JJNY : 5in1 "ธนาธร"แนะกกต.│พนัสจ่อยื่นศาลปค.ฟ้องกกต.│ณัฐชาเห็นใจชลน่าน│เม.ย.โคตรเดือด!│ออสเตรเลียสนับสนุนทางทหารยูเครน

"ธนาธร" แนะ กกต.กลัว สว.สีอื่น มากกว่าสีส้ม-เชื่อ ก้าวไกล แจง ยุบพรรคได้
https://www.thairath.co.th/news/politic/2781596
 
 
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ยักไหล่ใส่ กกต.แนะ ให้กลัว สว.สีอื่น มากกว่าสีส้ม เผย ทีมงานก้าวไกล เชื่อ แจงข้อกล่าวหาคดียุบพรรคได้
 
วันที่ 28 เม.ย. ที่โรงแรมณัฐพงษ์ แกรนด์ จ.หนองบัวลำภู คณะก้าวหน้า มีการจัดงานหัวข้อ "โสเหล่ให้คักเรื่อง สว. กับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สว. ประชาชน  ไทยเฮา จะเอาจั๋งได๋" มี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เป็นผู้บรรยาย
 
โดยหลังการบรรยายเสร็จสิ้น นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประกาศ กกต.ที่ระบุว่า การรณรงค์ชักชวนคนให้ลงสมัคร สว.อาจเข้าข่ายมีความผิด มีความกังวลเรื่องนี้หรือไม่ ว่า ไม่กังวลใจอะไร ก็คงเดินหน้าทำงานปกติ ที่เราทำคือการรณรงค์ให้คนมาสนใจการเลือก สว. มาลงสมัคร สว.นั้นเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการเมืองไทย และไม่ได้ผิดกฎหมายอะไร คิดว่าประกาศฉบับนี้อาจมีข้อท้วงติงทางกฎหมายได้ว่า กกต.อาจจะใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไว้ ส่วนเนื้อหานั้นตนเห็นว่าขัดต่อการพัฒนาการเมืองไทย สุดท้ายก็จะได้แต่คนที่มีทรัพยากรในการเกณฑ์พวกพ้องกันมาสมัคร ตนว่าไม่ต้องกลัวหรอก สว.สีส้ม กลัว สว.สีอื่นดีกว่า เพราะเอาเข้าจริงๆ สิ่งที่เราทำก็คือการรณรงค์ให้คนตระหนักถึงความสำคัญ และมาลงสมัครกัน สำหรับคนที่มีทรัพยากรที่พอจะจ่ายค่าสมัคร 2,500 บาทได้บ้าง จะเป็นใครก็ได้ ไม่ว่าจะมีจุดยืนทางการเมืองแบบไหน จะรักชอบพรรคก้าวไกล หรือว่ารักชอบพรรคการเมืองอื่นก็ไม่เป็นไร เชิญชวนประชาชนทุกคน ทุกอุดมการณ์ ทุกเฉดสีเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือก สว.ครั้งนี้
 
นายธนาธร ยังกล่าวถึงกรณีคดีการยุบพรรคก้าวไกล ว่า เรื่องการยุบพรรค ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ แต่จากที่ได้รับทราบข้อมูลในส่วนทีมงานของพรรคก้าวไกล เชื่อมั่นว่าจะสามารถอธิบายข้อกล่าวหาทั้งหมดได้ อย่างไรก็ตาม ไม่สำคัญว่าพรรคจะถูกยุบหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่ามีสมาชิกกว่า 1 แสนคน ที่อยู่กับพรรคก้าวไกล ตอนนี้จะไปต่อกับพรรคหรือไม่ ดังนั้น ชื่อพรรคจึงไม่สำคัญ 
 


พนัส เห็นต่างอย่างแรง จ่อยื่นศาลปกครอง ฟ้อง กกต. ยันไร้อำนาจออกระเบียบห้ามผู้สมัคร ส.ว. หาเสียง https://www.matichon.co.th/politics/news_4549407

พนัส เห็นต่างอย่างแรง จ่อยื่นศาลปกครอง ฟ้อง กกต. ยันไร้อำนาจออกระเบียบห้ามผู้สมัคร ส.ว. หาเสียง
 
เมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ห้องประชุมชั้น 1 หอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศกิจกรรม ‘เปลี่ยน สว. ได้ ประเทศไทยเปลี่ยน’ โดยมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ปี 2567 สายศิลปิน นักเขียน สื่อมวลชน
 
บรรยากาศเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ว.เดินทางเข้าร่วม พร้อมด้วยประชาชนที่ให้ความสนใจต่อประเด็นดังกล่าว รวมถึงนักวิชาการสาขาต่างๆ โดยมีการจับกลุ่มพูดคุยก่อนเริ่มต้นกิจกรรมซึ่งตามกำหนดการจะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครในเวลา 16.00 น.
 
สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ว. สายศิลปิน นักเขียน สื่อมวลชน ที่เข้าร่วม ได้แก่ นายศิรศักดิ์ อิทธิพลพาณิชย์ ศิลปิน, นายพิเชษฐ กลั่นชื่น ศิลปินรางวัลศิลปาธร, น.ส.นารากร ติยายน สื่อมวลชน, นายซะการีย์ยา อมตยา กวีชีไรต์, น.ส.ดุจดาว วัฒนปกรณ์ ศิลปิน, นายธีระวัฒน์ รุจินธรรม ผู้กำกับภาพยนตร์, นายประกิต กอบกิจวัฒนา ศิลปีน, นายถนัด ธรรมแก้ว หรือ ภู กระดาษ นักเขียน, ดร.ทนงศักดิ์ หาญวงษ์ นักโบราณคดี,  น.ส.ชลณัฏฐ์ โกยกุล สื่อมวลชน, น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร สื่อมวลชน, นายธีระวัฒน์ มุลวิไล ศิลปิน, นายประทีป คงสิบ สื่อมวลชน, น.ส.จารุนันท์ พันธ์ชาติ ศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดง และบันเทิง, น.ส.หทัยรัตน์ พหลทัพ สื่อมวลชน, น.ส.ภาวินี ฟอฟิ ศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดง และบันเทิง
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตอนหนึ่ง นายพนัส ทัศนียานนนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ว.ได้รับเชิญขึ้นบนเวที เพื่อแสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นที่ กกต. ออกระเบียบว่าด้วยการแนะนำตัว ซึ่งสามารถทำได้ แต่ห้ามหาเสียง
 
นายพนัสกล่าวว่า ตนขอตอบง่ายๆ สั้นๆ ว่า ไม่เห็นด้วย เห็นต่างอย่างแรงอยู่แล้ว คิดว่าความคิดที่นำมาทำเป็นระเบียบในครั้งนี้ มาจากกรอบความคิดที่เคยใช้ตอนที่มีการเลือก ส.ว. ตามรัฐธรรมนูญ 2560 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามบทเฉพาะกาล เป็นลักษณะดังที่ รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติใช้ว่า ‘เลือกอย่างกุ๊กๆ กิ๊กๆ’ ไม่ต้องการให้ประชาชนส่วนใหญ่มารับทราบด้วย
 
ดังนั้น ตนคิดว่าการที่ยึดกรอบความคิดนั้นมาเป็นรูปแบบ หรือโมเดลในการออกระเบียบการแนะนำตัวในครั้งนี้ คิดว่าเป็นเรื่องที่ผิดหลักการ ความสำคัญ อยู่ตรงที่ว่า การแนะนำตัว ตาม พรป. การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ปี 2561 การแนะนำตัวนั้น เจตนารมณ์ของผู้ร่าง ต้องการอะไรกันแน่ หลักใหญ่อยู่ตรงไหน สำหรับตน คิดว่า ต้องไปดูที่เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเป็นหลัก และเจตนารมณ์ที่สำคัญที่สุดของการให้มี ส.ส.ก็ดี ส.ว.ก็ดี คือต้องการให้ทั้ง ส.ส, และ ส.ว. เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยทุกคน ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการ
 
สำหรับ สว. โดยหลักการถือเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยเช่นเดียวกับ ส.ส. การออกแบบกระบวนการคัดเลือก ผมคิดว่ามันขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการที่ กกต. จะมาออกระเบียบซึ่งในที่สุดแล้วขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งกฎหมายแม่บทด้วยนั้น คำตอบของผมคือ ขัดแย้งแน่นอน 100% แสดงว่า กกต. ไม่มีอำนาจออกระเบียบเกี่ยวกับการแนะนำตัวแบบนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อ 11 ที่กำหนดออกมาว่าเป็นข้อห้าม ห้ามไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน และห้ามแนะนำตัวผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งขัดต่อหลักใหญ่อย่างที่กล่าวมาเมื่อสักครู่ ความเห็นผมคือ กตต.ไม่มีอำนาจที่จะออกได้ระเบียบนี้ได้ จึงไม่ควรถูกบังคับใช้ได้” นายพนัสกล่าว
 
นายพนัสกล่าวต่อไปว่า พวกตนจึงต้องการคัดค้าน และนำเรื่องนี้ไปให้ผู้มีอำนาจตัดสิน คือ การฟ้องร้องต่อศาลปกครองต่อไป
 
ท่านเลขาธิการ กกต. อ้างคำพิพากษาศาลฎีกา 2 ฉบับ ในปี 2561 ส.ว.50 คน ตอนนั้นมีการฟ้องร้องกัน เรื่องไปถึงศาลฎีกา มีคำวินิจฉัยออกมา โดยมีการนำมาตีความว่า การตั้งกลุ่ม การโฆษณาตัวเองให้ใครต่อใครรู้ทั่วไป ไม่ได้” นายพนัสกล่าว
 
นายพนัสกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ มีทีมงานที่ทำเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่คงต้องข่วยกันดูอีกครั้งว่าในที่สุดแล้ว ที่ดีที่สุดควรออกมาเป็นอย่างไรสำหรับคำฟ้อง



ณัฐชา เห็นใจ ชลน่าน หลุดรมต. ทั้งที่พาเพื่อไทยฝ่าวิกฤต ติงปรับครม.ไม่ตอบโจทย์
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8206824

ณัฐชา เห็นใจ ‘หมอชลน่าน’ หลุดเก้าอี้รมต.ว่าการคนเดียว ทั้งที่เหนื่อยสุด-แบกรับสถานการณ์ช่วงเลือกตั้ง สงสัยใครอยู่เบื้องหลัง ‘นายกฯ’ หรือไม่
 
เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2567 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา 1/1 ว่า ไม่ต่างจากเดิมมากนัก มีรัฐมนตรีว่าการเพียง 2 คนที่เปลี่ยนเข้ามา
 
หากดูลึกๆ คนที่เป็นเลือดแท้ของพรรคเพื่อไทย (พท.) ต่อสู้ฟันฝ่าในช่วงที่พรรคเพื่อไทยขาลง ไม่ประสบความสำเร็จตามหวังเท่าไหร่ ต้องไปดูว่าสาเหตุที่พรรคเพื่อไทยปรับเปลี่ยนเป็นแบบนี้ มีจุดประสงค์เพื่ออะไร
 
คนวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะว่าช่วงหาเสียงเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่งช่วงจัดตั้งรัฐบาล คนที่เปลืองตัวที่สุด คนที่คิดว่าน่าจะต้องอยู่ตลอดรอดฝั่ง อย่างนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่เป็นหมอ และดำรงตำแหน่งรมว.สาธารณสุข ซึ่งตรงสายที่สุด น่าจะอยู่ได้นานกว่านี้ หรือมีผลงานอะไรได้มากกว่านี้ กลับกลายเป็นรัฐมนตรีว่าการคนแรกๆ ที่ถูกปรับออกในส่วนของพรรคเพื่อไทย
 
ซึ่งก็น่าตั้งข้อสังเกตว่าเพราะเหตุใดพรรคเพื่อไทยจึงตัดสินใจเช่นนั้น ตัดสินใจให้อดีตหัวหน้าพรรคที่นำทัพช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา และช่วงที่ผ่านมาเกิดวิกฤตหลายอย่าง แต่วันนี้ตัดสินใจสับเปลี่ยนให้คนที่ทอดทิ้งพรรคเพื่อไทยไป แล้วกลับเข้ามาใหม่ในวันที่พรรคเพื่อไทยเจริญรุ่งเรือง สมดังหวังตามที่ต้องการทุกอย่าง ไม่ว่าจะอยากเป็นรองนายกฯ หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใดก็แล้วแต่” นายณัฐชา กล่าว
 
นายณัฐชา กล่าวต่อว่า ต้องดูว่าเป็นการตัดสินใจของนายกฯ คนเดียวหรือไม่ หรือองค์ประกอบอื่นที่บีบคั้นให้นายกฯ ต้องปรับเช่นนี้ แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งการปรับครม.ก็ยังไม่ตอบโจทย์พี่น้องประชาชน ไม่ได้ใช้คนให้ตรงกับงาน แต่เป็นการปรับเพื่อให้ตรงกับโควตาทางการเมืองเหมือนเดิม
 
เมื่อถามว่าเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ตำแหน่งรัฐมนตรียุคพรรคเพื่อไทยว่า เป็นสมบัติผลัดกันชมหรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า ถือว่าพรรคเพื่อไทยรักษาคาแรกเตอร์ เพราะในอดีตก็มีการพูดกันว่า 6 เดือนเปลี่ยน ถือเป็นสไตล์การบริหารของพรรคเพื่อไทย
 
แต่แน่นอนว่าจะบริหารอย่างไร ต้องสอดคล้องกับงาน ซึ่งขณะนี้ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า รัฐมนตรีที่ไม่ตรงกับงานกลับได้อยู่ต่อ แต่รัฐมนตรีที่ถูกมองว่า ตั้งตรงกับตำแหน่งหน้าที่กลับถูกปรับออกอันดับต้นๆ
 
เมื่อถามว่า นพ.ชลน่าน ควรนั่งรัฐมนตรีต่อหรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า หากมองแบบใจเป็นกลาง คนเป็นหมอควรได้ดูกระทรวงสาธารณสุขที่สุด เพราะคนที่วิกฤตและลำบากที่สุดตลอดช่วงเลือกตั้ง รวมถึงช่วงเป็นผู้นำฝ่ายค้านตลอด 4 ปี
 
นายณัฐชา กล่าวต่อว่า หรือแม้กระทั่งช่วงจัดตั้งรัฐบาลหลังจากพ่ายแพ้ คนที่เหนื่อยที่สุดก็หนีไม่พ้นหัวหน้าพรรคในขณะนั้น ที่ต้องแบกรับทุกสถานการณ์   ทุกอย่างเป็นต้นทุนส่วนตัวที่ต้องแบกรับ แต่เมื่อถึงเวลาตั้งรัฐบาลได้แล้ว สิ่งแรกที่ดำเนินการคือปรับเขาออก ถือว่าน่ากังวลใจอย่างยิ่ง
 
เมื่อถามว่าเห็นใจนพ.ชลน่านใช่หรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า ต้องตอบตรงๆ ด้วยความที่เป็นเพื่อนสส. ทำงานพรรคฝ่ายค้านด้วยกันมาตลอด 4 ปี ก็เห็นความตั้งใจ แต่วันนี้พอเป็นรัฐมนตรีว่าการที่ถูกปรับออกคนแรก แบบไม่มีเพื่อน ก็น่าเห็นใจว่า ไหนๆ จะปรับครม.แล้ว ก็อย่าให้อดีตหัวหน้าพรรคถูกกระทำเช่นนั้น
 
นายณัฐชา กล่าวต่อว่า ควรมีเพื่อนที่ถูกปรับออกบ้าง อย่างน้อยจะได้อ้างได้ว่าเป็นการปรับเพื่อผลัดเปลี่ยน หากไม่นับนายกฯ ถือว่านพ.ชลน่าน เป็นรัฐมนตรีว่าการคนเดียวที่ถูกปรับออก



เม.ย.โคตรเดือด! กระหน่ำใช้ไฟทุบทุกสถิติ สูงที่สุดในประวัติศาสตร์
https://www.dailynews.co.th/news/3383039/

อากาศ เม.ย. เดือด ไทยร้อนปรอทแตก กระหน่ำเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ปีนี้ทุบสถิติใช้ไฟสูงสุด 7 ครั้งแล้ว ล่าสุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 36,356 เมกะวัตต์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 27 เม.ย. 67 เวลา 20.57 น. ความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุด (ไฟพีก) ในระบบทั้ง 3 การไฟฟ้า (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)  มีค่าเท่ากับ 36,356.1 เมกะวัตต์ ทำลายสถิติการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในระบบ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 66 เวลา 21.41 น. มีค่าเท่ากับ 34,826.5 เมกะวัตต์ คาดว่า เป็นผลจากสภาพอากาศที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 36-38 องศาเซลเซียส  ทำให้พฤติกรรมการใช้ไฟในเวลากลางคืน ส่งผลให้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2567 เป็นต้นมา ความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุด (ไฟพีก) ของระบบการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและทำลายสถิติไฟพีกเดิมถึง 7 ครั้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่