สวัสดีค่ะหนูขอมาเล่าเรื่องราวของหนูนะคะและอยากถามผู้ใหญ่ทุกคนว่าควรทำยังไงดี และหาวิธีรับยาจากจิตแพทย์โดยไม่ให้ผู้ปกครองรับรู้ค่ะ เรื่องมันเริ่มตอนที่หนูอายุ4ขวบครอบครัวหนูค่อนข้างมีปัญหาพ่อกับแม่ทะเลาะกันทำร้ายกันแทบทุกวันเลือดตกยางออกทุกอาทิตย์ซึ่งหนูในวัย4ขวบได้เห็นเหตุการณ์นั้นบ่อย และครอบครัวก็ไม่สนใจ จนมาถึง6ขวบพ่อแม่แยกทางกัน หนูโดนพ่อลักพาตัวมาเลี้ยง (ขอเรียกว่าลักพาตัวเพราะตอนนั้นหนูไม่เต็มใจและติดแม่มาก) พ่อเอาหนูเป็นตัวประกันหวังให้แม่คืนดีด้วยถ้ายังอยากอยู่กับหนู แต่แม่หนูไม่สนใจ หนูก็อยู่กับพ่อไปจนกระทั่ง7ขวบ หนูเข้าเรียนตามปกติในภาคเรียนที่1จากนั้นภาคเรียนที่2หนูก็ไม่ได้เรียน ไปเตร็ดเตร่กับพ่อ เพราะพ่อโดนยึดห้อง ซึ่งตอนนั้นหนูก็ไม่เข้าใจอะไรหรอกค่ะ พ่อให้ทำอะไรหรือไปไหนหนูก็ตามๆไป ซึ่งก่อนหน้านั้นที่ยังมีห้องอยู่ หนูก็นอนคนเดียวมาตลอด แต่โชคดีน้าอยู่ข้างห้อง เลยมีข้าวกินและอยู่รอด ไม่ได้ติดต่อกับแม่เลย แม่ไม่ติดต่อมาค่ะ หลังจากนั้นพ่อก็เหมือนไปขอเงินแม่แล้วขู่ว่าจะฆ่าหนูถ้าแม่ไม่ให้เงิน แม่ก็เลยยื่นข้อเสนอว่าจะเอาหนูกลับไปอยู่ด้วย ซึ่งพ่อก็ยอมหนูก็เลยมาอยู่กับแม่และมาเรียนอีกครั้ง แม่เช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ค่ะ ห้องไม่กว้างมากอยู่ชั้นสอง มันปีนขึ้นมาง่ายมากค่ะ เหมือนพ่อรักหนู และอยากง้อแม่ด้วย ก็ปีนมันขึ้นมาชั้นสองริมระเบียงเพื่อมาหาแม่ ตอนนั้นหนูตื่นมาพอดีแล้วเห็นพ่อกำลังทำอะไรแปลกๆกับแม่ และแม่หลับอยู่ พ่อก็บอกว่าอย่าไปปลุกแม่นะ ไม่อยากอยู่กันแบบครอบครัวหรอ และเป็นครั้งแรกที่มีอาการแพนิค หนูช็อคและเกิดอาการ Freeze ในใจหนูต้องการจะปลุกแม่ให้แจ้งตำรวจหรือทำอะไรสักอย่าง หนูทำอะไรไม่ได้และตัวแข็งนั่งนิ่งๆอยู่ตรงที่นอน พูดไม่ออก ตอนนั้นมันทรมาณมากค่ะ และมันก็บ่อยขึ้น แม่เลยบอกว่าหนูเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อทำแบบนี้ ก็เลยส่งหนูไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด ซึ่งตอนนั้นหนูก็ไม่ได้เรียนเช่นเคย เพราะเหตุผลอะไรหนูก็ไม่ทราบ หนูอยู่ไปหลายเดือนเลยมั้งคะ พอพ่อรู้ก็มารับหนูไปอยู่ด้วย แต่ก็ไปไม่รอด สุดท้ายก็กลับมาอยู่กับแม่อยู่ดี หนูได้เรียนต่อ พอป.4 มีครูคนนึงเขาสอนภาษาอังกฤษ เขาชอบใช้คำรุนแรงดูถูกนักเรียน และตะโกนเสียงดัง มันเหมือนกับพ่อหนูที่ทำกับแม่ หนูเลยไม่ชอบเสียงตะโกน จนเป็นเหตุผลให้หนูหยุดเรียนค่ะ คืออาทิตย์1จะไปเฉพาะตอนที่ครูคนนั้นไม่สอน ซึ่งแม่ไม่สนใจเพราะเขาต้องทำงานของเขา พอไม่ไปโรงเรียนบ่อยก็เริ่มเรียนตามเพื่อนไม่ทัน ตอนนั้นเครียดมาก ไม่อยากทำอะไร คิดมากตลอดเวลา คิดว่าตัวเองเป็นตัวปัญหา (ซึ่งมันก็จริง) มันเป็นแบบนี้ลากยาวไปจนถึงป.6 ลืมบอกระหว่างทางก็มีติดต่อกับพ่อบ้างนะคะ เวลาหนูไปโรงเรียนหนูมีอาการแพนิคกลัวสังคม ความรู้สึกเวลาไปโรงเรียนแล้วต้องเข้าแถว เหมือนจะตายตรงนั้น หัวใจเต้นแรงมาก ประมาณช่วงป.5หนูเคยถูกบูลลี่อยู่ช่วงนึงค่ะ มันไม่รุนแรงหรอก เพียงแค่เพื่อนไม่เล่นกับหนู และใช้คำพูดรุนแรงกับหนู บางครั้งก็โดนผลักบ้าง ทำให้อาการแพนิคนั้นหนักขึ้นไปอีก พอจบป.6หนูก็เริ่มกลัวสังคมไม่ยอมออกไปไหน ประจวบเหมาะกับที่เป็นช่วงโควิดพอดีหนูก็อยู่บ้านยาวๆ และมีการย้ายบ้านกระทันหัน เลยได้ไปเรียนโรงเรียนวัด หนูไม่เคยเรียนม.1เลยจนขึ้นม.2 มันเริ่มต้องเรียนที่โรงเรียนหนูยังคงมีอาการแพนิคอยู่ และหยุดเรียน แต่โชคดีที่คะแนนสอบหนูเยอะเลยยังผ่านช่วงชั้นมาได้ หนูไม่มีเพื่อนเลยทำอะไรคนเดียวตลอด หนูเคยเอาไปบอกแม่เรื่องนี้แม่ก็บอกว่า "ไม่มีเพื่อนก็ดีแล้ว" แต่หนูก็ยังติดมากอยู่ดีเพราะไม่มีกลุ่ม ไม่รับรู้ข่าวสารอะไรเลย ตอนนั้นหนูเริ่มรู้ตัวแล้วว่าหนูควรทำอะไรสักอย่างกับอาการนี้เพราะมีผลต่อการใช้ชีวิต อ๋อหนูลืมบอก จำตอนที่ป.3หนูไม่มาเรียนไม่เต็มอาทิตย์ได้มั้ยคะ นั่นแหละหนูทำแบบนั้นจนถึงป.6เลย ซึ่งตั้งแต่ขึ้นป.4ก็เริ่มมีความคิดที่อยากฆ่าตัวตุย เคยลงมือทำตอนป.6 แบบเด็กน้อย กรอกยาพาราไปสองเม็ด5252535 ตอนนั้นหนูไม่รู้ว่าต้องกินยาเท่าไหร่ถึงจะตุย และมันเหลือสองเม็ดพอดีด้วย สรุปก็ไม่ตุย นึกแล้วก็ตลกดีค่ะ ต่อๆนะคะ พอถึงม.3หนูเริ่มเข้ากับเพื่อนได้นิดนึง แต่สุดท้ายพอม.3เทอมสองแม่ก็พาหนูย้ายบ้านอีกครั้ง ตอนนั้นย้ายเข้ามาในเมือง สังคมต่างจากบ้านนอกที่หนูอยู่มาก และกดดันมากๆเช่นกัน ไม่มีเพื่อนเช่นเคยค่ะ ตั้งแต่ย้ายมาหนูก็เริ่มมีความคิดฆ่าตัวตุยมากขึ้น ข้าวไม่กิน นอนมากกว่าปกติ คืออยู่รร
เรียนเสร็จก็นอนมีเวลาไหนให้นอนก็นอนเลยค่ะ พอย้ายมากรุงสภาพการเงินก็ย่ำแย่ ไม่มีข้าวกินไปอีก แถมยังกดดันตัวเองให้สวยขึ้น งงมั้ยคะ คือพอไม่สวยอะไรๆก็แย่ไปหมดเลยค่ะ พอเริ่มดูแลตัวเองก็เริ่มมีคนสนใจและคุยด้วยมากขึ้น ทำให้หนูเริ่มที่จะกดดันตัวเองให้ดีกว่านี้ เพื่อได้รับความรัก อาการแพนิคยังอยู่นะคะ แต่พอเริ่มสวยและได้รับการปฏิบัติดีๆก็เริ่มจางนิดนึงค่ะ แต่พอได้ยินเสียงตะโกนก็ยังคงมีอาการอยู่ดีแต่ไม่หนักมาก มาถึงปัจจุบัน หนูอายุ16ปี อาการมันเริ่มหนักขึ้น ไม่ใช่อาการแพนิค แต่เป็นอาการซึมเศร้าค่ะ อันนี้คือเรื่องคร่าวๆให้ทุกคนได้เข้าใจถึงสาเหตุที่หนูอยากไปพบจิตแพทย์นะคะ อาการซึมเศร้าหนูเริ่มหนักขึ้น ร้องให้บ่อยขึ้น นอนเยอะขึ้น โทษตัวเองมากขึ้น และกดดันตัวเองมากขึ้น ข้าวไม่กิน แม่ไม่สนใจเหมือนเดิมค่ะ สมองเริ่มสะกดจิตให้ฆ่าตัวตายทุกวัน สมมุติว่าเดินผ่านตึกสูง เหมือนมีเสียงคนมากระซิบว่าขึ้นไปบนตึกนั้นสิแล้วกระโดดลงมาจะได้พ้นจากโลกใบนี้อะไรอย่างงี้ค่ะ มันก็เป็นหนักขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้หนูเริ่มหมกมุ่นกับวิธีฆ่าตัวตาย จะตายแบบไหนดี จะเริ่มวันไหนดี จะทำตอนไหนดี และช่วงปิดเทอมด้วยยิ่งฟุ้งซ่าน พอรู้ตัวก็อยากจะไปรักษาแล้วค่ะ หนูหวังว่าหนูจะยังไม่ตายในอนาคต ตอนนี้สติครบมากค่ะ แต่อนาคตหนูไม่แน่ใจเลย เลยมาเขียนบทความนี้เพื่อหาวิธีเอาตัวรอด ถือว่าช่วยๆกันนะคะ
วิธีไปหาจิตแพทย์โดยไม่ให้ผู้ปกครองรู้ และรับยาโดยไม่ให้ผู้ปกครองรู้ อ่านจบจะขอบคุณมากค่ะ รบกวนไม่ใช้คำรุนแรงกับหนูนะคะ