สุดใจ หรือ น้อย ชนะ หมายเลขประจำตัว ๙๙๙/๔๒ คดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,มีอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้,มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,พกอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 289 (4) และพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา 7,มาตรา 8 ,มาตรา 8ทวิ ศลจังหวัดหลังสวน เหตุเกิดพื้นที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอทุ่งตะโก
เกริ่น
ในช่วงไม่กี่วันมานี้ผมไม่หาข้อมูลเกี่ยวกับสุดใจ ชนะซึ่งเป็นบุคคลที่สุดท้ายที่ถูกยิงเป้าในประเทศไทย ซึ่งในวิกิพีเดียภาษาไทยผมไปเจอของวิกิพีเดียหน้าเรือจำกลางบางขวางซึ่งเขียนว่าสุดใจ ชนะ ผู้ก่อเหตุฆาตกรรมผู้รับจ้างกรีดยางขณะกรีดยางพร้อมกับภรรยาที่สวนยางพาราในอำเภอทุ่งตะโก เมื่อปี พ.ศ. 2541 ผมจึงสงสัยกับคดีจึงลองไปหาข้อมูลดูจากข้อมูลอรรถยุทธ พวงสุวรรณ หรือยุทธ บางขวาง เผยแพร่ชื่อนักโทษที่ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าทั้ง 319 ราย โดยสุดใจ ชนะถูกประหารจากคดีคดีความผิดต่อชีวิต ผมจึงลองหางานวิทยานิพนธ์กับโทษประหารดูว่าจะมีข้อมูลของคดีสุดใจ ชนะไหม เพราะข้อมูบเท่าที่มีตอนนี้ในอินเตอร์เน็ตคือสุดใจ ชนะโดนยิงเป้าคดียา ส่วนภาษาอังกฤษตอนนั้นยังไม่ได้หา ซึ่งสาเหตุท่ไม่มีชื่อสุดใจในหนังสือคำสารภาพสุดท้ายของนักโทษประหารเพราะคุณอรรถยุทธถูกย้ายไปยังเรือนจำอื่นหลังจากการทำหน้าที่พี่เลี้ยงในการนำตัวของส้มเกลี้ยง สร้อยพลายคดีฆ่าข่มขืนลูกตัวเอง ไปประหารชีวิต เขาก็ถูกย้ายไปเรือนจำอื่น ก่อนจะกลับมาทำหน้าที่เลี้ยงอีกครั้งในการประหารบัณฑิต เจริญวานิชและจิรวัฒน์ พุ่มพฤษก์ และการประหารชีวิตธีรศักดิ์ หลงจิ จนกระทั่งผมไปอ่านงานวิทยานิพนธ์ความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับภาพตัวแทนของนักโทษประหารและการประหารชีวิตในหนังสือพิมพ์รายวันไทย ทให้ผมพบข้อมูลว่านายสุดใจยิงผู้ตายเสียชีวิต สาเหตุมาจากไม่พอใจที่ลูกเลี้ยงซึ่งตกเป็นภรรยา ลับๆ ของตนไปแต่งงานกับผู้ตาย (เดลินิวส์12 ธันวาคม 2545) ส่วนงานวิทยานิพนธ์การซ้อนทับจับวางของวาทกรรมทีบวางของวาทกรรมทัณฑวิทยา: วงศาวิทยาใช้โทษประหารและความรุนแรงเพื่ออการลงทัณฑ์ในประวิติ์ในประวัติศาสตร์ไทย โดยภูวดล ไชยอินทร์ คณะรัฐศาสตร์ ทำให้พบข้อมูลสำคัญที่หน้า 108-110 เป็นคำพาพกษาของคดีสุดใจ ทำให้ทราบถึงคดีของสุดใจ จนกระทั่งผมลองหาชื่อสุดใจเป็นภาษาอังกฤษดูซึ่งแทบไม่พบข้อมูลเคยแต่ผมข้อมูลจาดหนังสือThe Last Executionerจากเว้ปBook Read Free จึงลองไปหาดูซึ่งพบกับคดีของสุดใจ ซึ่งอยู่หน้า 15-16 โดยคดีนี้ทำให้พบกับข้อมูลที่น่าสนใจหลายอย่างผมจึงนำข้อมูลมาสรุปและจะเผยแพร่ลงในกระทู้นะครับ
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ต่อมาผมไปหาเล่มปิดตำนานเพชฌฆาตมาอ่านพบว่าข้อมูลมันจะต่างไปบ้างเช่นชื่อ ส่วนเหตุการณ์จะเหมือนเดิมแต่บางส่วนจะถูกตัดไปเช่นข้อคิดเห็นของตัวเชาวเรศน์เอง ซึ่งในหนังสือมีภาพสุดใจ ลักษณะคือเป็นชายแก่ที่มีผมไม่มากและเป็นผมหงอก ส่วนในแบบพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหา ระบุว่าสุดใจเกิดปี 2488 ส่วนผู้เสียชีวิตชื่ออธิป บุญร่วมไม่ใช่อินแก้ว ส่วนกัญญา หรือกุ้งมีนามสกุลคืออินทร์แก้ว ผมแปลGanyaเป็นกันยาเพราะผมไม่รู้ว่ามันสะกดอย่างไรในภาษาไทย โดยหากจะใช้อ้างอิงในตัวคดีแบบเน้นข้อเท็จจริงให้ใช้จากเล่มปิดตำนานเพชฌฆาตเพราะเป็นภาษาไทยและรูปแบบจะเน้นตัวคดีไปเลย(คล้ายคำสารภาพสุดท้ายของนักโทษประหาร) ส่วนรุ่นภาษาอังกฤษจะมีข้อคิดเห็นที่ไม่ปรากฏในฉบับภาษาไทยเช่น(ในสปอย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถ้าทิว(ภรรยาของเชาวเรศน์)หรือลูกๆ ของผมถูกทำร้ายแบบนั้น ผมจะไม่ยอมวิ่งหนีไปหาที่กำบังและปล่อยให้พวกเขานอนอยู่บนพื้นข้างหลังผม และถ้าเป็นผมที่ล้มลง พวกเขาคงไม่ทิ้งผมไปเช่นกัน ดังนั้นฉันจึงไม่เชื่อว่านี่เป็นประเด็นที่ถกเถียงกัน และมีอีกกรณีที่พ่อออกไปเดินเล่นกับลูกสาว แล้วถูกมือปืนยิง ลูกสาวเกาะพ่อแน่นและไม่ยอมวิ่งหนีจึงถูกยิงไปด้วย (ไม่มีในปิดตำนานเพชฌฆาต
โดยตัวคดีจะเป็นคดีเดียวกันเลยคือสุดใจฆ่าอธิปในสวนเงาะ และเขาทำสิ่งไม่สมควรกับลูกเลี้ยง(มีในคำพิพากษาซึ่งอยู่ในเล่มปิดตำนานเพชฌฆาต) มันเหมือนกันเลยแต่ไม่มีความคิดเห็นของเชาวเรศน์+ข้อมูลวันเวลาที่ตัดสิน-ยกฎีกา-ถวายฎีกา ส่วนประวัติกัญญาก็จะอยู่ที่หน้า258 เริ่มที่บรรทัดแรก ตรงพยานผู้ตาย(ก็คือกัญญา)เบิกความว่า......ประวัติ..... และก็สุดใจปฎิเสธไม่ได้ทำสิ่งเลวร้ายกับลูกเลี้ยงไม่มีในปิดตำนานเพชฌฆาตนะครับ
ถ้าสรุปก็คือคดีนี้เป็นคดีจริง(คำพิพากษาในงานวิจัยและในปิดตำนานเพชฌฆาตตรงกัน) แต่คดีถัดจากนี้จะใช้การดำเนินเรื่องตามThe last exectuioner โดยBook Read Free ซึ่งจะต่างจากตัวคดีในคำพิพากษาเล็กน้อย(ตรงความคิดเห็น) หากต้องการใช้อ้างอิงแนะนำให้เอาจากหนังสือปิดตำนานเพชฌฆาตซึ่งอยู่ที่สำนักงานวิจัยทรัพยากรชั้น 5 5108 ชั้น 2 รหัส 364.134 ซ738 ป ฉ.1 ครับถ้าผมมีเวลาผมจะนำฉบับที่มีความแน่นอนมาครับ
*ข้อแนะนำคือคดีนี้จะเล่าจากมุมมองตัวเหยื่อ จะต่างจากของตามคำพิพากษาและชื่ออาจผิดไปเล็กน้อย ซึ่งในปิดตำนานเพชฌฆาตจะเปิดที่เวลา 05.00 น. ขณะที่ พันตำรวจตรีไมตรี โตวิเศษ ปฎิบัติหน้าที่อยู่ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอทุ่งตะโกได้รับแต้งวิทยุจากทางตำรวจสายตรวจตำบลตะโก ว่ามีเหตุคนร้ายยิงคนตายที่สวนยางพาราหมู่ ๘*
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แนะนำว่าถ้าต้องการนำข้อมูลไปเล่าเกี่ยวกับอาชญกรรมในอดีตแนะนำให้ใช้ข้อมูลจากหนังสือปิดตำนานเพชฌฆาตเพื่อจะได้ข้อมูลตัวคดีที่เป็นตัวคำพิพากษา ส่วนฉบับนี้จะมีข้อคิดเห็นแทรกข้อเท็จจริงและการเรียบเรียงคำจากตัวผู้เขียน(เจ้าของกระทู้) ส่วนชื่อเอาไปใช้ได้เลยไม่ต้องอ้างอิงมากระทู้นี้ก็ได้ ผมจะใส่หมายเหตุละกัน
สุดใจ ชนะ กระสุน 1 นัดกลางสวนยาง สู่กระสุน 8 นัดสุดท้ายจากเฮคแลร์อุนด์คอค เอ็มเพ5 ในสถานที่หมดทุกข์
คำเตือน คดีนี้มีความรุนแรง ! คดีคล้ายๆกับวาด ขุนจันทร์
คดีนี้เริ่มจากคำบอกเล่าของกันยาซึ่ต้องย้อนไปถึง 16 ปี
กัญญา อินทร์แก้วได้อาศัยกับแม่และสุดใจซึ่งป็นพ่อเลี้ยงมา 15 ปี แต่ทว่าในปีที่ 10 วันนั้นภรรยาของสุดใจไปซื้อของที่กรุงเทพ สุดใจได้กลับบ้านมาด้วยความเมามายและได้ลงมือข่มขืนกันยาลูกเลี้ยงวัย 15 ปี ของเขา หลังจากที่เขาทำครั้งแรก ชายคนนี้ก็ได้ลงมือข่มขืนอีก อีก อีก อีก เรื่อยเพราะมันง่ายมากที่ทำอีก จนกระทั่งกันยาตั้งท้องและแม่ของเธอให้เธอทำแท้ง เราคงคิดว่าสุดใจพ่อเลี้ยงก็คงจะหุดแล้ว แต่ไม่เขาก็กลับมาข่มขืนเธอต่อหลังจากทำแท้ง จนกระทั่งในเดือนเมษายน พ.ศ. 2540 เธอได้หนีออกจากบ้านไปแต่งงานกับอธิป บุญร่วม โดยไม่ได้รับความยินยอมจากพ่อเลี้ยง
เชาวน์เรศน์ได้กล่าวถึงรายของสุดใจว่า สุดใจเหมือนกับคนบ้า เขาผอมแห้งมาก และมีผมหงอกสั้นอยู่บนหัว ชีวิตของเขาเป็นไปได้ว่าประกอบด้วยการทำงานหนักที่น่าเบื่อหน่ายและการดื่มหนัก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจภรรยาของขา และเขาจับจ้องกันยาและไม่เคยปล่อยให้เธอหนีไปอยู่กับชายอื่น
กลับมาต่อ
แวลาประมาณตี 4 ของวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2541 เวลาดังกล่าวเป็นเวลาที่อุณหภูมิจะเหมาะสมต่อการเก็บยางซึ่งจะได้คุณภาพดี อธิป บุญร่วม และภรรยา กัญญา ก็ออกไปทำงานเก็บน้ำยางที่สวนยางเหมือนกับวิถีชีวิตของหลายๆคนเพราะในช่วงเช้ามืดเป็นเวลาที่เหมาะต่อการเก็บน้ำยาง ระหว่างที่อธิปกับกันยาทำงานแยกแถวกัน โดยสวนแห่งนี้เป็นของนายลอบ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลตะโก จังหวัดชุมพร กัญญาพบกับชายคนหนึ่งเดินออกจากสวนเงาะ เธอพอจะจำลักษณะของชายที่เดินออกจากสวนเงาะท่ามกลางความมืดมา แล้วชายคนนั้นก็เดินเข้าใกล้อธิปเรื่อยๆ กัญญาได้พยายามบอกอธิปแบบเบา เมื่ออธิปหันมาก้เจอชายคนที่เดินจากสวนเงาะหยิบปืนพกสีดำขึ้นมาจ่อที่เขา แล้วชายคนนั้นก็ยิงอธิปหนึ่งนัด ปัง! กระสุนถูกลำตัว บริเวณสีข้าง หน้าอก คอและแขน อธิปล้มคุกเข่าลง กันยาได้ส่งเสียงกรีดร้องแล้ววิ่งไปฟหหาสามีที่ล้มลงไปกับพื้นของสวนยาง ชายคนนั้นที่อยูห่างไป 3 เมตรเมื่อกันยาไปหาอธิป แสงไฟจากโคมไฟเล็กๆบนหมวกได้สาดไปยังใบหน้าของชายคนนั้น ถึงแม้ตอนนั้นแสงจากพระอิทตย์ยังไม่เกิดขึ้นเพราะพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น แต่แสงจากไฟบนหมวกทำให้เห็นใบหน้าของเขานั่นคือ สุดใจ ชนะ ร่างของอธิปอยู่บนตักของกัญญา กัญญาถอยหลังจากชายถือปืนซึ่งคือพ่อเลี้ยงของธอ สุดใจ คนที่ข่มขืนเธอมาตลอด 5 ปี และพ่อของลูกที่ทำแท้ง สุดใจถือปืนและจองมองกันยาอย่างเย็นชา ก่อนจะขู่กัญญาว่า”ถ้าคุณบอกตำรวจฉันจะกลับมาและฆ่าคุณ” แล้วสุดใจก็วิ่งออกไปยังทางเขาเดินทางมา กัญญาจึงพยายามลากร่างที่เธอไม่รู้ว่าสามีได้เป็นร่างไร้วิญญาณแล้วไปยังบ้านของครองครัวคงตะโก แต่อธิปก็หนักเกินกว่าจะลากไปได้เธอจึงทิ้งร่างเขาไว้แล้ววิ่งไปหาคู่สามีภรรยาคงะโก และได้ขอความช่วยเหลือจากอบต.ตะโก พร้อมกับโทรหาพ่อแม่ของอธิปรวมถึงตำรวจ แม่ของอธิปได้ใช้เวลาหลายชั่วโมงกับกัญญา ได้ร้องให้เป็นเวลาหลายชั่วโมง ในช่วงวลาดังกล่าวกัญญายังไม่ระบุตัวฆาตกรที่ฆ่าอธิปซึ่งมันจะทำให้เกิดซึ่งทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนในภายหลัง โดยเธอเล่าว่าสามีถูกชายคนหนึ่งยิง สิ่งที่เล่าให้ตำรวจฟังมีความคลาดเคลื่อนอยู่สองสามข้อ ซึ่งเกิดการถกเถียงกันในภายหลัง ระหว่างสิ่งที่เธอพูดเกิดขึ้นตอนนี้กับสิ่งที่เธอพูดกับตำรวจในภายหลัง เธอบอกว่าเธอเห็นชายคนหนึ่งเข้ามาใกล้ในระยะสิบเมตร และไม่สามารถแยกแยะใบหน้าของเขาออกได้เนื่องจากมืดเกินไป เธอยังบอกด้วยว่าเธอกำลังเก็บน้ำยางที่ต้นไม้แถวที่สอง ส่วนสามีทำงานแถวแรก ติดกับสวนมังคุด เธอยืนกรานว่าเธอเห็นชายคนนั้นมาจากทางสวนมังคุด แต่เธอจะแน่ใจได้อย่างไรถ้าเธอมองไม่เห็นไกลขนาดนั้น? สวนอยู่ห่างจากที่เธอทำงานอยู่มากกว่า 15 เมตร ในเวลาต่อมากันยาถูกสอบสวนที่สถานีตำรวจและยืนยันว่าฆษตกรคือสุดใจ พ่อเลี้ยงของเธอ ตำรวจจึงขอหมายค้นสุดใจจากศาลจังหวัดหลังสวน ตำรวจจึงไปที่บ้านของสุดใจแต่ก็ไม่พบเขา ภรรยาสุดใจบอกว่าสุดใจไปทำงานที่อำเภอหลังสวน ในวันที่ 28 สิงหาคม ตำรวจสามารถจับกุมสุดใจได้ในสวนแห่งหนึ่งในอำเภอพะโต๊ะ สุดใจให้การปฎิเสธในชั้นสอบสวน เขาบอกตำวจว่าบอกตำรวจด้วยว่า "ฉันไม่ได้ข่มขืนผู้หญิงคนนั้น" ผู้ชายบางคนฆ่าสามีของเธอ และฉันก็เป็นแค่แพะรับบาปเท่านั้น' ขอย้ำอีกครั้งว่า การข่มขืนลูกเลี้ยงของคุณเป็นสิ่งที่ผู้ชายแทบจะยอมรับไม่ได้
กันยาอ้าง่วาแสงไฟบนหมวกของเธอทำให้มองเห็นได้ในระยะ 15 เมตรจากด้านหน้าของเธอ เมื่อเธอเห็นคนร้ายซึ่งห่างจากเธอ 3 เมตร ทำให้เธอมั่นใจ100%ว่าเป็นสุดใจและเขายังขู่ฆ่าเธอถ้าเธอยังไม่หุบปาก
นอกเหนือจากเรื่องทั้งหมดที่เธอมองเห็นข้างหน้าเธอในยามพลบค่ำได้กี่เมตรแล้ว ตำรวจยังครุ่นคิดถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อื่นๆ อีก คาดว่าเป็นพฤติกรรมแปลกๆ ที่เธอวิ่งไปหาสามีของเธอหลังจากที่เขาถูกยิง แม้ว่าฆาตกรจะอยู่ห่างออกไปเพียงสามเมตรก็ตาม ผู้คนเชื่อว่าหากพวกเขาสวมรองเท้าของเธอ พวกเขาจะต้องวิ่งเพื่อรักษาตัวเองก่อน แต่วิธีที่ฉันเห็นคือเธอรักสามีของเธอ ดังนั้นจึงเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติที่จะลืมตัวเองและวิ่งไปหาเขาเมื่อเขาล้มลง ถ้าทิว(ภรรยาของเชาวเรศน์)หรือลูกๆ ของผมถูกทำร้ายแบบนั้น ผมจะไม่ยอมวิ่งหนีไปหาที่กำบังและปล่อยให้พวกเขานอนอยู่บนพื้นข้างหลังผม และถ้าเป็นผมที่ล้มลง พวกเขาคงไม่ทิ้งผมไปเช่นกัน ดังนั้นฉันจึงไม่เชื่อว่านี่เป็นประเด็นที่ถกเถียงกัน และมีอีกกรณีที่พ่อออกไปเดินเล่นกับลูกสาว แล้วถูกมือปืนยิง ลูกสาวเกาะพ่อแน่นและไม่ยอมวิ่งหนีจึงถูกยิงไปด้วย(ในหน้านี้อ้างอิงจาก last executioner)
สุดใจ ชนะ กระสุน 1 นัดกลางสวนยาง สู่กระสุน 8 นัดสุดท้ายจากเฮคแลร์อุนด์คอค เอ็มเพ5 ในสถานที่หมดทุกข์
เกริ่น
ในช่วงไม่กี่วันมานี้ผมไม่หาข้อมูลเกี่ยวกับสุดใจ ชนะซึ่งเป็นบุคคลที่สุดท้ายที่ถูกยิงเป้าในประเทศไทย ซึ่งในวิกิพีเดียภาษาไทยผมไปเจอของวิกิพีเดียหน้าเรือจำกลางบางขวางซึ่งเขียนว่าสุดใจ ชนะ ผู้ก่อเหตุฆาตกรรมผู้รับจ้างกรีดยางขณะกรีดยางพร้อมกับภรรยาที่สวนยางพาราในอำเภอทุ่งตะโก เมื่อปี พ.ศ. 2541 ผมจึงสงสัยกับคดีจึงลองไปหาข้อมูลดูจากข้อมูลอรรถยุทธ พวงสุวรรณ หรือยุทธ บางขวาง เผยแพร่ชื่อนักโทษที่ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าทั้ง 319 ราย โดยสุดใจ ชนะถูกประหารจากคดีคดีความผิดต่อชีวิต ผมจึงลองหางานวิทยานิพนธ์กับโทษประหารดูว่าจะมีข้อมูลของคดีสุดใจ ชนะไหม เพราะข้อมูบเท่าที่มีตอนนี้ในอินเตอร์เน็ตคือสุดใจ ชนะโดนยิงเป้าคดียา ส่วนภาษาอังกฤษตอนนั้นยังไม่ได้หา ซึ่งสาเหตุท่ไม่มีชื่อสุดใจในหนังสือคำสารภาพสุดท้ายของนักโทษประหารเพราะคุณอรรถยุทธถูกย้ายไปยังเรือนจำอื่นหลังจากการทำหน้าที่พี่เลี้ยงในการนำตัวของส้มเกลี้ยง สร้อยพลายคดีฆ่าข่มขืนลูกตัวเอง ไปประหารชีวิต เขาก็ถูกย้ายไปเรือนจำอื่น ก่อนจะกลับมาทำหน้าที่เลี้ยงอีกครั้งในการประหารบัณฑิต เจริญวานิชและจิรวัฒน์ พุ่มพฤษก์ และการประหารชีวิตธีรศักดิ์ หลงจิ จนกระทั่งผมไปอ่านงานวิทยานิพนธ์ความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับภาพตัวแทนของนักโทษประหารและการประหารชีวิตในหนังสือพิมพ์รายวันไทย ทให้ผมพบข้อมูลว่านายสุดใจยิงผู้ตายเสียชีวิต สาเหตุมาจากไม่พอใจที่ลูกเลี้ยงซึ่งตกเป็นภรรยา ลับๆ ของตนไปแต่งงานกับผู้ตาย (เดลินิวส์12 ธันวาคม 2545) ส่วนงานวิทยานิพนธ์การซ้อนทับจับวางของวาทกรรมทีบวางของวาทกรรมทัณฑวิทยา: วงศาวิทยาใช้โทษประหารและความรุนแรงเพื่ออการลงทัณฑ์ในประวิติ์ในประวัติศาสตร์ไทย โดยภูวดล ไชยอินทร์ คณะรัฐศาสตร์ ทำให้พบข้อมูลสำคัญที่หน้า 108-110 เป็นคำพาพกษาของคดีสุดใจ ทำให้ทราบถึงคดีของสุดใจ จนกระทั่งผมลองหาชื่อสุดใจเป็นภาษาอังกฤษดูซึ่งแทบไม่พบข้อมูลเคยแต่ผมข้อมูลจาดหนังสือThe Last Executionerจากเว้ปBook Read Free จึงลองไปหาดูซึ่งพบกับคดีของสุดใจ ซึ่งอยู่หน้า 15-16 โดยคดีนี้ทำให้พบกับข้อมูลที่น่าสนใจหลายอย่างผมจึงนำข้อมูลมาสรุปและจะเผยแพร่ลงในกระทู้นะครับ
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ต่อมาผมไปหาเล่มปิดตำนานเพชฌฆาตมาอ่านพบว่าข้อมูลมันจะต่างไปบ้างเช่นชื่อ ส่วนเหตุการณ์จะเหมือนเดิมแต่บางส่วนจะถูกตัดไปเช่นข้อคิดเห็นของตัวเชาวเรศน์เอง ซึ่งในหนังสือมีภาพสุดใจ ลักษณะคือเป็นชายแก่ที่มีผมไม่มากและเป็นผมหงอก ส่วนในแบบพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหา ระบุว่าสุดใจเกิดปี 2488 ส่วนผู้เสียชีวิตชื่ออธิป บุญร่วมไม่ใช่อินแก้ว ส่วนกัญญา หรือกุ้งมีนามสกุลคืออินทร์แก้ว ผมแปลGanyaเป็นกันยาเพราะผมไม่รู้ว่ามันสะกดอย่างไรในภาษาไทย โดยหากจะใช้อ้างอิงในตัวคดีแบบเน้นข้อเท็จจริงให้ใช้จากเล่มปิดตำนานเพชฌฆาตเพราะเป็นภาษาไทยและรูปแบบจะเน้นตัวคดีไปเลย(คล้ายคำสารภาพสุดท้ายของนักโทษประหาร) ส่วนรุ่นภาษาอังกฤษจะมีข้อคิดเห็นที่ไม่ปรากฏในฉบับภาษาไทยเช่น(ในสปอย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยตัวคดีจะเป็นคดีเดียวกันเลยคือสุดใจฆ่าอธิปในสวนเงาะ และเขาทำสิ่งไม่สมควรกับลูกเลี้ยง(มีในคำพิพากษาซึ่งอยู่ในเล่มปิดตำนานเพชฌฆาต) มันเหมือนกันเลยแต่ไม่มีความคิดเห็นของเชาวเรศน์+ข้อมูลวันเวลาที่ตัดสิน-ยกฎีกา-ถวายฎีกา ส่วนประวัติกัญญาก็จะอยู่ที่หน้า258 เริ่มที่บรรทัดแรก ตรงพยานผู้ตาย(ก็คือกัญญา)เบิกความว่า......ประวัติ..... และก็สุดใจปฎิเสธไม่ได้ทำสิ่งเลวร้ายกับลูกเลี้ยงไม่มีในปิดตำนานเพชฌฆาตนะครับ
ถ้าสรุปก็คือคดีนี้เป็นคดีจริง(คำพิพากษาในงานวิจัยและในปิดตำนานเพชฌฆาตตรงกัน) แต่คดีถัดจากนี้จะใช้การดำเนินเรื่องตามThe last exectuioner โดยBook Read Free ซึ่งจะต่างจากตัวคดีในคำพิพากษาเล็กน้อย(ตรงความคิดเห็น) หากต้องการใช้อ้างอิงแนะนำให้เอาจากหนังสือปิดตำนานเพชฌฆาตซึ่งอยู่ที่สำนักงานวิจัยทรัพยากรชั้น 5 5108 ชั้น 2 รหัส 364.134 ซ738 ป ฉ.1 ครับถ้าผมมีเวลาผมจะนำฉบับที่มีความแน่นอนมาครับ
*ข้อแนะนำคือคดีนี้จะเล่าจากมุมมองตัวเหยื่อ จะต่างจากของตามคำพิพากษาและชื่ออาจผิดไปเล็กน้อย ซึ่งในปิดตำนานเพชฌฆาตจะเปิดที่เวลา 05.00 น. ขณะที่ พันตำรวจตรีไมตรี โตวิเศษ ปฎิบัติหน้าที่อยู่ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอทุ่งตะโกได้รับแต้งวิทยุจากทางตำรวจสายตรวจตำบลตะโก ว่ามีเหตุคนร้ายยิงคนตายที่สวนยางพาราหมู่ ๘*
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แนะนำว่าถ้าต้องการนำข้อมูลไปเล่าเกี่ยวกับอาชญกรรมในอดีตแนะนำให้ใช้ข้อมูลจากหนังสือปิดตำนานเพชฌฆาตเพื่อจะได้ข้อมูลตัวคดีที่เป็นตัวคำพิพากษา ส่วนฉบับนี้จะมีข้อคิดเห็นแทรกข้อเท็จจริงและการเรียบเรียงคำจากตัวผู้เขียน(เจ้าของกระทู้) ส่วนชื่อเอาไปใช้ได้เลยไม่ต้องอ้างอิงมากระทู้นี้ก็ได้ ผมจะใส่หมายเหตุละกัน
สุดใจ ชนะ กระสุน 1 นัดกลางสวนยาง สู่กระสุน 8 นัดสุดท้ายจากเฮคแลร์อุนด์คอค เอ็มเพ5 ในสถานที่หมดทุกข์
คำเตือน คดีนี้มีความรุนแรง ! คดีคล้ายๆกับวาด ขุนจันทร์
คดีนี้เริ่มจากคำบอกเล่าของกันยาซึ่ต้องย้อนไปถึง 16 ปี
กัญญา อินทร์แก้วได้อาศัยกับแม่และสุดใจซึ่งป็นพ่อเลี้ยงมา 15 ปี แต่ทว่าในปีที่ 10 วันนั้นภรรยาของสุดใจไปซื้อของที่กรุงเทพ สุดใจได้กลับบ้านมาด้วยความเมามายและได้ลงมือข่มขืนกันยาลูกเลี้ยงวัย 15 ปี ของเขา หลังจากที่เขาทำครั้งแรก ชายคนนี้ก็ได้ลงมือข่มขืนอีก อีก อีก อีก เรื่อยเพราะมันง่ายมากที่ทำอีก จนกระทั่งกันยาตั้งท้องและแม่ของเธอให้เธอทำแท้ง เราคงคิดว่าสุดใจพ่อเลี้ยงก็คงจะหุดแล้ว แต่ไม่เขาก็กลับมาข่มขืนเธอต่อหลังจากทำแท้ง จนกระทั่งในเดือนเมษายน พ.ศ. 2540 เธอได้หนีออกจากบ้านไปแต่งงานกับอธิป บุญร่วม โดยไม่ได้รับความยินยอมจากพ่อเลี้ยง
เชาวน์เรศน์ได้กล่าวถึงรายของสุดใจว่า สุดใจเหมือนกับคนบ้า เขาผอมแห้งมาก และมีผมหงอกสั้นอยู่บนหัว ชีวิตของเขาเป็นไปได้ว่าประกอบด้วยการทำงานหนักที่น่าเบื่อหน่ายและการดื่มหนัก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจภรรยาของขา และเขาจับจ้องกันยาและไม่เคยปล่อยให้เธอหนีไปอยู่กับชายอื่น
กลับมาต่อ
แวลาประมาณตี 4 ของวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2541 เวลาดังกล่าวเป็นเวลาที่อุณหภูมิจะเหมาะสมต่อการเก็บยางซึ่งจะได้คุณภาพดี อธิป บุญร่วม และภรรยา กัญญา ก็ออกไปทำงานเก็บน้ำยางที่สวนยางเหมือนกับวิถีชีวิตของหลายๆคนเพราะในช่วงเช้ามืดเป็นเวลาที่เหมาะต่อการเก็บน้ำยาง ระหว่างที่อธิปกับกันยาทำงานแยกแถวกัน โดยสวนแห่งนี้เป็นของนายลอบ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลตะโก จังหวัดชุมพร กัญญาพบกับชายคนหนึ่งเดินออกจากสวนเงาะ เธอพอจะจำลักษณะของชายที่เดินออกจากสวนเงาะท่ามกลางความมืดมา แล้วชายคนนั้นก็เดินเข้าใกล้อธิปเรื่อยๆ กัญญาได้พยายามบอกอธิปแบบเบา เมื่ออธิปหันมาก้เจอชายคนที่เดินจากสวนเงาะหยิบปืนพกสีดำขึ้นมาจ่อที่เขา แล้วชายคนนั้นก็ยิงอธิปหนึ่งนัด ปัง! กระสุนถูกลำตัว บริเวณสีข้าง หน้าอก คอและแขน อธิปล้มคุกเข่าลง กันยาได้ส่งเสียงกรีดร้องแล้ววิ่งไปฟหหาสามีที่ล้มลงไปกับพื้นของสวนยาง ชายคนนั้นที่อยูห่างไป 3 เมตรเมื่อกันยาไปหาอธิป แสงไฟจากโคมไฟเล็กๆบนหมวกได้สาดไปยังใบหน้าของชายคนนั้น ถึงแม้ตอนนั้นแสงจากพระอิทตย์ยังไม่เกิดขึ้นเพราะพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น แต่แสงจากไฟบนหมวกทำให้เห็นใบหน้าของเขานั่นคือ สุดใจ ชนะ ร่างของอธิปอยู่บนตักของกัญญา กัญญาถอยหลังจากชายถือปืนซึ่งคือพ่อเลี้ยงของธอ สุดใจ คนที่ข่มขืนเธอมาตลอด 5 ปี และพ่อของลูกที่ทำแท้ง สุดใจถือปืนและจองมองกันยาอย่างเย็นชา ก่อนจะขู่กัญญาว่า”ถ้าคุณบอกตำรวจฉันจะกลับมาและฆ่าคุณ” แล้วสุดใจก็วิ่งออกไปยังทางเขาเดินทางมา กัญญาจึงพยายามลากร่างที่เธอไม่รู้ว่าสามีได้เป็นร่างไร้วิญญาณแล้วไปยังบ้านของครองครัวคงตะโก แต่อธิปก็หนักเกินกว่าจะลากไปได้เธอจึงทิ้งร่างเขาไว้แล้ววิ่งไปหาคู่สามีภรรยาคงะโก และได้ขอความช่วยเหลือจากอบต.ตะโก พร้อมกับโทรหาพ่อแม่ของอธิปรวมถึงตำรวจ แม่ของอธิปได้ใช้เวลาหลายชั่วโมงกับกัญญา ได้ร้องให้เป็นเวลาหลายชั่วโมง ในช่วงวลาดังกล่าวกัญญายังไม่ระบุตัวฆาตกรที่ฆ่าอธิปซึ่งมันจะทำให้เกิดซึ่งทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนในภายหลัง โดยเธอเล่าว่าสามีถูกชายคนหนึ่งยิง สิ่งที่เล่าให้ตำรวจฟังมีความคลาดเคลื่อนอยู่สองสามข้อ ซึ่งเกิดการถกเถียงกันในภายหลัง ระหว่างสิ่งที่เธอพูดเกิดขึ้นตอนนี้กับสิ่งที่เธอพูดกับตำรวจในภายหลัง เธอบอกว่าเธอเห็นชายคนหนึ่งเข้ามาใกล้ในระยะสิบเมตร และไม่สามารถแยกแยะใบหน้าของเขาออกได้เนื่องจากมืดเกินไป เธอยังบอกด้วยว่าเธอกำลังเก็บน้ำยางที่ต้นไม้แถวที่สอง ส่วนสามีทำงานแถวแรก ติดกับสวนมังคุด เธอยืนกรานว่าเธอเห็นชายคนนั้นมาจากทางสวนมังคุด แต่เธอจะแน่ใจได้อย่างไรถ้าเธอมองไม่เห็นไกลขนาดนั้น? สวนอยู่ห่างจากที่เธอทำงานอยู่มากกว่า 15 เมตร ในเวลาต่อมากันยาถูกสอบสวนที่สถานีตำรวจและยืนยันว่าฆษตกรคือสุดใจ พ่อเลี้ยงของเธอ ตำรวจจึงขอหมายค้นสุดใจจากศาลจังหวัดหลังสวน ตำรวจจึงไปที่บ้านของสุดใจแต่ก็ไม่พบเขา ภรรยาสุดใจบอกว่าสุดใจไปทำงานที่อำเภอหลังสวน ในวันที่ 28 สิงหาคม ตำรวจสามารถจับกุมสุดใจได้ในสวนแห่งหนึ่งในอำเภอพะโต๊ะ สุดใจให้การปฎิเสธในชั้นสอบสวน เขาบอกตำวจว่าบอกตำรวจด้วยว่า "ฉันไม่ได้ข่มขืนผู้หญิงคนนั้น" ผู้ชายบางคนฆ่าสามีของเธอ และฉันก็เป็นแค่แพะรับบาปเท่านั้น' ขอย้ำอีกครั้งว่า การข่มขืนลูกเลี้ยงของคุณเป็นสิ่งที่ผู้ชายแทบจะยอมรับไม่ได้
กันยาอ้าง่วาแสงไฟบนหมวกของเธอทำให้มองเห็นได้ในระยะ 15 เมตรจากด้านหน้าของเธอ เมื่อเธอเห็นคนร้ายซึ่งห่างจากเธอ 3 เมตร ทำให้เธอมั่นใจ100%ว่าเป็นสุดใจและเขายังขู่ฆ่าเธอถ้าเธอยังไม่หุบปาก
นอกเหนือจากเรื่องทั้งหมดที่เธอมองเห็นข้างหน้าเธอในยามพลบค่ำได้กี่เมตรแล้ว ตำรวจยังครุ่นคิดถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อื่นๆ อีก คาดว่าเป็นพฤติกรรมแปลกๆ ที่เธอวิ่งไปหาสามีของเธอหลังจากที่เขาถูกยิง แม้ว่าฆาตกรจะอยู่ห่างออกไปเพียงสามเมตรก็ตาม ผู้คนเชื่อว่าหากพวกเขาสวมรองเท้าของเธอ พวกเขาจะต้องวิ่งเพื่อรักษาตัวเองก่อน แต่วิธีที่ฉันเห็นคือเธอรักสามีของเธอ ดังนั้นจึงเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติที่จะลืมตัวเองและวิ่งไปหาเขาเมื่อเขาล้มลง ถ้าทิว(ภรรยาของเชาวเรศน์)หรือลูกๆ ของผมถูกทำร้ายแบบนั้น ผมจะไม่ยอมวิ่งหนีไปหาที่กำบังและปล่อยให้พวกเขานอนอยู่บนพื้นข้างหลังผม และถ้าเป็นผมที่ล้มลง พวกเขาคงไม่ทิ้งผมไปเช่นกัน ดังนั้นฉันจึงไม่เชื่อว่านี่เป็นประเด็นที่ถกเถียงกัน และมีอีกกรณีที่พ่อออกไปเดินเล่นกับลูกสาว แล้วถูกมือปืนยิง ลูกสาวเกาะพ่อแน่นและไม่ยอมวิ่งหนีจึงถูกยิงไปด้วย(ในหน้านี้อ้างอิงจาก last executioner)