แก้ปัญหาลูกน้องเป็นคนเงียบ ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น แต่ทำงานเก่งยังไงดีคะ

สวัสดีค่ะคือเราเปิดบริษัทเล็กๆแห่งนึง พนักงานประมาณ 10 กว่าคน ส่วนใหญ่พนักงานก็จะมีความสามารถอยู่ในระดับกลางๆตามมาตรฐาน วันนึงมีเด็กผู้ชายคนนึงมาสมัครคือโปรไฟล์ดีมาเลยจบมหาลัยท็อประดับประเทศ ยอมรับว่าเห็นใบสมัครครั้งแรกตกใจเลยเพราะบริษัทเราเป็นบริษัทเล็กๆไม่ได้มีชื่อเสียงพนักงานส่วนใหญ่จะจบจากม.เอกชน ราชมงคล ราชภัฎ ส่วนม.รัฐระดับ TOP ไม่เคยมีมาสมัคร

พอมาทำงานก็เก่งจริง เรียนรู้ไว ไหวพริบดีประยุกต์พลิกแพลงเก่ง สอนอะไรแปปๆก็ทำเป็นเลย มีความคิดสร้างสรรค์ในงานดี พูดง่ายๆว่าถ้าเทียบกับพนักงานคนอื่นในบริษัทที่อายุไล่เลี่ยกัน น้องเก่งกว่าชัดเจน นิสัยน้องคือจะเป็นคนเงียบๆพูดน้อย ขี้อาย ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ซึ่งด้วยความสามารถเราอยากจะปั้นเค้าให้เติบโต และให้เค้าอยู่กับเราไปนานๆ

แต่ปัญหาคือเนื่องจากน้องเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับใคร เวลาว่างน้องจะชอบปลีกตัวไปนั่งเล่นอยู่คนเดียว ไม่มารวมกลุ่มกับคนอื่นในบริษัท ไม่เคยไปเที่ยว hangout ตอนเย็นกับเพื่อนในบริษัท ไม่เคยไปเที่ยว ตจว. หรือ ตปท. กับคนในบริษัท น้องจะไปแค่งานเลี้ยงบริษัทหรือทริปประจำปีของบริษัทเท่านั้น ทำให้สิ่งที่เราได้ feedback จากพนักงานคนอื่นคือเวลานั่งทำงานกับน้องคนอื่นจะรู้สึกอึดอัด บรรยากาศอึมครึมเนื่องจากน้องไม่ค่อยพูด ถามคำ-ตอบคำ และคนอื่นรู้สึกว่าน้องไม่เป็นส่วนนึงของทีม เวลาเดินไป-กลับผ่านใครที่ออฟฟิศก็ไม่ทักทายเดินผ่านคนอื่นเหมือนผ่านอากาศไปเลย

เราควรจะแก้ปัญหานี้ยังไงดีคะ เราเคยเรียกน้องมาคุยเรื่องนี้แล้ว น้องบอกน้องพูดไม่เก่ง เราควรจะทำยังไงดีคะให้ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้อย่างราบรื่นสบายใจทั้งฝ่ายน้อง และพนักงานคนอื่น เพราะเอาจริงๆด้วยความสามารถที่น้องมีซึ่งเก่งจริงเราก็อยากจะรั้งให้เค้าอยู่กับเราให้ได้นานที่สุด
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
การอยู่มานานกว่าหรือการมีกลุ่มก้อน มันทำให้คนเก่าๆ ในบริษัทคุณรู้สึกเก๋า จน complain ในสิ่งที่ไม่ใช่ปัญหาจริงๆ

คนที่มีปัญหาคือคนที่ทำให้งานมีอุปสรรคค่ะ

ที่น้องควรปรับปรุงคงมีแค่ไม่ทักทายใคร และถามคำตอบคำ (เช่น ประชุมแล้วเงียบ ไม่รายงานสถานะงาน แต่ถ้าไม่ได้เป็นแบบนี้กับเรื่องงานมันก็โอเคอีกอยู่ดี)

ต้องระวังนะคะ อย่าสร้างปัญหาที่ไม่มีจริงให้เกิดขึ้นมา แค่เพราะที่ทำงานมันราบรื่นน่าเบื่อเกินไป
- นั่งข้างคนเงียบแล้วอึดอัดมันมีได้จริงหรอ ในความเป็นไปได้ มันมีแต่อึดอัดที่ต้องนั่งข้างคนทำงานเสียงดัง ชอบเปิดเพลงคลอ กินขนมกลิ่นแรง ชอบปรับแอร์ ฯลฯ
- สังคมสมัยใหม่แคร์ความหลากหลายนะคะ นอกจากเราจะหลากหลายทางเพศ อายุ เชื้อชาติ นิสัยการเข้าสังคมมันก็หลากหลายได้ค่ะ มีพื้นที่ให้คนหลายๆ แบบหน่อย
ความคิดเห็นที่ 18
ให้เขาออก จ่ายค่าชดเชย ชีวิตเขาจะได้ไม่ต้องเจอบริษัทแบบคุณอีก (พูดตรงๆ)

ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่น้องเขา เพราะมันคือการทำงาน แต่บริษัทคุณไม่แยกการทำงานกับเรื่องส่วนตัว พนักงานคุณคาดหวังให้เพื่อนร่วมงาน เข้ามาตอบสนองความปรารถนาส่วนตัว เช่น ไปต่างประเทศ ไม่ต่อตอนเย็น เป็นต้น คุณจ้างพนักงานนะ ไม่ใช่จ้างเด็กบาร์โฮท เด็กเอ็นต์ ที่เขาจะต้องมาเติมเต็มความปรารถนาส่วนตัวของคุณ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คนอื่น แต่อยู่ที่ mindset ตัวเอง ให้เรียกให้คนอื่นมาตอบสนอง mindset ตัวเองอีก ปล่อยวางเป็นไหมครับ เห็นโลกแบบที่มันเป็นแล้ววางเฉยได้ไหมครับ ชีวิตเป็นคนยุติธรรมกับคนอื่นได้บ้างไหมครับ

ผมเคยทำงานกับเจ้านายอายุ 50 ไม่มีสามี ไม่เคยต้องมือชาย แต่ต้องการให้พนักงานชายมาวนซ้ายวนขวาตัวเองตลอด ชอบถึงมือถึงไม้ ชอบให้ไปเป็นเพื่อนซื้อของ อยู่เป็นเพื่อนก่อนกลับบ้าน เขาเรียกสิ่งนี้ว่า การทำงานกับผู้อื่น การทำงานเป็นทีม ผมทนไม่ไหวก็ออกมา ดีไม่ได้ต้องเอากันเพื่อให้ได้เงินเดือนต่อ

ถ้าไม่ให้ออกไป ก็ไปอธิบายกับคนในทีมว่า คนเรามันไม่เหมือนกัน แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว เพราะชีวิตอยากเป็นคนยุติธรรมและไม่อยากทำบาปกับคนอื่นๆ

ช่วยไปทบทวนให้มากๆ จากใจคนที่เคยต้องไปวนซ้ายวนขวากับเจ้านายผู้หญิงแก่คนหนึ่ง
ความคิดเห็นที่ 4
ฟังคุณเล่าแล้วเหมือนเห็นตัวเอง ...หมายถึงน้องคนนั้นคล้ายผมสมัยก่อนครับ แต่อาจจะไม่ตึงเท่าตรงที่ยังทักทายพี่ ๆ นอกนั้นคล้ายกัน ผมไม่ไปเที่ยว และไม่แม้แต่จะไปกินข้าวกลางวันร่วมกับใครเลยครับ

สิ่งที่พอจะแนะนำได้ก็คือ เมื่องานเขาดีอยู่แล้วขอให้ให้อิสระเขาในเรื่องนิสัยส่วนตัว เพราะการพยายามทำให้คนไทป์นี้เข้าหาสังคมมันอาจยิ่งเป็นการผลักเขาออกไปครับ

คนจะอยู่นานมากน้อยแค่ไหนอยู่ที่ความสบายใจ อะไรคือความสบายใจของเขา ขอให้ให้เขาครับ (ย้ำ อีกครั้งว่าหมายถึงเมื่อวินัยและความรับผิดชอบในที่ทำงานเขาไม่บกพร่อง)
ความคิดเห็นที่ 2
งาน คือ งาน ส่วนเรื่องสร้างสรรเป็นเรื่องส่วนบุคคล และงานกิจกรรมบริษัทเขาก็ให้ความร่วมมือปกติ

ในวงสร้างสรรคนไม่กินเหล้า/เบียร์ คุณจะไปบังคับให้เขากินหรือครับ ทั้งที่สามารถกินน้ำเปล่า/น้ำผลไม้ร่วมกลุ่มกันได้

แล้วอีกอย่างโปร์ไฟล์ระดับนี้ คุณคิดว่าเขาจะอยู่กับคุณตลอดหรือครับ ผมอ่านแล้วรู้สึกได้ว่าเขาแค่ต้องการประสบการณ์มากกว่าจะเข้าเป็นส่วนหนึ่งในสังคมที่ทำงานของคุณ

ถ้าจะให้เขาเข้าร่วมกิจกรรมในสังคมเพื่อนร่วมงานต้องให้เขาเข้าด้วยตนเอง ไลฟสไตส์ไม่ตรงกันอย่าไปบังคับให้เขาเป็นแบบที่ต้องการ ไม่ใช่การสร้างสรรพบปะลูกค้า

แค่เพื่อนร่วมงานครับ วันดีคืนดีแทงหลังกันยับ หลายคนก็ค่อยข้างระวังรักษาระยะห่างส่วนตัว จะได้ทำงานร่วมกันได้

และอีกวิธีถ้าคุณจะให้เขาไปก็บอกเขาขอความร่วมมือ แต่ต้องเป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนร่วมนะและคุณต้องไปด้วย

ไม่ใช่สายปาร์ตี้เฮฮาของพนักงานทั่วไป ถ้าไม่สนิทหรือรู้จักกันเป็นผมก็ไม่ไป เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์กับตัวเองดีกว่า

ภาษีสังคมสมัยนี้มันสูง หมดเงินกับเรื่องไร้สาระเยอะ เก็บเงินสำรองยามจำเป็นสำคัญกว่า

ถ้าผมเข้าใจผิดก็ขออภัยครับ
ความคิดเห็นที่ 15
ทำไมไม่รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาเลย ตราบใดที่เค้าทำงานดี และไม่ก้าวร้าว ไม่วุ่นวายเรื่องคนอื่นโดยไม่จำเป็น

สังคมที่ทำงาน ไม่ต้องเข้ามากหรอกค่ะ ยิ่งสนิทกันยิ่งเละ แบ่งพรรคแบ่งพวก จะทำอะไรก็ลำบาก

ยิ่งไปเที่ยว ถ้าไม่ใช่เอ้าท์ติ้ง ไม่เห็นความจำเป็นต้องไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมงานเลย ไปทำไม เจอกันเยอะกว่าคนในครอบครัวอีก ให้เค้าเอาเวลาไปเที่ยวกับครอบครัว แฟน เพื่อนสมัยเรียนบ้าง ดีกว่านะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่