ถ้าประชาชนเริ่มต้น มีคะแนนเสียงเท่ากับ 1 ทุกบัตรที่หย่อนลงไป ได้มาเท่าไหร่ รับเป็น 1 เสียง
คนที่มีระดับการศ฿กษาสูงกว่าขั้นพื้นฐาน หรือ มีรายได้ต่อปีสูงกว่าเกณฑ์เสียภาษี มีเสียงเลือกตั้งได้มากกว่า 1 ทุกๆใบที่ยห่อนลงไปไม่ใช่ 1 คะแนนแต่มีน้ำหนักในการคูณเพิ่ม
เช่น
ป้าแม้น จบ มศ.1 ขายขนมครก รายได้ปีละ 42,000 ไปหย่อนบัตร ได้บัตรสีหนึ่ง มีเสียงเท่ากับ 1
เฮียโรจน์ จบปริญญาโท ได้บัตรอีกสีหนึ่ง เอามานับรวมกันแล้วทำการคูณ 1.2 เพิ่มน้ำหนักคะแนน จากความรู้ที่มากกว่า
เสี่ยอ๊อด มีรายได้ปีละ 2.3 ล้านบ้าท ได้บัตรอีกสี เอามานับรวมแล้วคูณ 1.2 เหมือนกัน เพราะ เสียภาษีมากกว่า มีความสำเร็จมากกว่า
หากเราเชื่อว่า "คน" ไม่เท่ากัน ต้องมีกลุ่มคนที่ทำหน้าที่ คัดกรอง สิ่งต่างๆโดยที่คนกลุ่มนี้ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากสเียงของประชาชน แต่เป็นการ เลือก แต่งตั้งมาโดยความเห็นชอบของกลุ่มคนกลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง
หากคน"ไม่เท่ากัน" ก็ควรมีเสียงในการนำไปนับคะแนนเลือกผู้แทนไม่เท่ากันด้วย คนฉลาด เรียนสูง ประสบความสำเร็จ ก็มีโอกาสจะมีสมองเลือกคนดี คนเก่ง คนที่ไม่บ่อนเซาะทำลาชาติและสถาบัน ในขณะที่ คนจน คนการศึกษาน้อย ก็เลือกแค่ ปาก ท้อง พอกิน พอมีอยู่ นักการเมืองก็หาเสียงเชิงนโยบายได้ ได้คนโกงกิน คนไม่ดี นักการเมืองเลวๆ เข้ามาในสภา
แต่หากไม่เห็นด้วย ทุกคน ควรมีน้ำหนักคะแนนเท่ากันในฐานะของคนที่เท่ากัน แล้ว ทำไม เราเห็นดีเห็นงามกับการเอาใครก็ไม่รู้ม มานั่งทำหน้าที่ทรงเกียรติโดยที่ถูกแต่งตั้งคัดสรรมา และ"เชื่อว่า" ท่านเหล่านั้น มากด้วยคุณสมบัติอันทรงวุฒิ เหนือกว่าคน ที่เป็นตัวแทนจากปราชนที่เลือกมา
ในเมื่อก็ไม่ได้มองคุณค่าเท่ากันอยู่ดี คนกลุ่มหนึ่ง มีอำนาจ มากกว่า โดยที่ พวกเขา ถูกจิ้มมาทำหน้าที่ เราไม่ได้เลือกพวกเขามา
เราให้คนมีการศึกษา มีเสียงมากกว่า 1 ในการเลือกตั้งดีมั้ย?
คนที่มีระดับการศ฿กษาสูงกว่าขั้นพื้นฐาน หรือ มีรายได้ต่อปีสูงกว่าเกณฑ์เสียภาษี มีเสียงเลือกตั้งได้มากกว่า 1 ทุกๆใบที่ยห่อนลงไปไม่ใช่ 1 คะแนนแต่มีน้ำหนักในการคูณเพิ่ม
เช่น
ป้าแม้น จบ มศ.1 ขายขนมครก รายได้ปีละ 42,000 ไปหย่อนบัตร ได้บัตรสีหนึ่ง มีเสียงเท่ากับ 1
เฮียโรจน์ จบปริญญาโท ได้บัตรอีกสีหนึ่ง เอามานับรวมกันแล้วทำการคูณ 1.2 เพิ่มน้ำหนักคะแนน จากความรู้ที่มากกว่า
เสี่ยอ๊อด มีรายได้ปีละ 2.3 ล้านบ้าท ได้บัตรอีกสี เอามานับรวมแล้วคูณ 1.2 เหมือนกัน เพราะ เสียภาษีมากกว่า มีความสำเร็จมากกว่า
หากเราเชื่อว่า "คน" ไม่เท่ากัน ต้องมีกลุ่มคนที่ทำหน้าที่ คัดกรอง สิ่งต่างๆโดยที่คนกลุ่มนี้ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากสเียงของประชาชน แต่เป็นการ เลือก แต่งตั้งมาโดยความเห็นชอบของกลุ่มคนกลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง
หากคน"ไม่เท่ากัน" ก็ควรมีเสียงในการนำไปนับคะแนนเลือกผู้แทนไม่เท่ากันด้วย คนฉลาด เรียนสูง ประสบความสำเร็จ ก็มีโอกาสจะมีสมองเลือกคนดี คนเก่ง คนที่ไม่บ่อนเซาะทำลาชาติและสถาบัน ในขณะที่ คนจน คนการศึกษาน้อย ก็เลือกแค่ ปาก ท้อง พอกิน พอมีอยู่ นักการเมืองก็หาเสียงเชิงนโยบายได้ ได้คนโกงกิน คนไม่ดี นักการเมืองเลวๆ เข้ามาในสภา
แต่หากไม่เห็นด้วย ทุกคน ควรมีน้ำหนักคะแนนเท่ากันในฐานะของคนที่เท่ากัน แล้ว ทำไม เราเห็นดีเห็นงามกับการเอาใครก็ไม่รู้ม มานั่งทำหน้าที่ทรงเกียรติโดยที่ถูกแต่งตั้งคัดสรรมา และ"เชื่อว่า" ท่านเหล่านั้น มากด้วยคุณสมบัติอันทรงวุฒิ เหนือกว่าคน ที่เป็นตัวแทนจากปราชนที่เลือกมา
ในเมื่อก็ไม่ได้มองคุณค่าเท่ากันอยู่ดี คนกลุ่มหนึ่ง มีอำนาจ มากกว่า โดยที่ พวกเขา ถูกจิ้มมาทำหน้าที่ เราไม่ได้เลือกพวกเขามา