หนี้เสียพุ่ง! เครดิตบูโรเผย ลูกหนี้จ่ายหนี้ตะกุกตะกัก 1.9 แสนใบ หลังปรับเกณฑ์ชำระขั้นต่ำเป็น 8%
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/398951
ผู้จัดการใหญ่เครดิตบูโร เผยข้อมูล แค่ 3 เดือนแรก หลังการปรับการจ่ายชำระหนี้ขั้นต่ำของบัตรเครดิต เพิ่มเป็น 8% หนี้เสียโตก้าวกระโดด โดยหนี้ที่กำลังจะเสีย พบว่า มีจำนวนบัตรที่ชำระหนี้ได้แบบตะกุกตะกัก ติดๆ ขัดๆ มากถึง 1.9 แสนบัตร จำนวนเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท เติบโตถึง 32.4%
นาย
สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร โพสผ่านเฟสบุ๊ก
Surapol Opasatien เปิดเผยข้อมูลไตรมาสที่ 1/67 เกี่ยวกับสินเชื่อบัตรเครดิต จากฐานข้อมูลสถิติที่ไม่มีตัวตนของเครดิตบูโร พบว่า
1. ตั้งแต่ต้นปี 2567 การจ่ายชำระหนี้ขั้นต่ำของบัตรเครดิตจะต้องเริ่มต้นที่ 8% จากเดิมที่ผ่อนผันในช่วงการระบาด covid-19 ที่กำหนดไว้ 5%
2. มีคำถามมาตลอดว่าถ้ากติกาใหม่ออกมาจะทำให้หนี้เสียหรือ NPLs กระโดดมั้ย จะทำให้หนี้กำลังจะเสียหรือ SM กระโดดมั้ย
3. ตัวเลข ณ มีนาคม 2567 ยอดหนี้บัตรเครดิตทั้งหมด 24 ล้านใบ เป็นเงิน 5.5 แสนล้านบาท เติบโต 3.2%yoy ถ้าเทียบจากสิ้นปี 2566 หดตัว 5.1%qoq อันนี้ก็พอทราบไม่มีอะไรแปลกใจ
4. ตัวเลขบัญชีสินเชื่อบัตรเครดิตที่เป็น NPLs ค้างเกิน 90 วัน มีจำนวนประมาณ 1 ล้านบัตรเศษ คิดเป็นยอดเงิน 6.4 หมื่นล้านบาท เติบโต 14.6%yoy อันนี้เริ่มไม่สบายใจแล้วครับ
5. พอมาดูยอดหนี้ที่เป็น SM หรือ หนี้ที่กำลังจะเสีย พบว่า มีจำนวนบัตรที่ชำระหนี้ได้แบบตะกุกตะกัก ติดๆ ขัดๆ มากถึง 1.9 แสนบัตรครับ จำนวนเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท เติบโตถึง 32.4%yoy มาถึงตรงนี้เริ่มตาโตแล้วครับว่า แค่สามเดือนแรกของการปรับเพิ่มยอดชำระขั้นต่ำ ทำไมมันเกิดการกะโดดใน SM ตามต่อไปดูว่าแล้วมันโตจากปลายปี 2566 เท่าใดก็พบว่าเติบโตถึง 20.6 qoq ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ต้องระวังว่ามันจะไหลเพิ่ม ไหลแรงกว่าเดิมหรือไม่
นอกจากปัญหาค่าครองชีพแล้ว รายได้ไม่ฟื้นตัว เปราะบางจนนุ่มนิ่ม มันสะท้อนแล้วว่าชำระหนี้สินเชื่อนี้ได้ลำบากมากขึ้น และเมื่อเข้าไปดูในรายละเอียด พบว่า บัตรเครดิตที่เป็น SM จำนวนเกือบสองแสนใบนั้น เป็นบัตรที่เปิดมานไม่เกิน 2 ปี มีจำนวน 3.6 หมื่นบัตร อยู่ในมือคน Gen Y จำนวน 2.3 หมื่นบัตร เปิดมามากกว่า 2 ปี แต่ไม่เกิน 4 ปี มีจำนวน 3.9 หมื่นบัตร อยู่ในมือ Gen Y 2.7 หมื่นบัตร Gen X 9.2 พันบัตร เปิดมามากกว่า 4 ปี แต่ไม่เกิน 6 ปีมี 4.5 หมื่นบัตร อยู่ในมือคน Gen Y 3 หมื่นบัตร Gen X 1.2 หมื่นบัตร
คำถามตัวโตๆ คือ หนี้ SM จะไหลต่อเป็น NPLs อีกเท่าใด การกำหนดให้ชำระหนี้ขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 8% และ 10% ตามลำดับ มันช่วยแก้ปัญหาหนี้ได้จริงๆ ตามเป้าประสงค์มาตรการหรือไม่ ความจริงคนเรามีบัตรเครดิตได้หลายใบ การเพิ่มอีก 3% ของยอดหนี้ในแต่ละใบ คนไม่เคยเป็นหนี้อาจนึกไม่ออกว่าจะหมุนหาจากไหนไปจ่ายได้ และประการสุดท้ายค่าใช้จ่ายทั้งหลายมันเริ่มเพิ่มอย่างชัดเจนเช่น ไข่ไก่ ผักบางชนิด น้ำมันก็เริ่มขยับ เป็นต้น
การท่องตำราแก้ปัญหากับการท่องยุทธจักรแบบเดินเผชิญสืบ มันใช้ใจที่ต่างกัน ตัวอย่างเรื่องนี้คือหนังชีวิตจริง แต่ถ้ามองเป็นหนังอานิเมะ มันก็อาจผิดเพี้ยน ต้องกลับมาดูกันเพราะแค่ 3 เดือน กลิ่นมันแรงแบบโตขึ้น 32.4%yoy 20.6%qoq มันไม่ธรรมดานะครับ
ตั้งโจทย์ผิด แต่ตอบโจทย์ที่ผิดได้ถูก ผลลัพธ์ผลผลิตมันจะผิดเพี้ยนไปหรือไม่ วันนี้ฝนตกแล้ว ฝนหลังฝุ่นที่ร้อนระอุย่อมสวยงามเสมอ
https://www.facebook.com/surapol.opasatien/posts/pfbid0KpMzcJPpM7K3tGg2f9EpTVpQgt6NQ9rKKyHiDSu6KHzbXhV6q3caTcaatqzFvtPhl
วิโรจน์ ชี้ไปกันใหญ่แล้ว หลัง ปารีณา แจ้งความ โน้ส อุดม มาตรา 112
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8221158
วิโรจน์ ชี้ไปกันใหญ่แล้ว หลัง ปารีณา แจ้งความ โน้ส อุดม ผิด ม.112 เตือนไม่เป็นผลดีต่อสถาบัน ยันถ้าประสงค์ดี จะไม่ทำแบบนี้
ดราม่า“เ
ดี่ยวสเปเชียล ซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์” โดย โน้ส อุดม แต้พานิช ที่เผยแพร่ผ่านทาง Netflix มีทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์และเสียงชื่นชม
ล่าสุด น.ส.
ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า เธอเข้าแจ้งความ ที่สภ.โพธาราม ให้ดำเนินคดีใน มาตรา 112
ต่อเรื่องดังกล่าว นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว ความว่า
ถ้ามีการแจ้ง ม.112 กับคุณโน้ส อุดม จริง ผมว่ามันไปกันใหญ่แล้ว และการกระทำในครั้งนี้ เป็นประจักษ์หลักฐานที่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ม.112 นั้นมีปัญหาจริง
เพราะพฤติกรรมในลักษณะนี้ เข้าข่ายเป็นการใช้ความเห็นต่าง ที่เป็นปกติของทุกสังคมที่มีความแตกต่างหลากหลาย มาโยงใยกับสถาบัน และใช้สถาบัน เป็นเครื่องมือ ในการตอบโต้เอาคืนคนเห็นต่าง ซึ่งไม่ใช่ใคร ก็เป็นประชาชนคนไทยด้วยกันทั้งนั้น
พฤติกรรมการใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือเช่นนี้ ผมยืนยันว่า ไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างสถาบัน และประชาชนเลย
แทนที่สถาบันจะเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนคนไทยในชาติกลับต้องถูกนำมาวางเอาไว้ท่ามกลางความขัดแย้ง และถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายล้างระหว่างคนไทยด้วยกันเอง ถ้าประสงค์ดีต่อสถาบันจะไม่ทำแบบนี้
https://www.facebook.com/photo/?fbid=942420184341203&set=a.424755022774391
‘ทนายอั๋น’ มาเองออกโรงหนุน ‘โน้ส อุดม’ แนะแจ้งความกลับ ‘ปารีณา’
https://www.dailynews.co.th/news/3411755/
ดราม่ากันต่อ? "ทนายอั๋น บุรีรัมย์" มาเองออกโรงหนุน "โน้ส อุดม" เผยแจ้งความกลับเลยนะ "ปารีณา"
ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่ยังฮอตฮิตตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมากับดราม่าของ “
โน้ส อุดม” นักพูดหรือนักแสดงตลกคนเดียวบนเวที ที่ล่าสุดได้เปิดฉากความฮาสมแก่การรอคอยจัด ทอล์กโชว์
เดี่ยว สเปเชียล ซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งรอบนี้นำเสนอผ่านแพลตฟอร์ม Netflix ปรากฏว่าขึ้นฉายไม่กี่วัน กลับมีกระแสเชิงลบทันที โดยบางช่วงโชว์ได้พูดพาดพิงความพอเพียง ทำให้คนดูบางกลุ่มไม่อินตาม และได้ออกมาโพสต์วิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2567 ก็มีด้านทนาย
เดชาได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้เช่นกัน โดยโพสต์ระบุว่า
“
#โน้สอุดมไม่มีความผิดตามมาตรา 112 ข้อหาหมิ่นสถาบันแต่อย่างใดไม่มีข้อเท็จจริงใด ๆ ที่ปรากฏว่าโน้สอุดมทำผิดมาตรา 112 ดังนั้นบุคคลใดที่ไปร้องตรวจสอบหรือร้องทุกข์ ต้องระมัดระวังอาจมีความผิดฐานแจ้งความเท็จได้ ถ้าข้อความที่ไปแจ้งความนั้นบิดเบือนผิดไปจากความจริงโทษจำคุก 5 ปีนะครับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172 มาตรา 173 มาตรา 174 หากโน้สอุดมมีความผิดตามมาตรา 112 netflix ก็จะมีความผิดด้วย เพราะเป็นคนเผยแพร่ พี่น้องประชาชนที่ไปแสดงความคิดเห็นหรือไปกดไลค์กดแชร์ก็จะมีความผิดไปด้วย น่าจะมีคนติดคุกเกิน 10 ล้านคนมั้งครับในโซเชียล 555 #เชื่อพี่เดเพราะพี่เดเรียนมานะครับ #ผมจบนิติศาสตร์และจบเนติบัณฑิตมีความรู้ทางกฎหมายพอสมควร #อย่าหิวแสงจนเกินงาม”
ขณะเดียวกันด้าน “
ปารีณา ไกรคุปต์” อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
“
เมื่อทนายเดชาเข้าใจว่า #ประเด็นดัง ไม่เข้าข่ายมาตรา 112 ถือเป็นความคิดเห็นตามมาตรา 329 ออกโรง ออกตัว มาป้องแบบนั้น ไม่ว่ากัน ขณะเดียวกัน มีคนอีกจำนวนมาก เข้าใจว่าเข้าข่าย และรู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำของศิลปิน ไม่ควรไปว่า หรือขู่ เพราะเป็นความเห็นตามมาตรา 329 เช่นเดียวกัน อะไรก็ตามแต่เบื้องสูงเกิดความเสียหาย จึงขอให้มันจบที่ศาลนะคะ #ทนายเดชา #ทนายคนดีที่เห็นต่างกันกับปารีณา #พ่ออยู่บนสวรรค์ #รักพ่อปกป้องพ่อ เพราะศิลปินที่ดี ต้องไม่หากินแบบนี้ มิฉะนั้น อาจเป็นเยี่ยงอย่างศิลปินรุ่นน้องที่อยากดัง ปารีณาเตรียมดำเนินคดี Netflix ต่อนะคะ”
หลังจากที่เหล่าคนดังออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ทางด้านทนายคนดังอย่าง “
ทนายอั๋น บุรีรัมย์” ไม่รอช้าออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับปมร้อนในครั้งนี้เช่นเดียวกัน โดยเผยว่า
“
ล่าสุด ปารีณา ไกรคุปต์ แจ้งความดำเนินตาม ปอ.ม. 112 กับ โน๊ต อุดม แต้พานิช
#คุณโน๊ต แจ้งความกลับ เลยนะครับ”…
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid06rERoHtrprrd83UmkEkfTh3TdiYfjfodYnrv3Bg5mg9xq8gwYGaCHYbhWJ5GR29Ul&id=100063828365080
"ภัชริ" อัด "เศรษฐา" อุปสรรคตัวจริงแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทย ชี้ มือไม่ถึง
https://www.thairath.co.th/news/politic/2783904
"ภัชริ ไทยสร้างไทย" อัด "เศรษฐา" อุปสรรคตัวจริงแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทย ไม่ใช่ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ชี้ มือไม่ถึงเรื่องเศรษฐกิจ ทำหนี้อ่วม ค่าครองชีพพุ่ง การลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ไม่เห็นผลตามราคาคุย ชี้ หาเงินไม่เป็น เก่งแต่กู้
วันที่ 8 พ.ค. 2567 นาย
ภัชริ นิจสิริภัช เหรัญญิกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงเศรษฐกิจของไทยที่ชะลอตัว เครื่องยนต์สำคัญทางเศรษฐกิจ เช่นการส่งออกกลับมาติดลบ จนมีการกล่าวโทษโยนความผิดกันเกิดขึ้นนั้น ตนมองว่าคนที่อุปสรรคในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย แต่คือตัวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ยังมือไม่ถึงในด้านเศรษฐกิจ คำประกาศหรือนโยบาย ที่ได้หาเสียงและแถลงไว้ต่อรัฐสภาไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้คนไทย
ตั้งแต่นาย
เศรษฐา เข้ามาเป็นผู้นำรัฐบาล ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคมีแต่ขึ้นราคา ของกินของใช้แพง ค่าครองชีพสูงเกินรายได้ จนหนี้ครัวเรือนสูงสุดในประวัติการ สัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยสิ้นปี 2567 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแตะระดับ 91.4% ต่อ GDP ซึ่งถือว่าโตเร็วสุดในรอบทศวรรษ สาเหตุสำคัญเพราะราคาพลังงานสูงทั้งน้ำมันและไฟฟ้า ที่รัฐบาลไม่กล้าแตะทุนผูกขาด ปล่อยให้ขูดรีดประชาชน
ทั้งยังไม่สามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศได้ ไม่ดูแลสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศ โดยเฉพาะ SMEs ขนาดเล็ก ซึ่งได้รับแรงกดดันจากต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น จนเกิดภาวะหนี้ในระบบกระทบกับธุรกิจ หากผู้ประกอบการรายใดทุนน้อย ก็จะไม่สามารถแข่งขันต่อไปได้และต้องยุติกิจการในที่สุด
ขณะที่ภาคครัวเรือนยังมีความเปราะบาง จากรายได้ที่ฟื้นตัวช้า ส่งออกทรุด ทำรายได้หดตัว หรือพูดง่ายๆ คือหาเงินไม่เป็น เก่งแต่กู้ และกำลังจะกู้มาแจกอีก 500,000 ล้าน ที่คนไทยจะต้องร่วมกันใช้หนี้ชั่วลูก ชั่วหลาน ที่สำคัญอาจทำให้สถานะทางการคลังของประเทศเกิดปัญหา เนื่องจากต้องใช้เงินกู้จากงบประมาณถึง 2 ปีงบประมาณรวมถึงการกู้จาก ธ.ก.ส.เพื่อมาดำเนินโครงการ ซึ่งนั่นหมายความว่า งบประมาณที่จะถูกนำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในด้านต่างๆ ต้องหดหายไป
จึงขอถามพี่น้องประชาชนว่า ระหว่างผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กับนาย
เศรษฐา ประชาชนอยากให้ใครควรลาออกมากกว่ากัน
JJNY : หนี้เสียพุ่ง!│วิโรจน์ชี้ไปกันใหญ่แล้ว│‘ทนายอั๋น’หนุน‘โน้ส’│"ภัชริ"อัด"เศรษฐา"│US แฉอิหร่านใช้ผู้ให้บริการมาเลเซีย
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/398951
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร โพสผ่านเฟสบุ๊ก Surapol Opasatien เปิดเผยข้อมูลไตรมาสที่ 1/67 เกี่ยวกับสินเชื่อบัตรเครดิต จากฐานข้อมูลสถิติที่ไม่มีตัวตนของเครดิตบูโร พบว่า
1. ตั้งแต่ต้นปี 2567 การจ่ายชำระหนี้ขั้นต่ำของบัตรเครดิตจะต้องเริ่มต้นที่ 8% จากเดิมที่ผ่อนผันในช่วงการระบาด covid-19 ที่กำหนดไว้ 5%
2. มีคำถามมาตลอดว่าถ้ากติกาใหม่ออกมาจะทำให้หนี้เสียหรือ NPLs กระโดดมั้ย จะทำให้หนี้กำลังจะเสียหรือ SM กระโดดมั้ย
3. ตัวเลข ณ มีนาคม 2567 ยอดหนี้บัตรเครดิตทั้งหมด 24 ล้านใบ เป็นเงิน 5.5 แสนล้านบาท เติบโต 3.2%yoy ถ้าเทียบจากสิ้นปี 2566 หดตัว 5.1%qoq อันนี้ก็พอทราบไม่มีอะไรแปลกใจ
4. ตัวเลขบัญชีสินเชื่อบัตรเครดิตที่เป็น NPLs ค้างเกิน 90 วัน มีจำนวนประมาณ 1 ล้านบัตรเศษ คิดเป็นยอดเงิน 6.4 หมื่นล้านบาท เติบโต 14.6%yoy อันนี้เริ่มไม่สบายใจแล้วครับ
5. พอมาดูยอดหนี้ที่เป็น SM หรือ หนี้ที่กำลังจะเสีย พบว่า มีจำนวนบัตรที่ชำระหนี้ได้แบบตะกุกตะกัก ติดๆ ขัดๆ มากถึง 1.9 แสนบัตรครับ จำนวนเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท เติบโตถึง 32.4%yoy มาถึงตรงนี้เริ่มตาโตแล้วครับว่า แค่สามเดือนแรกของการปรับเพิ่มยอดชำระขั้นต่ำ ทำไมมันเกิดการกะโดดใน SM ตามต่อไปดูว่าแล้วมันโตจากปลายปี 2566 เท่าใดก็พบว่าเติบโตถึง 20.6 qoq ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ต้องระวังว่ามันจะไหลเพิ่ม ไหลแรงกว่าเดิมหรือไม่
นอกจากปัญหาค่าครองชีพแล้ว รายได้ไม่ฟื้นตัว เปราะบางจนนุ่มนิ่ม มันสะท้อนแล้วว่าชำระหนี้สินเชื่อนี้ได้ลำบากมากขึ้น และเมื่อเข้าไปดูในรายละเอียด พบว่า บัตรเครดิตที่เป็น SM จำนวนเกือบสองแสนใบนั้น เป็นบัตรที่เปิดมานไม่เกิน 2 ปี มีจำนวน 3.6 หมื่นบัตร อยู่ในมือคน Gen Y จำนวน 2.3 หมื่นบัตร เปิดมามากกว่า 2 ปี แต่ไม่เกิน 4 ปี มีจำนวน 3.9 หมื่นบัตร อยู่ในมือ Gen Y 2.7 หมื่นบัตร Gen X 9.2 พันบัตร เปิดมามากกว่า 4 ปี แต่ไม่เกิน 6 ปีมี 4.5 หมื่นบัตร อยู่ในมือคน Gen Y 3 หมื่นบัตร Gen X 1.2 หมื่นบัตร
คำถามตัวโตๆ คือ หนี้ SM จะไหลต่อเป็น NPLs อีกเท่าใด การกำหนดให้ชำระหนี้ขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 8% และ 10% ตามลำดับ มันช่วยแก้ปัญหาหนี้ได้จริงๆ ตามเป้าประสงค์มาตรการหรือไม่ ความจริงคนเรามีบัตรเครดิตได้หลายใบ การเพิ่มอีก 3% ของยอดหนี้ในแต่ละใบ คนไม่เคยเป็นหนี้อาจนึกไม่ออกว่าจะหมุนหาจากไหนไปจ่ายได้ และประการสุดท้ายค่าใช้จ่ายทั้งหลายมันเริ่มเพิ่มอย่างชัดเจนเช่น ไข่ไก่ ผักบางชนิด น้ำมันก็เริ่มขยับ เป็นต้น
การท่องตำราแก้ปัญหากับการท่องยุทธจักรแบบเดินเผชิญสืบ มันใช้ใจที่ต่างกัน ตัวอย่างเรื่องนี้คือหนังชีวิตจริง แต่ถ้ามองเป็นหนังอานิเมะ มันก็อาจผิดเพี้ยน ต้องกลับมาดูกันเพราะแค่ 3 เดือน กลิ่นมันแรงแบบโตขึ้น 32.4%yoy 20.6%qoq มันไม่ธรรมดานะครับ
ตั้งโจทย์ผิด แต่ตอบโจทย์ที่ผิดได้ถูก ผลลัพธ์ผลผลิตมันจะผิดเพี้ยนไปหรือไม่ วันนี้ฝนตกแล้ว ฝนหลังฝุ่นที่ร้อนระอุย่อมสวยงามเสมอ
https://www.facebook.com/surapol.opasatien/posts/pfbid0KpMzcJPpM7K3tGg2f9EpTVpQgt6NQ9rKKyHiDSu6KHzbXhV6q3caTcaatqzFvtPhl
วิโรจน์ ชี้ไปกันใหญ่แล้ว หลัง ปารีณา แจ้งความ โน้ส อุดม มาตรา 112
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8221158
วิโรจน์ ชี้ไปกันใหญ่แล้ว หลัง ปารีณา แจ้งความ โน้ส อุดม ผิด ม.112 เตือนไม่เป็นผลดีต่อสถาบัน ยันถ้าประสงค์ดี จะไม่ทำแบบนี้
ดราม่า“เดี่ยวสเปเชียล ซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์” โดย โน้ส อุดม แต้พานิช ที่เผยแพร่ผ่านทาง Netflix มีทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์และเสียงชื่นชม
ล่าสุด น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า เธอเข้าแจ้งความ ที่สภ.โพธาราม ให้ดำเนินคดีใน มาตรา 112
ต่อเรื่องดังกล่าว นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว ความว่า
https://www.facebook.com/photo/?fbid=942420184341203&set=a.424755022774391
‘ทนายอั๋น’ มาเองออกโรงหนุน ‘โน้ส อุดม’ แนะแจ้งความกลับ ‘ปารีณา’
https://www.dailynews.co.th/news/3411755/
ดราม่ากันต่อ? "ทนายอั๋น บุรีรัมย์" มาเองออกโรงหนุน "โน้ส อุดม" เผยแจ้งความกลับเลยนะ "ปารีณา"
ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่ยังฮอตฮิตตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมากับดราม่าของ “โน้ส อุดม” นักพูดหรือนักแสดงตลกคนเดียวบนเวที ที่ล่าสุดได้เปิดฉากความฮาสมแก่การรอคอยจัด ทอล์กโชว์ เดี่ยว สเปเชียล ซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งรอบนี้นำเสนอผ่านแพลตฟอร์ม Netflix ปรากฏว่าขึ้นฉายไม่กี่วัน กลับมีกระแสเชิงลบทันที โดยบางช่วงโชว์ได้พูดพาดพิงความพอเพียง ทำให้คนดูบางกลุ่มไม่อินตาม และได้ออกมาโพสต์วิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2567 ก็มีด้านทนายเดชาได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้เช่นกัน โดยโพสต์ระบุว่า
“#โน้สอุดมไม่มีความผิดตามมาตรา 112 ข้อหาหมิ่นสถาบันแต่อย่างใดไม่มีข้อเท็จจริงใด ๆ ที่ปรากฏว่าโน้สอุดมทำผิดมาตรา 112 ดังนั้นบุคคลใดที่ไปร้องตรวจสอบหรือร้องทุกข์ ต้องระมัดระวังอาจมีความผิดฐานแจ้งความเท็จได้ ถ้าข้อความที่ไปแจ้งความนั้นบิดเบือนผิดไปจากความจริงโทษจำคุก 5 ปีนะครับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172 มาตรา 173 มาตรา 174 หากโน้สอุดมมีความผิดตามมาตรา 112 netflix ก็จะมีความผิดด้วย เพราะเป็นคนเผยแพร่ พี่น้องประชาชนที่ไปแสดงความคิดเห็นหรือไปกดไลค์กดแชร์ก็จะมีความผิดไปด้วย น่าจะมีคนติดคุกเกิน 10 ล้านคนมั้งครับในโซเชียล 555 #เชื่อพี่เดเพราะพี่เดเรียนมานะครับ #ผมจบนิติศาสตร์และจบเนติบัณฑิตมีความรู้ทางกฎหมายพอสมควร #อย่าหิวแสงจนเกินงาม”
ขณะเดียวกันด้าน “ปารีณา ไกรคุปต์” อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
“เมื่อทนายเดชาเข้าใจว่า #ประเด็นดัง ไม่เข้าข่ายมาตรา 112 ถือเป็นความคิดเห็นตามมาตรา 329 ออกโรง ออกตัว มาป้องแบบนั้น ไม่ว่ากัน ขณะเดียวกัน มีคนอีกจำนวนมาก เข้าใจว่าเข้าข่าย และรู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำของศิลปิน ไม่ควรไปว่า หรือขู่ เพราะเป็นความเห็นตามมาตรา 329 เช่นเดียวกัน อะไรก็ตามแต่เบื้องสูงเกิดความเสียหาย จึงขอให้มันจบที่ศาลนะคะ #ทนายเดชา #ทนายคนดีที่เห็นต่างกันกับปารีณา #พ่ออยู่บนสวรรค์ #รักพ่อปกป้องพ่อ เพราะศิลปินที่ดี ต้องไม่หากินแบบนี้ มิฉะนั้น อาจเป็นเยี่ยงอย่างศิลปินรุ่นน้องที่อยากดัง ปารีณาเตรียมดำเนินคดี Netflix ต่อนะคะ”
หลังจากที่เหล่าคนดังออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ทางด้านทนายคนดังอย่าง “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” ไม่รอช้าออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับปมร้อนในครั้งนี้เช่นเดียวกัน โดยเผยว่า
“ล่าสุด ปารีณา ไกรคุปต์ แจ้งความดำเนินตาม ปอ.ม. 112 กับ โน๊ต อุดม แต้พานิช
#คุณโน๊ต แจ้งความกลับ เลยนะครับ”…
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid06rERoHtrprrd83UmkEkfTh3TdiYfjfodYnrv3Bg5mg9xq8gwYGaCHYbhWJ5GR29Ul&id=100063828365080
"ภัชริ" อัด "เศรษฐา" อุปสรรคตัวจริงแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทย ชี้ มือไม่ถึง
https://www.thairath.co.th/news/politic/2783904
"ภัชริ ไทยสร้างไทย" อัด "เศรษฐา" อุปสรรคตัวจริงแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทย ไม่ใช่ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ชี้ มือไม่ถึงเรื่องเศรษฐกิจ ทำหนี้อ่วม ค่าครองชีพพุ่ง การลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ไม่เห็นผลตามราคาคุย ชี้ หาเงินไม่เป็น เก่งแต่กู้
วันที่ 8 พ.ค. 2567 นายภัชริ นิจสิริภัช เหรัญญิกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงเศรษฐกิจของไทยที่ชะลอตัว เครื่องยนต์สำคัญทางเศรษฐกิจ เช่นการส่งออกกลับมาติดลบ จนมีการกล่าวโทษโยนความผิดกันเกิดขึ้นนั้น ตนมองว่าคนที่อุปสรรคในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย แต่คือตัวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ยังมือไม่ถึงในด้านเศรษฐกิจ คำประกาศหรือนโยบาย ที่ได้หาเสียงและแถลงไว้ต่อรัฐสภาไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้คนไทย
ตั้งแต่นายเศรษฐา เข้ามาเป็นผู้นำรัฐบาล ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคมีแต่ขึ้นราคา ของกินของใช้แพง ค่าครองชีพสูงเกินรายได้ จนหนี้ครัวเรือนสูงสุดในประวัติการ สัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยสิ้นปี 2567 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแตะระดับ 91.4% ต่อ GDP ซึ่งถือว่าโตเร็วสุดในรอบทศวรรษ สาเหตุสำคัญเพราะราคาพลังงานสูงทั้งน้ำมันและไฟฟ้า ที่รัฐบาลไม่กล้าแตะทุนผูกขาด ปล่อยให้ขูดรีดประชาชน
ทั้งยังไม่สามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศได้ ไม่ดูแลสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศ โดยเฉพาะ SMEs ขนาดเล็ก ซึ่งได้รับแรงกดดันจากต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น จนเกิดภาวะหนี้ในระบบกระทบกับธุรกิจ หากผู้ประกอบการรายใดทุนน้อย ก็จะไม่สามารถแข่งขันต่อไปได้และต้องยุติกิจการในที่สุด
ขณะที่ภาคครัวเรือนยังมีความเปราะบาง จากรายได้ที่ฟื้นตัวช้า ส่งออกทรุด ทำรายได้หดตัว หรือพูดง่ายๆ คือหาเงินไม่เป็น เก่งแต่กู้ และกำลังจะกู้มาแจกอีก 500,000 ล้าน ที่คนไทยจะต้องร่วมกันใช้หนี้ชั่วลูก ชั่วหลาน ที่สำคัญอาจทำให้สถานะทางการคลังของประเทศเกิดปัญหา เนื่องจากต้องใช้เงินกู้จากงบประมาณถึง 2 ปีงบประมาณรวมถึงการกู้จาก ธ.ก.ส.เพื่อมาดำเนินโครงการ ซึ่งนั่นหมายความว่า งบประมาณที่จะถูกนำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในด้านต่างๆ ต้องหดหายไป
จึงขอถามพี่น้องประชาชนว่า ระหว่างผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กับนายเศรษฐา ประชาชนอยากให้ใครควรลาออกมากกว่ากัน