JJNY : 5in1 “ธนาธร”ย้ำแก้มือ│"ณัฐชา"สงสัย"พท."ตั้งใจร่างสคริปต์│เจาะเงินดิจิทัล│ฝนถล่มอินโดนีเซีย│บราซิลประสบน้ำท่วมใหญ่

“ธนาธร” ย้ำเลือก สว.รอบนี้คือโอกาสแก้มือของคนเคยรับ รัฐธรรมนูญ 60 ลั่น แม้กระบวนการอัปลักษณ์มั่วซั่ว
https://ch3plus.com/news/political/morning/398460
 
 
“ธนาธร” ย้ำเลือก สว.รอบนี้คือโอกาสแก้มือของคนเคยรับ รัฐธรรมนูญ 60 ลั่น แม้กระบวนการอัปลักษณ์มั่วซั่ว แต่จะนั่งอยู่เฉยไม่ได้ บอกดีกว่าเสียดายทีหลังที่ปล่อยให้ประเทศไทยติดล็อก สว.อีก 5 ปี

วันที่ 4 พฤษภาคม 2567 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมกิจกรรมพบปะพูดคุยกับประชาชนที่สนใจลงสมัครรับการเลือกเป็น สว. ในการรณรงค์ สว.ประชาชนในจังหวัดภาคตะวันออก โดยในช่วงเช้าได้ร่วมการบรรยายที่คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี ต่อด้วยที่ อ.แกลง จ.ระยอง ในช่วงบ่าย

โดยการเดินสายรณรงค์ในรอบนี้ นายธนาธรยังคงย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการมี สว.ประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาปมการเมืองที่สำคัญที่เกิดจากองค์กรอิสระที่ไม่มีความเป็นธรรมและเป็นกลาง รวมทั้งการที่ สว. เองเป็นอุปสรรคของการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

ช่วงหนึ่งของการบรรยาย นายธนาธรระบุว่าเมื่อครั้งที่มีการประชามติรัญธรรมนูญ 2560 ทุกคนต่างทราบดีว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ทั้งที่มาของ สว. และองค์กรอิสระ แต่คนไทยจำนวนมากก็ถูกกล่อมให้ “รับๆ ไปก่อนแล้วค่อยมาแก้ทีหลัง” และสุดท้ายไม่ว่าจะมีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญไปกี่ครั้งก็ตาม สว. ก็ไม่เคยปล่อยให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สักครั้ง นอกจากการแก้ไขระบบเลือกตั้งเพียงครั้งเดียว

ปัญหาขององค์กรอิสระที่เป็นสองมาตรฐาน หากจะแก้ที่มาก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญ จะแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นต้องผ่านด่าน สว. แต่ก็แก้ไม่ได้ จะแก้ที่มาของ สว. ก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญ แต่ก็แก้ไม่ได้เพราะ สว. ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นปมที่พันกันยุ่งเหยิงไปหมด และทุกอย่างก็เริ่มต้นทึ่ สว.

นายธนาธรกล่าวต่อไป ว่านี่คือโอกาสของทุกคนที่เคยลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ในวันนั้นแล้ว ที่จะได้แก้มือ ถ้าไม่ออกมาลงมือลงแรงวันนี้ก็จะต้องรออีก 5 ปีข้างหน้า ลงมือลงแรงตั้งแต่วันนี้ดีกว่าอีก 5 ปีข้างหน้าประเทศไทยยังแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ การเมืองไทยไม่พัฒนา แล้วมาบ่นเสียดายทีหลังว่ารู้งี้ทำตั้งแต่มิถุนายน 2567 ดีกว่า

แม้กระบวนการจะอัปลักษณ์มั่วซั่ว แต่จะนั่งดูอยู่เฉยๆ ก็ไม่ได้ แม้เรารู้ดีว่าระบบการเลือกจะไม่ตรงกับหลักการประชาธิปไตยแต่ก็ต้องทำ เพราะนี่เป็นโอกาสที่จะพาประเทศไทยไปข้างหน้าได้จริงๆ ผมเชื่อว่าถ้าองค์กรอิสระต่างๆ เหล่านี้กลับมาทำหน้าที่อย่างเป็นธรรมเป็นกลางเมื่อไหร่ การเมืองไทยจะดีขึ้นมาก ไม่มีอำนาจนอกระบบมาใช้กลั่นแกล้งทางการเมือง พื้นที่สภาจะถูกใช้ในการหาทางออกร่วมกันอย่างสันติมากขึ้น“ นายธนาธรกล่าว

นายธนาธรยังกล่าวต่อไป ว่าจากปรากฏการณ์ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าฝ่ายผู้มีอำนาจต้องการทำให้การเลือก สว.ครั้งนี้เงียบที่สุด จะได้ไปทำการคัดเลือกกันเงียบๆ แล้วเอาคนของตัวเองเข้าไปเป็น สว. ขายเสียงขายสิทธิของตัวเองตามอำนาจสั่งมา แม้จะเหลือเวลาอีก 10 กว่าวัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรไม่ได้เลย วันนี้ตนขอเชิญชวนทุกคน ถ้ามีญาติพี่น้องที่เข้าเกณฑ์คุณสมบัติก็ขอให้ชวนกันมาลงสมัคร จะด้วยความอยากเป็น สว. หรือด้วยความอยากมีส่วนร่วมก็ตาม ยิ่งมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ระบบมีความเป็นกลางเป็นธรรมมากขึ้นเท่านั้น



"กาย ณัฐชา" สงสัย "เพื่อไทย" ตั้งใจร่างสคริปต์บีบ “ผู้ว่าธปท.” - เห็นด้วยตัวเอง หวด นายกฯ ปากพล่อย หัวหน้าพรรคปากเปราะ
https://ch3plus.com/news/political/morning/398475

"กาย ณัฐชา" สงสัย "เพื่อไทย" ตั้งใจร่างสคริปต์บีบ “ผู้ว่าธปท.” เห็นด้วยตัวเอง หวด นายกฯ ปากพล่อย หัวหน้าพรรคปากเปราะ ชี้ มีแต่คนไร้ความสามารถที่โบ้ยบาปให้คนอื่น มองไม่เหมาะสม เห็นหลายเวทีแล้ว “เศรษฐา” มีปัญหากับผู้ว่าฯ ธปท.

4 พ.ค. 2567 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี น.ส.เเพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ในทำนองเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ บนเวที ” 10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10

โดยนายณัฐชา กล่าวว่า ความจริงแล้ว งานแสดงผลงานที่ช่วงชิงอำนาจจากผู้ชนะการเลือกตั้งมา 10 เดือนนั้นไม่แปลกใจสำหรับคนที่ทำจัดงานเพื่อแก้ตัว แก้ต่างให้ตัวเอง แต่การพูดบนเวที ในเรื่องที่ไม่ควรพูด ในฐานะหัวหน้าพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งทั่วโลกเขารู้ว่านโยบายทางการเงินนโยบายทางการคลัง ไม่มีการแทรกแซงกัน วันนี้หลายคนอาจรู้ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ อาจไม่ค่อยชอบผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และยิ่งตอกย้ำไปกันใหญ่ว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยพูดแบบนี้ ไม่รู้ว่าเป็นสคริปต์ที่เตรียมเอาไว้ หรือเพิ่งฟังกันในวงกาแฟหน้าห้องพรรคเพื่อไทย ที่ผู้บริหารพรรคเพื่อไทยอาจพยายามที่จะทำอย่างไรก็ได้ ที่บีบผู้ว่าฯ ธปท.ให้เห็นด้วยกับนโยบายของตนเอง ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น การจัดเวทีแสดงผลงานไม่ควรที่แสดงออกมาแบบนี้ไม่ใช่แค่ทำให้ประชาชนคนไทยเดือดร้อนแต่มีนักลงทุนต่างชาติที่ดูอยู่ด้วย

เมื่อถามว่าการพูดนี้ ถือว่าเป็นการโยนบาป ให้กับธปท.หรือไม่ นายณัฐชา ตอบว่า มีแต่คนไร้ความสามารถที่ ที่โทษเรื่องราวต่างๆให้คนอื่น แทนที่จะพิสูจน์ด้วยข้อมูลว่าตัวเองนั้น พยายามผลักดันนโยบายนั้นนโยบายนี้ เพราะอะไร และเป็นผลบวกต่อประเทศอย่างไร ไม่ใช่ใช้เวที ทุกเวที ในการด้อยค่า ต่อว่า ป่าวประกาศ ว่าทุกอย่างเป็นความผิดของอีกคนหนึ่ง ซึ่งคนที่มีความสามารถความรู้เขาจะไม่ทำกัน เราเห็นนายกฯ ในหลายๆ เวทีแล้ว ที่มีปัญหากับผู้ว่าฯ ธปท. แต่วันนี้ หนึ่งในผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทยเอง มาพูดแบบนี้ตนคิดว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และยิ่งตอกย้ำเหมือนที่ตนเคยอภิปรายไปว่า นายกฯ มีโรคขาดวุฒิภาวะ โดยมีองค์ประกอบอยู่หลายข้อ หนึ่งในนั้นก็คือ โรคปากเปราะ แต่ที่เพิ่มเติมมาวันนี้คือมีหัวหน้าพรรคปากพล่อย อีกต่างหาก



Money Trick เจาะเงินดิจิทัล10,000 บาท เงื่อนไขร้านค้าเอื้อนายทุน?
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/223067

Money Trick จะมีคุยกันเรื่องของ “ร้านค้า” ที่จะเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท กับหลายๆ คำถามว่า ร้านเล็กร้านน้อย รายย่อย ได้ประโยชน์จริง หรือท้ายที่สุดเป็นการเอื้อนายทุน
  
ร้านค้าแบบใด? เข้าร่วมโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทได้ ตามที่รัฐบาลกำหนด มี 3 ประเภท ร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี คือ
 
1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax: VAT)
2. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax: PIT) เฉพาะผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร
3. ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax CIT)
 
กำหนดชัดแบบนี้ทำไมมีคำถามว่า เอื้อนายทุน หรือเปล่า?

SCB EIC ระบุว่า ร้านค้าท้องถิ่นและร้านสะดวกซื้อจะเป็นกลุ่มธุรกิจหลักที่ได้ประโยชน์จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
 
มีผลสำรวจจาก SCB EIC ของธนาคารไทยพาณิชย์ ค่ะ บอกว่า ร้านค้าท้องถิ่นและร้านสะดวกซื้อจะเป็นกลุ่มธุรกิจหลักที่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้ เพราะเขาไปสำรวจผู้ตอบแบบสอบถาม บอกว่า เลือกใช้จ่ายเงินโครงการในร้านค้าท้องถิ่นราว 40%
 
ส่วนร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ และ 7-11 ต้องยอมรับว่าร้านเหล่านี้แหละค่ะที่เป็นที่จับตามอง ผลสำรวจบอกว่า ราว 26% ของประเภทร้านค้าที่เลือกใช้จ่ายทั้งหมด
 
ขณะที่กลุ่มร้านอาหารและร้านขายยาเป็นกลุ่มรองที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการฯ
 
ส่วนร้านอุปกรณ์ยานยนต์และร้านอุปกรณ์การเกษตร คาดว่าจะได้อานิสงส์อยู่บ้าง เพราะกลุ่มที่อยู่ในกรุงเทพ หัวเมืองใหญ่ จะไปใช้กับร้านยานยนต์ ส่วนผู้มีสิทธิฯ อยู่ต่างจังหวัด/รายได้น้อยจะเลือกใช้จ่ายในร้านอุปกรณ์การเกษตร
 
ในส่วนของร้านค้าส่ง/ค้าปลีกขนาดใหญ่ เช่น ห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต เป็นต้น แม้จะไม่ได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายของผู้มีสิทธิในโครงการฯ แต่คาดว่าจะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากร้านค้าท้องถิ่นขนาดเล็กที่ต้องนำเงินรายได้จากการขายสินค้าให้ผู้มีสิทธิฯ มาใช้จ่ายต่อไปยังร้านค้าอื่น ๆ เช่น การซื้อสินค้าเพื่อสต็อกสินค้าในร้านค้า เป็นต้น
 
อีกข้อสังเกตหนึ่งคือ การกำหนดพื้นที่การใช้จ่ายของโครงการฯ ที่ต้องตามทะเบียนบ้าน ซึ่งผลสำรวจเป็นข้อจำกัดอย่างมาก เพราะกลุ่มที่ทำงานในกรุงเทพ อาศัยในกรุงเทพ ไม่มีร้านค้าที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการในพื้นที่ที่กำหนด
 
ขณะที่ ความเห็นของนาย สมชาย พรรัตนเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมค้าส่ง- ค้าปลีกไทย ระบุว่า อยากให้รัฐบาลทบทวนเงื่อนไข  เพราะไม่งั้นจะเป็นตราบาปของคนที่อนุมัติโครงการนี้ โดยมองว่า เม็ดเงินที่ใช้ในโครงการนี้ 500,000 ล้านบาท อาจตกไปอยู่ในมือของคนรวยไม่กี่คนในบ้านเมืองนี้ ไม่ต่ำกว่า 250,000 ล้านบาท 
 
ขณะที่ ร้านค้าที่ทีมข่าวพีพีทีวี ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นร้านขายของชำ และร้านโชห่วย ส่วนใหญ่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เห็นด้วย



ฝนถล่มอินโดนีเซีย ทำ ‘น้ำท่วม-ดินถล่ม’ ดับแล้ว 15 ราย
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4560370
 
ฝนถล่มอินโดนีเซีย ทำ ‘น้ำท่วม-ดินถล่ม’ ดับแล้ว 15 ราย
 
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในอินโดนีเซียทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 15 ราย หลังเกิดเหตุดินถล่มและน้ำท่วมหนักในพื้นที่ภาคกลางของประเทศ ขณะที่มีรายงานว่าบ้านเรือนหลายสิบหลังและถนนได้รับความเสียหายด้วย

เหตุดินถล่มเกิดขึ้นที่เขตหลู่หวู่ใน จ.สุลาเวสีใต้ หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม ทำเกิดน้ำท่วมสูงถึง 3 เมตร ส่งผลกระทบกับพื้นที่ 13 ตำบล ทางการต้องอพยพผู้คนมากกว่า 100 คนไปอาศัยในมัสยิดหรือบ้านญาติ และมีครอบครัวมากกว่า 1,300 ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ
บ้านเรือนมากกว่า 1,000 หลังคาเรือนที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งในจำนวนนี้ 42 หลังคาเรือนได้รับความเสียหายเชิงโครงสร้าง โดยบ้านแยกออกจากฐานรากของอาคาร นอกจากนี้ถนน 4 สาย และสะพาน 1 แห่งก็ได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน
 
ดับดุล มูฮารี โฆษกสำนักงานบรรเทาสาธารณภัยของอินโดนีเซีย ระบุในแถลงการณ์ว่า เหตุดินถล่มในเขตหลู่หวู่เกิดขึ้นหลังเวลา 01.00 น. ของวันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เสียชีวิต 14 รายจากน้ำท่วมและดินถล่ม
 
ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิตในพื้นที่อื่นๆ ใน จ.สุลาเวสีใต้อีกอย่างน้อย 1 ราย และมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน
 
ทั้งนี้ อินโดนีเซียเผชิญกับสภาพอากาศสุดขั้วหลายครั้งในช่วงฤดูฝน โดยผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ามีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้น อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากภาวะโลกร้อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่