สวัสดีครับผม
ผมเป็นผู้ประกอบการวัยรุ่นครับ ปัจจุบันทำธุรกิจที่นำเข้าวัตถุดิบมาเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์และขายออนไลน์อยู่ครับ ตอนนี้อยากได้เงินทุนมาหมุนเวียนในธุรกิจเพื่อให้มันไปต่อได้ รบกวนพี่ๆคนไหนมีคามรู้แนะนำผมหน่อยนะครับ
ผมทำงานตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมครับ และทำธุรกิจในช่วงเรียมมหาวิทยาลัย จนเจอจุดเปลี่ยนช่วงโควิด เลยต้องดิ้นรนทำในสิ่งที่ตอบรับกับสถานการณ์ ใช้ความรู้และทักษะที่ตนเองมีลองผิดลองถูกมา 3 ปี จนมั่นใจว่าขายได้ และมาเปิดบริษัทในปีที่ 4 ปัจจุบันทำธุรกิจนี้มา 6 ปีแล้วครับ ก็ทำตั้งแต่ยอดขายหลักหมื่นต้นๆ จนตอนนี้ยอดขายอยี่ที่ 2-3 แสนบาทต่อเดือน และวางแผนไว้ว่าน่าจะพอได้เงินก้อนมาลงทุนทำธุรกิจบ้าง ถ้าเราทำยอดขายเติบโตได้และมีแผนที่ชัดเจน ธนาคารคงสนใจเรา
ในครั้งแรกเปิดวงเงิน OD ในชื่อของตนเองมาได้ 300,000 บาท (แต่ขอไปที่ 500,000) ตอนนั้นมียอดขายอยูที่หลักหมื่นบาท แต่ด้วยความที่พึ่งจดบริษัท ก็เข้าใจครับว่าธนาคารคงยังไม่มั่นใจ ก็เลยคิดว่าเอาเงินจำนวนนี้มาทำโรงเรือนในการผลิตสินค้าและออฟฟิศเพื่อบริการลูกค้าดีกว่า หลังจากนำเงินก้อนนี้มาลงทุนมันก็โตขึ้นทันที 3 เท่า จากรายรับหลักหมื่น ก็กลายเป็น 250,000 - 400,000 บาทต่อเดือน ก็เลยลงทุนเรื่องโปรเจคต่างๆและวางแผนการเติบโตเพิ่ม เพราะคิดว่าหากเติบโตขนาดนี้ การกู้ลงทุนครั้งหน้าในรูปแบบนิติบุคคล ธนาคารคงสนใจแน่ๆ ยอดขาย 250,000 - 400,000 บาทต่อเดือน ที่จริงเกิดจากการที่ผมใช้การยิงแอดโฆษณา โดยใช้วิธีการสเกลแบบที่ผมถนัดเพียงเดือนละ 10,000 บาทเท่านั้น และคิดว่าถึงจุดหนึ่งเมื่อได้เงินเพิ่มมา คงขยายไปสู่ออฟไลน์หรือการส่งออก ยอดขายคงโตกว่านี้แน่
แต่ไม่เป็นไปตามคาดเลยครับ จนถึงบัดนี้ตั้งแต่ได้ OD มารอบนั้น ก็เข้าเดือนที่ 9 แล้ว ก็ยังคงกู้ไม่ได้ สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือตอนกู้รอบแรก พี่ที่ธนาคารบอกว่าอีก 6 เดือนให้มาใหม่ ทำยอดขายให้โต ธนาคารน่าจะปล่อยง่าย และผมก็ทำยอดขายให้โตได้จริงๆ วางแผนการเติบโตไว้หลายแผน ทั้งการจำลองระบบแอพลิเคชั่นแบบง่ายเพื่อช่วยเหลือลูกค้า ทั้งการคิดนวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งาน ติดตรงที่บินไปดูงานที่สถานที่จริงก็น่าจะทำได้แล้ว และการเตรียมคนและระบบให้พร้อม ประคองยอดขายไปแบบนี้เพราะคิดว่าเราพิสูจน์ให้เขาเห็นได้แล้ว แต่ธนาคารดันมาเปลี่ยนอะไรไม่รู้กลางคันว่าตอนนี้ไม่มีนโยบายบ้างละ ต้องรอ 3 ปีบ้างละ จนทำให้ตอนนี้แผนที่วางไว้แทบดับวูบลงไป
และในช่วงเดือนนี้ก็ประสบปัญหากับการที่คู่แข่งจากสินค้าตัวเดียวกัน ทำสินค้าออกมาตัดราคาอย่างน่าเกลียด สมมุติผมขาย 1,300 คู่แข่งตัดราคาที่ 599 ทันที ถามว่าความต่างคืออะไร ความต่างคือวัตถุดิบและเกรดที่ใช้ต่างกัน ต่อให้ผมบอกลูกค้าไปเท่าไหร่ ด้วยเศรษฐกิจตอนนี้ลูกค้าก็เลือกของที่ต้นทุนถูกกว่าอยู่ดี แม้จะรู้ว่าสินค้าของผมมีคุณภาพ แต่ตอนนี้ก็ดันไม่เลือกใช้ เพราะส่วนต่างทางราคา ทำให้ยอดขายตก ทางออกของธุรกิจคือการเพิ่มยอดขายและการลงลงทุนในสปอนเซอร์สินค้าที่กลุ่มลูกค้าเราอยู่ และการออกสินค้าใหม่เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าใหม่ หรือขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่ทั้งหมดตรงนี้ต้องใช้ทุน และทางผมได้มีการสต๊อกวัตถุดิบมา 200,000 เพื่อทำให้ต้นทุนลดลงกว่า 50% แต่พอขายไม่ดีเท่าเดิม หรือเจอคู่แข่งแบบนี้ มันก็เท่านั้น
ไม่ว่าจะพยายามปออกบูธกับสปอนเซอร์ที่ไหน ก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น แต่ด้วยค่าใช้จ่ายในตอนนี้ทำได้เพียงประคองไปเท่านั้น ที่จริงผมอยากได้ทุนอีก 400,000 บาท เพื่อนำมาลงทุนกับวัตถุดิบและการตลาด เพราะโรงเรือนและเครื่องจักรเสร็จหมดแล้ว ติดตรงที่ตอนนี้ไม่ว่าจะที่ไหนก็กู้ไม่ผ่าน ผมไม่อยากแก้ปัญหาโดยการกู้นอกระบบนะครับ แต่ถ้าในระบบจะไม่เอื้อกันขนาดนี้ มันก็น่าหนักใจ ยอดขายผมก็โตจริง แผนธุรกิจก็มี คุณจะเรียกผมไปถามหรือสัมภาษณ์อะไรก็ได้ แต่กลับตอบมาว่าต้องรอ 3 ปี ในสภาวะแบบนี้ที่คู่แข่งก็ตัดราคา เงินทุนก็ไม่มี ผมควรทำยังไงดีครับ เพราะเริ่มท้อใจลงทุกๆที คิดว่าตัวเองเก่งแล้วที่ทำมาได้ขนาดนี้ โดยใช้ทุนของตนเองต่อยอด แต่หากจะปิดกั้นกันขนาดนี้ ให้รอถึง 3 ปี กับธุรกิจที่มีทุนหมุนเวียนแค่นี้ ก็คิดไม่ออกแล้วครับ เพราะที่คิดออกก็ต้องใช้เงินลงทุนอยู่ดี เลยรู้สึกมึดแปดด้านไปหมดแล้ว มันพอจะมีสินเชื่อที่ไหนหรือนักลงทุนท่านไดแนะนำไหมครับ ให้ผมไปพิชก็ได้ แล้วบอกผมทีต้องทำยังไงต่อ ไม่ใช้ให้รอ 3 ปีในขณะที่เศรษฐกิจเป็นแบบนี้
ทำธุรกิจมา 2 ปี แต่กู้เงินมาลงทุนไม่ได้สักที ทำยังไงดีครับ
ผมเป็นผู้ประกอบการวัยรุ่นครับ ปัจจุบันทำธุรกิจที่นำเข้าวัตถุดิบมาเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์และขายออนไลน์อยู่ครับ ตอนนี้อยากได้เงินทุนมาหมุนเวียนในธุรกิจเพื่อให้มันไปต่อได้ รบกวนพี่ๆคนไหนมีคามรู้แนะนำผมหน่อยนะครับ
ผมทำงานตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมครับ และทำธุรกิจในช่วงเรียมมหาวิทยาลัย จนเจอจุดเปลี่ยนช่วงโควิด เลยต้องดิ้นรนทำในสิ่งที่ตอบรับกับสถานการณ์ ใช้ความรู้และทักษะที่ตนเองมีลองผิดลองถูกมา 3 ปี จนมั่นใจว่าขายได้ และมาเปิดบริษัทในปีที่ 4 ปัจจุบันทำธุรกิจนี้มา 6 ปีแล้วครับ ก็ทำตั้งแต่ยอดขายหลักหมื่นต้นๆ จนตอนนี้ยอดขายอยี่ที่ 2-3 แสนบาทต่อเดือน และวางแผนไว้ว่าน่าจะพอได้เงินก้อนมาลงทุนทำธุรกิจบ้าง ถ้าเราทำยอดขายเติบโตได้และมีแผนที่ชัดเจน ธนาคารคงสนใจเรา
ในครั้งแรกเปิดวงเงิน OD ในชื่อของตนเองมาได้ 300,000 บาท (แต่ขอไปที่ 500,000) ตอนนั้นมียอดขายอยูที่หลักหมื่นบาท แต่ด้วยความที่พึ่งจดบริษัท ก็เข้าใจครับว่าธนาคารคงยังไม่มั่นใจ ก็เลยคิดว่าเอาเงินจำนวนนี้มาทำโรงเรือนในการผลิตสินค้าและออฟฟิศเพื่อบริการลูกค้าดีกว่า หลังจากนำเงินก้อนนี้มาลงทุนมันก็โตขึ้นทันที 3 เท่า จากรายรับหลักหมื่น ก็กลายเป็น 250,000 - 400,000 บาทต่อเดือน ก็เลยลงทุนเรื่องโปรเจคต่างๆและวางแผนการเติบโตเพิ่ม เพราะคิดว่าหากเติบโตขนาดนี้ การกู้ลงทุนครั้งหน้าในรูปแบบนิติบุคคล ธนาคารคงสนใจแน่ๆ ยอดขาย 250,000 - 400,000 บาทต่อเดือน ที่จริงเกิดจากการที่ผมใช้การยิงแอดโฆษณา โดยใช้วิธีการสเกลแบบที่ผมถนัดเพียงเดือนละ 10,000 บาทเท่านั้น และคิดว่าถึงจุดหนึ่งเมื่อได้เงินเพิ่มมา คงขยายไปสู่ออฟไลน์หรือการส่งออก ยอดขายคงโตกว่านี้แน่
แต่ไม่เป็นไปตามคาดเลยครับ จนถึงบัดนี้ตั้งแต่ได้ OD มารอบนั้น ก็เข้าเดือนที่ 9 แล้ว ก็ยังคงกู้ไม่ได้ สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือตอนกู้รอบแรก พี่ที่ธนาคารบอกว่าอีก 6 เดือนให้มาใหม่ ทำยอดขายให้โต ธนาคารน่าจะปล่อยง่าย และผมก็ทำยอดขายให้โตได้จริงๆ วางแผนการเติบโตไว้หลายแผน ทั้งการจำลองระบบแอพลิเคชั่นแบบง่ายเพื่อช่วยเหลือลูกค้า ทั้งการคิดนวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งาน ติดตรงที่บินไปดูงานที่สถานที่จริงก็น่าจะทำได้แล้ว และการเตรียมคนและระบบให้พร้อม ประคองยอดขายไปแบบนี้เพราะคิดว่าเราพิสูจน์ให้เขาเห็นได้แล้ว แต่ธนาคารดันมาเปลี่ยนอะไรไม่รู้กลางคันว่าตอนนี้ไม่มีนโยบายบ้างละ ต้องรอ 3 ปีบ้างละ จนทำให้ตอนนี้แผนที่วางไว้แทบดับวูบลงไป
และในช่วงเดือนนี้ก็ประสบปัญหากับการที่คู่แข่งจากสินค้าตัวเดียวกัน ทำสินค้าออกมาตัดราคาอย่างน่าเกลียด สมมุติผมขาย 1,300 คู่แข่งตัดราคาที่ 599 ทันที ถามว่าความต่างคืออะไร ความต่างคือวัตถุดิบและเกรดที่ใช้ต่างกัน ต่อให้ผมบอกลูกค้าไปเท่าไหร่ ด้วยเศรษฐกิจตอนนี้ลูกค้าก็เลือกของที่ต้นทุนถูกกว่าอยู่ดี แม้จะรู้ว่าสินค้าของผมมีคุณภาพ แต่ตอนนี้ก็ดันไม่เลือกใช้ เพราะส่วนต่างทางราคา ทำให้ยอดขายตก ทางออกของธุรกิจคือการเพิ่มยอดขายและการลงลงทุนในสปอนเซอร์สินค้าที่กลุ่มลูกค้าเราอยู่ และการออกสินค้าใหม่เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าใหม่ หรือขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่ทั้งหมดตรงนี้ต้องใช้ทุน และทางผมได้มีการสต๊อกวัตถุดิบมา 200,000 เพื่อทำให้ต้นทุนลดลงกว่า 50% แต่พอขายไม่ดีเท่าเดิม หรือเจอคู่แข่งแบบนี้ มันก็เท่านั้น
ไม่ว่าจะพยายามปออกบูธกับสปอนเซอร์ที่ไหน ก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น แต่ด้วยค่าใช้จ่ายในตอนนี้ทำได้เพียงประคองไปเท่านั้น ที่จริงผมอยากได้ทุนอีก 400,000 บาท เพื่อนำมาลงทุนกับวัตถุดิบและการตลาด เพราะโรงเรือนและเครื่องจักรเสร็จหมดแล้ว ติดตรงที่ตอนนี้ไม่ว่าจะที่ไหนก็กู้ไม่ผ่าน ผมไม่อยากแก้ปัญหาโดยการกู้นอกระบบนะครับ แต่ถ้าในระบบจะไม่เอื้อกันขนาดนี้ มันก็น่าหนักใจ ยอดขายผมก็โตจริง แผนธุรกิจก็มี คุณจะเรียกผมไปถามหรือสัมภาษณ์อะไรก็ได้ แต่กลับตอบมาว่าต้องรอ 3 ปี ในสภาวะแบบนี้ที่คู่แข่งก็ตัดราคา เงินทุนก็ไม่มี ผมควรทำยังไงดีครับ เพราะเริ่มท้อใจลงทุกๆที คิดว่าตัวเองเก่งแล้วที่ทำมาได้ขนาดนี้ โดยใช้ทุนของตนเองต่อยอด แต่หากจะปิดกั้นกันขนาดนี้ ให้รอถึง 3 ปี กับธุรกิจที่มีทุนหมุนเวียนแค่นี้ ก็คิดไม่ออกแล้วครับ เพราะที่คิดออกก็ต้องใช้เงินลงทุนอยู่ดี เลยรู้สึกมึดแปดด้านไปหมดแล้ว มันพอจะมีสินเชื่อที่ไหนหรือนักลงทุนท่านไดแนะนำไหมครับ ให้ผมไปพิชก็ได้ แล้วบอกผมทีต้องทำยังไงต่อ ไม่ใช้ให้รอ 3 ปีในขณะที่เศรษฐกิจเป็นแบบนี้