🤦‍♂️,🤦‍♀️ บุคลากร รพ.จิตแห่งหนึ่ง เปิดเผยข้อมูลคนไข้(ซึงเป็นผู้ปกครองคนไข้โรคจิต)ให้บุคคลากรอื่นใน รพ.นั้น ฟ้องได้มั้ย

คนไข้โรคจิตเป็นพี่สาวของผม ส่วนผมเป็นทั้งน้องชายและผู้ปกครองคนไข้ วันหนึ่งพี่สาวโรคจิตได้ทะเลาะกับพี่สาวอีกคน(ขอสมมติชื่อว่าพี่เอ) แล้วพี่สาวโรคจิตก็โดนขู่สารพัดจนขาดความมั่นใจทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ผิด ผมจึงอาสาพาไปพบหมอที่ รพ. โรคจิตที่เค้ารักษาอยุ่ให้เค้าเกิดความมั่นใจ และหมอจิตก็ให้ความมั่นใจเค้าเช่นนั้น

วันหนึ่งพี่เอนัดผมกับพี่สาวโรคจิตไปเคลียร์กันต่อหน้าหมอจิต พี่เอชิงลงมือก่อนด้วยการไปหานักสังคมสงเคราะห์ที่อยู่ใน รพ.จิต นั้น หาว่าผมเป็นโรคจิต เคยกินยา นักสังคมสงเคราะห์ก็ค้นหาข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ก็ตอบกลับว่าเคยมารับยาจริงวันนั้นวันนี้(พี่เอเป็นคนเล่า โดยที่ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์) (คำถาม : นักสังคมสงเคราะห์มีสิทธิ์มาดูข้อมูลคนไข้ได้ด้วยเหรอ) หลังจากนั้นพี่เอก็มาพบหมอพร้อมกับผมและพี่สาวโรคจิต แต่ไม่ได้ความอะไร เพราะหมอก็บอกว่าถ้าเป็นปัญหาครอบครัวก็ให้คุยกับนักสังคมสงเคราะห์

วันนั้นก็ได้คุยกับนักสังคมสงเคราะห์(แต่เป็นคนละคนกับพี่เอพบก่อนหน้า) บอกเล่าเรื่องราวทั้งสองฝ่าย แต่ไม่ได้ข้อสรุปอะไร บอกแค่ว่าวันหลังค่อยมาคุยกันใหม่ อาจเป็นวันประชุมผู้ปกครอง ผ่านไปหลายวัน วันประชุมผู้ปกครองนักสังคมสงเคราะห์ก็บอกว่าไม่ว่างอีก(ผมคิดว่าต่อให้ว่างก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะพี่เอไม่ได้มาด้วยกัน ถ้าจะเคลียร์ก็ต้องเคลียร์ตั้งแต่วันนั้น)

ต่อมา เจ้าหน้าที่ รพ.กลางวัน (รพ.กลางวัน คือ แผนกหนึ่งใน รพ.จิต แห่งนั้น ที่พี่สาวโรคจิตต้องไปทำกิจกรรมที่ รพ.กลางวัน ประจำ) เค้าไม่ยอมรับสายโทรศัพท์ที่ผมอยากปรึกษาเรื่องการเปลี่ยนหมอ เพราะพี่สาวโรคจิตอาการไม่ดีขึ้น ฝากให้โทรกลับก็ไม่ยอมโทร ผมมาทราบภายหลังว่า เจ้าหน้าที่ รพ.กลางวัน ท่านนั้นก็รู้ว่าผมกินยาทางจิตมาก่อน เลยไม่อยากคุยด้วย(ผมทราบเพราะ เจ้าหน้าที่ รพ.กลางวัน นั้นมาซักถามกับพี่สาวโรคจิตว่า น้องชายเธอเคยกินยาทางจิตใช่มั้ย พอพี่สาวโรคจิตตอบว่าใช่ เจ้าหน้าที่ รพ.กลางวัน ก็บอกว่า ชั้นไม่อยากคุยกับเค้า(ส่วนหนึ่งเพราะก่อนหน้ามีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องการเปลี่ยนหมอด้วย))

ต่อมาอีกหลายเดือน หัวหน้าพยาบาลที่รับอาสาฉีดยาให้พี่สาวโรคจิตที่ต้องมาฉีดทุกเดือน ก็มาถามพี่สาวโรคจิตอีกว่า น้องชายเธอกินยาทางจิตมาใช่มั้ย พี่สาวโรคจิตก็ตอบว่าใช่ แต่เค้าก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

อยากถามว่า นักสังคมสงเคราะห์มีสิทธิ์มาดูข้อมูลคนไข้(ซึ่งคือผมที่เป็นผู้ปกครองของพี่สาวโรคจิต)ได้ด้วยเหรอ แถมสามารถบอกใครต่อใครใน รพ. ได้อีกเหรอ ผมสามารถฟ้องได้มั้ยที่ทำให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียง จนขาดความน่าเชื่อถือในการเป็นผู้ปกครองของพี่สาวโรคจิตอีกต่อไป

++++++++++++++++++++++++++++
ส่วนที่ผมเคยไปรับยาทางจิตมาทานนั้น คือ เมื่อปี ค.ศ.2020 ผมลงทุนผิดพลาด จึงมีความเครียด พี่เอเนี่ยแหละเป็นคนแนะนำให้ไปคุยกับหมอจิตที่ รพ.นี้ ผมแค่ตั้งใจไปคุยไม่ได้อยากรับยา แต่หมอก็คะยั้นคะยอให้ทานยาคลายความกังวล แผงนึงมี 10 เม็ด ผมกินแค่ 2 เม็ด นัดหมายครั้งต่อมาผมยังเอายามาคืนด้วยซ้ำ แต่หมอไม่รับคืน ส่วนพี่เอทั้งๆที่เป็นคนแนะนำแท้ๆ แต่พอมีปัญหากันเค้าก็มีนิสัยที่เอามาล้อเลียน ด้อยค่าผู้อื่น เค้ามีนิสัยชอบโกหก และรู้ว่าต้องพูดยังไงที่จะทำให้คนอื่นคล้อยตาม ชอบอ้างว่าตัวเองเป็นครู พออ้างเป็นครูทีไร ไม่ว่าตำรวจหรือนักสังคมสงเคราะห์ก็จะให้เครดิตแล้วศรัทธาในคำพูดเค้าขึ้นมา ตัวเค้าเองก็เคยรับยาทางจิตมาเช่นกัน ชอบด่าพ่อแม่ทุกวันนี้ก็ยังด่า ด่าตั้งแต่สัตว์ๆหมาๆจนถึงอวัยวะเพศ เคยขู่ฆ่าแม่อย่างน้อย 5 ครั้ง และแม่เคยไปลงบันทึกประจำวันอย่างน้อย 3 ครั้ง แต่แม่ไม่กล้าส่งฟ้องศาลเพราะกลัวเค้าจะมีประวัติจนเสียอาชีพครูไป
++++++++++++++++++++++++++++
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่