เรื่องนี้ผ่านมาประมาณ 2 เดือนแล้ว ตอนแรกๆ ที่เกิดอาการ คงเรียกชอบไม่ได้ ความรู้สึกนี้มันซับซ้อน สับสนมากๆ ลองช่วยกันวิเคราะห์ให้หน่อยนะคะ
เรามีแฟนอยู่แล้วค่ะ คบกันมาเกือบๆ สามปี แฟนเราชอบปาร์ตี้หลังเลิกงานสังสรรค์ เขาเป็นคนที่เก่งมากๆ คนนึงเรื่องงาน ทัศนคติดี รักเพื่อนๆ รักพี่ๆ มากๆ เป็นที่ปรึกษาประจำแก๊งค์ เป็นคนของทุกคน ทำให้ปาร์ตี้หลายกลุ่มมากๆ บ่อย จนจัดตารางวันหยุด ปกติเราก็มีกินบ้างแต่เมาง่ายค่ะ เเต่พอดีเจอด่านบ่อย เราเลยหยุดกิน เพื่อขับรถพาเขากลับบ้าน ทางกลับบ้านเรา ผ่านหน้าบ้านเขา เราเลยแวะรับแวะส่งเป็นหลัก เราก็เฝ้าเขาตลอด รอกลับบ้านจนเหนื่อย ไม่ไหว รู้สึกเขาไม่สนใจไม่ใส่ใจความรู้สึกเรา เหล้าไม่หมดไม่กลับ ต่อให้เรางอแงแค่ไหนก็ตาม นอยบ่อย แต่เพราะความขี้อ้อนและน่ารักของเขา ทำให้เราหายเอง ปล่อยวางเอง เวลาอยู่ด้วยกันก็สนุก แฮปปี้ ดีนะคะ
จนวันหนึ่ง เราตัดสินใจย้ายงาน เพราะเรื่องเงิน งานเก่าเป็นเซลล์ค่ะ ไม่มีเงินเดือน แต่ค่าคอมเยอะ เราก็จบ ป.ตรี บัญชี มา ก็ทำงานได้หลายอย่าง เลยกะว่า ออกมาทำงานประจำ ให้มีเงินเดือนเป็นฐาน แล้วส่งลูกค้าให้เขาแทน ช่วงก่อนย้าย เครียดมาก กังวลมาก ต้องเป็นสังคม เปลี่ยนงาน เหมือนเปลี่ยนชีวิตเลย จากที่เคยไปทำงานด้วยกันทุกวันก็ต้องห่าง
รีวิวการทำงาน เราทำงานสัปดาห์แรก ตามสไตล์เราค่ะ ยิ้มเก่ง ร่าเริงแจ่มใส อารมณ์ขัน ใจดี ขยัน ลุยๆ หัวไว เรียนรู้งานไว ขับรถเก่ง เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องเรา 1-3 ปี ทั้งหมด แม้แต่เจ้านายก็รุ่นๆ น้องสาวเรา เจ้านายใหม่ดูท่าทางจะชอบมาก เรากลับไปที่ทำงานเก่าในวันเสาร์นั้นนั้นเลย แบบสุขภาพจิตดีขึ้นแบบพุ่งสูงปรี๊ดดดดด หน้าตามีออร่าแบบผิดหูผิดตา จนเพื่อนร่วมงานทักเยอะมาก ว่าทำไมเราดูแฮปปี้ มีความสุข สดใสขึ้นมาก เราก็ตอบแค่ ได้งานดี เงินดี เจ้านายดี และใกล้บ้านค่ะ ถามกันทั้งวัน แฟนก็ถาม เราก็ชอบแกมขำไปว่า "คงเพราะเราไม่ต้องอยู่นั่งเฝ้าเขากินเหล้าบ่อยๆ แล้วล่ะม๊างงง 555" แบบมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น (ซึ่งปัจจุบันพึ่งรู้ตัวว่าเป็นประโยคที่ออกมาจากใจจริง)
เราเริ่มงานใหม่ ทำงานเต็มเวลา ใช้ความคิดเยอะมาก ไม่ค่อยมีเวลาตอบแชท แต่ก็บอกเขาตลอดเวลาเวลางานเราคุยไม่ได้นะ คุยได้หลังเลิกงาน ก็พยายามคุย ตอบเท่าที่ทำได้ ยกเว้นช่วงเขาสังสรรค์กับเพื่อนจะไม่ค่อยคุยกัน ซึ่งเวลามันน้อยมากๆ ก็ไม่เป็นไร พยายามเข้าใจ เราก็โฟกัสงานไปก่อน จิตใจอยู่กับงาน สังคมใหม่ๆ พยายามเข้ากับเพื่อนร่วมงานให้ได้
เราเริ่มงานไปสองสัปดาห์ค่ะ คนเก่าที่สอนงานก็ออก เจ้านายที่ไม่ค่อยเข้ามา ก็เข้ามาทำงานด้วยทุกวัน ก่อนส่งงาน สั่งซื้อสอนค้า ให้ส่งงานให้เขาตรวจทุกวัน เราจะทำทุกวัน มีงานตอนไหน เคลียร์ตอนนั้น แม้จะพักเที่ยง หรือเลิกงานไปแล้ว เจ้านายก็ชมเยอะมากๆ เราก็ดีใจ เขาดูชอบสไตล์การทำงานเรามาก มาทำงานด้วยกัน ทุกวันๆ คุยไป อมยิ้มไป ถามเรื่องส่วนตัวเราหลายเรื่อง บ้าน ครอบครัว แฟน ความชอบ มีเพื่อนที่ไหนบ้าง ทำงานทุกที่ที่ผ่านมา ทำงานอะไรมาบ้าง มีปัญหาแก้ไขยังไง บุคลิก ความคิด ทัศนคติ คุยกันหลายเรื่องมากๆ เขาดูชื่นชอบ ชื่นชมเรามากๆ ก็ไม่อยากคิดอะไร ก็แค่เขาคงเจอลูกน้องที่ถูกใจมากๆ ล่ะมั๊ง เขาก็มีภรรยาแล้วนะคะ มีลูกขวบกว่าๆ 1 คน เราก็เลยไม่ได้สนใจเรื่องชู้สาว เราเลยตอบหมด ไม่ได้คิดอะไร จนมันเริ่มสนิทกันเรื่อยๆ เฟรนลี่เรื่อยๆ ดูใส่ใจเรา สังเกตเรา ชมการแต่งตัว บอกให้ถักเปีย วันนี้เปลี่ยนรองเท้า วันนี้เปลี่ยนต่างหู วันนี้แต่งหน้าดูดีนะ แวะๆ วนๆ ยิ้มหวานๆ อยู่ใกล้ๆ
จนวันนึงเราเกิดอาการ จะนอนก็นอนไม่หลับ ใจสั่น หลับๆ ตื่นๆ 1 ชม ครั้ง 2 ชม ครั้ง ปกตินอน 4-5 ทุ่ม ตื่น 6 โมงทุกวัน กินข้าวก็ไม่ค่อยลง จนน้ำหนักลงไป 5 กิโล แล้วเกิดประเด็น ย่าเราเสียพอดี เลยบอกๆ เขาไปว่าคงเพราะย่าเสีย เราก็คิดงั้น เขาก็สังเกตอาการเรา ว่าเราเสียใจมั๊ย เศร้ามั๊ย ค่อยส่งกำลังใจให้ คุยที่ออฟฟิศบ้าง แชทบ้าง เเต่ความเรายิ้มเก่งตลอด เราดูไม่เป็นไร เราหันไปมองหน้าเขา สายตาเขามองเราตลอดในงานศพย่า เขาชมเราว่าเราเเข็มแรงและสดใสมากๆ เลยน๊าาา เขาชื่นชมจิตใจเรามาก หลังจากนั้นก็คุยกันเฟรนลี่ตลอดนิดๆ หน่อยๆ แต่ทุกวัน อาการที่เราเป็นก็ไม่หายสักที ผ่านไป 1 เดือนก็ไม่หาย จนเราเริ่มรู้สึก ว่าหรือเรามีใจให้เขา เพราะเราก็รู้สึกว่าเขามีใจให้เหมือนกัน เราซึ่งไม่เคยเจ้าชู้ เลยเข้าใจว่าตัวเองคล้ายๆ แบบแพนิค เขามีคู่ เรามีคู่ มันไม่ควรรักกันได้ แต่มันดันรู้สึก ซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้ เรารู้สึกว่า ในใจเรามีผู้ชายอยู่ 2 คน ซวยละ
เราเลยตัดสินใจ คุยกับเขาตรงๆ ซึ่งเขาก็สารภาพมา ว่าชอบเราตั้งแต่คุยกันแรกๆ พอดีมีเรื่องนิดหน่อย เกเรในที่ทำงาน เราผู้ไปเป็นแนวร่วม แต่ดันเป็นพี่ใหญ่สุด ก็ออกตัวรับแทนน้องๆ ก็คงประทับใจตั้งแต่วันนั้นแหละ บวกกับรู้สึก ถูกชะตาเรา บอกเคมีตรงกัน แต่เราก็บอกเขาไปว่า ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ คือ เราไม่ได้แสดงทีท่ารังเกลียด แต่บอกเขาว่ามันไม่ได้นะคะ คุณมีครอบครัวแล้ว คุณมีปัญหาอะไรในบ้านรึป่าว แนะนำให้ไปแก้ปัญหาในบ้าน ทำไมจู่ๆ ถึงมารู้สึกแบบนี้กับเรา เราไม่สามารถตอบรับความคาดหวังหรือสถานะอื่นไม่ได้นะคะ ไม่มีรสนิยม รักซ่อนชู้ มีกิ๊ก แอบแซ่บ ก็คุยตรงๆ เราก็ไม่รู้ว่าเจ้าชู้ หรือ มีปัญหาชีวิตคู่ ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากมีส่วนในปัญหาครอบครัวคนอื่น
เขาก็ยอมรับ และขอโทษ ขอบคุณเราที่เตือนสติ แล้วบอกว่าพอเราพูดแบบนั้นไป เขาก็ตอบว่า สมแล้วที่ผมมีใจให้ และสารภาพว่าเขาคิดชั่วอะไรไม่รู้ เขารู้สึกว่าเขาชอบเรามาก ไม่ว่ายังไงก็จะ ทำให้เราชอบเขาให้ได้ เออ เพื่ออะไรวะ แล้วเราก็ดันรู้สึกดีไปจริงๆ ซะด้วย แต่ด้วยความปฏิเสธไปแล้ว เขาก้ไม่ได้ล้มเลิก พูดแค่ว่า จะไม่พาทำผิดนะ ขอซัพพอร์ต ขอทำอะไรดีๆ ให้เท่าดีทำได้ ซึ่งเราก็จะย้ำตลอดเรื่องสถานะ การวางตัว คือเขาอายุ 25 เอง เลยคิดว่าเขายังจัดการความรู้สึกไม่ได้ เราขอทำตัวปกตินะ รู้สึกดีเหมือนกันแหละ แต่ไม่ขอคิดมากกว่านั้น หรือคาดหวังอะไร คิดๆ เป็นเรื่องปีอบปี้เลิฟของเด็กๆ ไป เราก็นิ่งๆ ไป แล้วระวังเรื่องการวางตัวเอา ขอคุยตามอัธยาศัย ไม่อยากเสียเรื่องงาน เขาเป็นแบบนี้ คือ คงเจอปัญหาในบ้าน แล้วคงมองหาความสบายใจนอกบ้านแหละ คิดงั้น
แต่ในส่วนของความรู้สึกเรากับแฟน เราตัดสินใจเลิกกับแฟนค่ะ
1. ปัญหาเรื่องวามใส่ใจ อยู่กับเพื่อนจัดๆ บ้านห่างกัน 7 กิโล ถ้าไม่เรียกร้องคือไม่มาหาเลย
2. รู้สึกไม่แฟร์ทางความรู้สึกต่อเขา คือ เรามีใจปันให้คนอื่น และไม่อยากกดดัน เกี่ยวกับความคาดหวัง เรื่องแต่งงาน เลยปล่อยเขา ให้เขาได้ใช้ชีวิตไปก่อน แต่คือ ยังคงคุยกันได้ เผื่อส่งงานให้ คือไม่ได้หักกัน
ในส่วนสุขภาพจิต เราก็มานั่งทบทวนตัวเอง ว่าใจมันเป็นอะไรกันแน่ๆ ทั้งๆ ที่รักแฟนมาก ทำไมมีใจให้คนอื่น คือ เราคงทุกข์อยู่มาก แต่ก็รักเขามาก ตามเขามาก จนเหนื่อยมากๆ พอวันนึงมีคนมาทำหน้าที่เเทนเขา ในทางความรู้สึก มันก็เกิดความรักขึ้นได้ ก็ตั้งสติ และ บอกตัวเอง ยอมรับสิ่งที่รู้สึก แต่ต้องไม่ทำสิ่งที่ผิด
อนาคคตต่อจากไป ไม่อยากคาดหวังอะไร ไม่อยากคิด ลองปล่อย ลองกลับมารักตัวเอง ทำสิ่งที่ชอบ ตั้งใจทำงาน
อ่านจบแล้วคิดเห็นอย่างไร หรืออยากแนะนำอะไร ได้นะคะ แต่รบกวนแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพ ขอบคุณค่ะ
เคยชอบใครมากๆ จนกินไม่ได้ นอนไม่หลับไหมคะ // เรารักใครสองคนพร้อมกันได้มั๊ยคะ
เรามีแฟนอยู่แล้วค่ะ คบกันมาเกือบๆ สามปี แฟนเราชอบปาร์ตี้หลังเลิกงานสังสรรค์ เขาเป็นคนที่เก่งมากๆ คนนึงเรื่องงาน ทัศนคติดี รักเพื่อนๆ รักพี่ๆ มากๆ เป็นที่ปรึกษาประจำแก๊งค์ เป็นคนของทุกคน ทำให้ปาร์ตี้หลายกลุ่มมากๆ บ่อย จนจัดตารางวันหยุด ปกติเราก็มีกินบ้างแต่เมาง่ายค่ะ เเต่พอดีเจอด่านบ่อย เราเลยหยุดกิน เพื่อขับรถพาเขากลับบ้าน ทางกลับบ้านเรา ผ่านหน้าบ้านเขา เราเลยแวะรับแวะส่งเป็นหลัก เราก็เฝ้าเขาตลอด รอกลับบ้านจนเหนื่อย ไม่ไหว รู้สึกเขาไม่สนใจไม่ใส่ใจความรู้สึกเรา เหล้าไม่หมดไม่กลับ ต่อให้เรางอแงแค่ไหนก็ตาม นอยบ่อย แต่เพราะความขี้อ้อนและน่ารักของเขา ทำให้เราหายเอง ปล่อยวางเอง เวลาอยู่ด้วยกันก็สนุก แฮปปี้ ดีนะคะ
จนวันหนึ่ง เราตัดสินใจย้ายงาน เพราะเรื่องเงิน งานเก่าเป็นเซลล์ค่ะ ไม่มีเงินเดือน แต่ค่าคอมเยอะ เราก็จบ ป.ตรี บัญชี มา ก็ทำงานได้หลายอย่าง เลยกะว่า ออกมาทำงานประจำ ให้มีเงินเดือนเป็นฐาน แล้วส่งลูกค้าให้เขาแทน ช่วงก่อนย้าย เครียดมาก กังวลมาก ต้องเป็นสังคม เปลี่ยนงาน เหมือนเปลี่ยนชีวิตเลย จากที่เคยไปทำงานด้วยกันทุกวันก็ต้องห่าง
รีวิวการทำงาน เราทำงานสัปดาห์แรก ตามสไตล์เราค่ะ ยิ้มเก่ง ร่าเริงแจ่มใส อารมณ์ขัน ใจดี ขยัน ลุยๆ หัวไว เรียนรู้งานไว ขับรถเก่ง เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องเรา 1-3 ปี ทั้งหมด แม้แต่เจ้านายก็รุ่นๆ น้องสาวเรา เจ้านายใหม่ดูท่าทางจะชอบมาก เรากลับไปที่ทำงานเก่าในวันเสาร์นั้นนั้นเลย แบบสุขภาพจิตดีขึ้นแบบพุ่งสูงปรี๊ดดดดด หน้าตามีออร่าแบบผิดหูผิดตา จนเพื่อนร่วมงานทักเยอะมาก ว่าทำไมเราดูแฮปปี้ มีความสุข สดใสขึ้นมาก เราก็ตอบแค่ ได้งานดี เงินดี เจ้านายดี และใกล้บ้านค่ะ ถามกันทั้งวัน แฟนก็ถาม เราก็ชอบแกมขำไปว่า "คงเพราะเราไม่ต้องอยู่นั่งเฝ้าเขากินเหล้าบ่อยๆ แล้วล่ะม๊างงง 555" แบบมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น (ซึ่งปัจจุบันพึ่งรู้ตัวว่าเป็นประโยคที่ออกมาจากใจจริง)
เราเริ่มงานใหม่ ทำงานเต็มเวลา ใช้ความคิดเยอะมาก ไม่ค่อยมีเวลาตอบแชท แต่ก็บอกเขาตลอดเวลาเวลางานเราคุยไม่ได้นะ คุยได้หลังเลิกงาน ก็พยายามคุย ตอบเท่าที่ทำได้ ยกเว้นช่วงเขาสังสรรค์กับเพื่อนจะไม่ค่อยคุยกัน ซึ่งเวลามันน้อยมากๆ ก็ไม่เป็นไร พยายามเข้าใจ เราก็โฟกัสงานไปก่อน จิตใจอยู่กับงาน สังคมใหม่ๆ พยายามเข้ากับเพื่อนร่วมงานให้ได้
เราเริ่มงานไปสองสัปดาห์ค่ะ คนเก่าที่สอนงานก็ออก เจ้านายที่ไม่ค่อยเข้ามา ก็เข้ามาทำงานด้วยทุกวัน ก่อนส่งงาน สั่งซื้อสอนค้า ให้ส่งงานให้เขาตรวจทุกวัน เราจะทำทุกวัน มีงานตอนไหน เคลียร์ตอนนั้น แม้จะพักเที่ยง หรือเลิกงานไปแล้ว เจ้านายก็ชมเยอะมากๆ เราก็ดีใจ เขาดูชอบสไตล์การทำงานเรามาก มาทำงานด้วยกัน ทุกวันๆ คุยไป อมยิ้มไป ถามเรื่องส่วนตัวเราหลายเรื่อง บ้าน ครอบครัว แฟน ความชอบ มีเพื่อนที่ไหนบ้าง ทำงานทุกที่ที่ผ่านมา ทำงานอะไรมาบ้าง มีปัญหาแก้ไขยังไง บุคลิก ความคิด ทัศนคติ คุยกันหลายเรื่องมากๆ เขาดูชื่นชอบ ชื่นชมเรามากๆ ก็ไม่อยากคิดอะไร ก็แค่เขาคงเจอลูกน้องที่ถูกใจมากๆ ล่ะมั๊ง เขาก็มีภรรยาแล้วนะคะ มีลูกขวบกว่าๆ 1 คน เราก็เลยไม่ได้สนใจเรื่องชู้สาว เราเลยตอบหมด ไม่ได้คิดอะไร จนมันเริ่มสนิทกันเรื่อยๆ เฟรนลี่เรื่อยๆ ดูใส่ใจเรา สังเกตเรา ชมการแต่งตัว บอกให้ถักเปีย วันนี้เปลี่ยนรองเท้า วันนี้เปลี่ยนต่างหู วันนี้แต่งหน้าดูดีนะ แวะๆ วนๆ ยิ้มหวานๆ อยู่ใกล้ๆ
จนวันนึงเราเกิดอาการ จะนอนก็นอนไม่หลับ ใจสั่น หลับๆ ตื่นๆ 1 ชม ครั้ง 2 ชม ครั้ง ปกตินอน 4-5 ทุ่ม ตื่น 6 โมงทุกวัน กินข้าวก็ไม่ค่อยลง จนน้ำหนักลงไป 5 กิโล แล้วเกิดประเด็น ย่าเราเสียพอดี เลยบอกๆ เขาไปว่าคงเพราะย่าเสีย เราก็คิดงั้น เขาก็สังเกตอาการเรา ว่าเราเสียใจมั๊ย เศร้ามั๊ย ค่อยส่งกำลังใจให้ คุยที่ออฟฟิศบ้าง แชทบ้าง เเต่ความเรายิ้มเก่งตลอด เราดูไม่เป็นไร เราหันไปมองหน้าเขา สายตาเขามองเราตลอดในงานศพย่า เขาชมเราว่าเราเเข็มแรงและสดใสมากๆ เลยน๊าาา เขาชื่นชมจิตใจเรามาก หลังจากนั้นก็คุยกันเฟรนลี่ตลอดนิดๆ หน่อยๆ แต่ทุกวัน อาการที่เราเป็นก็ไม่หายสักที ผ่านไป 1 เดือนก็ไม่หาย จนเราเริ่มรู้สึก ว่าหรือเรามีใจให้เขา เพราะเราก็รู้สึกว่าเขามีใจให้เหมือนกัน เราซึ่งไม่เคยเจ้าชู้ เลยเข้าใจว่าตัวเองคล้ายๆ แบบแพนิค เขามีคู่ เรามีคู่ มันไม่ควรรักกันได้ แต่มันดันรู้สึก ซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้ เรารู้สึกว่า ในใจเรามีผู้ชายอยู่ 2 คน ซวยละ
เราเลยตัดสินใจ คุยกับเขาตรงๆ ซึ่งเขาก็สารภาพมา ว่าชอบเราตั้งแต่คุยกันแรกๆ พอดีมีเรื่องนิดหน่อย เกเรในที่ทำงาน เราผู้ไปเป็นแนวร่วม แต่ดันเป็นพี่ใหญ่สุด ก็ออกตัวรับแทนน้องๆ ก็คงประทับใจตั้งแต่วันนั้นแหละ บวกกับรู้สึก ถูกชะตาเรา บอกเคมีตรงกัน แต่เราก็บอกเขาไปว่า ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ คือ เราไม่ได้แสดงทีท่ารังเกลียด แต่บอกเขาว่ามันไม่ได้นะคะ คุณมีครอบครัวแล้ว คุณมีปัญหาอะไรในบ้านรึป่าว แนะนำให้ไปแก้ปัญหาในบ้าน ทำไมจู่ๆ ถึงมารู้สึกแบบนี้กับเรา เราไม่สามารถตอบรับความคาดหวังหรือสถานะอื่นไม่ได้นะคะ ไม่มีรสนิยม รักซ่อนชู้ มีกิ๊ก แอบแซ่บ ก็คุยตรงๆ เราก็ไม่รู้ว่าเจ้าชู้ หรือ มีปัญหาชีวิตคู่ ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากมีส่วนในปัญหาครอบครัวคนอื่น
เขาก็ยอมรับ และขอโทษ ขอบคุณเราที่เตือนสติ แล้วบอกว่าพอเราพูดแบบนั้นไป เขาก็ตอบว่า สมแล้วที่ผมมีใจให้ และสารภาพว่าเขาคิดชั่วอะไรไม่รู้ เขารู้สึกว่าเขาชอบเรามาก ไม่ว่ายังไงก็จะ ทำให้เราชอบเขาให้ได้ เออ เพื่ออะไรวะ แล้วเราก็ดันรู้สึกดีไปจริงๆ ซะด้วย แต่ด้วยความปฏิเสธไปแล้ว เขาก้ไม่ได้ล้มเลิก พูดแค่ว่า จะไม่พาทำผิดนะ ขอซัพพอร์ต ขอทำอะไรดีๆ ให้เท่าดีทำได้ ซึ่งเราก็จะย้ำตลอดเรื่องสถานะ การวางตัว คือเขาอายุ 25 เอง เลยคิดว่าเขายังจัดการความรู้สึกไม่ได้ เราขอทำตัวปกตินะ รู้สึกดีเหมือนกันแหละ แต่ไม่ขอคิดมากกว่านั้น หรือคาดหวังอะไร คิดๆ เป็นเรื่องปีอบปี้เลิฟของเด็กๆ ไป เราก็นิ่งๆ ไป แล้วระวังเรื่องการวางตัวเอา ขอคุยตามอัธยาศัย ไม่อยากเสียเรื่องงาน เขาเป็นแบบนี้ คือ คงเจอปัญหาในบ้าน แล้วคงมองหาความสบายใจนอกบ้านแหละ คิดงั้น
แต่ในส่วนของความรู้สึกเรากับแฟน เราตัดสินใจเลิกกับแฟนค่ะ
1. ปัญหาเรื่องวามใส่ใจ อยู่กับเพื่อนจัดๆ บ้านห่างกัน 7 กิโล ถ้าไม่เรียกร้องคือไม่มาหาเลย
2. รู้สึกไม่แฟร์ทางความรู้สึกต่อเขา คือ เรามีใจปันให้คนอื่น และไม่อยากกดดัน เกี่ยวกับความคาดหวัง เรื่องแต่งงาน เลยปล่อยเขา ให้เขาได้ใช้ชีวิตไปก่อน แต่คือ ยังคงคุยกันได้ เผื่อส่งงานให้ คือไม่ได้หักกัน
ในส่วนสุขภาพจิต เราก็มานั่งทบทวนตัวเอง ว่าใจมันเป็นอะไรกันแน่ๆ ทั้งๆ ที่รักแฟนมาก ทำไมมีใจให้คนอื่น คือ เราคงทุกข์อยู่มาก แต่ก็รักเขามาก ตามเขามาก จนเหนื่อยมากๆ พอวันนึงมีคนมาทำหน้าที่เเทนเขา ในทางความรู้สึก มันก็เกิดความรักขึ้นได้ ก็ตั้งสติ และ บอกตัวเอง ยอมรับสิ่งที่รู้สึก แต่ต้องไม่ทำสิ่งที่ผิด
อนาคคตต่อจากไป ไม่อยากคาดหวังอะไร ไม่อยากคิด ลองปล่อย ลองกลับมารักตัวเอง ทำสิ่งที่ชอบ ตั้งใจทำงาน
อ่านจบแล้วคิดเห็นอย่างไร หรืออยากแนะนำอะไร ได้นะคะ แต่รบกวนแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพ ขอบคุณค่ะ