JJNY : 5in1 ธนาธรเชื่อกกต.เบรคแคมเปญ│ศิริกัญญาชี้คลังมี 3 รมช.│เตรียมรับของแพง!│บ.ดังปิดกิจการฟ้าผ่า│อากาศจีนแปรปรวน

ธนาธร เชื่อ กกต.เบรคแคมเปญสมัคร ส.ว.พุ่งเป้า iLaw แม้ไม่เอ่ยชื่อ ชี้ปชช.ควรได้มีส่วนร่วม.
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4551205
 
 
ธนาธร เชื่อ กกต.เบรคแคมเปญสมัคร ส.ว.พุ่งเป้า iLaw แม้ไม่เอ่ยชื่อ ชี้ปชช.ควรได้มีส่วนร่วม
 
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 เมษายน ที่โรงแรมสกลแกรนด์พาเลซ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ลงพื้นที่เดินสายจัดกิจกรรมในชื่อแคมเปญโสเหล่ให้คัก เรื่อง ส.ว. กับธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยการจัดกิจกรรมเป็นการบรรยายเกี่ยวกับ การสมัคร ส.ว. อยากเป็น ส.ว.เอง สมัคร ส.ว. เพื่อมีสิทธิมีเสียง ผู้สมัครจะมีโอกาสลงคะแนนโหวตให้กับผู้สมัครคนอื่นๆ ทั้งในกลุ่มตัวเองและต่างกลุ่มเป็น ช่องทางเดียวที่จะได้ออกเสียงเลือกคนที่มีแนวคิด อุดมการณ์ความฝันสอดคล้องกับตัวเอง อีกทั้งผู้สมัครยังได้ลุ้นเข้ารอบ ระดับจังหวัดเพื่อไปโหวตให้กับผู้สมัครอีกหลายคนอีกหลายครั้ง ถ้าเข้ารอบระดับประเทศก็มีโอกาสเป็นเสียงตัดสินคนที่จะได้เป็น ส.ว. จริงๆ หรือมีโอกาสได้เป็น ส.ว. เพื่อทำตามความฝันของตัวเอง
 
ทั้งนี้ผู้สมัครที่ได้เข้าร่วมกระบวนการยังมีโอกาสช่วยกันจับตาสังเกตสิ่งผิดปกติหากมีการจัดตั้งหรือล็อกผล ในกลุ่มผู้สมัครคนอื่นและเป็นกลไกเดียวที่อาจป้องกันหรือเปิดโปงการโกงได้
 
ขณะที่การสรรหา ส.ว. ด้วยระบบ แบ่งกลุ่มอาชีพ และเลือกกันเอง เป็นนวัตกรรมอย่างหนึ่งที่พลพรรคของ คสช. ออกแบบไว้เพื่อหวังยึดกุม ส.ว. ในระยะยาวระบบการเลือกกันเองระหว่างผู้สมัคร จากระดับอำเภอและจังหวัด เอื้อสำหรับคนที่มีเครือข่ายและมีอิทธิพลอยู่ในพื้นที่ระบบการคัดเลือกหลายรอบและค่าธรรมเนียม 2,500 บาท เป็นข้อจำกัดสำหรับคนที่ทำงานหาเช้ากินค่ำและไม่มีเงินทอง ระบบนี้จึงเป็นการคัดเลือก ส.ว. จากคนที่ มีเพื่อน มีเงิน และมีเวลาเอื้อสำหรับคนที่มีอำนาจ จัดตั้งคนไปสมัครและโหวตเลือกพวกเดียวกันเอง แต่ผลลัพธ์สุดท้ายอาจล็อกไม่ง่าย หากมีผู้สมัครเข้าร่วมกระบวนการจำนวนมาก คนที่สมัครเข้าไปอย่างอิสระก็จะออกเสียงได้ตามเจตจำนงของตัวเอง ยิ่งมีคนสมัครมากก็ยิ่งเกิดการ มีส่วนร่วมมาก ทำลายโอกาสของกลุ่มจัดตั้งและเพิ่มโอกาสได้ ส.ว. ที่เป็นตัวแทนจากความคิดเห็นหลากหลายมากขึ้น
 
ในช่วงสุดท้ายของการบรรยาย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้ตั้งคำถาม ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมถามว่าอนาคตพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยมีโอกาสจะกลับมาจับมือกันอีกหรือไม่ นายธนาธรได้ตอบคำถามกลับไปว่า หากผลการเลือกตั้งในครั้งหน้าผลการเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ถึง 250 คน ก็อาจจะมีการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคอื่นที่มีความคิดเห็นและอุดมการณ์ตรงกัน
 
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้สัมภาษณ์กล่าวว่า สำหรับในกรณีมีคำสั่ง กกต.ห้ามมีการจัดแคมเปญเกี่ยวกับการรับสมัคร ส.ว. ถึงแม้จะไม่มีการเอ่ยชื่อออกมาตรงๆ แต่เข้าใจว่ามีการพุ่งเป้ามาที่การเปิดเว็บไซต์ของ iLaw โดยผู้ที่ประสงค์จะลงสมัคร ส.ว.มาแสดงความประสงค์บนหน้าเว็บไซต์นี้ ตนมองว่าการรับสมัคร ส.ว.ประชาชนควรมีส่วนร่วมและได้รับข้อมูลข่าวสารมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใกล้ถึงวันจะเลือก ส.ว. ยิ่งประชาชนรับรู้และมีส่วนร่วมมากขึ้นเท่าไหร่ก็จะทำให้การเลือก ส.ว. ครั้งนี้มีความชอบธรรมมากขึ้น ซึ่งทำให้มี ส.ว. ที่มีคุณภาพเข้าไปดำรงตำแหน่งสำคัญนี้
 
ดังนั้นอยากฝากถึงหน่วยงานภาครัฐต่างๆ รวมไปถึง กกต.ด้วย ควรจะต้องดึงการมีส่วนร่วมของประชาชนขึ้นมาให้มากช่วยกัน ส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้เกิดความคึกคักให้เกิดความสนใจในการเลือก ส.ว.ที่จะมาถึง ส.ว. เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเมืองไทย จากนี้จะพัฒนาอย่างไรเราจะได้แก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นกรรมการในองค์กรอิสระต่างๆ จะแต่งตั้งใครมาดำรงตำแหน่งต่างๆ เหล่านี้ขึ้นอยู่กับการเลือก ส.ว. ที่จะมาถึงในเดือนมิถุนายนนี้
ส่วน กกต.ออกระเบียบในการแนะนำตัวของผู้สมัคร ส.ว.นั้น อยากจะเสนอ กกต. ว่าผู้สมัคร ส.ว.ได้มีการรับรู้กันอย่างกว้างขวางในทุกอำเภอและทุกกลุ่มอาชีพ อีกทั้งยังจะส่งเสริมให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของ สว.ให้เกิดความครึกครื้นประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง ฝาก กกต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมไปถึงในการเลือกตั้งระดับอำเภอ กระทำผ่านกลไกของอำเภอ ทำให้ประชาชนคนทั่วไปเข้าถึงข้อมูลผู้สมัครให้ได้เยอะและเร็วที่สุด



ศิริกัญญา ชี้คลังมี 3 รมช. มากสุดในปวศ. มองดิจิทัลจะถึงฝันหรือไม่ อยู่ที่ขรก.ไม่ใช่จำนวนรมต.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4550311

‘ศิริกัญญา’ ชม ดึง ‘พิชัย’ คุมคลังเป็นเรื่องดี ชี้ ได้ทำงานเต็มเวลา ยินดี ‘เผ่าภูมิ’ หัวหอกดิจิทัลวอลเล็ตนั่งช่วยคลัง มอง ขรก.เป็นปัจจัยสำคัญสานแจกเงินหมื่น ไม่ใช่จำนวน รมช.

เมื่อวันที่ 29 เมษายน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของกระทรวงการคลัง (รมว.คลัง) ว่า ปรากฏว่ามีรัฐมนตรีในกระทรวงการคลังถึง 4 คน ซึ่งน่าจะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ อันที่จริงกรมในกระทรวงก็มีไม่ได้มากคงแบ่งกันดูแลคนละกรมครึ่ง แต่ก็พอเข้าใจดีว่ามีนโยบายเรือธงของพรรคแกนนำรัฐบาลที่จะต้องขับเคลื่อน โดยการปรับ ครม.ครั้งนี้ ก็มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ คือ นายพิชัย ชุณหวชิร ที่มาแทนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ พูดได้ว่าจะมีรัฐมนตรีที่ทำงานเต็มเวลาเป็นครั้งแรก ไม่ต้องแบ่งเวลามาเป็นรัฐมนตรีกับเซลล์แมนประเทศ

ดิฉันยังมองโลกในแง่ดีว่าการทำแบบนี้น่าจะทำให้งานของกระทรวงขับเคลื่อนได้ดีขึ้น ด้วยเหตุผลว่ามีรัฐมนตรีทำงานแบบเต็มเวลา ตำแหน่ง รมว.คลัง ไม่ควรเป็นคนเดียวกับนายกฯ เพราะในฐานะนายกฯจะเป็นผู้ริเริ่มโครงการโปรเจ็กต์ต่างๆ แต่ในฐานะ รมว.คลัง ต้องเป็นคนที่คอยให้ข้อเสนอแนะหรือตักเตือนกรณีที่มีโครงการใช้เงินมากเกินไปจนกระทบฐานะทางการคลังของประเทศ ดังนั้นถ้าเป็นคนเดียวกันก็จะไม่มีใครเตือนใคร ยิ่งทำไปเรื่อยๆ อาจจะทำให้เสียหายทางการคลังได้ ยังหวังว่านายพิชัย จะทำหน้าที่ในการให้ข้อเสนอแนะ เพื่อทำให้ฐานะทางการคลังมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น แต่ต้องดูผลงานกันก่อนว่าจะมีความสามารถและความเชี่ยวชาญด้านการคลังมากแค่ไหน โดยพื้นฐานของนายวิชัยมาจากทางฝ่ายบัญชี รวมถึงเป็นบอร์ดของบริษัทมหาชนต่างๆ” น.ส.ศิริกัญญากล่าว

น.ส.ศิริกัญญากล่าวต่อว่า ในส่วนของรัฐมนตรีช่วย คือ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ก็เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมาโดยตลอด ก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมถึงไม่เข้า ครม.ตั้งแต่รอบแรก แต่สุดท้ายก็ได้เป็นต้องขอแสดงความยินดีด้วย แต่งานของนายเผ่าภูมิ คงไม่จบแค่การขับเคลื่อนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่เพียงอย่างเดียวไม่อย่างนั้นก็จะเป็นรัฐมนตรีที่มีอายุแค่หนึ่งปี

ดิฉันขอให้ใช้ความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ ที่เคยอยู่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังมาก่อน ถึงแม้ว่าจะจะอยู่ทางสถาบันการเงินก็ตาม ในการกอบกู้ฐานะทางการคลังของประเทศให้มีความเข้มแข็ง หลังจากทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสำเร็จ อาจจะต้องเผชิญกับความเปราะบางทางการคลังอีกมากมาย” น.ส.ศิริกัญญากล่าว

เมื่อถามว่าการปรับทัพรัฐมนตรีกระทรวงการคลังในครั้งนี้ จะสามารถทำให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไปถึงฝั่งฝันหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า อันที่จริงไม่เกี่ยวข้องกับการที่ รมช.มากหรือน้อย แต่อยู่ที่เรื่องของการขับเคลื่อนโดยเฉพาะทางด้านกลไกของข้าราชการประจำกระทรวงมากกว่า ที่มีบทบาทสำคัญ ในการชงแหล่งที่มาของงบประมาณให้ครบ 500,000 ล้านบาทตามที่ได้มีการมอบหมายไว้

ขอเป็นกำลังใจให้กับข้าราชการประจำที่ต้องโดนสั่งให้ทำอะไรแบบนี้ ทั้งนี้ คงต้องอาศัยทั้งไม้หนักไม้เบาที่จะทำให้ข้าราชการยอมทำในเรื่องที่สูญเสี่ยงและยาก แต่ก็อย่าใช้ไม้หนักเพียงอย่างเดียวยังไงเป็นกำลังใจให้” น.ส.ศิริกัญญากล่าว.
 


เตรียมรับของแพง! เอกชน จ่อขึ้นราคาสินค้า 15% หลังรัฐขึ้นค่าแรงวันละ 400 บาท
https://www.khaosod.co.th/economics/news_8208230

เตรียมรับของแพง! เอกชน จ่อขึ้นราคาสินค้า 15% ภายใน 1 เดือน หลังรัฐขึ้นค่าแรงวันละ 400 บาท แรงงานส่อตกงานด้วย
 
วันที่ 29 เม.ย. 2567 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้า เปิดเผยว่า ผลการสำรวจทัศนคติของเอกชนทั้งภาคการผลิต การค้า และบริการต่อการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วันภายในปี 2567ว่าการขึ้นค่าแรงจะช่วยผลักดันให้ GDP โตขึ้น สามารถกระตุ้นกำลังซื้อ การผลิตและการลงทุนให้เพิ่มขึ้น แต่ค่าแรงที่สูงขึ้นอาจจูงใจให้นายจ้างลงทุนในการพัฒนาทักษะและเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตของแรงงานมากขึ้น
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า หากค่าแรงเพิ่มเร็วเกินไป นายจ้างอาจปลดพนักงานหากรับมือต้นทุนไม่ไหว กระทบกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งต้นทุนค่าแรงอาจถูกผลักไปที่ราคาสินค้าทำให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อ โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้แรงงานเข้มข้น และหากไม่ลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพ ต้นทุนที่สูงขึ้นอาจมีผลทำให้ขีดความสามารถแข่งขันลดลง ซึ่งส่งผลเสียในระยะยาว
 
จากผลการสำรวจพบว่าเอกชนส่วน ใหญ่ 64.7% บอกว่าเตรียมจะปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการ และอีก 35.3% บอกว่าจะไม่ปรับราคาสินค้า โดยหากปรับจะปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 15% ขึ้นไป โดยจะปรับราคาภายใน 1 เดือนต่อจากนี้ ส่วนคนที่ไม่ปรับราคานั้นจะใช้วิธี ปรับลดปริมาณสินค้า หรือลดต้นทุนอื่นๆ รวมถึงลดจำนวนแรงงานแทน
 
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการกังวลว่าจะมีภาระต้นทุนของธุรกิจสูงขึ้น แต่ทักษะการทำงานของลูกจ้างยังคงเท่าเดิม ต้นทุนค่าแรงสูงขึ้นก็จริง แต่ภาระต้นทุนอื่นๆ  ของการทำธุรกิจสูงขึ้น เช่นเดียวกัน เช่น ค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้าจะผลกระทบนอกจากความสามารถในการแข่งขันแล้ว โดยรวมแล้วผู้ประกอบการ 72.6% ยังคงเห็นว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาท ยังไม่มีความเหมาะสม และยังมองว่าค่าจ้างแรงงานที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่ 370 บาทต่อวัน
 
นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า สำหรับแรงงาน หรือผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ในกรณีที่ไม่สามารถปรับเพิ่มค่าแรงตามที่คาด ซึ่งส่วนใหญ่ 65.3% ขอเพียงให้เพิ่มเท่ากับค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มสูงขึ้น รองลงมาขอให้เพิ่มเท่ากับค่าเดินทาง เพิ่มเท่ากับค่าราคาอาหาร เพิ่มเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และเพิ่มเท่ากับค่าเช่าที่อยู่อาศัย และผลจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ อาจส่งผลให้ราคาสินค้าปรับเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งแรงงานกว่า 60.8% ไม่สามารถรับได้
 
ทั้งนี้ ภาครัฐจำเป็นต้องเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องค่าแรงหรือค่าครองชีพ คือ ช่วยเหลือค่าครองชีพกลุ่มเปราะบาง กระตุ้นเศรษฐกิจแรงงานจะได้มีรายได้เพิ่ม ให้นายจ้างช่วยค่าอาหาร ช่วยเหลือให้เงินอุดหนุนค่าสาธารณูปโภค กระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคให้แรงงานกลับถิ่น และมีสวัสดิการค่าเดินทางให้กับแรงงานรายได้น้อย นอกจากนี้ แรงงานยังกังวลเรื่องตกงาน และมีความเสี่ยงจากการไม่มีเงินเก็บซึ่งสัดส่วนถึง 81.3% จะสามารถอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่