‘ธนาธร’ ลั่นเดินหน้าปลุกปชช.ลงสมัครสว.ต่อ มั่นใจไม่ผิด แค่อยากได้คนที่เป็นกลาง ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ไม่รับใบสั่งใคร
https://www.matichon.co.th/politics/news_4551964
‘ธนาธร’ ลั่นเดินหน้าปลุกปชช.ลงสมัครสว.ต่อ มั่นใจไม่ผิด แค่อยากได้คนที่เป็นกลาง ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ไม่รับใบสั่งจากใคร เชื่อร่วมแก้รธน.60 เพื่ออกจากระบอบประยุทธ์
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 30 เมษายน ที่รัฐสภา นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เตือนว่าไม่ควรเชิญชวนคนมาลงสมัคร สว. ว่า ตนเพิ่งเดินทางกลับมาจากลงพื้นที่ภาคอีสาน โดยไปที่จ.หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร มุกดาหาร ปรากฎว่ามีผู้ตอบรับดีมาก และสนใจที่จะลงสัคร สว.อิสระเป็นจำนนมาก ซึ่งรู้สึกดีใจที่การรณรงค์ของคณะก้าวหน้าทำให้ประชาชนตื่นตัวและเข้าใจการเลือกสว.ครั้งนี้มากขึ้น
ส่วนที่มองว่าการรณรงค์ดังกล่าวเป็นกลุ่มการเมืองที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเลือก สว. นาย
ธนาธร กล่าวว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเรารณรงค์ให้คนทุกอุดมการณ์ไปสมัครสว. และยิ่งมีคนไปสมัคร มีส่วนร่วมกับการเลือกสว. มากเท่าไหร่ ตนคิดว่าสุขภาพของการเลือก สว.จะมีดีมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นขอเชิญชวนทุกคน ไม่ว่าจะสนับสนุนพรรคอะไร จะมีอุดมการณ์ทางการเมืองแบบไหน หากท่านมีคุณสมบัติ เราเชิญชวนทุกคนให้ไปลงสมัคร สว.ด้วยกัน
“
หากถามว่ากลัวหรือไม่จะถูกตั้งข้อครหาว่ารณรงค์ให้มี สว.สีส้ม ก็ขอเรียนว่าวัตถุประสงค์ที่เรารณรงค์เราไม่ได้ต้องการให้ สว.เลือกฝักเลือกฝ่าย และเราไม่ต้องการให้มีกกต.เลือกฝักเลือกฝ่าย เราไม่ต้องการศาลรัฐธรรมนูญที่เข้าข้างนายธนาธร เราไม่ต้องการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ที่เข้าข้างพรรคก้าวไกล แต่เราต้องการสว.ที่เป็นกลาง และต้องการ กกต.ที่ตัดสินด้วยการยึดหลักที่ถูกต้อง รวมทั้งต้องการ ป.ป.ช.ศาลรัฐธรรมนูญที่มั่นคง เป็นธรรม คืนความยุติธรรมให้กับสังคม เพราะเรารู้ว่าถ้าองค์กรต่างๆเหล่านี้สนับสนุนพวกเราก็จะมีปรากฎการณ์ลงถนนกันอีก”
นาย
ธนาธร กล่าว
นาย
ธนาธร กล่าวว่า ดังนั้นการจะฟื้นฟูความเป็นปกติ ความเป็นประชาธิปไตย นำประเทศไทยให้กลับมาเหมือนเดิม มีอยู่ทางเดียวเท่านั้นคือคืนความเป็นธรรม ซึ่งมีแต่ความเป็นธรรมและความยุติธรรมเท่านั้น ที่จะนำมาซึ่งความสมานฉันท์ของคนในชาติ และมีแต่ความยุตธิธรรมเท่านั้นที่จะนำมาซึ่งความปรองดองของคนในชาติ เราต้องการให้องค์กรต่างๆเหล่านี้ ซึ่งสมาชิกองค์กรต่างๆ เหล่านี้จำนวนมาก ต่างถูกแต่งตั้งโดย สว.ชุด67 ดำรงตำแน่งโดยหยึดหลักความถูกต้อง ความเที่ยงธรรม การเมืองไทยก็จะกลับเข้ามาสู่ความปกติ ซึ่งตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นแรก ดังนั้นของย้ำว่าเราไม่ต้องการกกต.สีส้ม ศาลรัฐธรรมนูญสีส้ม แต่เราต้องการให้ทุกฝักทุกฝ่ายเป็นนกลางยึดความถูกต้อง
นาย
ธนาธร กล่าาวว่า กกต.ควรสนับสนุนตนในการเชิญชวนมาเลือก สว. เพราะเป็นหน้าที่ของ กกต.การรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัวเข้ามามีส่วนร่วม อย่างที่ตนทำอยู่เป็นสิ่งที่นำไปสู่การพัฒนาระบบการเมืองไทย ทำให้คนตื่นตัวเห็นถึงความสำคัญของการเลือก สว. ดังนั้นต้องบอกว่าอยากให้ กกต.มองบทบาทของเราคือการทำให้คนตื่นตัวทางการเมือง ซึ่งจะเป็นผลดี ดังนั้นตนไม่เข้าใจว่าการไปรณรงค์ให้คนสมัคร สว.และเลือกสว. อย่างไร และควรจะเป็นหน้าที่ของกกต.และหน้าที่ของรัฐบาลด้วยซ้ำไป
เมื่อถามถึงกรณีที่มีคนไปยื่นร้ององค์การอิสระ และศาลรัฐธรรมูญให้ตรวจสอบกติกาการเลือก สว.จะทำให้การเลือก สว.ในครั้งนี้สะดุดหรือไม่ นาย
ธนาธร กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของเรา เพราะหน้าที่ของเราในฐานะคนไทยคือรณรงค์ให้คนตระหนักถึงการเลือก สว.และตระหนักว่า สว.67 จะมีส่วนในการพัฒนาการเมืองไทยและมีส่วนในการฟื้นฟูประชาธิไตยอย่างมาก ตัวอย่างเช่น จะแก้รัฐธรรมนูญได้หรือไม่ได้ ผ่านหรือไม่ผ่านก็อยู่ที่สว.ชุดถัดไปที่เรากำลังจะเลือกกัน เราจะมีสว.ที่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 ออกจากระบอบประยุทธ์ เป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไมก็ขึ้นอยู่กับสว.70 คนเห็นด้วยหรือไม่ เราจะมีการแต่งตั้งกรรมการที่ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต่างๆ อย่างเป็นธรรม ทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรงไม่รับใบสั่งทางการเมือง ไม่มีสองมาตรฐานอีกต่อไปในอนาคตหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับ สว. ดังนั้นตนจึงคิดว่าเรื่องนี้สำคัญมาก และเป็นเรื่องที่อยากให้พี่น้องคนไทยตระหนักและเข้าใจในเรื่องนี้
นาย
ธนาธร กล่าวว่าระเบียบของกกต.ที่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้จจะไม่กล่าวตรงๆ ก็อนุมานได้หมายไม่ถึงไอลอลว์ และเว็ปไซด์Senate.67 com เพราะเว็ปไซด์นี้ให้ผู้ประสงค์ ที่จะลงสมัครสว.มีพื้นที่ในการประกาศเจตนารมณ์ของตัวเองและประกาศจุดยื่นของตัวเอง ในแง่หนึ่งเป็นนการส่งเสริมการเลือกสว.โดยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้มากขึ้นด้วยซ้ำ
“
ยังนึกไม่ออกว่าเหตุใด กกต.ต้องการปิดเว็ปไซด์นี้หรือต้องการห้ามคนที่มารณรงค์ให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ คิดได้อย่างเดียวว่าผู้มีอำนาจต้องการให้การเลือกสว.ครั้งนี้เป็นไปแบบเงียบๆ แคบๆ ทำกันไม่กี่คน เหมือนเลือกสว.ครั้งที่ล้ว เราเห็นว่าการเลือกสว.” นาย
ธนาธร กล่าว
ร้านไข่ไก่กำแพงเพชร มีสต๊อกเก่ายังขายราคาเดิม แต่หลีกเลี่ยงขึ้นราคาไม่ได้
https://www.thairath.co.th/agriculture/agricultural-product-prices/2781930
ราคาไข่จังหวัดกำแพงเพชร ยังไม่ได้มีการปรับขึ้นราคาตามข่าว สาเหตุไข่เก่ายังมีขายในสต๊อกต้นทุนเดิม แต่รอบต่อไปต้องปรับราคาขึ้นตามราคาท้องตลาด เนื่องจากต้นทุนไข่ไก่มาจาก ราคาอาหารสัตว์และค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น
จากที่มีข่าวเรื่องไข่หน้าฟาร์มขายส่งจะมีการปรับขึ้นราคาอีก ภายในเดือนเมษายน ปรับขึ้น 2 รอบแล้ว ฟองละ 20 สตางค์ หรือแผงละ 6 บาทมีผลวันนี้ สาเหตุคาดว่ามาจากค่าอาหารแพงขึ้น ค่าน้ำมันแพงขึ้น อีกทั้งค่าขนส่งที่แพงขึ้น ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่จะต้องมีการปรับขึ้นของราคาไข่
จากการออกสำรวจร้านจำหน่ายไข่ณัฐพล ไข่สด ในตลาดศูนย์การค้าจังหวัดกำแพงเพชร พ่อค้าขายไข่ต่างกล่าวว่า ถึงแม้ข่าวที่ออกมาในเรื่องของการปรับขึ้นราคาไข่จากเดิมตั้งแต่เบอร์ ใหญ่สุด ถึงเบอร์ เล็กสุดอีกฟองละ 20 สตางค์ ขณะนี้ทางร้านยังไม่ได้ปรับ เนื่องจากไข่เก่าที่รับมาจำหน่ายยังมีอยู่ หากมีการปรับราคาขึ้นเกรงจะส่งผลกระทบต่อลูกค้าที่มารับไข่ไปบริโภค โดยขณะนี้ไข่เบอร์ 0 จะจำหน่ายอยู่ที่แผงละ 140 บาท เบอร์ 1 จำหน่ายแผงละ 130 เบอร์ 2 จำหน่ายแผงละ 120 เบอร์ 3 จำหน่ายแผงละ 110 เบอร์ 4 จำหน่าย แผงละ 100 บาท ตามลำดับขึ้นอยู่กับขนาดของไข่
แต่ถึงแม้ว่าจะยังไม่ปรับขึ้นราคาในช่วงนี้ แต่ต่อไปคงจะต้องปรับขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากต้นทุนรับมาจำหน่ายมีราคาที่สูงขึ้น ขณะที่ไข่เป็ดแม้ว่าจะฟองใหญ่กว่าไข่ไก่ ราคาไข่เป็ดไล่ทุ่งแผงละ 100 บาท ราคาไข่เป็ดหน้าฟาร์ม 120-130 บาท แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะนิยมรับประทานไข่เป็ดมากกว่า.
IMF หั่น GDP ไทยปีนี้เหลือ 2.7% ชี้เศรษฐกิจมีแนวโน้มอ่อนแอลง
https://ch3plus.com/news/economy/morning/397847
วันนี้ (30 เม.ย.) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเอเชีย จะขยายตัวได้ 4.5% ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 0.3 % จากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อ 6 เดือนก่อน ขณะที่คงคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเอเชียในปีหน้า ไว้ดังเดิมที่ 4.3% เนื่องจากยังคงมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดีย และมุ่งความสนใจไปที่ความจำเป็นในการออกมาตรการกระตุ้นมากขึ้นจากจีน
IMF ระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ในปี 2567 สดใสขึ้น เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่า จีนจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ โดย IMF ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีน สู่ 4.6% ในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.4% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และคงคาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้าที่ 4.1% ขณะเดียวกันได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดียปีนี้ สู่ 6.8% ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.5% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และขยายตัว 6.5% ในปีหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.2 จุดเปอร์เซ็นต์
โดย IMF ระบุด้วยว่า อินเดียเป็นประเทศเศรษฐกิจหลักที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ซึ่งการลงทุนสาธารณะยังคงเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ โดยปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 5 ของโลก ด้วยมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และตั้งเป้าจะเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก ภายในปี 2570
IMF มองเอเชียในมุมบวก เนื่องจากการใช้นโยบายการเงินเชิงคุมเข้ม, ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง และภาวะติดขัดด้านห่วงโซ่อุปทานบรรเทาลง รวมถึงเงินเฟ้อที่ลดลง แม้ว่าอุปสงค์จะเติบโตในระดับสูงก็ตาม
อย่างไรก็ตาม IMF เตือนว่าปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่สุดสำหรับเศรษฐกิจเอเชีย คือ วิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีน ซึ่งจะบั่นทอนอุปสงค์และเพิ่มโอกาสที่จะเกิดภาวะเงินฝืดยาวนาน ซึ่งเพิ่มโอกาสที่จะกระทบเศรษฐกิจประเทศอื่น ๆ ผ่านการค้าทางตรง
แต่สำหรับประเทศไทย IMF ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ ลงเหลือขยายตัว 2.7% ซึ่งลดลง 0.5% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดย IMF ระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มอ่อนแอลง เนื่องจากแนวโน้มการใช้มาตรการกระตุ้นด้านการคลังลดน้อยลง ส่วนในปี 2568 นั้น IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลงเหลือ 2.90% ซึ่งลดลง 0.2% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ขณะที่ เวียดนาม IMF คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 5.8% ในปีนี้ ซึ่งเท่ากับการคาดการณ์ก่อนหน้า และ 6.5% ในปีหน้า ซึ่งลดลง 0.4% จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
JJNY : ‘ธนาธร’ลั่นปลุกปชช.ต่อ│ไข่ไก่กำแพงเพชร เลี่ยงขึ้นไม่ได้│IMF หั่น GDP ไทย│อินเดีย-บังกลาเทศ-ฟิลิปปินส์ยังร้อนจัด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4551964
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 30 เมษายน ที่รัฐสภา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เตือนว่าไม่ควรเชิญชวนคนมาลงสมัคร สว. ว่า ตนเพิ่งเดินทางกลับมาจากลงพื้นที่ภาคอีสาน โดยไปที่จ.หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร มุกดาหาร ปรากฎว่ามีผู้ตอบรับดีมาก และสนใจที่จะลงสัคร สว.อิสระเป็นจำนนมาก ซึ่งรู้สึกดีใจที่การรณรงค์ของคณะก้าวหน้าทำให้ประชาชนตื่นตัวและเข้าใจการเลือกสว.ครั้งนี้มากขึ้น
ส่วนที่มองว่าการรณรงค์ดังกล่าวเป็นกลุ่มการเมืองที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเลือก สว. นายธนาธร กล่าวว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเรารณรงค์ให้คนทุกอุดมการณ์ไปสมัครสว. และยิ่งมีคนไปสมัคร มีส่วนร่วมกับการเลือกสว. มากเท่าไหร่ ตนคิดว่าสุขภาพของการเลือก สว.จะมีดีมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นขอเชิญชวนทุกคน ไม่ว่าจะสนับสนุนพรรคอะไร จะมีอุดมการณ์ทางการเมืองแบบไหน หากท่านมีคุณสมบัติ เราเชิญชวนทุกคนให้ไปลงสมัคร สว.ด้วยกัน
“หากถามว่ากลัวหรือไม่จะถูกตั้งข้อครหาว่ารณรงค์ให้มี สว.สีส้ม ก็ขอเรียนว่าวัตถุประสงค์ที่เรารณรงค์เราไม่ได้ต้องการให้ สว.เลือกฝักเลือกฝ่าย และเราไม่ต้องการให้มีกกต.เลือกฝักเลือกฝ่าย เราไม่ต้องการศาลรัฐธรรมนูญที่เข้าข้างนายธนาธร เราไม่ต้องการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ที่เข้าข้างพรรคก้าวไกล แต่เราต้องการสว.ที่เป็นกลาง และต้องการ กกต.ที่ตัดสินด้วยการยึดหลักที่ถูกต้อง รวมทั้งต้องการ ป.ป.ช.ศาลรัฐธรรมนูญที่มั่นคง เป็นธรรม คืนความยุติธรรมให้กับสังคม เพราะเรารู้ว่าถ้าองค์กรต่างๆเหล่านี้สนับสนุนพวกเราก็จะมีปรากฎการณ์ลงถนนกันอีก”
นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร กล่าวว่า ดังนั้นการจะฟื้นฟูความเป็นปกติ ความเป็นประชาธิปไตย นำประเทศไทยให้กลับมาเหมือนเดิม มีอยู่ทางเดียวเท่านั้นคือคืนความเป็นธรรม ซึ่งมีแต่ความเป็นธรรมและความยุติธรรมเท่านั้น ที่จะนำมาซึ่งความสมานฉันท์ของคนในชาติ และมีแต่ความยุตธิธรรมเท่านั้นที่จะนำมาซึ่งความปรองดองของคนในชาติ เราต้องการให้องค์กรต่างๆเหล่านี้ ซึ่งสมาชิกองค์กรต่างๆ เหล่านี้จำนวนมาก ต่างถูกแต่งตั้งโดย สว.ชุด67 ดำรงตำแน่งโดยหยึดหลักความถูกต้อง ความเที่ยงธรรม การเมืองไทยก็จะกลับเข้ามาสู่ความปกติ ซึ่งตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นแรก ดังนั้นของย้ำว่าเราไม่ต้องการกกต.สีส้ม ศาลรัฐธรรมนูญสีส้ม แต่เราต้องการให้ทุกฝักทุกฝ่ายเป็นนกลางยึดความถูกต้อง
นายธนาธร กล่าาวว่า กกต.ควรสนับสนุนตนในการเชิญชวนมาเลือก สว. เพราะเป็นหน้าที่ของ กกต.การรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัวเข้ามามีส่วนร่วม อย่างที่ตนทำอยู่เป็นสิ่งที่นำไปสู่การพัฒนาระบบการเมืองไทย ทำให้คนตื่นตัวเห็นถึงความสำคัญของการเลือก สว. ดังนั้นต้องบอกว่าอยากให้ กกต.มองบทบาทของเราคือการทำให้คนตื่นตัวทางการเมือง ซึ่งจะเป็นผลดี ดังนั้นตนไม่เข้าใจว่าการไปรณรงค์ให้คนสมัคร สว.และเลือกสว. อย่างไร และควรจะเป็นหน้าที่ของกกต.และหน้าที่ของรัฐบาลด้วยซ้ำไป
เมื่อถามถึงกรณีที่มีคนไปยื่นร้ององค์การอิสระ และศาลรัฐธรรมูญให้ตรวจสอบกติกาการเลือก สว.จะทำให้การเลือก สว.ในครั้งนี้สะดุดหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของเรา เพราะหน้าที่ของเราในฐานะคนไทยคือรณรงค์ให้คนตระหนักถึงการเลือก สว.และตระหนักว่า สว.67 จะมีส่วนในการพัฒนาการเมืองไทยและมีส่วนในการฟื้นฟูประชาธิไตยอย่างมาก ตัวอย่างเช่น จะแก้รัฐธรรมนูญได้หรือไม่ได้ ผ่านหรือไม่ผ่านก็อยู่ที่สว.ชุดถัดไปที่เรากำลังจะเลือกกัน เราจะมีสว.ที่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 ออกจากระบอบประยุทธ์ เป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไมก็ขึ้นอยู่กับสว.70 คนเห็นด้วยหรือไม่ เราจะมีการแต่งตั้งกรรมการที่ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต่างๆ อย่างเป็นธรรม ทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรงไม่รับใบสั่งทางการเมือง ไม่มีสองมาตรฐานอีกต่อไปในอนาคตหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับ สว. ดังนั้นตนจึงคิดว่าเรื่องนี้สำคัญมาก และเป็นเรื่องที่อยากให้พี่น้องคนไทยตระหนักและเข้าใจในเรื่องนี้
นายธนาธร กล่าวว่าระเบียบของกกต.ที่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้จจะไม่กล่าวตรงๆ ก็อนุมานได้หมายไม่ถึงไอลอลว์ และเว็ปไซด์Senate.67 com เพราะเว็ปไซด์นี้ให้ผู้ประสงค์ ที่จะลงสมัครสว.มีพื้นที่ในการประกาศเจตนารมณ์ของตัวเองและประกาศจุดยื่นของตัวเอง ในแง่หนึ่งเป็นนการส่งเสริมการเลือกสว.โดยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้มากขึ้นด้วยซ้ำ
“ยังนึกไม่ออกว่าเหตุใด กกต.ต้องการปิดเว็ปไซด์นี้หรือต้องการห้ามคนที่มารณรงค์ให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ คิดได้อย่างเดียวว่าผู้มีอำนาจต้องการให้การเลือกสว.ครั้งนี้เป็นไปแบบเงียบๆ แคบๆ ทำกันไม่กี่คน เหมือนเลือกสว.ครั้งที่ล้ว เราเห็นว่าการเลือกสว.” นายธนาธร กล่าว
ร้านไข่ไก่กำแพงเพชร มีสต๊อกเก่ายังขายราคาเดิม แต่หลีกเลี่ยงขึ้นราคาไม่ได้
https://www.thairath.co.th/agriculture/agricultural-product-prices/2781930
ราคาไข่จังหวัดกำแพงเพชร ยังไม่ได้มีการปรับขึ้นราคาตามข่าว สาเหตุไข่เก่ายังมีขายในสต๊อกต้นทุนเดิม แต่รอบต่อไปต้องปรับราคาขึ้นตามราคาท้องตลาด เนื่องจากต้นทุนไข่ไก่มาจาก ราคาอาหารสัตว์และค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น
จากที่มีข่าวเรื่องไข่หน้าฟาร์มขายส่งจะมีการปรับขึ้นราคาอีก ภายในเดือนเมษายน ปรับขึ้น 2 รอบแล้ว ฟองละ 20 สตางค์ หรือแผงละ 6 บาทมีผลวันนี้ สาเหตุคาดว่ามาจากค่าอาหารแพงขึ้น ค่าน้ำมันแพงขึ้น อีกทั้งค่าขนส่งที่แพงขึ้น ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่จะต้องมีการปรับขึ้นของราคาไข่
จากการออกสำรวจร้านจำหน่ายไข่ณัฐพล ไข่สด ในตลาดศูนย์การค้าจังหวัดกำแพงเพชร พ่อค้าขายไข่ต่างกล่าวว่า ถึงแม้ข่าวที่ออกมาในเรื่องของการปรับขึ้นราคาไข่จากเดิมตั้งแต่เบอร์ ใหญ่สุด ถึงเบอร์ เล็กสุดอีกฟองละ 20 สตางค์ ขณะนี้ทางร้านยังไม่ได้ปรับ เนื่องจากไข่เก่าที่รับมาจำหน่ายยังมีอยู่ หากมีการปรับราคาขึ้นเกรงจะส่งผลกระทบต่อลูกค้าที่มารับไข่ไปบริโภค โดยขณะนี้ไข่เบอร์ 0 จะจำหน่ายอยู่ที่แผงละ 140 บาท เบอร์ 1 จำหน่ายแผงละ 130 เบอร์ 2 จำหน่ายแผงละ 120 เบอร์ 3 จำหน่ายแผงละ 110 เบอร์ 4 จำหน่าย แผงละ 100 บาท ตามลำดับขึ้นอยู่กับขนาดของไข่
แต่ถึงแม้ว่าจะยังไม่ปรับขึ้นราคาในช่วงนี้ แต่ต่อไปคงจะต้องปรับขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากต้นทุนรับมาจำหน่ายมีราคาที่สูงขึ้น ขณะที่ไข่เป็ดแม้ว่าจะฟองใหญ่กว่าไข่ไก่ ราคาไข่เป็ดไล่ทุ่งแผงละ 100 บาท ราคาไข่เป็ดหน้าฟาร์ม 120-130 บาท แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะนิยมรับประทานไข่เป็ดมากกว่า.
IMF หั่น GDP ไทยปีนี้เหลือ 2.7% ชี้เศรษฐกิจมีแนวโน้มอ่อนแอลง
https://ch3plus.com/news/economy/morning/397847
วันนี้ (30 เม.ย.) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเอเชีย จะขยายตัวได้ 4.5% ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 0.3 % จากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อ 6 เดือนก่อน ขณะที่คงคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเอเชียในปีหน้า ไว้ดังเดิมที่ 4.3% เนื่องจากยังคงมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดีย และมุ่งความสนใจไปที่ความจำเป็นในการออกมาตรการกระตุ้นมากขึ้นจากจีน
IMF ระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ในปี 2567 สดใสขึ้น เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่า จีนจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ โดย IMF ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีน สู่ 4.6% ในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.4% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และคงคาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้าที่ 4.1% ขณะเดียวกันได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดียปีนี้ สู่ 6.8% ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.5% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และขยายตัว 6.5% ในปีหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.2 จุดเปอร์เซ็นต์
โดย IMF ระบุด้วยว่า อินเดียเป็นประเทศเศรษฐกิจหลักที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ซึ่งการลงทุนสาธารณะยังคงเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ โดยปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 5 ของโลก ด้วยมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และตั้งเป้าจะเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก ภายในปี 2570
IMF มองเอเชียในมุมบวก เนื่องจากการใช้นโยบายการเงินเชิงคุมเข้ม, ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง และภาวะติดขัดด้านห่วงโซ่อุปทานบรรเทาลง รวมถึงเงินเฟ้อที่ลดลง แม้ว่าอุปสงค์จะเติบโตในระดับสูงก็ตาม
อย่างไรก็ตาม IMF เตือนว่าปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่สุดสำหรับเศรษฐกิจเอเชีย คือ วิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีน ซึ่งจะบั่นทอนอุปสงค์และเพิ่มโอกาสที่จะเกิดภาวะเงินฝืดยาวนาน ซึ่งเพิ่มโอกาสที่จะกระทบเศรษฐกิจประเทศอื่น ๆ ผ่านการค้าทางตรง
แต่สำหรับประเทศไทย IMF ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ ลงเหลือขยายตัว 2.7% ซึ่งลดลง 0.5% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดย IMF ระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มอ่อนแอลง เนื่องจากแนวโน้มการใช้มาตรการกระตุ้นด้านการคลังลดน้อยลง ส่วนในปี 2568 นั้น IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลงเหลือ 2.90% ซึ่งลดลง 0.2% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ขณะที่ เวียดนาม IMF คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 5.8% ในปีนี้ ซึ่งเท่ากับการคาดการณ์ก่อนหน้า และ 6.5% ในปีหน้า ซึ่งลดลง 0.4% จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้