฝ่ายพันธมิตร ถ้าเกิดเป็นคนไทย ก็อยู่ในฐานะผู้เลือก หรือ รัฐบาลเลือกให้
แต่เขาอยู่ในฐานะประชาชนที่เห็นต่างจากรัฐบาล เพราะประเทศฮังการีถูกเยอรมันกลืน
ถ้าฮังการี คือ ยูเครน เยอรมันก็เหมือนรัสเซีย ประเทศเพื่อนบ้านที่เล็กกว่า
เลือกที่จะไม่ท้าทายประเทศเพื่อนบ้านที่ใหญ่กว่า เพราะย้ายประเทศลำบาก

ลองคิดดูว่า ถ้าคุณเป็นชาวอังกฤษ ที่นั่งบนเครื่องบินเยอรมัน
คุณก็ถูกยิงสอยลงมาอยู่ดี การถูกแปะว่าเชื้อชาติใด และฝ่ายใดในสงคราม จึงกลายเป็นประเด็น

2. ความรัก เรื่องราวของชายชู้ เสน่ห์แรง ที่อาจจะทำสิ่งที่ไม่ถูก แต่คุณจะเกลียดเขาไม่ลง
ความกลัดกลุ้มที่จะรัก ข้อจำกัดของความถูกผิด
ความปรารถนาที่ไม่อยากมีเจ้าของ ตามประสาชายโสดรักอิสระ ขณะเดียวกัน
แอบรักคนมีเจ้าของแล้ว ออกตัวแรง ก็ไม่ได้ เพราะสามี-ภรรยา ก็รักกันดี 

ความประทับใจต่อความเฉลียวฉลาดมาร์ทผู้ดี ของฝ่ายหญิงซึ่งมีสามีอยู่แล้ว 
เต็มไปด้วย ความร้อนรนกลัดกลุ้มในกรอบของความอึดอัดและความสงสัยว่าฝ่ายหญิงจะรักตอบบ้างหรือไม่

ทะเลทราย  ตัวละครเอก ถูกส่งมาสำรวจทะเลทราย เขตแดน และสมรภูมิรบ คือ สาระของสงคราม
ฉากในเรื่องจึงเป็นทะเลทราย ที่สอดรับกับเรื่องราวของความรักร้อนรุ่ม
ในภาพยนตร์ใช้โทนสีร้อนและความมืด

ด้วยเป็นนิยายที่ต่อต้านสงครามอย่างเงียบๆ เราจะเห็นบันทึกของคนใกล้ตาย อย่างนางเอก
ที่ไม่อยากเห็นการขีดเส้นพรมแดน เพราะทะเลทรายก็คือทะเลทราย ยากจะแบ่งแยกออกเป็นประเทศ

ความปรารถนาสุดท้ายของนางเอก ผู้หญิงที่ถูกทิ้งไว้ในถ้ำกลางทะเลทราย คือ
"to walk in such a place with you (พระเอก). With friends, on an earth without maps."
อาจจะคล้ายใจนาง ที่ภักดีต่อสามี และหลงรักชายชู้  เมื่อมีการแบ่งใจ ความรู้สึกผิดถูกจะเกิดขึ้นทันที
นางเอก จึงไม่อยากให้มีการแบ่งแยกเขตแดนในทะเลทราย

นอกจากนี้ ทะเลทราย อาจแทนจิตใจของพระเอก ที่เหือดแห้งมานาน 
ชายโสดนักสำรวจภูมิศาสตร์อยู่ลำพังมานาน ทำงานรับใช้สงคราม นานๆจะได้เจอผู้หญิงสักคน
เมื่อได้พบนางเอก ก็ยากจะตัดใจ

ถ้ำ ในตอนเกือบจบ นางเอกถูกอุ้มร่างไปพักในถ้ำ รอพระเอกกลับมาช่วย และพระเอกก็ได้ทราบภายหลังว่า
แท้ที่จริง นางเอกไม่หวังที่จะมีชีวิตรอด เพียงแต่ขอให้พระเอกพาออกไปจากถ้ำ (ไม่ว่าร่างจะมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว)
ถ้ำ คือ ความมืดในใจของนางเอกเอง ที่อยากจะออกไปจากความรู้สึกลุ่มหลงมืดมน  หาความสุขได้ยาก 

Katharine Clifton (เขียนบันทึก ขณะบาดเจ็บและรอคอยการกลับมาของพระเอกตามสัญญา) :
... Fears we've hidden in - like this wretched cave. ...
I know you'll come carry me out to the Palace of Winds.
That's what I've wanted: to walk in such a place with you.
With friends, on an earth without maps. The lamp has gone out and I'm writing in the darkness."

3. บุคลิกตัวละครที่ไม่สามารถอ่านได้ง่าย
พระเอกเป็นสายลับและนักสำรวจ เพื่อให้รอดในสงครามและในความรัก เขาอาจจำต้องโกหก
เพราะเป็นรักต้องห้าม ที่ไม่ราบรื่นนัก จิตใจ ภายใต้หน้าตาที่ถูกปกปิดอีกชั้นคือ รอยแผลบนใบหน้า
เขาคือใคร มีความเป็นมาอย่างไร และเขาคนคือ ฝ่ายใดในสงคราม 

ในภาคชนชั้นที่มีการศึกษาสูง เต็มไปด้วยความซับซ้อนทางความรู้สึกที่ยากจะแสดงออก ของพระเอก-นางเอก-สามีนางเอก
ในภาคใสๆ ของพยาบาล คนรักเก่า คนรักใหม่ ที่เข้ามาเป็นฝ่าย ทำชีวิตให้เรียบง่าย ถ่ายทอดความใส ความซื่อสัตย์ 
อัลมาชี่ (พระเอกซึ่งใบหน้าอัปลักษณ์ และหาไม่เจอคุณค่าชีวิตที่เหลือ) : "ทำไม..คุณถึงตั้งใจจะให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไปนักนะ?"
ฮาน่า: เพราะชั้นเป็นพยาบาล
----
พระเอกไม่วาย อยากตายไปจากความทรงจำของผู้คน ด้วย 1. ความเจ็บปวดในใจและความรู้สึกผิดจากความรัก
2. การทรยศในสงคราม คือ ยื่นแผนที่ที่สำรวจให้ฝ่ายตรงข้าม แลกกับเครื่องบินเล็กไปรับนางเอกซึ่งกำลังบาดเจ็บอยู่ในถ้ำ
การเอาความตายมาล้อเล่น ไม่มีอะไรเหมาะเท่ายุคสงคราม เลือกว่าจะตายหรือจะอยู่ เหมือนเลือกหยิบก้อนกรวดใกล้ตัว 

ตลอดเรื่องแม้จะมีตัวละครอื่นเข้ามา ก็เพื่อกระตุ้นให้พระเอกซึ่งเป็นคนป่วยปะติดปะต่อเรื่องราวของตัวเองได้
และคนดูเข้าไปร่วมสัมผัสความสุขทุกข์ในใจของเขา คลี่คลายความทรงจำ แต่ละส่วน แต่ละตอน จนใกล้จบเรื่อง
จะเห็นภาพจิ๊กซอทั้งหมด และเรื่องราวความรักกับความตายในช่วงสงครามที่สุดสะพรึง 
แถมไม่วายเล่นคำ คือ คำว่า patient ที่ไม่ได้หมายถึงคนไข้เท่านั้น แต่หมายถึงอดทน
ก็ต้องอดทนนะ กว่าจะเฉลยออกมาว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร 
คิดดูว่าปูเรื่องมา ให้คนดูแกะ อยากรู้ว่ายังไงต่อ ถ้าเรื่องราวของตัวละครเอกไม่เจ๋ง ก็คงแย่ 
 
4. ภาษา  บทสนทนาตอบโต้ที่ชาญฉลาด และบทบรรยายในบันทึกที่ตราตรึง ถือเป็นเอกลักษณ์และจุดแข็งของเรื่อง
ไม่ว่าบทสนทนาของพระเอก-นางเอก ในเรื่องรัก-ไม่รัก
และบทสนทนาระหว่างคนป่วยอาการบ้านิดๆ ร้ายกาจลึกๆ พูดจาสะกิดใจพยาบาลและคนข้างเคียง 

Almásy: "Every night I cut out my heart. But in the morning it was full again."
อัลมาชี่ : "ทุกๆคืนผมต้องพยายามตัดใจจากคุณ แต่พอเช้าขึ้นมาความรักมันก็ปรี่ล้นขึ้นมาใหม่"  

Almásy:“I have spent weeks in the desert, forgetting to look at the moon,
as a married man may spend days never looking into the face of his wife."
อัลมาชี่ : ผมใช้ชีวิตในทะเลทราย จนลืมแหงนชมดวงจันทร์ เหมือนผู้ชายที่แต่งงานแล้ว ลืมใช้เวลามองใบหน้าภรรยา

Almásy: What do you love?  (คุณรักอะไร)
Katharine Clifton: What do I love? (ชั้นรักอะไรเหรอ)
Almásy: Say everything. (อะไรก็ได้ บอกได้ทุกอย่าง)
Katharine Clifton: Hm, let's see... Water. Fish in it. And hedgehogs;
I love hedgehogs. (อืม.. สายน้ำ ปลาในนั้น ตัวเม่นน้อย ชั้นชอบมันมาก)
Almásy: And what else? (แล้วอะไรอีก)
Katharine Clifton: Marmite - I'm addicted. And baths. But not with other people. 
Islands. Your handwriting. I could go on all day.
(มาร์ไมท์ อันนี้ชั้นติดเลยหล่ะ ... ชอบอาบน้ำ แต่ไม่ใช่อาบกับคนอื่นนะ.... เกาะ ...    แล้วก็ลายมือคุณ ชั้นดูได้ทั้งวันเลยหล่ะ)
Almásy: Go on all day. (ดูได้ทั้งวัน  --- แอบดีใจ) 
Katharine Clifton: My husband. (แล้วก็สามีของชั้น)
Almásy: What do you hate most? (แล้วที่เกลียดที่สุดหล่ะ)
Katharine Clifton: A lie. What do you hate most?  (คนโกหก แล้วคุณหล่ะ เกลียดอะไร)
Almásy: Ownership. Being owned. When you leave, you should forget me.
(การถูกครอบครอง ถูกเป็นเจ้าของ ถ้าคุณจากไป คุณควรลืมผม)

แคทเทอรีนในอาการบาดเจ็บในถ้ำ: เราจะรอดจากที่นี่มั้ย
อัลมาชี่ : ใช่ ใช่ แน่นอน 
แคทเทอรีน: เธอตอบใช่ เพื่อให้ชั้นสบายใจ แต่แน่นอน มันไม่มีทางเลย 

ถ้าใครที่ชอบการชวนคุยแบบชวนคิด (deep talk)
ปูซ้อนด้วยหลายชั้นของความหมาย เพราะตัวละครพูดอะไรโต้งๆ ไม่ได้ 
เชื่อว่า นี่คือภาพยนตร์ในใจคุณแน่นอน 
เรื่องราวของชู้รักและสายลับที่โกหกกัน ถักทอความหมายออกมา โดยยึดโยงกับอุปมา สัญลักษณ์  คำพูดต่างๆ 
แม้เราจะไม่เห็นด้วย แต่ก็เห็นใจ ต่อความรักที่เกิดขึ้น 

ทั้งหมดนี้คือ เส้นทางเข้าถึงภาพยนตร์เรื่องนี้และยังมีองค์ประกอบอันมีค่าอีกมากที่คุณค้นพบได้ด้วยตัวเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่