‘ชัยธวัช’ ลุ้นศาลรธน. ขยายเวลาสู้คดียุบพรรค ชี้เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง ต้องใช้เวลาหาหลักฐาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4542363
‘ชัยธวัช’ ลุ้นศาลรธน. ขยายเวลาสู้คดียุบพรรค ชี้เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงต้องหาพยาน-หลักฐาน สู้อย่างเต็มที่ เชื่อ ปรากฎการณ์งูเห่าน้อยกว่า อนาคตใหม่ เหตุสถานการร์ต่างกัน
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 24 เมษายน ที่รัฐสภา นาย
ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการยื่นขอขยายเวลาในการทำเอกสารชี้แจง ว่า เมื่อวานนี้(23เม.ย.) ทางทีมกฎหมายของพรรคได้ไปยื่นขอเวลาเพิ่มอีกครั้งต่อศาลรัฐธรรมนูญ คาดว่าวันนี้ศาลฯคงพิจารณา รวมถึงมีคำสั่งว่าจะให้ขยายหรือไม่ หวังว่าวันนี้คงมีความชัดเจน ซึ่งเราอยากขยายเวลาอีกเพราะเดิมขอขยายไป 30 วัน แต่ได้รับการขยายไปแค่15วัน โดยเห็นว่าไม่เพียงพอ
“เ
รื่องนี้กระทบกับพรรคใหญ่มาก การจะเขียนคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต้องมีความละเอียด จำเป้นต้องแสวงหาข้อมูลทางกฎหมายและข้อเท็จจริงมาโต้แย้งให้มากที่สุด ในกระบวนการยุติธรรมที่ดีควรจะเปิดโอกาศให้ผู้ถูกร้องโดยเฉพาะคดีกล่าวหาร้ายแรง ถึงขั้นยุบพรรคและตัดสิทธิ์ทางการเมือง มีสิทธิ์ที่จะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่ รวมถึงจำเป็นต้องแสวงหาพยานและข้อเท็จจริงให้ศาลไต่สวนอย่างถึงที่สุด เพราะน้ำหนักของบทลงโทษมันต่างจากคดีที่ผ่านมาที่มีการวินิจฉัยตามมาตรา 49 ที่เป้นเพียงสั่งให้ยุติการกระทำ จึงคิดว่าศษลน่าจะพิจารณาขายเวลาให้เราออกไปอีก ” นาย
ชัยธวัชกล่าว
นาย
ชัยธวัชกล่าวว่าทางพรรคก้าวไกลขอขยายออกไปอีก 30 วัน เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติม เราจึงอยากอ่านรายละเอียดอีกรอบว่ามีการแก้อะไรไปบ้าง และคดีนี้มีบทลงโทษร้ายแรงมาก ดังนั้นการหาแง่มุมต่อสู้ทางกฎหมายและข้อเท็จจริง ลำพังเพียงคำวินิจฉัยของศาลรธน.ในคดีที่ให้ยุติการกระทำอย่างเดียวไม่น่าจะเป็นข้อเท็จจริงที่เพียงพอในการกล่าวหาเพื่อร้องให้ยุบพรรค และพยานบุคคลที่จะเสนอให้ศาลไต่สวนก็ต้องใช้ระยะเวลาในการพูดคุยว่าจะยินดีหรือไม่ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาติดวันหยุดสงกรานต์ไปหลายวัน จึงมองว่าเหมาะสมที่จะให้โอกาสขยายระยะเวลาเพิ่มเติม
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคจะถูกยุบและทำให้ส.ส.ของพรรคมีการย้ายแบบข้ามขั้ว ในพรรคมีการพูดคุยกันหรือมีสัญญาใจอะไรกันหรือไม่ นาย
ชัยธวัชกล่าวว่าตนเชื่อว่าสส.ของพรรคก้าวไกลในรุ่นนี้น่าจะมีสถานการณ์ไม่แย่ไปกว่าในคราวที่ยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเราเข้าใจดีถึงความต้องการ และความคาดหวัง รวมถึงเสียงที่ได้รับจากประชาชนอย่างล้มหลามที่ต่างจากสมัยพรรคอนาคตใหม่ แต่เราก็ทำงานอย่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน
“
ผมก็พยายามบอกเพื่อนๆในพรรคว่าอย่าไปสร้างบรรยากาศในการสร้างความไม่ไว้วางใจ หรือไปล่าแม่มดกัน ประเด็นสำคัญสุดตอนนี้คือการพูดคุยทิศทางการทำงานของพรรค เป้าหมายที่ชัดเจนหลังจากนี้ เพื่อทำให้พรรคกัาวไกลพัฒนา และทำงานตอบสนองประชาชนมากขึ้น และที่สำคัญการสัมมนาช่วงประชุมใหญ่พรรคที่ผ่านมา เรามีการพูดถึงการต่อสู้คดีและความเป็นไปได้ทางการเมืองที่เราจะไม่ถูกยุบพรรคยังมีอยู่ บรรยากาศแรกหลังมีคำวินิจฉัยในในคดีที่แล้ว คนจำนวนมากอาจจะคิดว่าพรรคยุบแน่นอน100% จนมาถึงวันนี้ความคิดที่ว่าพรรคก้าวไกลน่าจะมีช่องทางในการต่อสู้ยังมีอยู่“ นาย
ชัยธวัชกล่าว
ผู้ว่าการ ธปท.ทำหนังสือถึง ครม.จี้ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ตแจกหมื่นบาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก
https://siamrath.co.th/n/531178
ผู้ว่าการ ธปท.ทำหนังสือถึง ครม.จี้ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ตแจกหมื่นบาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก
รายงานข่าวแจ้งว่า นาย
เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้
1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง โดยความจำเป็นกระตุ้นการบริโภคในวงกว้างมีไม่มาก โดยในปี 2566 การบริโภคภาคเอกชนของไทยขยายตัวร้อยละ 7.1 เทียบกับค่าเฉลี่ยช่วงปี 2553 – 2565 ขยายตัวเฉลี่ยที่ร้อยละ 3 ต่อปี
โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ก่อให้เกิดภาระทางการคลังจำนวนมากในระยะยาว และหากไม่สามารถรักษาเสถียรภาพภาระหนี้ภาครัฐได้ จะเพิ่มความเสี่ยงที่ประเทศไทยจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ เช่น เกณฑ์การประเมินของ Moody’s ได้กำหนดอัตราส่วนภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อรายได้ของประเทศในกลุ่ม Baal (Rating ของไทยในปัจจุบัน) ไว้ว่าไม่ควรเกินร้อยละ 11 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะทำให้มีอัตราสูงกว่าเกณฑ์ในปี 2568 หากไทยถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ จะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมภาครัฐและภาคเอกชนปรับเพิ่มขึ้น
การเพิ่มวงเงินกู้ปีงบประมาณ 2568 จนเกือบเต็มกรอบที่กฎหมายกำหนด ทำให้เหลือวงเงินกู้ได้อีกราว 5,000 ล้านบาท เทียบกับวงเงินคงเหลือเฉลี่ยในปีก่อน ๆ มากกว่า 100,000 ล้านบาท อาจกระทบการจัดสรรวงเงินจากงบประมาณปี 2567 ทำให้งบกลางสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นลดลงจนอาจไม่เพียงพอรองรับกรณีฉุกเฉิน ภายใต้สถานการณ์การเมืองโลกความไม่แน่นอนสูงและภาวะภัยธรรมชาติมีความรุนแรงมากขึ้น
รัฐบาลควรคำถึงความคุ้มค่าของการนำงบประมาณ 500,000 ล้านบาท ไปใช้ลงทุนแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ตัวอย่างการใช้งบประมาณที่ผ่านมาได้แก่ โครงการพัฒนาบุคลากรการแพทย์ (ใช้งบ เฉลี่ย 3.8 ล้านบาทต่อตำแหน่ง) สร้างบุคลากรการแพทย์ได้กว่า 130,000 ตำแหน่ง โครงการ เรียนฟรี 15 ปี สำหรับนักเรียนทั่วประเทศ (83,000 ล้านบาทต่อปี) สนับสนุนได้นานถึง 6 ปี โครงการรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม – ชุมพร (40,000 ล้านบาทต่อสาย) พัฒนาได้กว่า 10 สาย โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (190,000 ล้านบาทต่อสาย) พัฒนาได้กว่า 2 สาย
2. แหล่งเงินสำหรับดำเนินโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท วงเงิน 500,000 ล้านบาท นำมาจากงบประมาณรายจ่าย และกู้เงินจาก ธ.ก.ส. โดยรัฐบาล รับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ ตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง ต้องไม่ขัดแย้งกับการควบคุมระบบเงินตรา และการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกร ควรมีความชัดเจนทางกฎหมายว่าการดำเนินการดังกล่าวอยู่ภายใต้หน้าที่และอำนาจและอยู่ภายใต้กฎหมาย วัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส.
เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความถูกต้อง และรอบคอบ จึงเสนอให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลังหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา ธปท. ในฐานะผู้กำกับดูแลความเสี่ยงและฐานะของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ มีข้อกังวลว่า การที่รัฐบาลจะมอบหมายให้ ธ.ก.ส. สนับสนุนโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยยังมีภาระหนี้คงค้างกับ ธ.ก.ส. ถึงประมาณ 800,000 ล้านบาท
3. ผู้พัฒนาระบบสำหรับโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นับว่ามีความซับซ้อนและต้องรองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก จึงต้องเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพ มีความเสถียร และมีความมั่นคงปลอดภัยเพียงพอ เพื่อไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบ (systemic risk) ธปท. จึงห่วงใยในการพัฒนาและดำเนินการระบบ จึงควรใช้ ระบบพร้อมเพย์ และ Thai QR Payment เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ลดต้นทุนในการพัฒนาระบบ และใช้ประโยชน์สูงสุด จากโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่มีอยู่
ด้วยเงื่อนไขของการใช้สิทธิที่มีความซับซ้อนในหลายมิติ รวมทั้งเป็นระบบเปิด (Open-loop) ต้องเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการหลากหลาย ควรกำหนดโครงสร้าง และสถาปัตยกรรมของระบบที่ชัดเจน ตลอดจนวางแผนการพัฒนาและทดสอบที่รัดกุมครบถ้วน เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบ รองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก ไม่ให้ติดขัด หรือเกิดการใช้จ่ายที่ไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขของโครงการ
4. การบริหารจัดการความเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือทุจริต หน่วยงานที่รับผิดชอบควรกำหนดกลไกลดความเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือทุจริต ในขั้นตอนต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะประเด็นที่ปัญหาพึงคาดหมายได้ตั้งแต่เริ่มแรก เช่น แนวทางการตรวจสอบรายได้และทรัพย์สินของผู้เข้าร่วมโครงการให้เป็นไปตามคุณสมบัติที่กำหนด การป้องกันการลงทะเบียนเป็นร้านค้าปลอม การกำหนดประเภทและขนาดของร้านค้าเพื่อรองรับเงื่อนไขการใช้จ่ายประเภทสินค้าต้องห้าม
ธปท.มีความเห็นว่า การพิจารณากรอบหลักการและ รายละเอียดต่างๆของโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทเป็นโครงการมีรายละเอียด ซับซ้อนใช้งบประมาณจำนวนมาก กระทบต่อภาระการคลังในระยะยาว มีความเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือทุจริตในขั้นตอนต่างๆ จึงต้องรัดกุมอย่างเต็มที่ จึงเสนอให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวนและนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมทั้งจัดทำแนวทางหรือมาตรการแก้ไขประเด็นปัญหาหรือความเสี่ยงต่างๆให้เป็นรูปธรรมด้วย
#ดิจิทัลวอลเล็ต #ธนาคารแห่งประเทศไทย #ข่าววันนี้ #ธปท #แจกหมื่นบาท #กู้เงิน
เอกชนโอดก๊าซถูก แต่ค่าไฟยังแพง บี้รัฐเดินหน้า 4 ด้านลดต้นทุนระยะยาว
https://www.matichon.co.th/economy/news_4542220
เอกชนโอดก๊าซถูก แต่ค่าไฟยังแพง บี้รัฐเดินหน้า 4 ด้านลดต้นทุนระยะยาว
นาย
อิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ค่าไฟ ว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีสภาพอากาศที่ร้อนมากๆ ทำให้การใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น และด้วยค่าไฟฟ้าอัตราก้าวหน้าของครัวเรือ การใช้ไฟฟ้าที่มากขึ้น จะทำให้ค่าไฟแพงขึ้น
โดยค่าไฟฟ้างวด 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม) ปี 2567 จะเริ่ม 1 พฤษภาคมนี้ อัตราเท่าเดิมจากงวด 1 คือ 4.18 บาท/หน่วย เหมาะสมแล้วหรือ เพราะปัจจุบันมีปัจจัยบวกมากกว่าปัจจุบันลบ ที่ทำให้ค่าไฟงวด 2 ถูกกว่า 1.48 บาทต่อหน่วย มาจากปัจจัยบวกจากก๊าซธรรมชาติ หรือ NG ราคาถูกจากแหล่งเอราวัณมากขึ้น และ LNG ราคา Spot ถูกลง รวมทั้งราคาพลังงานของโลกอ่อนตัวลง ขณะที่ปัจจัยลบ มีเพียงค่าเงินบาทอ่อน
อย่างไรก็ตาม นอกจากประเด็นราคาที่ควรลดลง ภาครัฐควรเร่งเดินหน้านโยบายการลดภาระค่าไฟฟ้าของประเทศในระยะยาว 4 ด้านหลัก คือ
1. ภาครัฐควรมีนโบาย ค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในการติดตั้ง Solar rooftop
2. ภาครัฐควรมีนโยบายการรับซื้อคืนไฟฟ้า จากประชาชน/เอกชน ในราคาที่สมเหตุสมผลกว่าปัจจุบันเพื่อส่งเสริมการลงทุนติดตั้งโซลาร์ ให้มากขึ้นและเร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้งบประมาณของภาครัฐ
3. นโยบายส่งเสริมแหล่งเงินทุนเช่น Soft loan เพื่อให้ ประชาชน, เอกชนสามารถจัดหา พลังงานทางเลือกอื่น ทดแทนการพึ่งพิงพลังงานฟอสซิลเดิม ที่มีผลประโยชน์กระจุกตัว โดยควรลดการพึ่งพิง LNG นำเข้า ที่ผลักภาระความเสี่ยงต้นทุนการนำเข้าให้ผู้บริโภคด้วยระบบ Cost plus อีกทั้ง ยังเป็นภาระหนี้ EGAT กว่า 1 แสนล้านบาทเช่นปัจจุบัน
4. เร่งรัดโครงการดีๆ ของ EGAT ที่ลดการพึ่งพิงฟอสซิล เช่น โครงการ Solar Floating ในเขื่ิอนต่างๆ และ โครงการ Mini firm Solar ( Solar พร้อม Battery สำรองไฟฟ้า ) เป็นต้น
JJNY : ‘ชัยธวัช’ ลุ้นศาลรธน.│ธปท.ทำหนังสือถึง ครม.จี้ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ต│เอกชนโอด ค่าไฟยังแพง│วุฒิสภาไฟเขียวช่วยยูเครน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4542363
‘ชัยธวัช’ ลุ้นศาลรธน. ขยายเวลาสู้คดียุบพรรค ชี้เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงต้องหาพยาน-หลักฐาน สู้อย่างเต็มที่ เชื่อ ปรากฎการณ์งูเห่าน้อยกว่า อนาคตใหม่ เหตุสถานการร์ต่างกัน
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 24 เมษายน ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการยื่นขอขยายเวลาในการทำเอกสารชี้แจง ว่า เมื่อวานนี้(23เม.ย.) ทางทีมกฎหมายของพรรคได้ไปยื่นขอเวลาเพิ่มอีกครั้งต่อศาลรัฐธรรมนูญ คาดว่าวันนี้ศาลฯคงพิจารณา รวมถึงมีคำสั่งว่าจะให้ขยายหรือไม่ หวังว่าวันนี้คงมีความชัดเจน ซึ่งเราอยากขยายเวลาอีกเพราะเดิมขอขยายไป 30 วัน แต่ได้รับการขยายไปแค่15วัน โดยเห็นว่าไม่เพียงพอ
“เรื่องนี้กระทบกับพรรคใหญ่มาก การจะเขียนคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต้องมีความละเอียด จำเป้นต้องแสวงหาข้อมูลทางกฎหมายและข้อเท็จจริงมาโต้แย้งให้มากที่สุด ในกระบวนการยุติธรรมที่ดีควรจะเปิดโอกาศให้ผู้ถูกร้องโดยเฉพาะคดีกล่าวหาร้ายแรง ถึงขั้นยุบพรรคและตัดสิทธิ์ทางการเมือง มีสิทธิ์ที่จะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่ รวมถึงจำเป็นต้องแสวงหาพยานและข้อเท็จจริงให้ศาลไต่สวนอย่างถึงที่สุด เพราะน้ำหนักของบทลงโทษมันต่างจากคดีที่ผ่านมาที่มีการวินิจฉัยตามมาตรา 49 ที่เป้นเพียงสั่งให้ยุติการกระทำ จึงคิดว่าศษลน่าจะพิจารณาขายเวลาให้เราออกไปอีก ” นายชัยธวัชกล่าว
นายชัยธวัชกล่าวว่าทางพรรคก้าวไกลขอขยายออกไปอีก 30 วัน เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติม เราจึงอยากอ่านรายละเอียดอีกรอบว่ามีการแก้อะไรไปบ้าง และคดีนี้มีบทลงโทษร้ายแรงมาก ดังนั้นการหาแง่มุมต่อสู้ทางกฎหมายและข้อเท็จจริง ลำพังเพียงคำวินิจฉัยของศาลรธน.ในคดีที่ให้ยุติการกระทำอย่างเดียวไม่น่าจะเป็นข้อเท็จจริงที่เพียงพอในการกล่าวหาเพื่อร้องให้ยุบพรรค และพยานบุคคลที่จะเสนอให้ศาลไต่สวนก็ต้องใช้ระยะเวลาในการพูดคุยว่าจะยินดีหรือไม่ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาติดวันหยุดสงกรานต์ไปหลายวัน จึงมองว่าเหมาะสมที่จะให้โอกาสขยายระยะเวลาเพิ่มเติม
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคจะถูกยุบและทำให้ส.ส.ของพรรคมีการย้ายแบบข้ามขั้ว ในพรรคมีการพูดคุยกันหรือมีสัญญาใจอะไรกันหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่าตนเชื่อว่าสส.ของพรรคก้าวไกลในรุ่นนี้น่าจะมีสถานการณ์ไม่แย่ไปกว่าในคราวที่ยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเราเข้าใจดีถึงความต้องการ และความคาดหวัง รวมถึงเสียงที่ได้รับจากประชาชนอย่างล้มหลามที่ต่างจากสมัยพรรคอนาคตใหม่ แต่เราก็ทำงานอย่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน
“ผมก็พยายามบอกเพื่อนๆในพรรคว่าอย่าไปสร้างบรรยากาศในการสร้างความไม่ไว้วางใจ หรือไปล่าแม่มดกัน ประเด็นสำคัญสุดตอนนี้คือการพูดคุยทิศทางการทำงานของพรรค เป้าหมายที่ชัดเจนหลังจากนี้ เพื่อทำให้พรรคกัาวไกลพัฒนา และทำงานตอบสนองประชาชนมากขึ้น และที่สำคัญการสัมมนาช่วงประชุมใหญ่พรรคที่ผ่านมา เรามีการพูดถึงการต่อสู้คดีและความเป็นไปได้ทางการเมืองที่เราจะไม่ถูกยุบพรรคยังมีอยู่ บรรยากาศแรกหลังมีคำวินิจฉัยในในคดีที่แล้ว คนจำนวนมากอาจจะคิดว่าพรรคยุบแน่นอน100% จนมาถึงวันนี้ความคิดที่ว่าพรรคก้าวไกลน่าจะมีช่องทางในการต่อสู้ยังมีอยู่“ นายชัยธวัชกล่าว
ผู้ว่าการ ธปท.ทำหนังสือถึง ครม.จี้ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ตแจกหมื่นบาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก
https://siamrath.co.th/n/531178
ผู้ว่าการ ธปท.ทำหนังสือถึง ครม.จี้ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ตแจกหมื่นบาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก
รายงานข่าวแจ้งว่า นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้
1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง โดยความจำเป็นกระตุ้นการบริโภคในวงกว้างมีไม่มาก โดยในปี 2566 การบริโภคภาคเอกชนของไทยขยายตัวร้อยละ 7.1 เทียบกับค่าเฉลี่ยช่วงปี 2553 – 2565 ขยายตัวเฉลี่ยที่ร้อยละ 3 ต่อปี
โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ก่อให้เกิดภาระทางการคลังจำนวนมากในระยะยาว และหากไม่สามารถรักษาเสถียรภาพภาระหนี้ภาครัฐได้ จะเพิ่มความเสี่ยงที่ประเทศไทยจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ เช่น เกณฑ์การประเมินของ Moody’s ได้กำหนดอัตราส่วนภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อรายได้ของประเทศในกลุ่ม Baal (Rating ของไทยในปัจจุบัน) ไว้ว่าไม่ควรเกินร้อยละ 11 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะทำให้มีอัตราสูงกว่าเกณฑ์ในปี 2568 หากไทยถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ จะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมภาครัฐและภาคเอกชนปรับเพิ่มขึ้น
การเพิ่มวงเงินกู้ปีงบประมาณ 2568 จนเกือบเต็มกรอบที่กฎหมายกำหนด ทำให้เหลือวงเงินกู้ได้อีกราว 5,000 ล้านบาท เทียบกับวงเงินคงเหลือเฉลี่ยในปีก่อน ๆ มากกว่า 100,000 ล้านบาท อาจกระทบการจัดสรรวงเงินจากงบประมาณปี 2567 ทำให้งบกลางสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นลดลงจนอาจไม่เพียงพอรองรับกรณีฉุกเฉิน ภายใต้สถานการณ์การเมืองโลกความไม่แน่นอนสูงและภาวะภัยธรรมชาติมีความรุนแรงมากขึ้น
รัฐบาลควรคำถึงความคุ้มค่าของการนำงบประมาณ 500,000 ล้านบาท ไปใช้ลงทุนแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ตัวอย่างการใช้งบประมาณที่ผ่านมาได้แก่ โครงการพัฒนาบุคลากรการแพทย์ (ใช้งบ เฉลี่ย 3.8 ล้านบาทต่อตำแหน่ง) สร้างบุคลากรการแพทย์ได้กว่า 130,000 ตำแหน่ง โครงการ เรียนฟรี 15 ปี สำหรับนักเรียนทั่วประเทศ (83,000 ล้านบาทต่อปี) สนับสนุนได้นานถึง 6 ปี โครงการรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม – ชุมพร (40,000 ล้านบาทต่อสาย) พัฒนาได้กว่า 10 สาย โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (190,000 ล้านบาทต่อสาย) พัฒนาได้กว่า 2 สาย
2. แหล่งเงินสำหรับดำเนินโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท วงเงิน 500,000 ล้านบาท นำมาจากงบประมาณรายจ่าย และกู้เงินจาก ธ.ก.ส. โดยรัฐบาล รับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ ตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง ต้องไม่ขัดแย้งกับการควบคุมระบบเงินตรา และการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกร ควรมีความชัดเจนทางกฎหมายว่าการดำเนินการดังกล่าวอยู่ภายใต้หน้าที่และอำนาจและอยู่ภายใต้กฎหมาย วัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส.
เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความถูกต้อง และรอบคอบ จึงเสนอให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลังหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา ธปท. ในฐานะผู้กำกับดูแลความเสี่ยงและฐานะของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ มีข้อกังวลว่า การที่รัฐบาลจะมอบหมายให้ ธ.ก.ส. สนับสนุนโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยยังมีภาระหนี้คงค้างกับ ธ.ก.ส. ถึงประมาณ 800,000 ล้านบาท
3. ผู้พัฒนาระบบสำหรับโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นับว่ามีความซับซ้อนและต้องรองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก จึงต้องเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพ มีความเสถียร และมีความมั่นคงปลอดภัยเพียงพอ เพื่อไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบ (systemic risk) ธปท. จึงห่วงใยในการพัฒนาและดำเนินการระบบ จึงควรใช้ ระบบพร้อมเพย์ และ Thai QR Payment เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ลดต้นทุนในการพัฒนาระบบ และใช้ประโยชน์สูงสุด จากโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่มีอยู่
ด้วยเงื่อนไขของการใช้สิทธิที่มีความซับซ้อนในหลายมิติ รวมทั้งเป็นระบบเปิด (Open-loop) ต้องเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการหลากหลาย ควรกำหนดโครงสร้าง และสถาปัตยกรรมของระบบที่ชัดเจน ตลอดจนวางแผนการพัฒนาและทดสอบที่รัดกุมครบถ้วน เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบ รองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก ไม่ให้ติดขัด หรือเกิดการใช้จ่ายที่ไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขของโครงการ
4. การบริหารจัดการความเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือทุจริต หน่วยงานที่รับผิดชอบควรกำหนดกลไกลดความเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือทุจริต ในขั้นตอนต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะประเด็นที่ปัญหาพึงคาดหมายได้ตั้งแต่เริ่มแรก เช่น แนวทางการตรวจสอบรายได้และทรัพย์สินของผู้เข้าร่วมโครงการให้เป็นไปตามคุณสมบัติที่กำหนด การป้องกันการลงทะเบียนเป็นร้านค้าปลอม การกำหนดประเภทและขนาดของร้านค้าเพื่อรองรับเงื่อนไขการใช้จ่ายประเภทสินค้าต้องห้าม
ธปท.มีความเห็นว่า การพิจารณากรอบหลักการและ รายละเอียดต่างๆของโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทเป็นโครงการมีรายละเอียด ซับซ้อนใช้งบประมาณจำนวนมาก กระทบต่อภาระการคลังในระยะยาว มีความเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือทุจริตในขั้นตอนต่างๆ จึงต้องรัดกุมอย่างเต็มที่ จึงเสนอให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวนและนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมทั้งจัดทำแนวทางหรือมาตรการแก้ไขประเด็นปัญหาหรือความเสี่ยงต่างๆให้เป็นรูปธรรมด้วย
#ดิจิทัลวอลเล็ต #ธนาคารแห่งประเทศไทย #ข่าววันนี้ #ธปท #แจกหมื่นบาท #กู้เงิน
เอกชนโอดก๊าซถูก แต่ค่าไฟยังแพง บี้รัฐเดินหน้า 4 ด้านลดต้นทุนระยะยาว
https://www.matichon.co.th/economy/news_4542220
เอกชนโอดก๊าซถูก แต่ค่าไฟยังแพง บี้รัฐเดินหน้า 4 ด้านลดต้นทุนระยะยาว
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ค่าไฟ ว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีสภาพอากาศที่ร้อนมากๆ ทำให้การใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น และด้วยค่าไฟฟ้าอัตราก้าวหน้าของครัวเรือ การใช้ไฟฟ้าที่มากขึ้น จะทำให้ค่าไฟแพงขึ้น
โดยค่าไฟฟ้างวด 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม) ปี 2567 จะเริ่ม 1 พฤษภาคมนี้ อัตราเท่าเดิมจากงวด 1 คือ 4.18 บาท/หน่วย เหมาะสมแล้วหรือ เพราะปัจจุบันมีปัจจัยบวกมากกว่าปัจจุบันลบ ที่ทำให้ค่าไฟงวด 2 ถูกกว่า 1.48 บาทต่อหน่วย มาจากปัจจัยบวกจากก๊าซธรรมชาติ หรือ NG ราคาถูกจากแหล่งเอราวัณมากขึ้น และ LNG ราคา Spot ถูกลง รวมทั้งราคาพลังงานของโลกอ่อนตัวลง ขณะที่ปัจจัยลบ มีเพียงค่าเงินบาทอ่อน
อย่างไรก็ตาม นอกจากประเด็นราคาที่ควรลดลง ภาครัฐควรเร่งเดินหน้านโยบายการลดภาระค่าไฟฟ้าของประเทศในระยะยาว 4 ด้านหลัก คือ
1. ภาครัฐควรมีนโบาย ค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในการติดตั้ง Solar rooftop
2. ภาครัฐควรมีนโยบายการรับซื้อคืนไฟฟ้า จากประชาชน/เอกชน ในราคาที่สมเหตุสมผลกว่าปัจจุบันเพื่อส่งเสริมการลงทุนติดตั้งโซลาร์ ให้มากขึ้นและเร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้งบประมาณของภาครัฐ
3. นโยบายส่งเสริมแหล่งเงินทุนเช่น Soft loan เพื่อให้ ประชาชน, เอกชนสามารถจัดหา พลังงานทางเลือกอื่น ทดแทนการพึ่งพิงพลังงานฟอสซิลเดิม ที่มีผลประโยชน์กระจุกตัว โดยควรลดการพึ่งพิง LNG นำเข้า ที่ผลักภาระความเสี่ยงต้นทุนการนำเข้าให้ผู้บริโภคด้วยระบบ Cost plus อีกทั้ง ยังเป็นภาระหนี้ EGAT กว่า 1 แสนล้านบาทเช่นปัจจุบัน
4. เร่งรัดโครงการดีๆ ของ EGAT ที่ลดการพึ่งพิงฟอสซิล เช่น โครงการ Solar Floating ในเขื่ิอนต่างๆ และ โครงการ Mini firm Solar ( Solar พร้อม Battery สำรองไฟฟ้า ) เป็นต้น