รีวิว (เรื่องเล่า) "งานแต่ง........ที่ใช้งบประมาณ 19,900 บาท "

เพี้ยนหลงรัก"งานแต่ง........ที่ใช้งบประมาณ 19,900 บาท" (เฉพาะงานพิธีมงคลสมรสครับ) เพี้ยนmbpt
วันนี้ผมจะมารีวิวการจัดพิธีแต่งงานที่ใช้งบประมาณ 19,900 บาทถ้วน สำหรับคนที่กำลังจะแต่งงานนะครับ เผื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ ซึ่งแน่นอนว่าคุณต้องตัดสินใจร่วมกับคู่ชีวิต และแน่นอนว่า ไม่มีงานแบบใดดีที่สุดสำหรับทุกคน ความแตกต่าง ปัจจัยที่ต่างกัน นำมาซึ่งงานที่แตกต่างกันไปอย่างแน่นอน ผมกับพี่อั้ม(ภรรยา) เพิ่งครบรอบแต่งงาน 1 ปีไปเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา  วันนี้เลยจะมาเล่าที่มาที่ไปของงานแต่งเล็กๆของเราสองคนนะครับ 
พาพันขอบคุณครบรอบ 1 ปี การแต่งงานของเราสองคน ผมกับพี่อั้มไม่เคยลืมความเมตตาของพ่อและแม่เราสองคนและแขกทุกท่านเสมอที่ให้เกียรติเราสองคน ตั้งใจว่าครบ 1 ปี จะมาเขียนเล่าถึงรายละเอียดการเตรียมงานต่างๆเพื่อเป็นแนวทางสำหรับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่กำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์ ก่อนอื่นสิ่งที่อยากจะเล่าคือ ผมแต่งาน 3 รอบ 55555 หลายคนอ่านคงตกใจ ผมหมายถึงผมกับพี่อั้มเราแต่งงานกันโดยจัดงานเป็น 3 ครั้ง เพราะเราไม่อยากเหนื่อยแบบติดๆกัน เรามาเริ่มกันเลยนะครับ
          ผมขอพี่อั้มแต่งงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ตุลาคม 2565 ซึ่งผมก็ตั้งใจวางแผนทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแบบหลวมๆ คือเราตั้งทริปไปเที่ยวตุรกีกันในวันที่ 5-15 ตุลาคม 2565 เตรียมการเดินทางอะไรไว้ล่วงหน้านานมากเพราะไปแบบประหยัด จองตั๋วเครื่องบินนานๆจะได้ราคาถูกและเที่ยวกันเองแบบ Backpack ใครอยากติดตามก็ไปอ่านในพันทิป “เที่ยวตุรี” ได้นะครับผมเขียนรีวิวไว้ตามลิงค์นี้ไปเลย https://pantip.com/topic/42533754 หลังจากกลับมาจากเที่ยวเสร็จแล้วเราก็มานั่งปรึกษากันว่าจะจัดงานแต่งให้ออกมาแบบไหนดี หลังจากคุยกันไปก็ได้ข้อสรุปคือ

     1) เราจะไม่เหนื่อยในการจัดงาน พูดง่ายๆคือ ผมมีประสบการณ์ในการร่วมงานแต่งมาเยอะมาก เป็นทั้งแขก เพื่อเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว นำขันหมากแหวกประตู และเคยเป็นแก่มาแล้วด้วย จากประสบการณ์ทำให้ผมเห็นถึงความเหน็ดเหนื่อยของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวมาก บางครั้งเจ้าสาวจะเป็นลมเพราะตื่นตั้งแต่ตี 1 ตี 2 ไปแต่งหน้าเพื่อมาเข้าพิธีแห่ขันหมากบางบ้านกำหนดฤกษ์งามยามดี ตี 05.09 นาที ก็ต้องมาเตรียมขันหมาก ขบวน แต่งกายอะไรต่างๆมากมาย แล้วต่อด้วยพิธีสงฆ์ ข้าวปลาไม่ได้กิน แต่แน่นอนที่สุดว่าทุกสิ่งเป็นเรื่องที่ดีทั้งหมด ที่ผมกล่าวมาไม่ใช่ว่าแบบไหนดีหรือไม่ดี แต่สำหรับมุมมองผมกับพี่อั้มเราอยากให้งานแต่งเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของเราและครอบครัวแบบไม่เหน็ดเหนื่อย

     2) ประหยัด เราสองคนจะใช้เงินให้คุ้มค่าที่สุด ลดค่าใช้จ่ายต่างๆที่ไม่จำเป็นโดยเฉพาะเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม การตกแต่งสถานที่ที่ต้องใช้งบประมาณมากๆหลายๆหมื่นบาทเราจะไม่เอา เราจะใช้ของที่มีอยู่ โดยเฉพาะบ้านของเราสองคนที่เป็นน้ำพักน้ำแรงของเรา บ้านที่เราออกแบบ ตกแต่งมันด้วยมือของเรา โดยจะใช้งบประมาณสำหรับที่ต้องใช้จำเป็นเท่านั้น
 
    3) ไม่รบกวนคนอื่นๆจนเกินไป สิ่งแรกที่เราคิดคือเราจะไม่รบกวนพ่อ แม่ และคนในรอบครัวของเรามากเกินไป เราเข้าใจว่าทุกคนที่เรารักและรักเรายินดีที่จะมาช่วยมาร่วมงานของเราสองคน แต่ผมและพี่อั้มคุยกันว่าเราจะจัดงานโดยใช้เวลาน้อยที่สุด เรียบง่ายที่สุด ไม่มีพิธีอะไรมากมายเพื่อให้ทุกๆคนที่มาร่วมงานสบายๆผ่อนคลายมากที่สุด รวมถึงเราทั้งสองคนด้วย

     4) เรียบง่าย อบอุ่น มีความสุข ตามแบบฉบับครอบครัวของเรา เราสองคนโชคดีมากๆที่ครอบครัวของเราทั้ง ครอบครัววันลา และ ครอบครัวนพเกตุ ต่างให้อิสระกับเราสองคนอย่างเต็มที่ในการตัดสินใจสำหรับการแต่งงานของเราสองคน โดยมีเพียงข้อเดียวที่คุณแม่และคุณพ่อของผมขอคือ อยากให้มีงานเลี้ยงเพื่อจะได้ให้เกียรติกับบ้านเจ้าสาวและญาติๆของเรา แต่ให้อิสระกับเราได้เต็มที่ว่าจะจัดที่ไหนอย่างไร ซึ่งผมกับพี่อั้มก็ตัดสินใจตามที่คุณแม่และคุณพ่อขอ

     5) เป็นตัวเราสองคนมากที่สุด และทุกอย่างที่ออกมานั่นคือตัวตนของเรามากที่สุดจริงๆ
เมื่อนั่งปรึกษากันจนครบทุกอย่างก็มาถึงการวางแผนการจัดงานแต่งจริงๆว่าจะทำอย่างไร สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือ “ฤกษ์งามยาวมดี” ตามความเชื่อของครอบครัววันลา รีวิวครอบครัวผมกับพี่อั้มกันก่อนนะครับจะได้เข้าใจว่าทำไมแต่ง 3 รอบ 555555

     ครอบครัววันลา” คือ ครอบครัวของผมพื้นเพคนจังหวัดกาญจนบุรีโดยกำเนิด ครอบครัวฐานะปานกลางแบบชาวบ้านทั่วไปไม่มียศ พ่อและแม่เป็นพ่อค้าและชาวไร่แต่หัวสมัยใหม่ เป็นครอบครัวที่ชิวๆสบายๆ คุณพ่อจากตระกูลวันลา ส่วนคุณแม่จากตระกูลสุขเจริญ อยากบอกว่าครอบครัวสุขเจริญนี้ยิ่งชิวกันไปใหญ่สบายๆและเป็นครอบครัวใหญ่ที่รักกันมากๆ
“ครอบครัว นพเกตุ" ของพี่อั้ม ซึ่งครอบครัวนี้ก็มีแต่คนสบายๆ ชิวๆพอกันกับครอบครัวผมเลย 5555 คุณพ่อสำรวยเป็นคนจอมบึง ราชบุรี และคุณแม่จำปี เป็นชาวกระเหรี่ยงจากพม่า ซึ่งคุณแม่จำปีเป็นคริสเตียน ทำให้พี่อั้มเป็นคริสเตียนด้วย และนี่คือเหตุผลที่ทำให้เราสองคนได้เข้าพิธีในโบถส์ด้วย
ผมกับพี่อั้มตกลงกันว่าเราจะใช้บ้านของเราเป็นที่จัดงานมงคลสมรส โดยจะมีพิธีแจกแจงสินสอด การสวมแหวน และการหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ หรือ รดน้ำสังข์ เท่านั้น เราจะไม่มีการแห่ขันหมากและพิธีสงฆ์ โดยพิธีสงฆ์เราจะไปปรึกษากับคุณแม่ก่อนโดยการตัดสินใจ หลังจากนั้นเรานำเรื่องต่างๆไปปรึกษาคุณแม่ก็ได้รับคำตอบว่าตามใจลูกๆเลยแต่พิธีสงฆ์น่าจะไปปรึกษากับพระอาจารย์ก่อน พระอาจารย์ของผมคือ หลวงพ่อวิจิตร วัดรางกระต่าย เนื่องด้วยคุณแม่เกิดที่รางกระต่ายจึงมีความศรัทธาหลวงพ่อมากๆและท่านก็เป็นที่เคารพต่อครอบครัวสุขเจริญมากๆ ส่วนตัวผมเติบโตมาทั้งที่สำนักคร้อเป็นทั้งลูกศิษย์ของหลวงพ่อนิล ซึ่งท่านมรณภาพไปแล้ว และเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อวิตรวัดรางกระต่ายด้วย จึงได้เข้าไปปรึกษาถึงเรื่องฤกษ์งามยามดีและรายละเอียดต่างๆในการพิธีสงฆ์กับหลวงพ่อวิจิตร พระอาจารย์ก็ได้อนุเคราะห์ วัน มาให้คือวันที่ 5 มีนาคม 2565 ส้วนเวลานั้นตามที่สะดวก ผมจึงได้ปรึกษาว่าจะไม่จัดพิธีสงฆ์เลี้ยงพระใส่บาตรได้ไหม คำตอบที่ได้คือ “ได้สิ” ท่านตอบมาว่า เราเข้าวัดทำบุญ ตักบาตรกันอยู่แล้วไม่จำเป็นเลยที่ต้องมีพิธีสงฆ์ แต่ให้ผมนั้นมารับน้ำน้ำพระพุทธมนต์ไปให้ คุณพ่อ คุณแม่ รดให้นั่นถือว่าเป็นสิริมงคลสูงสุดแล้ว
สรุปการวางแผนการจัดงานของเราจะจัดงานแต่ง 3 ครั้ง
ครั้งที่ 1 เป็นงานมงคลสมรสตามแบบประเพณีไทย ในวันที่ 5 มีนาคม 2567 ณ บ้านของเราที่หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
ครั้งที่ 2 งานมงคลสมรมตามประเพณีของศาสนาคริสต์ (คริสเตียน) ณ คริสตจักรกาญจนพร เมืองกาญจนบุรี
ครั้งที่ 3 งานฉลองสมรส วันเสาร์ ที่ 22 กรกฏาคม 2567 ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี
เดี๋ยวจะมาเล่ารายละเอียดและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้ทุกคนที่อยากจะออกแบบงานแต่งของตัวเองเผื่อจะเอาไปปรับใช้ได้นะครับ ทำไมเราสองคนจึงตัดสินใจจัดงาน 3 ครั้ง และช่วงเวลาไม่ต่อเนื่องกันเพราะเราไม่อยากทำงานแบบเร่งรีบ ตามจริงแล้วตั้งใจอยากจะจัดงานในช่วงเดือน กรกฏาทั้งหมด แต่เนื่องด้วยฤกษ์งามยามดีที่เป็นวันของการมีชีวิตคู่สำหรับชะตาของเราสองคนตาม วัน เดือน ปี เกิด นั้น มีเพียงวันที่ 5 มีนาคม 2566 เท่านั้น พระอาจารย์ได้แจ้งว่าเป็นวันที่สิริมงคลสูงที่สุด (ตามความเชื่อของแต่ละท่านนะครับ) ผมจึงตัดสอนใจกันว่าเราจะทำพิธีมงคลสมรถในวันที่ 5 มีนาคม 2567 และจะจัดงานฉลองมงคลสมรสตามวันเวลาที่เราสะดวกทีหลัง นี่จึงเป็นสาเหตุของการจัดงานแต่งที่ห่างกัน ถึงอย่างไรก็ดีก็ตรงกับความตั้งใจของเราสองคนอยู่แล้วที่จะแยกวันพิธีมงคลสมรสกับวันฉลองมงคลสมรถด้วยเหตุผลที่เราเคยให้ไว้คือ ไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่รบกวนคนอื่นๆมาก ประหยัด เรียบง่ายและเป็นตัวเรามากทีสุด
      และแล้วก็มาถึงงานมงคลสมรส จะจัดขึ้นในวันที่ 5 มีนาคม 2566 ที่บ้านของเราสองคนที่ หมู่บ้านหนองบัว หมู่ที่ 1 ต.หนองบัว อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี โดยมีกำหนดการดังนี้
10.09 น. พิธีแจกแจงสินสอด โดยคุณพ่อและคุณแม่ ของครอบครัววันลาและนพเกตุ พร้อมด้วยญาติผู้ใหญ่
10.39 น. รดน้ำพระพุทธมนต์ หรือ รดน้ำสังข์
11.30 น. รับประทานอาหารที่เตรียมกันมา ได้แก่ ก๋วยจั๊บ ขนมจีน ซาลาเปา และเครื่องดื่มตามสบาย
เราเลือกใช้บ้านของเราสองคน แทนที่จะไปเช่าสถานที่อื่นๆเพราะ ผมและพี่อั้มอยากแต่งงานในบ้านของเราที่เราสร้างกันขึ้นมา ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่าสถานที่ พ่อ แม่ และครอบครัวเดินทางสะดวก และคุ้นเคย ลดค่าใช้จ่ายในการตกแต่ง ตลอดจนการแต่งหน้า ทำผมสะดวกสบายไม่ต้องเดินทางไกล และไม่ตื่นเช้ามาก
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการจัดงานมงคลสมรสของอานนท์และพีชานิกา ในวันที่ 5 มีนาคม 2567 รวมทั้งสิ้น 19,900 บาท รายละเอียดดังนี้
1. ค่าตกแต่งสถานที่ ได้แก่ ป้ายงาน(ติดถาวร), ดอกไม้ตกแต่งสถานที่, ชุดโต๊ะสำหรับรดน้ำสังข์ 6,000 บาท
2. ค่าช่างภาพ 2500 บาท (ได้รับความอนุเคราะห์จากพี่เสนาะ หงส์เวียงจันทร์กราบงามๆ) 2,500 บาท
3. ค่าแต่งหน้าทำผม เจ้าสาว เจ้าบ่าว ช่างแต่งหน้าจากร้านสไปร์ท ชุดงานแต่ง 6000 บาท
4. ชุดเจ้าสาวเจ้าสาวงานหมั้นจากร้านนี้ Pirunya_official ราคาเต็ม 1,090 ได้มาในราคามือสอง เนื่องจากคนที่สั่งมาใส่ไซส์ S ไม่ได้ เพราะมัน ชนิดที่ว่า ต้องเป๊ะจริงๆ ได้ในราคา 900 บาท รวมส่ง
5. ชุดเจ้าบ่าวตัดจากร้าน Sute Cute สาขาสยามสแควร์วัน ประมาณ 5,000 บาท (ใช้ในงานฉลองมงคลสมรสด้วยตัดชุดเดียวพอ ใส่ทั้ง2วันเลย)
6. อาหารฟรี คุณแม่และน้าๆทำก๋วยจั๊บ ขนมจีน และกับข้าวมาเอง ทานกันอร่อยมากๆ
7. ชุดเก้าอี้ และชุดรดน้ำสังข์ จากเพื่อนเอ ประสิทธิ์ สีสำลี ผู้ที่มีเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าโบราณสวยๆอยู่เต็มบ้าน เพื่อก็เลยอนุเคราะห์ให้สวยงามมาก
ทั้งหมดก็เป็นรายละเอียดของงานมงคลสมรสของผมและพี่อั้มก็มีภาพที่ผ่านไป 1 ปี มาฝากทุกๆคนนะครับ สำหรับใครที่กำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์ก็ลองพิจารณาดูครับ จะงานออกมาแบบไหน ใหญ่ เล็ก ก็ขอให้มีความสุขกันมากๆนะครับ มีภาพงานของเรามาฝากเล็กๆน้อยครับ


ไม่ว่าจะเป็นงานแบบไหน ใหญ่ หรือ เล็ก  สำหรับคนที่กำลังจะมีครอบครัวขอให้มีความสุขนะครับ สำหรับเรื่องเล่านี้น่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กำลังวางแผนการแต่งงานอยู่นะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่